ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีทอง และเป็นก้าวย่างที่สำคัญมากๆของบริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) จริงๆครับ เพราะตลอดทั้งปีที่ผ่านมาบริษัทฯสามารถทำผลงานได้ดีเกินคาดในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ การเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งปีถึง 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท, การรุกตลาดเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต, การสร้างปรากฏการณ์ Sold Out วันแรกที่เปิดขายสำหรับโครงการ โมดิซ อาวองการ์ด, รวมไปถึงการรุกตลาดใหม่ด้วยการขยายพอร์ตไปยังโครงการแนวราบ ผ่าน 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ เอสต้า รังสิต-คลองสอง บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดสไตล์สแกนดิเนเวียน, โครงการ ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ บ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ สไตล์ครีเอทีฟโมเดิร์น และล่าสุดกับโครงการ ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา บ้านเดี่ยว 3 ชั้นระดับลักชัวรีที่มาพร้อม Private Pool Villa และ Private Lift ทุกหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นจากการวางกลยุทธ์ในการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้มีสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าในหลากหลาย เซ็กเมนต์ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตที่มั่นคงและแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

โดยหลังประสบความสำเร็จจากการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่โดนใจลูกค้า กับแบรนด์ KAVE, ATMOZ และ MODIZ ล่าสุด บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ยังคงไม่หยุดนิ่งเพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการลงสนามแข่งขันในตลาดแนวราบเซ็กเมนต์ลักชัวรี เพื่อสร้างความหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ภายใต้แบรนด์ไฮไลท์อย่าง “The Honor” บ้านเดี่ยวลักชัวรี 3 ชั้น Luxury Lifestyle Residence ที่มาพร้อมไพรเวทพูลวิลล่า และ Private Lift ทุกหลัง โดยในปี 2567 กางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่เพิ่ม 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,100 ล้านบาท

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกเหนือจากการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญแล้ว ในปีนี้แอสเซทไวส์ ยังมุ่งสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการขยายพอร์ตอสังหาฯ จากคอนโดมิเนียมสู่โครงการแนวราบ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดบ้านหรูที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ The Honor ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวลักชัวรี 3 ชั้น  Luxury Lifestyle Residence ที่รองรับการใช้ชีวิตแบบ “Privileged Art Of Living” เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนในกลุ่ม Young Successor คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว มีกำลังซื้อสูง มีรสนิยม และไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนไม่เหมือนใคร ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ และมีสเปซที่เป็นส่วนตัวสูงสุด รวมถึงฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน

“The Honor จะเป็นกุญแจสำคัญที่เพิ่มเข้ามาในพอร์ตเพื่อรุกตลาดแนวราบลักชัวรีของแอสเซทไวส์ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งนิยามของที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ทั้งทำเล, ดีไซน์และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัว โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวโครงการ The Honor บนย่านโยธินพัฒนา ที่ถือเป็น The Best Location สำหรับบ้านระดับไฮเอนด์ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,200 ล้านบาท มาพร้อมจุดเด่นที่เหนือกว่าด้วยการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury Lifestyle Residence with Timeless Design ที่งดงาม ไร้กาลเวลา เพื่อเป็นความภูมิใจที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น มาพร้อม Private Pool Villa, Private Lift ทุกหลัง จำนวน 106 ยูนิต ประกอบด้วยแบบบ้าน 3 แบบ พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 455 – 710 ตารางเมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 60 – 175 ตารางวา และยกระดับความพิเศษที่เหนือกว่าใคร ด้วย 2 คลับเฮ้าส์ บนพื้นที่รวมกว่า 2,000 ตารางเมตร ซึ่งมีการออกแบบสเปซ และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่แตกต่างและตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของทุกเจเนอเรชั่นในครอบครัว ได้แก่ The Social Club เพื่อพบปะสังสรรค์กับแขกคนสำคัญภายนอก โดยแยกสัดส่วนจากพื้นที่พักอาศัย เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดย ไฮไลท์ ของ The Social Club คือห้อง Gentle Club ที่ประกอบด้วย Wine & Cigar Room, Fine Dining Space, Tea Room & Car Salon และ The Residential Club สำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะ ครบครันกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ เช่น Retreat Swimming Pool, Private Chef’s Table Space, High Tea Pavilion, Onsen, Spa & Salon, Kids Room with Tutor Spaceรวมถึง Oasis สวนป่าใจกลางโครงการ กว่า 1 ไร่ และตอบรับความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยด้วย Concierge Services บริการที่มอบ Living Fulfillment ให้กับคุณเสมือนมีเลขาส่วนตัวดูแลในทุก ๆ วัน  ในราคาเริ่มต้น 40-60 ล้านบาท”

โครงการ The Honor โยธินพัฒนา อยู่ในซอยโยธินพัฒนา 3  สามารถเดินทางเชื่อมต่อ 3 ย่านสำคัญ อย่างถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา, ถนนเกษตร-นวมินทร์ และรวมไปถึงถนนลาดพร้าว ทั้งยังใกล้ทางด่วนฉลองรัช เพียง 5 นาที  เชื่อมต่อให้ทุกการเดินทางเข้า – ออก เมืองสะดวกสบาย อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่ครบครัน  ทั้งสถานศึกษาชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาล อาทิ KIS International School, Shrewsbury International School, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, เดอะคริสตัล เอกมัย – รามอินทรา และ Phothalai Leisure Park ศูนย์สุขภาพที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย จึงถือเป็นอีกหนึ่งย่านที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเป็นอันดับต้น ๆ ในกรุงเทพฯ

ขณะเดียวกัน แอสเซทไวส์ยังได้เปิดตัว 2 โครงการแนวราบใหม่ เพื่อรองรับดีมานด์กลุ่มลูกค้าในเซ็กเมนท์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นได้แก่ โครงการ Esta รังสิต – คลองสอง บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดสไตล์สแกนดิเนเวียน ที่ยกระดับคุณภาพความสุขของคุณในสังคมส่วนตัว  ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ครบครันด้วยพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่เกือบ 2 ไร่ รองรับการใช้งานได้ถึง 17 ฟังก์ชัน ราคาเริ่มต้น 4.69-7 ล้านบาท  และโครงการ The Arbor ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ บ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่สไตล์ครีเอทีฟโมเดิร์น ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ที่เน้นความเป็น Modern Architecture มาพร้อมฟังก์ชัน Inner Courtyard ส่วนตัวในบ้านทุกหลัง เพียง 76 ครอบครัวเท่านั้น ราคาเริ่มต้น 13-20 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

“สำหรับการเปิดเกมรุกตลาดแนวราบของทั้ง 3 แบรนด์ดังกล่าว ถือเป็นการเดินทางครั้งสำคัญของแอสเซทไวส์ ที่จะมาเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงโครงการที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์ความต้องการการอยู่อาศัยมากขึ้น และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ให้สามารถขยายไปเซ็กเมนต์อื่น ๆ เพื่อสร้างความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า และในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนบุกตลาดโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,100 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตแนวราบยิ่งขึ้นไป” นายกรมเชษฐ์ กล่าว