Source: www.thansettakij.com

Date: 21/1/2016

ศุภาลัย เปิดแผนรุกปี’59 บุกตลาดไทย-เทศเต็มสูบ ทุ่ม 8 พันล้านซื้อแลนด์แบงก์ เล็งเปิดตัวโครงการใหม่มากเป็นประวัติการณ์ 29-35 โครงการ ค่ารวมกว่า 3.6 หมื่นล้าน กำเงินกว่า 500 ล้านรุกอสังหาฯ ออสเตรเลียเพิ่มอีก 2 โครงการ หลังปลื้มยอดขายคาดกวาดเป้า 2.4-2.5 หมื่นล้านขณะที่เป้ารายได้ 2.2 หมื่นล้าน

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2559 ที่คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น จากปัจจัยต่างๆ ทั้งจากการลงทุนของรัฐบาล การบริโภคของภาคประชาชนที่ได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับต่ำคงที่ ราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวและการส่งออก มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ส่วนทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังคงได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ในการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองที่ 1% มาอยู่ที่ 0.01% ซึ่งมีผลบังคับใช้จนถึง 28 เมษายน 2559 นี้

ส่วนตลาดอสังหาฯ ต่างจังหวัด พบว่า ตลาดที่เป็นหัวเมืองใหญ่อย่าง ภูเก็ต สงขลา เชียงใหม่ และชลบุรี ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากงบประมาณการลงทุนของภาครัฐ การขยายตัวของเมือง การขยายตัวของโมเดิร์นเทรด และการเติบโตของภาคท่องเที่ยว แต่ในจังหวัดที่ไม่ได้เป็นจังหวัดหัวเมืองอาจได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้ตลาดอสังหาฯ ไม่เติบโตเท่าที่ควร

สำหรับตลาดอสังหาฯ ต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสของนักพัฒนาอสังหาฯ ไทยที่จะเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศและนักลงทุนจากต่างประเทศจะเข้ามาในประเทศ เนื่องจากปี 2559 มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แต่ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้พร้อม ทั้งเรื่องตลาดที่กว้างขึ้น การพัฒนาคุณภาพงาน การบริหารจัดการต้นทุน การสร้างความพึงพอใจในการบริการ ตลอดจนการเคลื่อนย้ายทั้งเงินทุนและแรงงานข้ามประเทศจะมีมากขึ้น

ส่วนของการลงทุนอสังหาฯ ในต่างประเทศของบริษัท ปัจจุบันมีโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 840 ล้านบาท อัตราการเช่า 100% รายได้จากการเช่าสูงถึง 9.1% สูงกว่าประเทศไทยที่ได้ 6% ทั้งมีโครงการร่วมลงทุนและโครงการที่ดินจัดสรรในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย รวม 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 800 ล้านบาท เบื้องต้นลงทุนไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมีแผนลงทุนเพิ่มในปีนี้ พร้อมพัฒนาเพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่าลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท อัตราการขายเฉลี่ย 20 หลังต่อโครงการ หรือประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนการลงทุนในเมืองเมลเบิร์นจำนวนกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทได้เตรียมพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในประเทศอื่นเพิ่มเติม

“เหตุที่บริษัทเลือกลงทุนอสังหาฯ ในต่างประเทศ เพราะต้องการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตและกระจายความเสี่ยง ทั้งนี้การลงทุนอสังหาฯในต่างประเทศ จะต้องมีการศึกษาอย่างรอบครอบ เลือกประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ คือ มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองรวมทั้งมีความต้องการที่อยู่อาศัยและมีผลตอบแทนสูง โดยบริษัทจะเลือกลงทุนอสังหาฯ ประเภทที่มีอัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return : IRR) ประมาณ 20% และลงทุนไม่เกิน 10% ของทรัพย์สินสุทธิ” นายประทีป กล่าว

ด้าน นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางการลงทุนของบริษัทในปี 2559 ว่า ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 29-35 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวราบ 22-25 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 7-10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.6 หมื่นล้านบาท และตั้งงบประมาณการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมประมาณ 8 พันล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 6-7 พันล้านบาท ถือเป็นการเปิดตัวโครงการและงบประมาณจัดซื้อที่ดินสูงที่สุดเท่าที่บริษัทดำเนินการมา

สำหรับสัดส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2559 แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและแนวราบในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 45% (6-9 โครงการ) และ31% (9-12 โครงการ) ตามลำดับ ขณะที่ในต่างจังหวัดมีโครงการคอนโดมิเนียม 3% หรือ 1โครงการคือที่จังหวัดชลบุรี และโครงการแนวราบ 21% จำนวน 13 โครงการ โดยเป้ายอดขายส่วนใหญ่จะมาจากกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 75% จากเป้ายอดขายทั้งปี

นอกจากนี้ บริษัท ยังคงพัฒนาโครงการใหม่ๆโดยเฉพาะโครงการแนวราบ เพื่อขยายไปยังหัวเมืองต่างๆ ในภูมิภาคที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมจะเน้นลงทุนไปยังหัวเมืองท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันจังหวัดที่บริษัท มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี นครราชสีมา อีกทั้งมีแผนขยายการลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มเติมในจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วยเช่นกัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,124 วันที่ 21 – 23 มกราคม พ.ศ. 2559