หลังจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (Covid-19) แบบแพร่กระจายไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนทั่วโลกตื่นตระหนกกันเป็นอย่างมาก โดยตอนนี้มีคนติดเชื้อไวรัสทั่วโลกกว่า 1 ล้านคนแล้ว และการรับมือของแต่ละประเทศนั้นก็แตกต่างกันออกไป โดยยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทย ณ วันที่ 3 เมษายน 2563 อยู่ที่ 1,978 คน รักษาหาย 581 คน และเสียชีวิต 19 คน โดยยอดของผู้ติดเชื้อที่ได้ขยับขึ้นในแต่ละวันนั้น สร้างความกังวลใจให้แก่ประชาชนในประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าไวรัสนี้จะสิ้นสุดตอนไหน และมีวิธีอะไรที่ป้องกันตนเองได้อย่างรัดกุมที่สุด ซึ่งการระบาดของไวรัสที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง เรียกได้ว่าในประเทศไทยตอนนี้มีคนติดเกือบทุกจังหวัดแล้ว ไม่เพียงมีผลกระทบต่อคนเท่านั้นแต่ไวรัสยังส่งผลกระทบไปในหลายๆ ธุรกิจอย่างมหาศาลอีกด้วย

ภาพจาก : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/867735

ซึ่งผลกระทบจาก Covid-19 นั้นได้กระจายไปสู่ทุกภาคส่วนของธุรกิจ โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นธุรกิจหลักที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มๆ ทั้งในส่วนของตัว Developer เอง และในส่วนของผู้อยู่อาศัยที่จะต้องแบกรับภาระหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่จะต้องจ่ายทุกเดือนๆ โดยตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ออกมาตรการในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ของธนาคารแห่งประเทศไทย ครอบคลุมสินเชื่อทั้งหมด 6 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อบ้าน, ธุรกิจ SMEs, สินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อและลิสซิ่ง โดยมีรายละเอียดที่เป็น Guideline ให้สถาบันการเงินทุกแห่งทำไปปฏิบัติดังนี้

สินเชื่อบ้าน : ที่มีวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท สามารถพักชำระเงินต้น 3 เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ตามความเหมาะสมของลูกหนี้แต่ละราย

ธุรกิจ SMEs : ในวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท สามารถพักชำระเงินต้น 3 เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ตามความเหมาะสมของลูกหนี้แต่ละราย

สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสดหมุนเวียน : ลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำ จากเดิม 10% เหลือ 5% (ในปี 2563-2564) 8% (ในปี 2565) และ 10% (ในปี 2566) นอกจากนี้ลูกหนี้ยังสามารถแปลงหนี้เป็นสินเชื่อระยะยาวที่ดอกเบี้ยต่ำได้

สินเชื่อบุคคล แบบผ่อนชำระเป็นงวด : โดยธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เลื่อนการชำระเงินต้น ดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน, ผู้ให้บริการอื่นเลือกดำเนินการระหว่าง เลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน หรือ ลดค่างวดอย่างน้อย 30% ของค่างวดเดิม เป็นเวลา 6 เดือน

สินเชื่อเช่าซื้อ 1.รถมอเตอร์ไซค์ วงเงินไม่เกิน 35,000 บาท 2. รถทุกประเภท วงเงินไม่เกิน 250,000 บาท : ให้ลูกหนี้สามารถเลือกได้ระหว่าง เลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน หรือ พักชำระหนี้เงินต้นเป็นเวลา 6 เดือน

ลิสซิ่ง : ที่มีหนี้คงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท สามารถเลือกการชำระหนี้ได้แบบ เลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน หรือ พักชำระหนี้เงินต้นเป็นเวลา 6 เดือน

*หมายเหตุ : ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรง ทางธนาคารจะพิจารณาเป็นรายกรณี และลูกหนี้ที่มีสินเชื่อหลายประเภท สามารถได้รับความช่วยเหลือในทุกประเภทตามเงื่อนไข

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจากที่เราเห็นประกาศของแต่ละธนาคารก็จะแบ่งออกได้เป็น การพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไป 3 เดือน, พักชำระแต่เงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ยสูงสุด 12 เดือน หรือปรับลดจำนวนเงินผ่อนชำระ โดยแต่ละธนาคารก็จะมีเงื่อนไข และรูปแบบการสมัครที่แตกต่างกันออกไป สำหรับลูกหนี้ที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านของสินเชื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากถูกบริษัทต้นสังกัดขอลดเงินเดือน 50% หรือได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และยังไม่มีกำลังจ่ายในช่วงนี้ ก็สามารถดูรายละเอียดของสถาบันการเงินที่ตนเองใช้บริการได้ ตาม Infographic ด้านล่าง หรือหากมีข้อสงสัยก็สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารโดยตรง หรือคลิกไปดูการอัพเดทล่าสุดได้ที่เวปของธปท. https://www.bot.or.th/Thai/FinancialInstitutions/Pages/FI_Support.aspx

ธนาคารกสิกรไทย : ลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทย ขอพักชำระเงินต้น และจ่ายแต่ดอกเบี้ย สูงสุด 12 เดือน หรือ ลดยอดผ่อนต่องวด 50% ได้สูงสุด 12 เดือน สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563

ธนาคารยูโอบี (UOB) : สินเชื่อบ้าน สามารถพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ 3 รอบบัญชี หรือ พักชำระเงินต้น โดยที่ยังชำระเฉพาะดอกเบี้ยได้ถึง 12 รอบบัญชี แจ้งเพื่อเข้าร่วมโปรแกรมได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563 (สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มการเข้าร่วมโปรแกรมในเว็บไซต์ของทางธนาคารได้)

ธนาคารทีเอ็มบี (TMB) – ธนชาต : ลูกค้าสินเชื่อบ้าน พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ 3 เดือน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563 ในเว็บไซต์ของธนาคาร

ธนาคารกรุงศรี : ขอพักชำระหนี้เงินต้น สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน, ปรับลดจำนวนเงินผ่อนชำระค่างวด สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน หรือพักชำระหนี้เงินผ่อนชำระค่างวด สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เท่านั้น ลูกค้ายื่นคำขอได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

ธนาคารออมสิน : สินเชื่อเคหะที่มีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยเป็นลูกหนี้ที่มีการชำระปกติหรือติดค้างไม่เกิน 3 เดือน สามารถพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้อัตโนมัติเป็นเวลา 3 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563 เมื่อพ้นมาตรการพักการชำระหนี้ไปแล้ว ก็ให้ลูกหนี้สามารถชำระได้ตามเงื่อนไขเดิม

ธนาคารซีไอเอ็มบี (CIMB) : สินเชื่อโฮมโลนฟอร์ยู มอร์เกจพาวเวอร์ พร็อพเพอร์ตี้โลน ขอพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน หรือ ลดค่างวดการผ่อนชำระ แต่ในกรณีที่ลูกค้าไม่ต้องการพักชำระหนี้เงินต้นแต่จ่ายแค่ดอกเบี้ย สามารถทำได้ในระยะเวลา 3 เดือน โดยลูกค้าต้องเป็นบุคคลที่มีหนี้เสียและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพียงลงทะเบียนผ่านไลน์ @cimbthai ก็อนุมัติทันที ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2563

โดยมาตรการช่วยเหลือที่ได้กล่าวมาในข้างต้นนั้น เป็นมาตรการการช่วยเหลือขั้นต่ำเท่านั้น หากเป็นลูกหนี้ในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ที่มีธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โรงแรม อุตสาหกรรม การบิน ฯลฯ ก็สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางสถาบันการเงินที่ใช้บริการได้ ซึ่งลูกหนี้ที่ขอใช้มาตรการช่วยเหลือนี้จะยังเป็นลูกหนี้ที่อยู่ในฐานเครดิตบูโรเช่นเดิม และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้วก็ต้องทำเรื่องชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับทางธนาคารไว้

แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนควรที่จะทำความเข้าใจก่อนที่จะตัดสินใจในการเลือกที่จะผ่อนแบบเดิมต่อ หรือเข้าร่วมมาตรการผ่อนผันของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ก็ควรที่จะคำนึงถึงความสามารถในการผ่อนชำระของเราเอง หากเราไม่มีเงินเพียงที่จะจ่ายให้ครบยอดที่ทางธนาคารเรียกเก็บ ก็เข้ามาตรการพักชำระหนี้ไปก่อน ถือว่าเป็นการเก็บเงินสดไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นที่จำเป็นก่อน และในเรื่องของภาระยอดดอกเบี้ยที่เราจะต้องจ่ายเพิ่มในอนาคต หลังจากที่หมดมาตรการนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนั้นยังคงเดิน มีการคำนวณอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเราจะพักชำระหนี้อยู่ก็ตาม โดยเราอาจจะต้องผจญกับปัญหาหนี้บวม เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังจากการชำระหนี้ก็ได้ กล่าวคือหากเราเลือกที่จะพักชำระหนี้ไปสามเดือน ธนาคารก็จะยืดเวลาในการผ่อนออกไปจากสัญญาเดิมอีกสามเดือน แต่ว่ายอดดอกเบี้ยก็ยังมีการคิดตลอดในช่วงระหว่างการพักชำระหนี้ และเมื่อหมดช่วงเวลาการชำระหนี้ก็เป็นหน้าที่ของลูกหนี้ที่จะต้องชำระดอกเบี้ยในส่วนนี้ ซึ่งจะชำระยังไง ต้องชำระให้หมดก่อนจะเริ่มผ่อนงวดปกติไหม หรือไม่รวบไว้ในงวดไหนๆ ก็เเล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละธนาคารนั่นเอง

**สามารถศึกษาเพิ่มเติมจากคลิป อ.วีระ ได้ที่ลิงค์นี้ https://www.youtube.com/watch?v=ntrXIFwMLLk

ใครที่มีข้อสงสัยหรือต้องการรับทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถโทรถามสถาบันการเงินที่ท่านใช้บริการอยู่ ได้ตามรูปภาพข้างล่าง

สุดท้ายนี้ก็อยากให้ทุกคนดูแลตนเอง ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์อย่างน้อยครั้งละ 20 วินาที แล้วก็อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กันด้วยนะจ๊ะ