ณภัทร บูรณพงษ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานบริหารสินทรัพย์

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

การดูแลสุขภาพกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจมาอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเพื่อการออกกำลังและธุรกิจเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมในวงกว้าง ทั้งปั่นจักรยาน, วิ่งมาราธอน, อาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจสุขภาพก็เริ่มได้รับการจุดประกายอย่างน่าสนใจ…ซึ่งการตอบรับกระแสใส่ใจสุขภาพของผู้ประกอบการนี้ก็ล้วนส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่จะได้รับประโยชน์จากการให้ความสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพและใส่ใจตัวเองมากขึ้น

ที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ

ธุรกิจที่อยู่อาศัยในปัจจุบันก็เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมาเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการวางคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาที่ใส่ใจสุขภาพ เช่น ออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับการออกกำลังกายมากเป็นพิเศษ, การทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพทั้งในโครงการคอนโดมิเนียมหรือบ้านแนวราบ ให้เหมาะกับการอยู่อาศัยสำหรับคนทุกๆ วัย

จากรายงานการศึกษาเรื่องที่อยู่อาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี (Build Well to Live Well 2018) ที่สถาบันสุขภาพโลก (Global Wellness Institute) จัดทำขึ้นในปีนี้ พบว่านับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา การพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มเวลล์เนสเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีทั่วโลกมีมูลค่าตลาดประมาณ 4.4 ล้านล้านบาท หรือ 134,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการเติบโต 6.4% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมการก่อสร้างของโลกที่เติบโตที่ 1.5% และสามารถทำกำไรเฉลี่ยประมาณ 10-25% โดยปัจจุบัน มีโครงการและชุมชนที่เน้นการสร้างไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพดีประมาณ 740 แห่งทั่วโลก

เรียกได้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีกำลังมีการเติบโตขยายตัว ซึ่งนอกจากที่อยู่อาศัยประเภทเวลล์เนสจะเติบโตขึ้นตามการใส่ใจสุขภาพที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคแล้ว ยังสะท้อนถึงความสอดคล้องกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอีกด้วย เนื่องจากปัจจุบันประชากรโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ หรือ Acing Society ซึ่งประเทศไทยของเราติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศมีผู้สูงอายุมากที่สุดด้วย โดยใน 5 ประเทศที่มีประชากรสูงสุดนั้นอยู่ในทวีปเอเชียทั้งหมด ได้แก่ อันดับที่ 1 คือ ญี่ปุ่น เมื่อปี 2558 มีสัดส่วน 26% รองลงมาก็เป็นประเทศสิงคโปร์มี 12% ไทย 10 % จีน 10% และเวียดนาม 7%  โดยจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเมื่อปี 2557 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในปี 2564 และเป็น 28% ในปี 2574  และปี 2578 ประเทศไทยจะมีกลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มากถึง 30% ของประชากรไทยทั้งหมด

เราจึงเห็นว่าธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยเอง ได้มีการปรับตัวให้ตอบโจทย์กับสภาวะของสังคมไทยในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ นั่นก็คือ การกลายเป็นสังคมที่ใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้น

Wellness Residence ที่อยู่อาศัยสำหรับคนทุกวัย

ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันหันมาพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มคนที่รักษาสุขภาพสำหรับคนทุกวัย ด้วยการออกแบบโครงการที่มีจุดเด่นเรื่องการมีสุขภาพชีวิตที่ดี เช่น การออกแบบโครงการรูปแบบ Universal Design ให้ทางเข้าบ้านและพื้นที่ส่วนกลางมีพื้นที่ลาดชันเพื่อให้คนที่ใช้รถเข็นสามารถเข้าถึงหรือใช้งานได้ง่าย, ออกแบบให้มีพื้นที่ห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ใช้รถเข็น และในห้องน้ำมีราวจับกันลื่น การมีสวนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับคนทุกวัย เป็นต้น

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางที่จำเป็นต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น รองรับกิจกรรมการอยู่อาศัย ที่ไม่ใช่เพียงการอยู่ในบ้านหรือห้องคอนโดฯ เท่านั้น แต่ยังมองถึงเรื่องการใช้ชีวิตนอกบ้านทำกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมด้วย เพื่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตที่ดี

บางโครงการออกแบบเพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพในระยะยาว ด้วยการเพิ่มบริการดูแลสุขภาพและการแพทย์เข้าไปในโครงการ โดยการร่วมมือกับโรงพยาบาลหรือศูนย์สุขภาพเพื่อการดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง เช่น แสนสิริ ร่วมกับ โรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพให้มากขึ้นและครบทุกมิติของการใช้ชีวิต

ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป

นอกจากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว รูปแบบการอยู่อาศัยของคนไทยก็ยังมีความเปลี่ยนไป นิยมการอยู่อาศัยคนเดียว แบบคนโสด หรือคู่แต่งงานที่ไม่มีลูก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน

การพัฒนาที่เน้น Healthy หรือการมีสุขภาพที่ดีจึงเป็นสิ่งกำลังได้รับความนิยมในธุรกิจการพัฒนาที่อยู่อาศัย เน้นพื้นที่การออกกำลังกายที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หลากหลายรูปแบบและตอบโจทย์มากขึ้น การมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ให้ได้ใช้ชีวิตที่มีสุขอนามัยที่ดี และการมีบริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุม

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยประเภทเวลล์เนส ควรเลือกโครงการที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี เดินทางสะดวก ใกล้โรงพยาบาล และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการมีสุขภาพชีวิตที่ดีก็เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญครับ และการพิจารณาเลือกโครงการที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีความน่าเชื่อถือก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากนี้หากเป็นโครงการที่มีบริการหลังการขายที่เป็นมืออาชีพ และดูแลให้บริการไปตลอดในระยะยาว ก็จะช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตแบบเวลล์เนสไปอย่างต่อเนื่องในอนาคตได้อีกนานเท่านานครับ