พาดูทำเล The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station คอนโดวิวอ่าวไทย ใจกลางสมุทรปราการ นั่งรถไฟฟ้าง่าย ต่อเดียวสู่ใจกลางกรุงเทพฯ

wipawan khampuwiang 02 September, 2020 at 11.27 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


สมุทรปราการ นำร่องการพัฒนาด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ปัจจุบันนี้ การเดินทางทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีความสะดวกเป็นอย่างมาก เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หลายทำเลกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่จะแล้วเสร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากในอนาคตที่โครงการรถไฟฟ้าแล้วเสร็จทุกเส้นทาง จะทำให้ผู้คนเชื่อมต่อกันได้โดยง่ายและไม่ต้องหงุดหงิดการการจราจรที่ติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งรีบอีกด้วย เช่นเดียวกับทำเลสมุทรปราการ ที่เป็นเขตปริมณฑลติดกับกรุงเทพฯ อยู่ในเส้นของรถไฟฟ้าสายหลักอย่างสายสีเขียว เป็นรถไฟฟ้าสายยาวที่ผ่านมากถึง 3 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ ในอนาคตมีแผนจะสร้างต่อถึงบางปูที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่หลายคนรู้จักกัน ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย

 

จนส่งผลให้โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่เปิดขายในย่านสมุทรปราการได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขายค่อนข้างสูง อีกทั้งยังทำให้ถนนสายรองหรือว่าซอยแยกต่างๆ ที่แยกจากถนนสุขุมวิทมีศักยภาพมากขึ้นกว่าในอดีตค่อนข้างมาก เพราะปัจจัยทางด้านจำนวนนิคมอุตสาหกรรม และโรงงานขนาดใหญ่ ที่กระจายตัวอยู่อย่างหนาแน่นในพื้นที่นี้ ที่มีส่วนส่งเสริมให้ตลาดที่อยู่อาศัยขยายตัว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ในถนนสายรองที่เชื่อมกับถนนสุขุมวิท ทั้ง แพรกษา เทพารักษ์ ปู่เจ้าสมิงพราย หรือตามซอยแยกต่างๆ ที่มีโครงการบ้านจัดสรรเกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งอพาร์ตเม้นต์ หอพัก เพื่อรองรับแรงงานที่เข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปู หรือว่าตามโรงงานต่างๆ บนถนนปู่เจ้าสมิงพราย และเทพารักษ์

 

อีกทั้งในปัจจุบันที่มีการเปิดให้ใช้บริการของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตั้งแต่ช่วงสำโรงไปจนถึงเคหะสมุทรปราการ ทำให้การเดินทางจากช่วงสุขุมวิทตอนกลางไปยังทำเลสมุทรปราการไม่ได้ยากและใช้เวลานานเท่าเมื่อก่อน จึงทำให้ดีเวลลอปเปอร์หลายรายเข้ามาเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้นแต่เกือบทั้งหมดจะเป็นโครงการติดถนนสุขุมวิทไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้งสถานีสำโรง ปู่เจ้าสมิงพราย เอราวัณ แม้กระทั่งสถานีบางปูก็เริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายเช่นกัน โครงการเหล่านี้มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาทต่อยูนิต

 

ซึ่งที่พักอาศัยในกลุ่มของอพาร์ทเม้นท์ และหอพักในทำเลสำโรง – สมุทรปราการนี้ มีเป็นจำนวนมากหลายสิบโครงการ และส่วนใหญ่จะมีราคาค่าเช่าประมาณ 3,000 – 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับสภาพ ทำเล และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ซึ่งอัตราเช่าส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะโครงการรอบๆ โรงงานอุตสาหกรรม หรือว่านิคมอุตสาหกรรมบางปู รวมทั้งในโครงการเอื้ออาทรที่มีเจ้าของห้องเปิดให้เช่ารายเดือนอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน อีกทั้งคนจำนวนไม่น้อยต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองทดแทนการเช่าอพาร์ทเม้นท์ หรือหอพัก แต่ยังไม่สามารถไปซื้อคอนโดมิเนียมที่อยู่บนถนนสุขุมวิทช่วงแบริ่งได้เพราะว่าราคาขายอาจจะสูงเกินไป

 

โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นส่วนต่อขยายมาจากสถานีแบริ่ง ซึ่งถือเป็นการนำร่องการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเข้ามาสู่ทำเลสมุทรปราการอย่างแท้จริง ที่เริ่มจากสถานีสำโรงไปจนถึงสถานีเคหะสมุทรปราการ เป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร ผ่านทั้งหมด 9 สถานี ได้แก่ สถานีสำโรง, สถานีปู่เจ้าสมิงพราย, สถานีพิพิธภัณฑ์เอราวัณ, สถานีโรงเรียนนายเรือ, สถานีสมุทรปราการ, สถานีศรีนคริทร์, สถานีแพรกษา, สถานีสายลวด และสถานีเคหะสมุทรปราการ ในอนาคตสามารถเชื่อมต่อไปยังโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว – สำโรงได้ที่สถานีสำโรง และความถี่การให้บริการระหว่างสถานีสำโรง ถึงสถานีเคหะสมุทรปราการ จะมีระยะห่างระหว่างขบวน 4 นาที 50 วินาที โดยจะมีขบวนรถวิ่งสลับกันให้บริการ

 

ซึ่งวันนี้เราจะขอแนะนำโครงการใหม่ล่าสุดจากทางออริจิ้น ก็คือ ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท สายลวด อี 22 สเตชั่น (The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station) ที่อยู่ใกล้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสายลวด ซึ่งเป็นโครงการต่อจาก ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” (The Origin Onnut) ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการอสังหาฯ Sold Out ภายใน 1 ชั่วโมง แม้เป็นการเปิดขายออนไลน์แบบ Next Normal ผ่านช่องทางออนไลน์ 100% บนแพลทฟอร์มอีเวนท์การขายออนไลน์ ภายใต้ชื่อ www.evenprop.com โดยไม่มีสำนักงานขาย ไม่มีพนักงานขายแบบออฟไลน์ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคอย่างยอดเยี่ยม โดยโครงการ ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท สายลวด อี 22 สเตชั่น จะมีการเปิดตัวในปลายไตรมาส 3 ปี 2563 นี้ ที่มาพร้อมกับการเปิดตัว “Origin Next Normal, The 2nd Wave” ซึ่งจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับการอยู่อาศัยภายใต้บริบทแห่งอนาคตนั่นเอง

ดังนั้นเราจึงจะพาทุกคนไปยังโครงการ ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท สายลวด อี 22 สเตชั่น (The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station) ไปดูว่าโครงการจริงจะตั้งอยู่ส่วนไหนของถนนสายลวด และระยะทางจาก BTS ไปถึงโครงการ ต้องเดินใกล้หรือไกลแค่ไหน โดยการเดินทางด้วย BTS ที่มีความสะดวกและรวดเร็วเป็นอย่างมาก แอบกระซิบว่าตั้งแต่สถานีแบริ่ง- เคหะสมุทรปราการ ตอนนี้ไม่เก็บค่าโดยสารด้วย และการนั่ง BTS ก็จะผ่านทั้งหมด 8 สถานี ก่อนจะถึงพื้นที่ของโครงการ เรามาดูกันดีกว่าแต่ละสถานีเป็นอย่างไร มีที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้าอะไรที่อยู่รอบๆ สถานีบ้าง เพื่อใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อของทุกคนจ้า

มาเริ่มกันที่สถานีสำโรงที่ต่อขยายมาจากสถานีแบริ่ง เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่ปี 2560 และที่ได้พูดไปในข้างต้นว่าสถานีสำโรงสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่กำลังทำการก่อสร้างได้ที่นี้ โดยทางเดินเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสองสายคือศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง

แผนที่ของสถานีรถไฟฟ้าทุกสายในกรุงเทพฯ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด จะทำให้ผู้คนทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสามารถเดินทางเชื่อมไปยังย่านต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้น ใช้เวลาเดินทางไม่นาน และเราได้มาร์กจุดให้ดูว่าจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีเหลืองอยู่ตรงไหน ตำแหน่งตามลูกศรชี้ด้านล่างตามรูปภาพเลยจ้า

ภาพจาก : https://www.rentconnected.com/blog/map-bangkok-metro-system.pdf

จากสกายวอร์คก็จะมองเห็นบริเวณแยกสำโรงและโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีสำโรงได้อย่างชัดเจน

มาถึงหน้าตู้กดบัตรบีทีเอส ใช้ได้ทั้งธนบัตรและหยอดเหรียญ

จิ้มไปที่สถานีสายลวดตามภาพได้เลย นั่งชิล 7 สถานีเองจ้า

บัตรโดยสารแบบเที่ยวเดียวที่เรากดมามีลักษณะแบบนี้ ได้บัตรมาแล้วก็เข้าไปในสถานีกันเลย

สแกนบัตรก่อนเข้าสถานีตรงจุดนี้ ตอนนี้ทุกสถานีจะมีเครื่องวัดอุณหภูมิ ใครที่มีอุณหภูมิเกิน 37 องศา ไม่สามารถใช้บริการรถบีทีเอสได้นะ และเพื่อเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม และป้องกันการแพร่เชื้อที่กำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ ควรยืนห่างกัน 1-2 เมตร ด้วยนะ

ขึ้นไปรอรถชั้นบนกัน

จากจุดนี้มองเห็นบริษัท พานาโซนิค

สถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ อยู่ติดบันไดบีทีเอสเลย

ภายในสถานีช่วงบ่าย 2-3 คนไม่เยอะเท่าไหร่ และเป็นช่วงยังไม่เลิกงาน หรือเลิกเรียนด้วย

และเมื่อไม่นานมานี้ บีทีเอสได้เปลี่ยนป้ายชานชาลาแบบใหม่ ซึ่งเป็นป้ายบอกจุดหมายว่าเราจะไปที่ไหน ซึ่งแถบลูกศรบอกทางค่อนข้างเล็กมาก ขอให้ทุกคนเช็คเส้นทางกันดีๆ นะ

สถานีต่อจากสำโรง คือ สถานีปู่เจ้า

มีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ Big C ติดกับบันไดบีทีเอส สะดวกต่อการเดินทางโดยที่ไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว

ฝั่งตรงข้าม Big C มีปั๊ม ปตท ขนาดใหญ่

สถานีนี้ไปยังพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณได้เช่นกัน

สถานีที่สาม สถานีช้างเอราวัณ เดิมทีใช้ชื่อในระหว่างการก่อสร้างว่า สถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตามชื่อของพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ก่อนที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภา จะมีมติให้แก้ไขชื่อสถานีในช่วงสุดท้ายของการก่อสร้างเป็น สถานีเอราวัณ เพื่อให้ชื่อสถานีมีความเหมาะสม ซึ่งต่อมาบีทีเอสซีและกรุงเทพมหานคร ได้ทำแก้ไขชื่อสถานีอีกครั้งเป็น สถานีช้างเอราวัณ ในปัจจุบัน

มองจากบนสถานีจะเห็นได้ว่า แถวนี้แทบไม่มีตึกสูงขึ้นเลย ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านและอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้นเท่านั้น

มองเห็นพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณได้จากมุมนี้ ก็ยังถือว่าไกลอยู่

ระยะทางจากบีทีเอสไปยังพิพิธภัณฑ์ฯ ประมาณ 800 เมตร

ซึ่งสถานีบีทีเอสกับพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ได้ใกล้กันมาก คนที่ใช้บริการบีทีเอสแล้วอยากไปชมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณก็ไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไปว่าจะนั่งรถอะไรต่อไปดี เพราะมีรถไปพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการฟรีจ้า โดยรถรับ-ส่งฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ออกทุกครึ่งชั่วโมง รถจะจอดใน กศน.ใช้ทางออก 2 ได้เลย

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เป็นประติมากรรมลอยตัวรูปช้าง 3 เศียร ซึ่งเป็นประติมากรรมลอยตัวที่ถูกสร้างขึ้นโดยด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกและแห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี 2537 ตัวช้างรวมทั้งอาคารรองรับมีความสูง 43.6 เมตร ความกว้างของช้าง 12 เมตร ความยาวลำตัวช้าง 39 เมตร น้ำหนักของลำตัวช้าง 150 ตัน และน้ำหนักของเศียรช้าง 100 ตัน แผ่นทองแดงบุผิวช้างด้านนอกทั้งตัว ช้างมีขนาดใหญ่มาก สามารถมองเห็นได้จากไกลๆ เลย

ภาพจาก : https://www.muangboranmuseum.com/landmark/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%93/

ไปต่อกันที่สถานีที่สี่เลยจ้า

ถึงแล้วกับสถานีโรงเรียนนายเรือ

ดูจากแผนที่จะเห็นได้ว่าสถานีนี้ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยามาก เป็นช่วงโค้งน้ำพอดีด้วย

ติดบีทีเอสฝั่งนี้มีร้านแจ่วฮ้อนด้วยนะ

ถัดจากร้านอาหารก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ

พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแบบพิเศษที่รวบรวม อนุรักษ์ วัตถุพิพิธภัณฑ์สมัยโบราณของกองทัพเรือไทย ยุทธนาวีการรบครั้งสำคัญ ๆ ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่เคยใช้ในการรบเป็นจำนวนมาก และยังมีเรือจำลองสมัยต่าง ๆ เช่น เรือที่ใช้ในพระราชพิธีกระบวนเรือพยุหยาตราชลมารค ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรือหลวงพระร่วง เรือเหรา และเรือหลวงมัจฉาณุ

ภาพจาก : https://www.museumthailand.com/th/museum/Naval-Museum

ด้านหลังโรงเรียนได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ แบบนี้เลย

ชมวิวโค้งน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างสวยงาม

ขึ้นบีทีเอสต่อมาที่สถานีปากน้ำ

ดูจากแผนที่ก็จะเห็นว่าสถานีนี้อยู่ใจกลางเมืองสมุทรปราการ รอบสถานีรายล้อมไปด้วยสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญของเมืองสมุทรปราการ ทั้ง ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และสำนักงานเทศบาล

วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการติดกับบีทีเอส

ด้านหลังศูนย์ราชการติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด

วัดมหาวงษ์

อีกหนึ่งไฮไลท์ของสถานีปากน้ำก็คือ หอชมเมืองสมุทรปราการ

ระยะทางห่างจากบีทีเอสสถานีปากน้ำประมาณ 950 เมตร

หอชมเมืองสมุทรปราการ สร้างขึ้นบนเนื้อที่ 13 ไร่ อาคารสูงประมาณ 179 เมตร หรืออีกชื่อคือ อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม ภายในอาคารประกอบด้วยส่วนนิทรรศการ เกี่ยวกับเมืองสมุทรปราการทั้งหมด บนสุดเป็นหอคอย เป็นจุดสำหรับชมวิวเมือง มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ไปจนถึงทะเลปากอ่าวไทย พระสมุทรเจดีย์ ป้อมผีเสื้อสมุทร พื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้า ป้อมพระจุลจอมเกล้า และ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

ภาพจาก : https://samutprakan.mots.go.th/news_view.php?nid=510

สถานีต่อไป หยุดที่สถานีศรีนครินทร์

ด้านบนสถานี ในช่วงกลางวันบนชานชาลาและในขบวนรถคนน้อยมาก อารมณ์เหมือนกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงในช่วงแรก

ใครงงๆ หรือเพิ่งเคยมาครั้งแรก ก็สามารถดูแผนที่ตรงนี้ได้เลย

ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต โรงพยาบาล สามารถตรงไปยังทางออก 1 ได้เลย

ส่วนทางออก 4 ก็จะเจอกับซอยวัดชัยมงคล ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นสมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย ต่อกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นประมาณ พ.ศ. 1893 นั่นเอง

ระยะทางจากบีทีเอสถึงวัดชัยมงคลเพียง 600 เมตร เดินได้สบาย

ภาพจาก : https://www.facebook.com/boonson0901234900/?ref=page_internal

มาต่อกันที่สถานีแพรกษา

ที่สถานีแพรกษา ซึ่งนอกจากจะมีเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายตามแนวถนนสุขุมวิทที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ ในอนาคตอาจจะมีเส้นทางรถไฟฟ้าโมโนเรล สุวรรณภูมิ – แพรกษา – สุขุมวิท ที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้กับพื้นที่นี้สูงขึ้นไป โดยบริษัทที่ปรึกษายังไม่มีข้อสรุปในเรื่องของเส้นทางนี้ แต่ค่อนข้างมีความเป็นไปได้ว่าจะใช้เส้นทางที่ผ่านถนนแพรกษา โดยเส้นทางนี้จะเริ่มจากสถานีลาดกระบังของเส้นทางรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์จากนั้นก็ใช้เส้นทางตามแนวถนนกิ่งแก้ว และตำหรุ – บางพลีแล้วผ่านถนนแพรกษาไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟฟ้าแพรกษาของรถไฟฟ้าสายสีเขียวรวมระยะทาง 29.79 กิโลเมตร 15 สถานี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปผลการศึกษาและการออกแบบโครงสร้าง หากมีข้อสรุปแล้วสามารถทำการก่อสร้างได้จริง จะทำให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลสามารถเชื่อมต่อกันได้สะดวกและรวดเร็วเป็นอย่างมาก

ใกล้สถานีมีห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาบข้างทั้งสองฝั่ง โรบินสันใช้ทางออก 3 ส่วน Big C ใช้ทางออก 4

ใกล้กับ Big C มีปั๊ม Caltex และร้านฟาสต์ฟู้ดภายในปั๊ม

โรบินสันและ Big C ถือได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของคนที่นี่เลยก็ว่าได้ ครบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งร้านอาหาร และโรงหนัง

Last Station ของเราวันนี้ มาจบกันที่สถานีสายลวดจ้า

ภายในขบวนโล่งมาก ซึ่งสถานีสายลวดเป็นขบวนรองสุดท้ายของสายสีเขียวก่อนถึงสถานีเคหะสมุทรปราการนั่นเอง

หลายคนอาจคิดว่าแถวนี้จะมีอะไรให้เที่ยว เนื่องจากเป็นย่านอุตสาหกรรม แต่ไม่ไกลจากบีทีเอสสถานีสายลวดเพียง 1.9 กิโลเมตร ก็จะเจอกับฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ ที่หลายคนเคยไปในช่วงวัยเด็ก

ฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ เป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่างๆ กว่า 60,000 ตัว มีการแสดงโชว์จระเข้ทุกวัน เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่คนละ 60 บาท เด็ก 30 บาทเท่านั้น และตอนนี้มีโปรโมชั่นสำหรับ แพทย์ พยาบาล ที่ประจำโรงพยาบาลของรัฐ อาสาสมัครสาธารณะสุขประจำหมู่บ้าน (อสม) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต) เข้าชมฟรีเป็นเวลา 3 เดือน โดยเริ่มแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2563 โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งการเข้า (โดยเเสดงบัตรเจ้าหน้าที่ของรัฐก่อนการเช้าชม)

ภาพจาก : https://www.sanook.com/travel/1412017/

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งก็คือ เมืองโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์จำลองสถานที่ในประเทศกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่มากกว่า 800 ไร่ ที่ประกอบด้วยโบราณสถาน ปูชนียสถาน วัดโบราณ ตลาดน้ำ ตลาดบก พระราชวังต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยอาคารที่สร้างจำลองขึ้นใหม่แต่ลดขนาดลง หรืออาคารจริงที่ย้ายมาตั้งไว้ยังเมืองโบราณเอง และภายในเมืองโบราณยังมีที่พักแรม ชื่อว่า “ค่ายริมขอบฟ้า” ใครที่เป็นแฟนคลับของละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ที่เห็นฉากเป็นเมืองเก่าในเรื่อง เขาใช้ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำด้วยนะ

ห่างจากสถานีประมาณ 5.6 กิโลเมตร

ภาพจาก : https://hugthai.com/the-ancient-city/

 

และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ดังไม่แพ้กันเลยก็คือ สถานตากอากาศบางปู ที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2480 เป็นแหล่งท่องเที่ยวและดูนกนางนวลที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่อพยพหนีหนาวจากไซบีเรียมาในช่วงต้นฤดูหนาวของทุกปี โดยมีจำนวนนกไม่ต่ำกว่า 5,000 ตัวในแต่ละปี และยังมีร้านอาหาร ร้านซีฟู้ด ชื่อดังในย่านนี้อีกมากมาย

ระยะทางห่างจากสถานีประมาณ 10.7 กิโลเมตร

ภาพจาก : https://www.sanook.com/travel/1413333/

 

ใช้ทางออก 3 เพื่อไปยังที่ตั้งของโครงการ The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station ได้เลย

ระยะทางวัดจากบันไดสถานีไปยังโครงการเพียง 222 เมตรเท่านั้น แต่ใน Google Map วัดจากตัวสถานี ซึ่งก็มีระยะทางไม่ต่างกันมาก

มองลงจากสกายวอร์คฝั่งนี้ จะเห็นร้านอาหารเปิดอยู่ด้านล่าง

มีร้านสเต็กอยู่ข้างกัน

บริเวณด้านล่างสถานีสายลวด

ใกล้กับสถานีมีปั๊มน้ำมันบางจาก

มีร้านบิ๊กไบค์อยู่ข้างปั๊มน้ำมัน

เดินมาไม่ไกลก็จะเจอกับแยกโค้งโพธิ์ที่ขนาบไปกับเส้นบีทีเอส

ถ้าหาที่ตั้งของโครงการ  The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station ไม่เจอ จุดสังเกตง่ายๆ คือ ร้านรับทำสติ้กเกอร์อยู่ตรงข้ามกับโครงการพอดี

ที่ตั้งโครงการ The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station ที่อยู่อีกฟากถนน

ข้ามมายังฝั่งที่ตั้งของโครงการฯ แล้ว ก็จะเห็นป้ายถนนสายลวดติดอยู่ด้านหน้าเลย

รายละเอียด โครงการ The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station

โครงการ The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station (ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท สายลวด อี 22 สเตชั่น) คอนโดมิเนียม Hi-Rise สูง 31 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนถนนสายลวด จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจาก BTS สถานีสายลวดประมาณ 222 เมตร โครงการมีพื้นที่โครงการทั้งหมด 3-2-0 ไร่ ห้องพักอาศัยจำนวน 998 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต และมีอาคารจอดรถแยกออกมาจากอาคารพักอาศัยจำนวน 10 ชั้น คิดเป็นพื้นที่จอดรถ 35% รวมซ้อนคัน โครงการมีห้องให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ คือ ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 21.50 ตารางเมตร, ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 25.50 ตารางเมตร และห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.00 ตารางเมตร

ภาพหลุดของอาคาร The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station

และ Facilities ที่ทางโครงการให้แบบจัดเต็ม ได้แก่ Main Lobby, Private Lobby, Co-Passion Space, Swimming Pool 50 m. อยู่ชั้น 29 ได้วิวทะเลและวิวเมืองสมทรปราการ, Fitness, Sky Lounge ชั้น 29 เห็นวิวเห็นโค้งแม่น้ำและทะเล มาบรรจบกัน รวมถึงเห็นหอชมเมืองสมุทรปราการ, Rooftop Garden, Multi Sport Area (Basketball & Sketch board), Active Play Space (Climbing & Trampoline), View Point, Studio, Game Room, Theater Room โดยโครงการจะเริ่มทำการก่อสร้างในปี 2564 และแล้วเสร็จภายในปี 2566

 

Facilities ในโครงการ ออกแบบโดย PAON ที่เป็นบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายในที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี

 

โดยความน่าสนใจของ “The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station (ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท สายลวด อี 22 สเตชั่น) นั้น สามารถแบ่งความน่าสนใจออกได้ 3 หัวข้อ ดังนี้

 

1. ทำเลศักยภาพของสมุทรปราการ โดย The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station เป็นโครงการที่อยู่ใกล้แยกสุขุมวิท-สายลวด หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ แยกโค้งโพธิ์ และยังมีเกาะกลางที่สวยงาม ที่ดินโครงการมีหน้ากว้างประมาณ 100 เมตร ทำให้เป็นจุดเด่นเห็นได้ชัด

โครงการตั้งอยู่บนแนว BTS สายสีเขียว สยาม-สำโรง-เคหะฯ ระยะห่างจากบันไดเลื่อน BTS สายลวด เพียงแค่ 222 เมตร สามารถนั่งต่อเดียว ถึง เขต CBD บางนา, ทองหล่อ, อโศก และสยาม ในระยะเวลา 15-30 นาที และยังใกล้กับใกล้แหล่งงานในตัวเมืองสมุทรปราการ รวมถึงห้างสรรพสินค้า Big C, Lotus, Robinson โรงพยาบาลสมุทรปราการ และโรงเรียนสมุทรปราการ

2. ปัจจัยบวกในอนาคต เมื่อมีการนำร่องพัฒนาด้วยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ามาในทำเลนี้ ทำให้มีกลุ่มออฟฟิศหลายตึกที่เริ่มก่อสร้างและจะเริ่มเปิดทำการ ในช่วงปี 2564 ในช่วงสถานี อ่อนนุช-บางนา อาทิ Intanin Tower, Sukhumvit Hill, Nai Lert Bangchak, True Digital Park, 66 Tower, Office at Bangkok Mall อีกทั้ง Mega Project ขนาดใหญ่.. Bangkok Mall ของกลุ่ม The Mall ที่จะทำให้ย่าน อ่อนนุช-บางนา จะเติบโตกลายเป็น New CBD ไม่แพ้ย่านอโศก-ทองหล่อ ที่มีทั้งย่านออฟฟิศและห้างสรรพสินค้ามากมาย และจุดเชื่อมต่อ MRT สายสีเหลืองที่สถานีสำโรง  เมื่อเปิดบริการจะทำให้มีแรงผลักดันเชิงบวกและผู้คนสัญจรผ่านมากขึ้น ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว

3. วิว และราคาขาย ที่ทำขนาดห้องได้ค่อนข้าง Compact ขายแบบ Fully Fitted ในราคาขายเริ่มต้นแค่ 1.0xx ล้านบาท ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นราคาที่ใครๆก็ซื้อได้ง่ายๆ โดยที่วิวที่ได้จากตัวโครงการยังเป็นวิวที่เปิดโล่ง มองเห็นทั้งแม่น้ำเจ้าพระยาและทะเลอ่าวไทย ได้ให้บรรยากาศเหมือนคอนโดตากอากาศริมทะเล

 

Master Plan

มีทางเข้า-ออกโครงการทางเดียว ติดกับถนนสายลวด

Floor Plan

บริเวณชั้น 1 และชั้นลอยเป็นส่วนของล็อบบี้ พื้นที่ Co-Working Space และ Shop มีลานจอดรถสูง 10 ชั้น อยู่ด้านหลัง

ห้องพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไป

ชั้น 8 สามารถมองเห็นพื้นที่สวนที่ทางโครงการตกแต่งไว้อยู่ด้านบนของอาคารจอดรถ

ชั้น 9 – 20 มีห้องแต่ละไทป์คละกัน ทั้งขนาด 21.5 ตารางเมตร ขนาด 26 ตารางเมตร และขนาด 34 ตารางเมตร

ชั้น 21

ชั้น 22 – 23

ชั้น 24

ชั้น 25

ชั้น 26

ชั้น 27 – 28

ชั้น 29 มี Swimming Pool ความยาว 50 เมตร เทควิวทะเลและเมือง อีกทั้ง Sky lounge เห็นโค้งแม่น้ำ และหอชมเมืองสมุทรปราการ

ชั้น 30

 

Units Plan

ห้องแบบ 1 Bedroom Smart Closet  ขนาดพื้นที่ 21.5 ตารางเมตร เป็น Unit Plan ขนาดเริ่มต้นของโครงการนี้ มีครัวปิดและพื้นที่จัดวางตู้เก็บรองเท้า และ New Function ที่มีพื้นที่ Walk in Closet สามารถจัดวาง ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ หมดปัญหากับการเก็บของไม่พอ ราคาอยู่ที่ 1.0x – 1.59 ล้าน มีกลุ่มเป้าหมาย Real Demand ที่เป็นกลุ่มเริ่มต้นวัยทำงาน Gen Z เงินเดือนเริ่มต้น 18,000-20,000/เดือน ทำงานช่วง อโศก-บางนา, โซนนิคม และในกลุ่มนักลงทุน เนื่องจากน่าจะปล่อยเช่าได้ประมาณ 6,500-7,000 บาท

ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 26.0 ตารางเมตร เป็น Unit Plan ขนาดกลาง มีครัวแยก ติดกับระเบียงสามารถระบายอากาศได้ดี พื้นที่จัดวางตู้เก็บรองเท้า และแยกสัดส่วน Living กับห้องนอน ราคาประมาณ 1.65 – 2.25 ล้าน เน้นกลุ่มเป้าหมาย Real Demand ที่เป็นกลุ่ม White Collar มีเงินเดือนประมาณ 25,000-30,000/เดือน อยู่ได้ 2 คนไม่อึดอัด

ห้องตัวอย่าง

และห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 34.0 ตารางเมตร เป็น Unit Plan ขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ และตำแหน่งดีที่สุด แต่ละห้องจะได้รับวิวเฉพาะตัว ทั้งส่วน Living, ห้องนอนหลัก และห้องเอนกประสงค์ โดยที่มีวิวดีทุกด้านไม่มีตึกบัง และได้วิวแม่น้ำ วิวทะเล ประมาณ 50% ของยูนิตทั้งหมด อีก 50% เป็นวิวเมือง วิวรถไฟฟ้า มีระเบียงขนาดใหญ่ ในห้องได้แอร์ 3 เครื่อง ครบทุกฟังก์ชั่น และมีครัวปิด ห้องกันกลิ่นรบกวน ราคาอยู่ในช่วง 2.25 – 2.99 ล้าน เจาะกลุ่มเป้าหมาย Real Demand ที่เป็นกลุ่ม White Collar ที่มีเงินเดือนสูง เงินเดือนประมาณ 40,000-50,000/เดือน และอยู่เป็นครอบครัวประมาณ 3 คนสบายๆ

ห้องตัวอย่าง

ลงทะเบียนรับสิทธิ์จองรอบ VVIP คลิก  https://bit.ly/32teheR เพียง 2,222 บาท

วางเงินก่อน…มีสิทธิ์เลือกก่อน

wipawan khampuwiang

wipawan khampuwiang

จบทางด้านภาษาไทยและชอบงานเขียน ชอบอ่านและดูรูปภาพรีวิวบ้าน คอนโดต่างๆ เบื่อกับการอยู่ห้องทั้งวันแบบไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นงานอดิเรกก็เลยชอบหาที่เที่ยวและถ่ายภาพ

เว็บไซต์

ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม...

28 February, 2024

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง