รีวิวเจาะลึก THE ETERNITY VERDURE พระราม 9 – วงแหวน บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Luxury บนทำเลแนวราบยอดนิยมแห่งปี

สถาพร เอสเตท หรือ SE หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยเฉพาะแนวราบมาอย่างยาวนาน และเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ บนแนวคิด PASSION FOR LIVING WELL โดยในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา การพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรของ บริษัท สถาพร เอสเตท มีการพัฒนาโครงการโดยเน้นการจับกลุ่มตลาดบนทำเลย่านใจกลางเมืองมากยิ่งขึ้น ทำให้คนเมืองส่วนใหญ่สามารถพบเห็นโครงการแบรนด์ใหม่ๆ จากบริษัท สถาพร เอสเตท ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีใจกลางเมือง อย่าง The Crown Residences, The Shade Sathon 1 และบ้านเดี่ยวบนทำเลเมืองส่วนต่อขยายภายใต้แบรนด์ ETERNITY TOWN PRIMROSE Vacharaphol, THE ETERNITY GREENWOOD Rangsit-Wongwaen, THE ETERNITY GROVE Saimai-Phahol

The Crown Residences

The Shade Sathon 1

ETERNITY TOWN PRIMROSE Vacharaphol

THE ETERNITY GREENWOOD Rangsit-Wongwaen

THE ETERNITY GROVE Saimai-Phahol

และวันนี้เราจะมารีวิวเจาะลึกกับโครงการแนวราบล่าสุดจาก สถาพร เอสเตท ที่เป็นโครงการภายใต้แบรนด์ THE ETERNITY กับโครงการ “ดิ อิเธอร์นิตี้ เวอร์ดัวร์ พระราม 9 – วงแหวน” (THE ETERNITY VERDURE RAMA 9 – WONGWAEN) ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพียง 70 ยูนิต บนทำเลศักยภาพอย่างกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ตอนกลาง ช่วงวงแหวนพระรามเก้า

ย่านพระราม 9 – วงแหวน ในปัจจุบันเป็นทำเลเมืองส่วนต่อขยายมาจากโซนพระราม 9 – อ่อนนุช ซึ่งเป็นพื้นที่ยอดฮิตในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรตั้งแต่ก่อนที่จะมีการตัดถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า) โดยถ้าเทียบลักษณะของพื้นที่ในบริเวณโซนนี้ก็จะคล้ายคลึงกับพื้นที่ในโซนราชพฤกษ์ในฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นทำเลอยู่อาศัยนอกเมืองที่สามารถเดินทางเข้าและออกเมืองได้สะดวก โดยลักษณะทำเลของพื้นที่ศรีนครินทร์ – ร่มเกล้าแต่ละโซนก็จะมีรูปแบบลักษณะที่แตกต่างกันออกไปอีก โดยย่านพระราม 9 – วงแหวน นั้นมีความได้เปรียบในเรื่องของความสะดวกในการเดินทางผ่านเส้นวงแหวนกาญจนาภิเษก และเส้นเลียบวงแหวนที่ให้เรามุ่งตรงสู่พระรามเก้า หรือสุวรรณภูมิได้ง่ายๆ หรือจะเข้ามอเตอร์เวย์ไปออกต่างจังหวัดก็ทำได้สะดวก จึงจะเห็นได้ว่ามีโครงการแนวราบจากค่ายดังมากมายที่พัฒนามาเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องมีวิถีชีวิตอยู่ในย่านนี้ โดยเฉพาะคนทำงานย่านสุวรรณภูมิ – ร่มเกล้า

แต่ในช่วง 5 ปีให้หลัง เทรนด์ในการพัฒนาโครงการแนวราบระดับ Luxury – Super Luxury ก็พุ่งตรงมายังทำเลสุดฮิตอย่างถนนตัดใหม่ศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า ตลอดทั้งเส้นทาง จนทำให้ตอนนี้เราอาจจะมองหาโครงการบ้านเดี่ยวใหม่ๆ ที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทได้ยาก โดยในช่วงศรีนครินทร์ร่มเกล้าตอนต้น ตั้งแต่แยกศรีนครินทร์ ไปจนถึงสะพานข้ามแยกร่มเกล้า เป็นทำเลที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกที่สุดเพราะเป็นบริเวณที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองมากที่สุด ทำให้การพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรแนวราบในบริเวณนี้ จะมีระดับราคาสูงหรือ Super Luxury พร้อมทั้งเป็นโซนพื้นที่ที่มีโครงการพาณิชยกรรม ห้างสรรพสินค้า สนามกอล์ฟ รวมถึงเป็นที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติชั้นนำหลากหลายแห่ง เช่น โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน, โรงเรียนนานาชาติไบร์ทตัน และโรงเรียนอนุบาลนานาชาติมอนเตสเชอรี่ เป็นต้น โดยมีโครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาขายเกินกว่า 30 ล้านบาท ถูกพัฒนาขึ้นในบริเวณนี้อยู่หลากหลายแบรนด์จากดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำ

ซี่งโครงการ ดิ อิเธอร์นิตี้ เวอร์ดัวร์ พระราม 9 – วงแหวน ตั้งอยู่ในบริเวณรอยต่อของช่วงในช่วงศรีนครินทร์ร่มเกล้าตอนต้น – ปลาย และมีขนาดพื้นที่ใช้สอย กับที่ดินที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก จึงทำให้สามารถทำราคาออกมาได้ค่อนข้าง Competitive สูสีกับโครงการจากดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำรายอื่นๆ

โครงการอยู่ในทำเลสุดฮิต เดินทางสะดวก ล้อมรอบไปด้วยแนวราบระดับ Super Luxury

พื้นที่ตั้งของโครงการนั้นเป็นพื้นที่ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยัง ถนนกรุงเทพกรีฑา ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า และใกล้กับทางด่วนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ – ชลบุรี ที่สามารถเดินทางออกไปต่างจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ใกล้กับ Airport Link สถานีทับช้าง โดยตัวโครงการนอกจากจะมีการเดินทางที่สะดวกแล้ว ตัวโครงการยังติดกับถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอย มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Tops Market, Market Place กรุงเทพกรีฑา, ปั๊มน้ำมันใหญ่ที่มีร้านค้าด้านใน, Central พระราม 9 ที่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ภายในเวลาเพียง 30 นาที และโครงการ The Nine Center Rama 9 เพียง 23 นาที ในอนาคตสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้มในระยะทาง 7 กม. สนามบินสุวรรณภูมิ 10 กม. และรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อ 3 สนามบินอีกด้วย

ก่อนถึงโครงการประมาณ 1.4 กม. มี Tops เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึงเที่ยงคืน ไว้ซื้อของกินของใช้เข้าบ้านได้ตลอด

ใช้เวลาเพียง 7 นาที ก็ถึงปั๊ม ปตท. ใหญ่ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่ง ที่ด้านในเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือแม้แต่ร้านซักผ้าก็มี

ใกล้กับทางด่วนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ – ชลบุรี เพียงด้านหน้าโครงการเท่านั้น

รายละเอียดโครงการ THE ETERNITY VERDURE RAMA 9 – WONGWAEN

THE ETERNITY VERDURE RAMA 9 – WONGWAEN (ดิ อิเธอร์นิตี้ เวอร์ดัวร์ พระราม 9 – วงแหวน) บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Luxury จำนวน 70 หลัง มีบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ คือ ARCADIA, IDYLLIC และ LUXURIANT บนพื้นที่ใช้สอยขนาด 185 – 250 ตารางเมตร และที่ดินเริ่มต้น 55  – 80 ตารางวา ตั้งอยู่บนที่ดินโครงการขนาด 16-2-67.9 ไร่

บ้านโมเดิร์นทันสมัย ตอบโจทย์ Work-Life-Balance ที่ดี พร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่

สำหรับสถาพร เอสเตท ที่เป็นดีเวลลอปเปอร์ที่เน้นการพัฒนาโครงการที่คำนึงถึงความยั่งยืน และทุกๆ โครงการของ Eternity จะสื่อความหมายถึงธรรมชาติ ซึ่งโครงการ THE ETERNITY VERDURE RAMA 9 – WONGWAEN ก็มีคำว่า Verdure (เวอร์ดัวร์) ที่หมายถึง Green Happiness ซึ่งเป็นพื้นที่ความสุขท่ามกลางธรรมชาติ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “WHERE HAPPINESS NEVER ENDS” ที่จะเปิดนิยามใหม่แห่งความสุขเหนือระดับในการอยู่อาศัย โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ MODERN LUXURY ที่สะท้อนรสนิยมความสง่างาม ตามวิถีชีวิตของคนยุคใหม่

โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องการพัฒนาตัวบ้านให้มีดีไซน์ฟังก์ชันที่ครบครัน รวมถึงความคุ้มค่าของพื้นที่ใช้สอยในทุกมิติ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และตอบโจทย์ความต้องการในทุกด้านของการอยู่อาศัย ภายใต้แนวคิดหลักของบริษัทคือ “PASSION FOR LIVING WELL” ที่มุ่งเน้นในเรื่อง Design ,Function, Facilities เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า “FAM” ซึ่งหมายถึงกลุ่มครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ชื่นชอบความโมเดิร์นทันสมัย และต้องการมี Work-Life-Balance ที่ดี

นอกจากนี้ในโครงการยังได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้เป็นแบบ Living Well Clubhouse ที่รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งในร่มและกลางแจ้ง เพื่อเติมเต็มกิจกรรมทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น Panoramic Fitness ให้คุณออกกำลังพร้อมวิวสวนส่วนกลางแบบ 180 องศา, Swimming Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่, Lobby พร้อมวิวสระว่ายน้ำ ให้คุณนั่งทำงาน หรือนั่งรอคนในครอบครัว, Kids Playground พื้นที่สำหรับเด็กๆ ให้ได้วิ่งเล่นเพื่อเสริมสร้างจินตนาการ รวมถึง Co-Working Space พื้นที่สำหรับนั่งครีเอทหรือวางแผนงานต่างๆ รวมทั้งมั่นใจไปอีกขั้นกับระบบรักษาความปลอดภัย Double Gate Security ที่เป็นระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสูงที่ต้องผ่านประตูรั้วกั้นแบบ 2 ชั้น พร้อมด้วยกล้องวงจรปิด CCTV และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ปลอดภัยด้วยประตูโครงการแบบ Double Gates ให้ลูกบ้านทุกคนรู้สึกอุ่นใจ

สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ พร้อม Kids Playground

Swimming Pool ขนาดใหญ่ ด้านล่าง Clubhouse

Lobby ได้วิวสระว่ายน้ำด้านนอก

Co-Working Space พื้นที่ทำงานสำหรับคนที่อยากออกมาทำงานนอกบ้าน

Panoramic Fitness ได้วิวสวนส่วนกลาง

บ้าน 3 แบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกครอบครัว

โครงการมีบ้านให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ อาทิ แบบ ARCADIA ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร มีฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และที่จอดรถสำหรับ 2 คัน พร้อมกับเพิ่มพื้นที่ไฮไลท์ “Chill Out Area” เหมือนชานบ้านที่ดึงเอาความเป็นธรรมชาติเข้ามาแทรกไว้ในตัวบ้านได้ดี

แบบ IDYLLIC ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร ฟังก์ชันแบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และที่จอดรถสำหรับ 3 คัน

แบบ LUXURIANT ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย  250 ตารางเมตร บ้านมีฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน และที่จอดรถสำหรับ 3 คัน

โดยแต่ละหลังจะก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบาเพื่อให้ง่ายต่อการต่อเติม หรือขยับขยายห้องในอนาคต มาพร้อมฝ้าเพดานสูง 3 เมตร และ Flexible Living Room กับการดีไซน์พื้นที่เพื่อให้ยืดหยุ่นตามการอยู่อาศัยว่าอยากได้พื้นที่โล่ง หรืออยากได้เป็นสัดส่วน ทั้งยังออกแบบให้มี Chill-out Area พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึง Sky Multifunction พื้นที่สำหรับเสริมสร้างทุกกิจกรรมโปรดบนชั้น 2 ของบ้าน และยังติดตั้ง EV Charger Support เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าของลูกบ้านอีกด้วย

บ้านตัวอย่าง

ARCADIA มีพื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร มีฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และที่จอดรถสำหรับ 2 คัน

แม้ว่าชั้น 1 จะไม่ได้กั้นเป็นห้องเอนกประสงค์มาให้ แต่หากจัดวาง Space ดีๆก็สามารถกั้นพื้นที่เพิ่มเองได้ จะเป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุก็ได้ เพราะห้องน้ำชั้นล่างก็มีพื้นที่ส่วนอาบน้ำให้ด้วย โดยบ้าน Type นี้ มี Gimmick เป็นพื้นที่ Chill Out Area บริเวณข้างบ้าน ที่เชื่อมต่อวิวแนวสูงขึ้นไปถึงห้องนอนทั้ง 2 ห้องบนชั้น 2 หากจัดพื้นที่นี้สวยๆ ก็น่าจะเป็นมุมพักผ่อนที่ให้คุณได้อิ่มเอมกับธรรมชาติไม่น้อยเลย

บ้านไซส์ M ขนาด 2 ชั้น เป็นไซส์เล็กสุดในโครงการ ตกแต่ง Façade แบบสไตล์โมเดิร์น มีสองสีให้เลือก คือสีเขียวและสีเทา พื้นที่จอดรถอยู่บริเวณหน้าบ้านมีหลังคา กว้าง 5.5 ม. ส่วนระยะความกว้างของหน้าบ้านทั้งหมดอยู่ที่ 9.3 ม. มีพื้นที่สวนรอบบ้านตามขนาดพื้นที่ของบ้านหลังนั้นๆ

พื้นที่จอดรถหน้าบ้านของบ้านจริงจะเป็นพื้นคอนกรีตเทปูนซีเมนต์ สามารถจอดรถเรียงคันได้อย่างสะดวก สังเกตด้านหลังของบริเวณจอดรถจะเห็นเป็นพื้นที่เฉลียง Chill Out Area ที่สามารถปรับแต่งให้เป็นมุมพักผ่อนได้ แต่บ้านจริงบริเวณนี้ทางโครงการจะปูหญ้าไว้ให้ เจ้าของบ้านสามารถปรับฟังก์ชันได้ตามใจชอบ และโครงการติดตั้ง EV Charger ให้ทุกหลังเพื่อรองรับการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าของลูกบ้านอีกด้วย

พื้นที่ข้างบ้านจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆ ก็ดูดีไม่น้อย

วนกลับมาที่ประตูหน้าบ้าน เป็นประตูบานสไลด์พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock ให้ เฉลียงเข้าบ้านเป็นพื้นกระเบื้องแบบเดียวกับบ้านตัวอย่าง และปูหญ้าบริเวณด้านล่างเฉลียง

เข้ามาในบ้านก็จะเจอกับมุมรับแขกก่อน ในบ้านเป็นผนังแบบฉาบเรียบทาสีขาว เพดานสูง 2.5 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาว โดยโครงการไม่ได้แถมแอร์มาให้ แต่เดินงานระบบไว้ให้แล้ว เจ้าของบ้านสามารถเลือกชนิดแอร์ได้ตามใจชอบ ในบ้านมีช่องแสงเยอะทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้าบ้านได้ตลอดทั้งวัน ถึงแม้ไม่เปิดไฟในช่วงกลางวันหรือหัวค่ำบ้านก็ยังไม่มืดจนเกินไป

ประตูโรงจอดรถ เมื่อจอดรถเสร็จก็สามารถเดินเข้าประตูด้านนี้ได้เลย ซึ่งบ้านสามารถเข้า-ออกได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นประตูหลักหน้าบ้าน ประตูโรงจอดรถหรือแม้กระทั่งประตูตรงเฉลียงข้างบ้าน สะดวกต่อคนในบ้านเป็นอย่างมาก

ประตูเปิดไปยังเฉลียงข้างบ้าน

ถัดจากมุมรับแขกเป็นพื้นที่ที่วางโต๊ะทานอาหารได้ เป็นพื้นที่กว้างและโปร่ง ทำให้สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่สำหรับครอบครับใหญ่ได้เลย และมีช่องแสงทุกมุมบ้านอีกด้วย

ห้องพักผ่อน ตรงมุมนี้บ้านจริงจะไม่ได้ติดตั้งประตูบานสไลด์ให้ สะดวกสำหรับบางบ้านที่อยากได้พื้นที่บ้านโล่งไว้ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในครอบครัว หรือใครที่อยากปรับฟังก์ชันให้เป็นห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือก็สามารถติดตั้งประตูเพิ่มได้ ด้านในมีหน้า 2 ด้าน ให้แสงธรรมชาติเข้าถึงได้อย่างเต็มที่

เดินมาข้างบันไดบ้านก็จะเจอกับห้องครัวและห้องน้ำชั้นล่างที่ใช้อาบน้ำได้ โครงการติดตั้ง Hand Shower ไว้ให้

ห้องครัวแบบปิดขนาดใหญ่ มีช่องแสงแบบานสไลด์ให้สองด้าน มีประตูเปิดออกไปหลังบ้านได้ โดยในครัวของบ้านจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ให้เจ้าของบ้านเลือกครัวแล้วมา Mix and Match ได้ตามความต้องการ

ห้องน้ำกว้าง แยกส่วนแห้งและเปียก พร้อมช่องวางของ มีสเตปตรงส่วนอาบน้ำ แต่ไม่ได้ติดตั้ง Shower Screen ให้ และมีช่องแสงด้านใน สุขภัณฑ์ใช้แบรนด์ American Standard

มีห้องเก็บของใต้บันได

บริเวณบันไดมีชานพักเท้าก่อนขึ้นไปถึงชั้น 2 และช่องแสงที่ทำให้บริเวณนี้มีความสว่างโดยไม่ต้องเปิดไฟช่วยในการมองเห็นเลย

ชั้น 2 ของบ้าน จะเป็นพื้นที่พักผ่อนทั้งหมด มีห้องนอน 2 – 3 และ Master Bedroom พร้อมพื้นที่ส่วนพักผ่อนบริเวณโถงตรงกลาง ที่สามารถปรับให้เป็นมุมพักผ่อนส่วนตัวของคนในครอบครัวได้ ซึ่งจะไม่ถูกรบกวนจากแขกที่จะอยู่แค่บริเวณชั้นล่างเท่านั้น โดยชั้นนี้มีเพดานสูง 3 ม. ปูพื้นด้วยลามิเนตลายไม้

ห้องนอน 2 ขึ้นบันไดไปจะอยู่ฝั่งขวามือ

ห้องกว้าง แบบผนังฉาบเรียบทาสีขาว มีหน้าต่างแบบบานสไลด์ในห้อง จะใช้วางเตียงขนาด 3.5 ฟุต หรือ 5 ฟุต ก็ได้แบบสบาย และมีห้องน้ำในตัว โดยบ้านในโครงการนี้ทุกหลัง มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง สะดวกต่อสมาชิกในบ้านที่ไม่ต้องแย่งกันเข้าห้องน้ำในเวลาเร่งรีบ ทุกคนสามารถเข้าได้ในห้องนอนของตัวเองเลย

ห้องน้ำในห้อง มีส่วนแห้งและเปียก แต่ไม่ได้ติดตั้ง Shower Screen ให้ สุขภัณฑ์ของ America Standard พร้อมช่องแสงในห้องน้ำช่วยเพิ่มความสว่าง

ห้องนอน 3 จากบันไดจะอยู่บริเวณซ้ายมือ มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน ซึ่งจะมีขนาดไม่ต่างกับห้องนอน 2 มาก หากบ้านหลังไหนไม่ได้ใช้เป็นห้องนอนก็สามารถปรับฟังก์ชันให้เป็นห้องดูหนัง ฟังเพลง หรือห้องอ่านหนังสือก็ยังได้

ห้องน้ำแบบเดียวกับห้องนอน 2 มีช่องแสง พร้อมแยกส่วนแห้งและเปียก ไม่ได้ติดตั้ง Shower Screen ให้

บริเวณส่วนอาบน้ำใต้บานหน้าต่างมี Low Wall เตรียมไว้ให้ สะดวกในการวางอุปกรณ์อาบน้ำ เพื่อใช้งาน

Master Bedroom อยู่ติดฝั่งหน้าบ้าน กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งชั้น มีระเบียงส่วนตัว ด้วยที่ห้องมีขนาดใหญ่จึงสามารถแบ่งฟังก์ชันห้องให้เป็นส่วนพักผ่อน มุมนั่งเล่น และห้องแต่งตัวได้แบบลงตัวสุดๆ ถ้าใครมีเสื้อผ้าเยอะ ก็มีพื้นที่รองรับการ Built-in Walk-in Closet ขนาดใหญ่ได้ ในห้องนอนมีช่องแสงเยอะ ทำให้ห้องสว่างได้ทั้งวัน และเปิดรับลมเพื่อระบายอากาศในห้องได้

ห้องน้ำแยกส่วนแห้งและเปียก โดยมีผนังกั้นแต่ไม่ได้ติดตั้ง Shower Screen ให้ โดย Master Bedroom ให้ทั้ง Rain Shower และ Hand Shower สุขภัณฑ์เป็นแบรนด์ American Standard พร้อมช่องแสงเปิดระบายอากาศได้

มี Low Wall บริเวณใต้บานหน้าต่างด้วยเช่นกัน

แบบบ้าน IDYLLIC มีพื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร ฟังก์ชันแบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และที่จอดรถมากถึง 3 คัน

แบบบ้านไซส์ L ขนาด 2 ชั้น Façade สีเทา หน้าบ้านจอดรถได้ 3 คัน มากกว่าบ้านไซส์ M 1 คัน พร้อมติดตั้งหลังคากันแดดกันฝนให้ทุกหลัง และมีพื้นที่ข้างบ้านใช้ตกแต่งเป็นสวนหย่อมไว้นั่งพักผ่อนได้

พื้นที่จอดรถกว้าง 7.5 ม. จอดรถเรียงกันได้ 3 คัน เป็นพื้นคอนกรีต และพื้นที่หน้าบ้านทั้งหมดกว้าง 11.9 ม. บริเวณด้านหลังโรงจอดรถติดเป็นหน้าต่างบานสไลด์ มองเห็นในบ้านได้และคนในบ้านมองออกมาด้านนอกได้เช่นกัน มีประตูแยกอยู่ด้านหลังที่จอดรถให้เดินเข้าบ้านได้เลย โดยไม่ต้องเดินอ้อมมาเข้าประตูหน้าบ้าน

ประตูหน้าบานแบบกระจกบานสไลด์ ติดตั้ง Digital Door Lock ให้

เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับห้องมุมรับแขกหน้าบ้านก่อน เป็นมุมที่ใช้นั่งเล่น พักผ่อนได้สบาย พื้นที่จากมุมพักผ่อนเชื่อมไปถึงพื้นที่ของโต๊ะอาหารได้แบบไม่มีผนังกั้น เพดานชั้นนี้สูง 2.5 ม. ผนังแบบฉาบเรียบทาสีขาว เดินงานระบบแอร์เอาไว้แล้ว โดยเจ้าของบ้านสามารถเลือกซื้อแบรนด์และรูปแบบของแอร์ได้ตามใจชอบ

มุมรับแขกกว้าง สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ ให้ทุกคนมานั่งดูทีวีพร้อมหน้าพร้อมตากันได้ เป็นกิจกรรมวันหยุดของครอบครัวได้ดีทีเดียว

พื้นที่โถงกลางบ้านเชื่อมต่อกันได้ ทำให้บ้านดูกว้างและโปร่งมาก

หน้าต่างบานใหญ่เชื่อมต่อกับโรงจอดรถ พร้อมรับแสงด้านนอกได้เต็มที่

ประตูห้องครัวอยู่ขวามือ เป็นห้องครัวแบบแนวลึกไปถึงหลังบ้าน ด้านในกว้าง สามารถ Built-in เคาน์เตอร์ครัวแบบ 2 ฝั่งได้ มีประตูเปิดออกไปหลังบ้านที่เป็นโซนซักล้างได้

ติดกับบันไดมีห้องน้ำและห้องเก็บของ

ห้องน้ำใช้อาบน้ำได้ ติดตั้ง Hand Shower ให้ และมีช่องแสงในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ของ American Standard

บ้านไทป์นี้มีห้องอเนกประสงค์อยู่ติดกับมุมรับแขก แต่ไม่ได้ติดตั้งประตูกั้นห้องให้ เผื่อใครที่อยากได้พื้นที่โล่งๆ แล้วตกแต่งเอง ก็สามารถเลือกกั้นห้องได้ตามแบบที่ชอบ อย่างในบ้านก็ปรังฟังก์ชันให้เป็นห้องดูหนัง เปิดแอร์เย็นๆ ดูหนังเรื่องโปรดก็มีความสุขไม่น้อย

ขึ้นไปดูห้องนอนที่ชั้น 2 กัน

ผนังตรงบันไดเป็นกระจกบานใหญ่ ให้แสงส่องสว่างได้ทั้งวัน

ขึ้นมาถึงชั้น 2 แล้ว หลายคนอาจจะแปลกใจว่า ทำไมถึงมีบันไดวนขึ้นไปอีก 1 ชั้น ทั้งที่รับข้อมูลมาว่าเป็นบ้าน 2 ชั้น ซึ่งต้องบอกก่อนว่าบ้านไทป์ L และไทป์ XL (ขนาดใหญ่) มีจุดเด่นอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ที่โถงทางเดินมีระยะจากพื้นสู่ฝ้าเกิน 4 เมตร ทำให้สามารถทำบันไดวนขึ้นไปอีกชั้น เพื่อให้เป็นพื้นที่ของชั้นลอยนั่นเอง โดยชั้นนี้เจ้าของบ้านสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะทำเป็นห้องพระ ห้องเก็บของสะสม หรือมุมพักผ่อนแบบเป็นส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัวก็ยังได้

เข้ามาดูห้องนอน 2 ซ้ายมือติดกับบันได เพดานชั้นนี้สูง 3 ม.

ห้องนอน 2 มีห้องน้ำในตัว หากทำเป็นห้องนอนก็สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย หรืออยากปรับฟังก์ชันห้องเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นก็ได้ตามความต้องการ

ห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์แบรนด์ American Standard มีช่องแสงด้านใน พร้อมแยกส่วนแห้งและเปียก แต่ไม่ได้ติดตั้ง Shower Screen ให้

มีช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำให้เยอะถึง 2 ชั้น

ห้องนอน 3 ฝั่งขวามือติดกับบันไดชั้นลอย

ห้องนี้มีขนาดไม่ต่างจากห้องนอน 2 เลย ติดตั้งกระจกบานใหญ่เพื่อให้ห้องได้แสงธรรมชาติได้เต็มที่ พร้อมมีห้องน้ำในตัว

ห้องน้ำแบบมาตรฐานเหมือนกับห้องนอน 2

Master Bedroom ขนาดใหญ่ กินพื้นที่ของบริเวณชั้น 2 ไปกว่าครึ่งชั้น เข้ามาในห้องก็จะเห็นก็มุมพักผ่อนเชื่อมต่อไปจนถึงระเบียงด้านนอกที่อยู่ติดฝั่งหน้าบ้าน

พื้นที่ระเบียงมีความยาว ถูกบังด้วย Façade ให้เจ้าของห้องได้รับความเป็นส่วนตัว

พื้นที่ส่วนพักผ่อน ซึ่ง Master Bedroom ของบ้านจริงโครงการไม่ได้กั้นประตูห้องนอนให้แบบนี้ จะเป็นห้องโล่งๆ สามารถตกแต่งได้เอง

ด้วยความสูงของเพดานขนาด 3 ม. ทำให้ห้องดูโปร่ง โล่งมาก บวกกับช่องแสงในห้องที่มีทุกมุมยิ่งทำให้ห้องกว้างขึ้นไปอีก เพราะห้องสามารถรับแสงได้จากมุมห้อง

ถัดมาเป็นมุมแต่งตัว ไม่ได้กั้นประตูให้ สามารถทำเป็นห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ Built-in Walk-in Closet ได้เยอะ ใครเป็น Fashionista ต้องชอบห้องนี้แน่ๆ

ห้องน้ำ

ห้องใน Master Bedroom ได้ครบทุกอย่าง ทั้งอ่างอาบน้ำ Shower Screen และ Rain Shower ให้คุณได้สนุกและผ่อนคลายในการอาบน้ำทุกวัน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำแบรนด์ American Standard ทั้งหมด

แบบบ้าน LUXURIANT ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร บ้านมีฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน และที่จอดรถสำหรับ 3 คัน

มาถึงบ้านหลังสุดท้ายที่เป็นไทป์ใหญ่ที่สุดในโครงการคือไซส์ XL โดยบ้านทุกหลังจะมีลักษณะคล้ายกัน จะต่างกันที่พื้นที่ใช้สอยในบ้านและขนาดที่ดิน ส่วนบริเวณหน้าบ้าน หรือ Façade ก็มีการตกแต่งเหมือนกันหมด

Façade บ้านตกแต่งด้วยสีเขียว รอบบ้านมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถจัดเป็นสวนหย่อมไว้มานั่งพักผ่อนกันในครอบครัวได้

พื้นที่จอดรถ จอดได้ 3 คัน กว้าง 7.5 ม. ถ้านับระยะความกว้างหน้าบ้านทั้งหมดก็จะอยู่ที่ 11.9 ม. เป็นบ้านแบบหน้ากว้างมาก

มีเฉลียงด้านหลังพื้นที่จอดรถ และประตูสำหรับเข้าบ้านได้เลย ไม่ต้องอ้อมไปเข้าตรงประตูหลักหน้าบ้าน

เข้ามาในบ้านก็จะเจอกับโถงบ้านที่มีความกว้าง ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาวแบบ้านตัวอย่าง ชั้นนี้เพดานสูง 2.5 ม. จัดเป็นมุมรับแขก มุมวางโต๊ะทานอาหารได้ ในบ้านเป็นแบบผนังฉาบเรียบทาสีขาว โครงการไม่ได้แถมแอร์ให้ สามารถเลือกติดตั้งได้ตามความชอบ

บ้านไทป์นี้ หลังจริงจะเป็นครัวปิด กั้นผนังทึบและติดตั้งประตูให้ และไทป์นี้ที่เป็นบ้านหลังใหญ่สุดในโครงการ บริเวณหลังบ้านจะมีห้องนอน ห้องน้ำแม่บ้าน และพื้นที่ซักล้างให้

โครงการติดกระจกบานใหญ่ให้ จึงทำให้บ้านดูโปร่งและสว่างมาก

ห้องน้ำชั้นล่างใช้อาบน้ำได้ เผื่อเวลามีแขกมาบ้านจะได้อาบน้ำในห้องนี้ได้เลย โดยไม่ต้องขึ้นไปเข้าห้องน้ำในห้องนอนเจ้าของบ้าน พร้อมห้องเก็บของใต้บันได

ขึ้นมาถึงชั้น 2 ของบ้าน จะเห็นได้ว่าไทป์นี้ก็มีชั้นลอยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามความต้องการของเจ้าของบ้าน ติดตั้งกระจกและปลั๊กไฟให้ด้วย ส่วนเพดานโถงทางเดินสูงประมาณ 4.5 เมตร  ส่วนเพดานห้องนอนชั้นนี้สูง 3 ม.

ติดกับบันไดเป็นห้องนอน 3 อยู่ติดกับฝั่งหลังบ้าน มีห้องน้ำในตัว เพดานสูง 3 ม.

ในห้องมีช่องแสงเยอะ ทำให้ห้องสว่างทั้งวัน

ห้องน้ำให้เป็น Hand Shower มีส่วนอาบน้ำแต่ไม่ได้ติดตั้ง Shower Screen ให้ สุขภัณฑ์ใช้ American Standard

ห้องนอน 2 ตรงข้ามกับห้องนอน 3 แต่อยู่ติดฝั่งหน้าบ้าน ในห้องมีช่องแสงเยอะ พร้อมห้องน้ำในตัว

ถัดมาเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งหลังจริงจะไม่ได้ติดประจกกระจกแบบนี้ให้ เป็นพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลายรูปแบบ ทั้งพักผ่อน หรือเป็นห้องทำงานก็ยังได้

ระเบียงเชื่อมกับ Master Bedroom

โดยบ้านตัวอย่างของโครงการดีไซน์ห้องอเนกประสงค์ให้เชื่อมต่อกับ Master Bedroom ด้วยการเจาะผนังให้เป็นห้องเดียวกัน ทำให้พื้นที่ห้องกว้างมาก แต่บ้านจริงจะเป็นผนังทึบ

Master Bedroom สังเกตได้ว่าช่องแสงเยอะมาก ทำให้ห้องสว่างมากเช่นกัน

ด้านหลังเป็นพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำ

บ้านจริง ประตูทางเข้า Master Bedroom อยู่ฝั่งนี้

ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ กั้นส่วนแห้งและเปียกด้วย Shower Screen ให้ Rain Shower พร้อมช่องแสงด้านใน

สรุปความน่าสนใจของโครงการ THE ETERNITY VERDURE RAMA 9 – WONGWAEN

โครงการเป็นบ้านเดี่ยวในสไตล์ Modern Luxury ซึ่งเป็นสไตล์การออกแบบที่แตกต่างจากโครงการเกือบทั้งหมดในย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ที่มักจะเป็นไปในรูปแบบ Classic, Timeless, Tropical หรือไม่ก็ Modern ไปเลย และยังมอบความเป็นส่วนตัวเพียง 70 ยูนิต น้อยที่สุดในบรรดาบ้านที่ขายในระดับราคาเซกเมนท์เดียวกัน แถมยังติดถนนใหญ่เลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ช่วงถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้าตอนกลาง ใกล้กับ APL สถานีทับช้างและมอเตอร์เวย์ พร้อมทั้งยังสามารถเชื่อมต่อย่านอื่นได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็น พระราม9 รามคำแหง ร่มเกล้า ลาดกระบังและสนามบินสุวรรณภูมิ

มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ เพื่อตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว พื้นที่ส่วนกลางในโครงการมีขนาดใหญ่กว่าโครงการในขนาดพื้นที่เดียวกัน แบบบ้านเป็นเลย์เอาท์แบบหน้ากว้างทำให้สามารถเลือกจัดสรรพื้นที่ได้ง่ายในสไตล์ Flexible Plan และก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบาสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ในอนาคต ซึ่งแบบบ้าน Arcadia มีพื้นที่ที่สามารถดัดแปลงให้เป็นเฉลียงแบบ Semi Outdoor ได้ และยังติดตั้งช่อง EV Charger ให้ทุกหลัง เพื่อรองรับการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า และบริเวณชั้น 2 ของบ้าน มีเพดานสูงถึง 3 ม. พร้อมช่องแสงรอบบ้าน ช่วยทำให้บ้านดูโปร่ง โล่งมากยิ่งขึ้น ในบ้านแบบ Luxuriant และ Idyllic มีพื้นที่ Sky Multifunction อยู่ที่ชั้น 2 สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ

ทั้งนี้หากคุณเป็นคนที่มองหาบ้านเดี่ยวในสไตล์ Modern Luxury ที่เน้นในเรื่องของความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยกว่า มอบสัดส่วนพื้นที่การใช้งาน Clubhouse ที่ใหญ่กว่า และคุ้นชินกับการเดินทางรวมถึงใช้ชีวิตในย่านวงแหวนพระรามเก้าอยู่แล้ว โครงการ The Eternity VERDURE พระราม 9 – วงแหวน ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการมองหาบ้านพร้อมอยู่ปีนี้

จาก infographic ด้านบนจะเห็นได้ว่าย่านศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ตอนกลาง ช่วงตัดกับวงแหวนพระราม 9 เป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมสูงมากในการพัฒนาบ้านจัดสรรตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเราสามารถพบการพัฒนาบ้านจัดสรรในระดับ Premium – Hi End ที่มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกันหลายโครงการ ซึ่งทำเลตรงนี้เป็นทำเลที่ยังคงหาบ้านที่มีราคาขายต่ำกว่า 20 ล้านบาทได้ ต่างกับศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า ช่วงต้นที่บ้านเดี่ยวส่วนใหญ่เป็นระดับ Luxury ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 30 ลบ. และหากเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในเซกเมนท์ใกล้เคียงกับโครงการบ้านเดี่ยว The Eternity VERDURE พระราม 9 – วงแหวน ก็จะมีอย่างเช่น โครงการ Cherene กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า, The City พระรามเก้า – กรุงเทพกรีฑา, The City พระรามเก้า – รามคำแหง และ Centro พระรามเก้า – กรุงเทพกรีฑา ซึ่งทั้งหมดล้วนมีระดับราคา และมอบพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน คือ ประมาณ 8 ล้านบาทจนไปถึง 25 ล้านบาท โดยแต่ละโครงการก็จะมีลักษณะพิเศษของแต่ละโครงการที่แตกต่างกัน เช่น สไตล์การออกแบบรูปแบบบ้านภายนอก หรือการออกแบบ Space ภายใน รวมถึงการมอบพื้นที่ใช้สอยที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์กับการใช้งานตามความชอบของแต่ละครอบครัว

โครงการ ดิ อิเธอร์นิตี้ เวอร์ดัวร์ พระราม 9 – วงแหวน (THE ETERNITY VERDURE RAMA 9 – WONGWAEN) คุณภาพชีวิตระดับพรีเมียม เพียง 70 ครอบครัวเท่านั้น เชื่อมต่อพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ราคาเริ่มต้น 11.9 – 17 ล้าน* ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนติดต่อเข้ารับชมโครงการ ได้ที่ www.se-thai.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 007 5555 EXT.6