พาชมสำนักงานใหญ่ The Agent กับการยกระดับสู่ การเป็นบริษัทฯตัวแทนอสังหาชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย

เกริก บุณยโยธิน 24 October, 2016 at 06.55 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


หากจะพูดถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น หลายๆคนอาจจะนึกถึงผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ที่แบ่งตามประเภทของการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในด้านที่พักอาศัย การเกษตร การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการพักผ่อน ทั้งนี้ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเรียกบรรดาผู้ประกอบการพัฒนาโครงการอสังหาฯข้างต้นว่า “ดีเวลลอปเปอร์” ซึ่งเป็นการประกอบธุรกิจ ที่เปรียบดั่งต้นน้ำของทั้งภาคธุรกิจอสังหาฯ กล่าวคือในการสร้างโครงการใดๆก็ตาม ดีเวลลอปเปอร์จะเป็นฝ่ายริเริ่มทำงานตั้งแต่ หาซื้อทิ่ดิน กำหนดวิเคราะห์รูปแบบโครงการ ศึกษาความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ ตลอดจนถึงการพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จ (โดยดีเวลลอปเปอร์บางรายก็เลือกที่จะก่อสร้างเองแบบเบ็ดเสร็จ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็มักมอบหมายงานให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นผู้รับผิดชอบงาน)

 

ทั้งนี้ดีเวลลอปเปอร์จะไม่สามารถสร้างรายได้จากการพัฒนาโครงการอสังหาฯของตัวเองได้เลย ถ้าปราศจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการขาย และปล่อยเช่า โครงการที่ตัวเองพัฒนาขึ้นมา ไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในสมัยก่อนวงจรธุรกิจอสังหาอาจจะจบเพียงแค่การขาย แต่เมื่อธุรกิจมีการแข่งขันกันมากขึ้นการบริการหลังการขาย เพื่อมัดใจกลุ่มลูกค้าให้เกิดการซื้อซ้ำในอนาคต จึงเป็นหลักการทางการตลาดที่สำคัญที่ทุกดีเวลลอปเปอร์ให้ความสำคัญ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ธุรกิจอสังหาฯยังเป็นธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในตัวเอง และดึงดูดกลุ่มผู้สนใจให้กระโจนเข้ามาในวงการนี้ ด้วยสาเหตุหลักสองประการคือ หนึ่ง เป็นธุรกิจมีดีมานท์อยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะยังไงบ้านก็เป็นปัจจัยที่สี่ในการดำรงชีวิต และสอง เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับคนธรรมดาๆที่ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองได้ ผ่านอาชีพนายหน้าขายอสังหาฯ   

อาชีพนายหน้าขายอสังหาฯเป็นอาชีพ ที่มีอยู่ในธุรกิจอสังหาฯมานานมากแล้ว เช่นเดียวกับ อาชีพนายหน้าในธุรกิจประเภทอื่นๆ หลายๆคนอาจจะมองว่า การเป็นนายหน้าก็เหมือนกับการจับเสือมือเปล่า (ตามที่เห็นจากบรรดาคอร์สสัมนายอดฮิตในปัจจุบันนี่แหละ) ไม่ต้องมีที่ดิน บ้าน หรือคอนโดเป็นของตัวเอง แค่เป็นตัวกลางในการหาคนขาย และคนซื้อมาจับคู่กันให้ได้ เพียงแค่นี้ก็ได้ค่าดำเนินการนายหน้าไปแล้ว จากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยเรามีนายหน้าอสังหาฯเกิดขึ้นมาใหม่มากมายในแต่ละปี และหลายๆรายก็เป็นชาวต่างชาติ ทั้งๆที่จริงๆแล้วธุรกิจนี้ควรจะสงวนไว้ให้เฉพาะแค่คนไทยด้วยกันเอง…ในสมัยก่อนอาชีพนายหน้าอสังหาฯ อาจจะไม่ได้มีสภาพการแข่งขันที่รุนแรงเหมือนในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่ง่ายมากในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจผ่านทางโลกออนไลน์ จากที่ผมเคยคุยกับนายหน้ารุ่นเก๋าบางราย ก็ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าขายของในสมัยก่อนนั้นง่ายกว่านี้เยอะ เพราะเมื่อก่อนคนซื้อก็ไม่รู้จะไปเดินตามหาของที่ตัวเองต้องการที่ไหน ในขณะที่คนขายก็ยิ่งไม่รู้ใหญ่เลยว่าจะไปหาคนซื้อได้จากไหน อย่างมาก็มีแค่ป้ายปักหน้าบ้าน และหน้าประกาศ Classified ในนสพ. นายหน้าอสังหาฯจึงมองจุดนี้เป็น Customer Pain Points จนเกิดการสร้างเครือข่าย และทำฐานข้อมูลที่รวบรวมเอาคนทั้งสองฝ่ายมา match กันให้ตรงตาม Criteria

real-estate-agents-1116776_1280

สถานการณ์ของธุรกิจนายหน้าฯ มีความแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เมื่อโลกก้าวสู่ยุคเปลี่ยนผ่านมาสู่ Digital Era ที่ซึ่ง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย สามารถที่จะสร้างช่องทางของตัวเอง และพบเจอกันได้ง่ายมากๆในโลกออนไลน์ ส่งผลให้ในหลายๆครั้ง นายหน้าอสังหาฯมักจะถูกมองข้ามไป เมื่อเป็นเช่นนี้ บรรดาธุรกิจนายหน้าอสังหาฯจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัว เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะการ Cross Competition ตัดราคากัน จากกลุ่มผู้ขายประเภทนักลงทุนซึ่งเป็นเจ้าของห้อง…เพื่อให้คุณผู้อ่านเข้าใจง่ายๆผมจึงอยากจะขอกล่าวถึง competitive arena ของวงการนายหน้าอสังหาฯเมืองไทย ก่อนครับ ว่าเค้าแบ่งเป็นแบบไหนบ้าง ซึ่งโดยหลักๆแล้วกลุ่มผู้เล่นในเมืองไทยมีแค่ 4 กลุ่มหลักครับ

agentpositioning1. กลุ่ม Local broker: กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีมาก่อนตั้งแต่ยุคอดีตกาลเลยครับ เรียกอีกอย่างนึงว่านายหน้าท้องถิ่น ส่วนสาเหตุที่ต้องเรียกนายหน้าท้องถิ่นก็เพราะ พวกนายหน้าหรือบริษัทเหล่านี้จะถนัดการหาสต๊อค และการขายในประเภทโซนใครโซนมันครับ ผมขอยกตัวอย่างแบรนด์อย่างเช่น For best Properties, Darvid Properties, Winner Estate, Realty World ฯลฯ

 

Characteristics ของ Local broker

  • เป็นนายหน้าอิสระ หรือจะเป็นบริษัทจดทะเบียนก็ได้ หรือพวก owner ที่ชอบขายเอง บางรายก็รวมอยู่ในนี้
  • สินค้าที่ถนัดการขายจะเป็นพวกที่ดิน คอนโดรีเซล ทาวน์โฮม โรงงาน อาคารพาณิชย์ หรืออาจจะเป็นอะไรก็ได้ที่มีคนฝากขายมา
  • มีการแบ่งโซนการขายตามความถนัดของเซลล์แต่ละคน (เป็นโซนเขตเลยครับ บางเจ้าก็แบ่งตามไลน์รถไฟฟ้า) รวมถึงสินทรัพย์ในการขายก็ไม่เยอะขนาดเป็น 1,000 lists
  • สินค้าที่ขายมักจะมีการ sign exclusive contract ที่ระบุเงื่อนเวลา เช่น ฝากกับเค้า แล้วห้ามให้คนอื่นขาย หรือขายเอง ไม่งั้นจะเสียค่าปรับ
  • อัตราค่าคอมมิชชั่นยืดหยุ่นมาก เพราะว่ากลุ่มนี้ไม่ได้มี regular stock เป็นของตัวเอง (ยกเว้นเป็นเจ้าของซะเอง) ไม่ได้มีโปรโมชั่นในการช่วยปิดการขาย ดังนั้นจึงใช้กลยุทธ์ cost leadership เป็นหลัก
  • นายหน้าท้องถิ่นหลายเจ้าเริ่มมีการดีลเอาสินทรัพย์เพื่อการขายทอดตลาดของเหล่าสถาบันการเงินมาขาย เพื่อให้ได้เป็น regular stock

 

2. กลุ่ม International Property Agent: กลุ่มนี้เรียกอีกอย่างว่าเป็นพวกนายหน้าอินเตอร์ครับ กล่าวคือมีบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศและมาตั้งสาขาในเมืองไทย รูปแบบการดำเนินงาน ช่องทางหารายได้จะมีอาวุธครบมือมากกว่านายหน้าท้องถิ่นอย่างเปรียบเทียบไม่ได้ โดยรายได้หลักของบริษัทสามารถแบ่งออกเป็น ค่าบริหารงานขายโครงการ, ค่าบริหารงานนิติบุคคล, ค่าที่ปรึกษาการตลาดโครงการ, ค่าทำวิจัยการตลาด, ค่าทำวิจัยการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ, รายได้จากการขายรีเซล – ปล่อยเช่า, รายได้จากการขายสื่อโฆษณา, รายได้จากการสมัครสมาชิก research publication, รายได้จากค่านายหน้าขายที่ดิน, รายได้จากการบริหารอาคารสำนักงาน ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น CBRE, JJL, Savils, Century 21, Knight Frank, Colliers

 

Characteristics ของ International Property Agent

  • เป็น well – known brand จากต่างประเทศ
  • มีฐานลูกค้าค่อนข้างเยอะ
  • มี worldwide connection สามารถ Cross ลูกค้ากันระหว่างประเทศได้
  • มีการออก research publication รวมถึงการทำ PR อย่างสม่ำเสมอ
  • เป็นนักล่ารางวัลเพื่อประดับไว้ใน Hall of Fame
  • มักจะได้รับความไว้วางใจจาก developer ต่างชาติในการบริหารงานขาย

 

3. กลุ่มFranchise Agent: กลุ่มนี้จัดเป็นกลุ่มที่มีผู้เล่นน้อยรายที่สุดในเมืองไทยครับ แต่น้อยรายในที่นี้หากรวมสาขาแฟรนไชส์ของทุกเจ้ารวมกันด้วยก็มีร่วมร้อยสาขานะครับ เอ จะว่าไปเท่าที่ผมสังเกตดู กลุ่มนี้เนี่ยรายได้หลักของเค้ากลับไม่ได้มาจากการขายอสังหาน่ะครับ แต่มักจะมาจากค่าแฟรนไชส์น่ะครับ!!!! อาทิ ERA, Century 21 (เจ้านี้อยู่กึงๆระหว่าง International Agent + Franchise ครับ เพราะการขายของรีเซล เค้ามักจะมีรายได้มาจากเครือข่าย franchise ของเค้า)

 

Characteristics ของกลุ่ม Franchise Agent

  • บริษัทที่เป็น master franchise มักจะไม่ค่อยจะขายของ แต่เน้นการขายแฟรนไชส์
  • บริษัท master franchise ชอบจัดคอร์สอบรมการเป็นนายหน้า (บางเจ้าก็ฟรี บางเจ้าก็เสียตัง)
  • ในต่างประเทศ ระบบการให้ค่าคอมมิชชั่น ค่อนข้างซับซ้อนพอๆกับการทำธุรกิจ MLM
  • มี Tools ที่ช่วยในการซื้อขาย เช่นระบบการค้นหา stock และระบบการรับลูกค้า (ถ้าต้องการ)
  • มีการทำประชาสัมพันธ์ในส่วนของ corporate branding ให้ (แต่ก็มีหลายครั้งที่คนซื้อ franchise มามักจะบ่นว่าถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวทำการตลาดเอง หาสต๊อคเอง ดิ้นรนขายเอง บลาๆๆ แต่กลับต้องจ่ายค่า Loyalty Fee ให้)
  • พนักงานขายมักจะได้เงินเดือนน้อย แต่ว่าได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นเยอะ
  • สต๊อคที่ขายก็แล้วแต่ความถนัดของผู้ซื้อแฟรนไชส์มา อาจจะเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้าก้ได้ หรือจะเป็นทาวน์โฮมชานเมืองก็ได้

 

4.กลุ่ม Developer Agent: ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมากลุ่มนี้บูมมากครับ เนื่องจากทุก developer มองว่าการเปิดบริษัทนายหน้าซะเองมันช่วยให้คอนโดของเค้ามี liquidity ที่สูงขึ้น มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันมากขึ้น มีฐานลูกค้ากลุ่มนักลงทุนมากขึ้น ช่วยให้ perception ของสินค้า one time purchasing กลายเป็น many times purchasing ตลอดจนสร้าง Customer Life Time Value ให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

ลูกค้าสามารถนำเงินจากการขายคอนโดเก่าของตัวเอง มาซื้อของใหม่จากทางบริษัทได้เรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น บริษัท ดิ เอเจนท์ จำกัด (อนันดา), บริษัท แบงค์คอก ซิตี้ สมาร์ท (เอพี), บริษัท พลัส พร๊อพเพอร์ตี้ (แสนสิริ), และทุกบริษัทนายหน้าของ developer ดังๆ (ส่วนใหญ่ที่จด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีหมดน่ะครับ)

agent-13-of-74

Characteristics ของกลุ่ม Developer Agent

 

  • เน้นการขายคอนโดรีเซลก่อนโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนใหญ่แล้วจะโฟกัสที่คอนโดติดรถไฟฟ้า
  • หลังการโอนกรรมสิทธิ์แล้วจะโฟกัสที่การปล่อยเช่าห้อง มากกว่าการขายของหลังโอน
  • มี regular stock เข้ามาจาก developer อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากมีการ sync ข้อมูลผู้ซื้อคอนโดตั้งแต่มือแรก
  • บางเจ้ามีการทำ exclusive promotion ร่วมกัน เพื่อกันนายหน้าเจ้าอื่นๆในการขาย เช่น การมอบโปรฟรีโอนให้เฉพาะการซื้อขายผ่านบริษัทลูก
  • เซลล์ส่วนใหญ่จะมีรายได้ที่ค่อนข้างดี เพราะมีการ support ในด้านงบประมาณการทำการตลาด ทำให้มี lead เยอะ ไม่ต้องปากกัดตีนถีบ เหมือนกับบรรดา local broker
  • สามารถสร้างความได้เปรียบในแง่ความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย มากกว่าการซื้อขายกับนายหน้าอิสระ
  • มีระบบการกระจายเคสให้เซลล์อย่างเป็นระเบียบ ตามคิว ลูกค้าไม่ซ้ำกัน
  • ค่าคอมมิชชั่นเก็บต่ำมากไม่ได้ เพราะติดข้อจำกัดในเรื่องของ operation cost ที่ค่อนข้างสูงกว่า local broker
  • เน้นการขายของของเจ้าใครเจ้ามัน (เพราะมีคนฝากขาย-เช่าค่อนข้างเยอะมาก จนแทบ ระบายสต๊อคไม่ทัน)
  • ความเสี่ยงในการโดนให้ออกกรณีทำเป้ายอดขายไม่ถึงมีสูง ยกตัวอย่างเช่น ที่ ดิ เอเจนท์ เซลล์ทุกรายต้องทำยอดให้ได้มากกว่าหรือเท่ากับเดือนละ 270,000 บาท (หมายถึงค่าคอมเข้าบริษัทนะครับ ไม่ใช่มูลค่าสินค้าที่ขายได้) หรือเฉลี่ยต้องขายให้ได้เดือนละ 2 – 3 ห้องขึ้นไป ยิ่งสมัยนี้คอนโดห้องขนาดเล็กลง มูลค่าสินค้าลดลง ค่าคอมก็ลดลงตามมูลค่าสินค้าครับ

 

ดังที่กล่าวไปในขั้นต้น ว่าปัจจุบันนี้อาชีพนายหน้าอสังหาฯมันยากกว่าเดิม การมาของกลุ่ม Individual Investor ซื้อเอง ขายเอง ส่งผลกระทบในวงกว้างไปสู่ตลาดนายหน้าอสังหาฯทุกเซกเมนท์ ไม่เว้นแม้กระทั่ง Developer Agent หลายราย ที่ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพการแข่งขัน ที่ตอนนี้ Trend ของผู้ซื้อ และผู้ขายมีการเปลี่ยนไป คนซื้อก็มักจะเลือกของไปจนกว่าจะเจอที่ถูกที่สุด ในขณะที่คนขายเองก็ไม่อยากที่จะโดนหักค่าคอมมิชชั่นจากการขาย

 

วันนี้ผมได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ แห่งใหม่ของ บริษัท ดิ เอเจนท์ จำกัด (The Agent, Property Expert, Co., Ltd.) บริษัท นายหน้าอสังหาฯ ในเครือบริษัท อนันดาฯ ผู้นำคอนโดติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ถึงอาคาร FYI Center เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เห็นถึงการขยายตัวครั้งสำคัญ ของบริษัทตัวแทนอสังหาฯ รายใหญ่แห่งนี้ ในการยกระดับสู่ การเป็นบริษัทฯตัวแทนอสังหาชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย

 

สำนักงานใหญ่ของ ดิ เอเจนท์ อยู่ที่อาคารสำนักงานที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆอย่าง FYI Center ติดสถานี MRT ศูนย์สิริกิต์ ที่ทางบริษัทฯ ได้ฤกษ์ย้ายเข้ามาพร้อมกับกลุ่มบริษัทในเครืออนันดาฯทั้งหมด เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาครับ

agent-3-of-74

อาคาร FYI นับว่าเป็นอาคารสำนักงานที่มีรูปทรงอันทันสมัย และมีประติมากรรมที่ออกแบบโดย Propaganda ชื่อว่า “Mr. & Mrs. Spark” ตั้งโดดเด่นอยู่หน้าอาคารเลยครับ

agent-7-of-74

agent-6-of-74

สำนักงานใหญ่ของ ดิ เอเจนท์ ตั้งอยู่บนชั้น 10 ของอาคาร 1 ครับ

agent-8-of-74

agent-11-of-74

พื้นที่สำนักงานมีขนาดประมาณครึ่งชั้นของชั้น 10 โดยหากออกมาจากลิฟท์ก็จะเจอประตูทางเข้าเลยครับ

agent-12-of-74

พื้นที่สำนักงานทั้งหมดมีขนาดรวมมากถึง 800 ตารางเมตร โดยที่มีพนักงานประมาณ 90 คน หากพิจารณาเป็นสัดส่วนความหนาแน่นต่อพื้นที่การทำงานแล้ว ถือว่าเป็น Happy Work Place มากๆ เพราะว่าตกเฉลี่ยพนักงาน 1 คนจะได้พื้นที่ส่วนตัวถึง 8.8 ตารางเมตร แต่ส่วนใหญ่ของพนักงานที่นี่ครึ่งหนึ่งจะเป็นเซลล์ ต้องไปประจำที่โครงการ ดังนั้น ในบางวันพนักงานที่ประจำในออฟฟิศจึงเหลือเพียงแค่ราวๆ 40 คนเท่านั้น…โปร่ง โล่ง สบาย จริงๆครับ

agent-74-of-74

agent-16-of-74

การจัดวางเลย์เอ้าท์ของสำนักงานใหญ่ ดิ เอเจนท์ แห่งนี้ โดยรวมๆแล้วจะแบ่งพื้นที่ใช้งานหลัก ออกเป็น 2 ส่วนคือ Public Space และ Private Space โดยที่ทุกส่วนถูกเชื่อมโยงการทำงานทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยระบบ IT และอุปกรณ์ Smart Device เต็มรูปแบบ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 35 ล้านบาท…สาเหตุที่ต้องลงทุนเยอะขนาดนี้เพราะว่า ดิ เอเจนท์ มุ่งหวังว่าที่นี่จะเป็นสำนักงานตัวแทนอสังหาฯ แห่งเดียวในประเทศไทยที่มี Multimedia Exhibition Hall เต็มรูปแบบ ที่ดีเวลลอปเปอร์ทุกราย สามารถใช้พื้นที่เพื่อจัดแสดงโครงการได้ เช่นกัน

 

มาถึงตรงนี้ผมคงต้องอธิบายให้คุณผู้อ่านเห็นภาพหน่อยนึง คือโดยปกติแล้วในต่างประเทศ การขายคอนโด ไม่ว่าจะเป็นห้อง off plan มือหนึ่งจากโครงการ หรือห้องรีเซลฝากขาย ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นการขายผ่านตัวแทนทั้งนั้น เนื่องจากธุรกิจตัวแทนอสังหาฯในต่างประเทศนับว่าเป็นอาชีพที่สังคมยอมรับ ถึงความเป็นมืออาชีพ ทั้งในเรื่องของความสามารถในการเจรจาต่อรอง ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับข้อมูล รวมถึงการมีเครือข่ายลูกค้าที่กว้างขวาง ทีนี้ในการขายโครงการสำหรับตัวแทนรายใหญ่ๆ ก็มักที่จะเป็นการขายแบบ Exclusive Event ซึ่งบรรดาตัวแทนก็มักจะมี Exhibition Space ส่วนตัว ในการจัดแสดงโครงการ และเชิญชวนฐานลูกค้าของตัวเองมาในงานเปิดตัว โดย Exhibition Space นี้ก็เหมือนกับ Sale Gallery ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้เมื่อต้องขายโครงการอื่นๆ และคนซื้อเองก็จะรู้ว่าถ้าอยากมองหาโครงการใหม่ๆก็ให้ไปดูที่นี่ได้เลย…ต่างกับที่เมืองไทย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะจัดงานขายเป็นเทศกาลในห้าง หรือใน Exhibition Hall ขนาดใหญ่  ซึ่งเท่าที่สังเกตดูในเมืองไทยขณะนี้ ยังไม่มีเอเจนท์รายไหน ที่มีแนวคิดในการทำ Exhibition Hall ที่ครบเครื่อง แบบที่ ดิ เอเจนท์ ทำกับสำนักงานใหญ่แห่งใหม่นี้ ที่สำคัญคือไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นแค่โครงการจากอนันดาฯเท่านั้น แต่รับทุกโครงการครับ

the-agent-fyi-office

สำหรับ Master Plan โดยคร่าวๆ ก็มีการแบ่งพื้นที่ Public และ Private Space ค่อนข้างชัดเจน กล่าวคือพื้นที่ Private จะเป็นโซนทำงานของพนักงานทั้งหมด ซึ่งที่นี่มีการวางคอนเซปท์ที่เน้น working collaboration ที่มีการจัดพื้นที่ทำงานให้ดู โล่งและโปร่ง ผู้บริหารจะนั่งทำงานรวมกับพนักงานคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้มีอุปสรรคในการปรึกษางาน แถมทุกโต๊ะทำงานยังสามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้เกือบ 180 องศา ทำให้ไอเดียการทำงานใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ง่ายเลยครับ

 

หากลูกค้าเดินออกมาจากลิฟท์ ก็จะเจอกับส่วน Reception ที่เชื่อมต่อกับส่วน Public Zone เลยครับ และหากเลี้ยวขวาผ่านประตูบานใหญ่เข้าไปก็จะเป็น Private Zone ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานครับ

agentplan

ไฮไลท์ของ Public Zone นอกจากจะเป็นพื้นที่ที่รองรับคนนอก เพื่อจัดนิทรรศการได้แล้ว ยังมีไฮไลท์อยู่ที่ห้อง Multimedia Showcase Hall ที่มีชื่อว่า Urban Link ที่รองรับเทคโนโลยี IOT ในอนาคตเต็มรูปแบบ เอาไว้แสดง 3D Showcase และ 3D Mapping ของโครงการ โดยสามารถรองรับคนได้กว่า 50 ท่าน สบายๆครับ

the-agent-fyi-plan

นอกจากนี้ยังมี ห้องประชุมย่อยอีกถึง 4 ห้อง ที่ตั้งชื่อตามเส้นทางระบบ Mass Transit ที่สำคัญได้แก่ BTS, ARL, Interchange และ MRT (แหม่ ขาด BRT ไปอีกอย่างนะครับ) ซึ่งแต่ละห้องก็มีอุปกรณ์ IT ครบครันทุกอย่าง สามารถปิดการขายข้ามประเทศได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งบริเวณกึ่งกลางของ Pubic Space ก็จะเป็น Activities Space ที่สามารถนำโมเดลขนาดใหญ่มาตั้งโชว์ได้อย่างสบายๆเลยครับ

agent-17-of-74

agent-68-of-74

ไปดูห้อง Urban Link ที่อยู่สุดทางกันก่อนครับ

agent-18-of-74

วันที่ผมไปชม ทางดิ เอเจนท์ กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการขายโครงการ Venio Sukhumvit 10 โดยจุดเด่นของห้องนี้อีกอย่างคือมีการจัดวางโปรเจคเตอร์แบบ Vertical พร้อมกัน 4 เครื่อง ซึ่งสามารถฉายภาพ Unit Plan ของห้องที่ต้องการลงมาบนพื้น เพื่อจำลองบรรยากาศให้ลูกค้าเห็นถึง Space ของห้องได้อย่างคร่าวๆครับ ซึ่งในอนาคตทางดิ เอเจนท์ ก็เตรียมการในการใช้เทคโนโลยีการนำเสนอแบบ 3D Mapping และ VR & AR technology มาใช้ในการจัดแสดงโครงการแบบผสมผสานครับ

agent-20-of-74

ผนังสำหรับฉายสื่อ Multimedia มีการดีไซน์เป็นทรง Curve เพื่อ support technology 3D Mapping ในอนาคตครับ และหากจะมีการจัดงานแถลงข่าว หรือการแสดง เล็กๆก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะห้องมีจัดอุปกรณ์ แสง สี เสียง ให้แบบ Full Option

agent-21-of-74

agent-64-of-74

บริเวณผนังห้องมีการ Utilize ให้เป็น Showcase Panel ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามแต่ละโครงการ โดยที่ยังมีแผนที่สถานีรถไฟฟ้าแสดงให้ดู เพื่อสื่อให้เห็นถึงความเป็น Urban Link Property Expert

 

นอกจากนี้ในอนาคตทาง ดิ เอเจนท์ ก็ยังมีแผนที่จะแสดงภาพถ่ายมุมสูงของกรุงเทพฯ ทุกจุดด้วยโดรน ที่จะเก็บภาพมุมมองจากบนท้องฟ้าเอาไว้ โดยที่สามารถเลือกรับชม sky shot ในแต่ละโซนของกรุงเทพฯได้

agent-65-of-74

มีอุปกรณ์ Smart Screen พร้อมระบบปฎิบัติการณ์ และเชื่อมต่อ internet เพื่อไว้สำหรับส่งต่อข้อมูล ที่เขียนบนหน้าจอได้ทันที ไปยัง app อื่นๆ รวมถึง email ของพนักงาน

agent-66-of-74 agent-67-of-74

มาถึงโซนของห้องประชุมย่อย เอาไว้ใช้พรีเซนต์โครงการแบบส่วนตัว

agent-23-of-74

agent-31-of-74

agent-26-of-74

agent-70-of-74

เข้าไปดูที่โซน Working Area กันบ้างครับ บริเวณทางเข้ามี Window Display เป็นห้องรีเซล โครงการคอนโดชั้นนำต่างๆ

agent-57-of-74

เจอเซลล์คนสวย กำลังเดินเข้าออฟฟิศพอดี ที่นี่เค้ามีการแจกกระเป๋าเอนกประสงค์ให้เซลล์ ไว้สำหรับใส่เอกสาร และอุปกรณ์อื่นๆได้ตามอัธยาศัยด้วยครับ

agent-62-of-74

โซนกลางห้องจะเป็น Hot Desk แยกตามเซลล์ทีมขาย และทีมเช่า โดยที่ไม่ได้ระบุว่าจะเป็นที่นั่งของใคร เพราะเซลล์มักจะใช้เวลาอยู่นอกออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่

agent-35-of-74

โต๊ะของผู้บริหารก็นั่งรวมกันตรงด้านนี้

agent-33-of-74

agent-34-of-74

agent-39-of-74

ที่นั่งเกือบทุกที่สามารถมองเห็น City View ด้านนอกได้ครับ

agent-49-of-74

บริเวณด้านในสุดจะเป็นส่วนของ Customer Support และบัญชี ที่ต้องใช้สมาธิในการทำงานค่อนข้างเยอะ โดยที่ห้องโซนนี้จะมีความเงียบเป็นพิเศษครับ

agent-45-of-74

agent-47-of-74

โซนของแผนกการตลาด สังเกตดูที่บอร์ดด้านหลัง มี Tube Map ที่ London ด้วย

agent-42-of-74

นอกจาก ดิ เอเจนท์ จะขายโครงการคอนโดติดรถไฟฟ้าในเมืองไทยแล้ว ตอนนี้ธุรกิจที่สำคัญอีกอย่างก็คือ International Sale ครับ ซึ่งก็มีทั้งการนำเอาโครงการคอนโดไปขายที่ต่างประเทศ และการนำคอนโดต่างประเทศมา Roadshow ทำการตลาดในไทยด้วยครับ อย่างช่วงที่ผ่านมาก็จะเน้นไปที่ UK Property ที่กำลังเป็นกระแสในหมู่คนไทยที่มีฐานะครับ

agent-50-of-74

จากการที่ผมได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัส ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่สำนักงานใหญ่ ดิ เอเจนท์ ในครั้งนี้ ก็รู้สึกทึ่งในความสำเร็จของบริษัทตัวแทนอสังหาฯสัญชาติไทยรายนี้ ที่ประสบความสำเร็จทั้งในเชิงยอดขาย และพัฒนาองค์กร  ในแบบที่ไม่แพ้ตัวแทนอสังหาฯแบรนด์ใดในไทย เพื่อก้าวไปสู่อีกขั้นในระดับนานาชาติ

 

สาระสำคัญที่ผมได้สังเกตเห็นในองค์กรแห่งนี้ ก็คือการปรับตัวให้ทันสู่ในยุคที่ธุรกิจตัวแทนอสังหาฯ มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ ในการปรับตัวครั้งนี้ ทาง ดิ เอเจนท์ ได้สร้างขีดความสามารถการแข่งขัน ในเรื่องของการเพิ่ม Brand Contact Channel ที่น่าจะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีในหมู่สายตาลูกค้าได้อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมคงต้องขอฝากบอกไปยังผู้ประกอบการนายหน้าอสังหาฯ ทุกท่านว่า ธุรกิจนี้จริงๆแล้ว ปัจจัยชี้เป็นชี้ตาย ไม่ได้อยู่ที่ stock ที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นรากฐานของธุรกิจก็คือ เรื่องของการบริการ ที่ต้องเป็นเลิศในทุกๆด้านนั่นเองครับ

 

หากใครกำลังมองหาคอนโดคุณภาพชั้นนำ ติดรถไฟฟ้า อยากฝากขายคอนโด หรืออยากลงทุนคอนโด แต่ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ผมแนะนำว่าให้ลองไปใช้บริการของ ดิ เอเจนท์ ดูครับ เพื่อพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองว่า ดิ เอเจนท์ สามารถสร้างแต้มต่อในการลงทุนของคุณได้มากแค่ไหน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.theagent.co.th

agent-72-of-74

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม...

28 February, 2024

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง