MARU EKKAMAI 2

  

มารุ เอกมัย 2


เมื่อกลางปีที่แล้ว หลายคนคงจำได้ว่ามีคอนโด ของ Major Development ที่เปิดตัว และสร้างกระแสฮือฮาได้อย่างมาก เพราะการนำเอา “น้องนาย” พระเอกมาดอบอุ่นมาเป็น Presenter กับการนำเสนออิริยาบถต่างๆ ตามคอนเซป ของการเปิดตัวคอนโดใหม่ ภายใต้ชื่อ MARU กับสโลแกน “Live More” พื้นที่ที่ตอบทุกการอยู่อาศัยบนคอนเซปต์ Less is More เพราะนอกจากการมีน้องนายเป็น Presenter แล้วยังเปิดตัวมากับคอนเซปคอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ “Pet-friendly Condominium” เรียกว่าเอาใจกลุ่มคนรักสัตว์ ที่อยากอยู่คอนโด แต่คอนโดทั่วไปก็มีข้อจำกัดในการห้ามเลี้ยงสัตว์ และ MARU ก็เป็นคอนโดเพียงไม่กี่รายที่เพิ่งเปิดตัว และอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ภายใต้ข้อกำหนดของโครงการฯ บนพื้นที่คอนโดที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย แต่ครบทุก function ไม่ว่าจะเป็น

เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 13 July, 2018 เวลา 14.22 pm

Prop score™: 3.7

คะแนนรีวิว: 0.0

0 รีวิว


ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา



    ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ

MARU EKKAMAI 2

บริษัทผู้สร้าง

MJD Residences Co., Ltd.

สถานที่

ซอยเอกมัย 2

สถานีรถไฟ BTS

BTS เอกมัย Distance 450 m.

สถานีรถไฟใต้ดิน

-

Airport Rail Link

-

สถานี BRT

-

พื้นที่

1-2-77 ไร่

ชั้น

32 ชั้น

ยูนิต

333 ยูนิต

ที่จอดรถ

ประมาณ 165 คันคิดเป็น 48% ไม่รวมจอดซ้อนคัน (Automatic Parking 24 คัน)

ลิฟท์

ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว

สิ่งอำนวยความสดวก

Pet Friendly & Wellness Living, Lobby, Mailbox, Co-living Space, Co-living Terrace, Wellness Yard, Teahouse Pavilion, Bicycle Parking Rack with Tire Inflator, Bark&Bike Wash, Car Wash Area, Commercial UnitRelax Garden, Infinity Edge Swimming Pool, Warm Water Pool, Kid’s Pool, Music Rehearsal Room, Karaoke Room, Outdoor Co-kitchen Terrace, Co-creation Space, Quiet Room, Sunset Balcony, Fitness, Aerial Yoga Room, Lounge, Sky Garden


    ประเภทยูนิต

ประเภท

คอนโด High Rise/CONDO

studio

-

1 bedroom

1 Bedroom (S) 29.00 ตร.ม, 1 Bedroom Simplex 32.50 – 35.50 ตร.ม.

2 bedroom

2 Bedrooms Simplex 54.00 – 60.50 ตร.ม.

3 bedroom

-

Duplex

1 Bedroom Duplex 41.00 – 42.00 ตร.ม, 2 Bedroom Duplex 45.00 – 76.00 ตร.ม.

Penthouse

-

ประเภทอื่นๆ

-

ความสูงจากพื้นถึงเพดาน

ห้องมาตรฐานแบบ Simplex 2.7 เมตร, ห้องแบบ Duplex 5.5 เมตร

ราคาเริ่มต้น / ตรม.

196,000 บาท/ตร.ม.

ราคาเริ่มต้น / ยูนิต

5.3 ล้านบาท

ค่าส่วนกลาง

75 บาท/ตร.ม./เดือน

Sinking Fund fee

750 บาท/ตร.ม.

สร้างเสร็จ

คาดว่าแล้วเสร็จ ก.ย. 2563

เว็บไซต์

https://www.mjd.co.th/maru/

1266


เพื่อนบ้าน Street View


MARU EKKAMAI 2 พรีเมียมคอนโด ส่วนกลางเยอะ วิวดี เลี้ยงสัตว์ได้ แห่งเดียวบนทำเลเอกมัย

 

เมื่อกลางปีที่แล้ว หลายคนคงจำได้ว่ามีคอนโด ของ Major Development ที่เปิดตัว และสร้างกระแสฮือฮาได้อย่างมาก เพราะการนำเอา “น้องนาย” พระเอกมาดอบอุ่นมาเป็น Presenter กับการนำเสนออิริยาบถต่างๆ ตามคอนเซป ของการเปิดตัวคอนโดใหม่ ภายใต้ชื่อ MARU กับสโลแกน “Live More” พื้นที่ที่ตอบทุกการอยู่อาศัยบนคอนเซปต์ Less is More เพราะนอกจากการมีน้องนายเป็น Presenter แล้วยังเปิดตัวมากับคอนเซปคอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ “Pet-friendly Condominium” เรียกว่าเอาใจกลุ่มคนรักสัตว์ ที่อยากอยู่คอนโด แต่คอนโดทั่วไปก็มีข้อจำกัดในการห้ามเลี้ยงสัตว์ และ MARU ก็เป็นคอนโดเพียงไม่กี่รายที่เพิ่งเปิดตัว และอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ภายใต้ข้อกำหนดของโครงการฯ บนพื้นที่คอนโดที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย แต่ครบทุก function ไม่ว่าจะเป็น

Less Rush – More Relax” ที่สะท้อนความเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่มีครบทุกสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง ผสานกับ “Less indoor – More Exploring” คือการให้พื้นที่ส่วนกลางเยอะ และหลากหลายการใช้งาน ทั้งสวน ธรรมชาติสีเขียว ที่เน้นการใช้พื้นที่ out door มากกว่า indoor มีพื้นที่ Co-working space มากมายตอบสนอง Lifestyle คนเมืองในยุคนี้ “Less Self – More Sharing” และมีพื้นที่ Quiet Room “Less Stress – More Serene” ให้คุณได้มีพื้นที่ส่วนตัวบนพื้นที่ส่วนกลางได้นั่งอ่านหนังสือ หรือใช้สมาธิ กับ วิวเมืองที่รายล้อม และที่สำคัญคือ ตั้งอยู่บนทำเล “Less Social – More Senses” ที่หลีกหนีความวุ่นวายใจกลางเมือง จึงเป็นที่มาของการเลือกทำเลใกล้เมือง ที่ลดความวุ่นวายลง อย่าง MARU Ladprao 15 (มารุ ลาดพร้าว15) และ MARU EKKAMAI 2 (มารุ เอกมัยซอย 2)

แต่ถึงแม้จะมีให้เลือกถึง 2 ทำเล ที่มีความเหมือนกันในแง่ของทำเลที่อยู่อาศัยใกล้เมือง แต่ก็มีความแตกต่างกันของทั้งสองทำเลอยู่พอสมควร

 

อย่างย่านลาดพร้าว 15 เป็นย่านที่อยู่อาศัยทั้งอพาร์ทเม้นท์และบ้านเดี่ยว มีสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้สุดคือ MRT ลาดพร้าวในระยะประมาณ 1.5 กิโลเมตร และมีรถไฟฟ้า BTS สถานีพหล 24 (สถานีในอนาคต) ที่จะมาตั้งอยู่ และมาพร้อมกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ระหว่าง G Land และ BTS ส่วนในปัจจุบัน พื้นที่โดยรอบมีร้านค้า ร้านอาหารกระจายตัว รวมทั้งมี Lifestyle Mall กระจุกตัวอยู่ที่ห้าแยกลาดพร้าวจุดตัดของสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(สายอนาคต) ทั้ง Central Plaza Ladprao และ Union Mall รวมทั้งมีร้านอาหาร และแหล่ง hangout ที่รายล้อมพื้นที่อีกมากมาย

 

ส่วนเอกมัย 2 เป็นซอยที่รายล้อมด้วยอาคารขนาดกลาง ทำให้พื้นที่มีวิวที่เปิดโล่งรอบด้าน ตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย พื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยสถานีขนส่งเอกมัย อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต community mall ทั้ง Gateway เอกมัย, Major Sukhumvit, Parklane, Big C, Ekkamai mall (ในอนาคต) และยังไม่รวมถึงร้านค้าร้านอาหาร รวมทั้งแหล่ง Nightlife ย่านทองหล่อ เอกมัยที่เชื่อมต่อกันอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของย่าน Lifestyle ใกล้เมือง ในปัจจุบันที่พร้อมใช้มากกว่าย่านลาดพร้าว

รวมทั้งยังมีทางเลือกการเดินทางที่หลากหลาย ทั้ง สถานีรถไฟฟ้า หรือรถยนต์ส่วนตัว เพราะถนนเอกมัยเชื่อมต่อกับทั้งสุขุมวิท ซอยทองหล่อ รวมทั้งเชื่อมไปออกยังถนนเพชรบุรีได้อีกด้วย

วันนี้เราจึงพามาชมคอนโดแบรนด์ MARU บนทำเลเอกมัย ทำเลที่พร้อมสำหรับการอยู่อาศัย กับ MARU EKKAMAI 2 ที่ตั้งอยู่ติดถนนเอกมัย หรือซอยสุขุมวิท 63 ใกล้กับเอกมัยซอย 2 บนที่ดินผืนสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 1-2-77 ไร่

โครงการแบ่งพื้นที่สวนส่วนกลางและพื้นที่ก่อสร้างอาคาร เป็นสัดส่วนเกือบอย่างละครึ่ง เราจะมาทำความรู้จักกับแต่ละส่วนของพื้นที่ส่วนกลางของโครงการกันก่อน ซึ่งต้องบอกว่า MARU EKKAMAI 2 คือโครงการที่ให้พื้นที่ส่วนกลางมาหลายชั้น หลายประเภท จุใจทั้งผู้พักอาศัยและสัตว์เลี้ยงแน่นอน

โดยมีพื้นที่ส่วนกลางตั้งแต่ทางเข้าโครงการ ไปจนถึงตัวอาคารเป็น Wellness yard ที่แบ่งพื้นที่ด้วยการไล่ระดับ แบ่งการใช้งานเป็น Trampoline station , Bar & Stretching station และ Exercise Bench พื้นที่วิ่งเล่น ออกกำลังกาย แบบหลากหลาย

Community pods / chatting circle รวมทั้งมีมุม Teahouse pavilion ที่อยู่ท่ามกลางสวน และเชื่อมต่อกับ Cascading water feature , Extension Co-working terrace

และ Bark and Bike wash ที่อาบน้ำสัตว์เลี้ยงและล้างรถจักรยาน Bicycle parking rack with Tire inflator ที่จอดรถจักรยานพร้อมเครื่องเติมลมอัตโนมัติ ตอบโจทย์สำหรับนักปั่นตัวจริง

ที่แทรกไปตามพื้นที่สวนทั้ง Soft scape และ Hard scape รวมทั้ง Entrance walkway with reflecting pond ทางเดิน ทีประดับด้วยต้นไม้และหินธรรมชาติ ให้ความรู้สึกสงบเชื่อมเข้าสู่โถง Lobby ภายในตัวอาคาร

ที่ออกแบบโดยดึงธรรมชาติภายนอก เข้าสู่ภายในผ่านกระจกบานใหญ่ ทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับธรรมชาติแม้อยู่ภายในอาคาร

นอกจากพื้นที่สวนที่ชั้น G แล้ว ยังมีสวนแทรกไปตามชั้นต่างๆของอาคาร ทั้ง Study box , Napping box และ Honeymoon seat terrace ที่ชั้น 28 สำหรับการทำ workshop หรือกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน

และยังมี Facility หลักที่ชั้น 31 อย่าง infinity edge swimming pool ที่แบ่งพื้นที่เป็น shallow pool with fountains , Kid’s pool, warm pool และมี pool bed ที่ออกแบบให้เชื่อมและเป็นส่วนหนึ่งของสระหลัก

รายล้อมด้วย Co-creation space ขนาดใหญ่ที่สามารถเห็นวิวได้โดยรอบ

แถมยังเชื่อมกับ sunset balcony และ outdoor co-kitchen terrace ได้โดยตรง

 

และยังมี daybed กลางสวน และติดริมสระน้ำที่มุมสุดทางเดิน ให้ได้พักผ่อนแบบส่วนตัว ในโซน outdoor

ส่วนพื้นที่ indoor แบ่งเป็นพื้นที่ Music rehearsal room ,Karaoke room รวมทั้ง sauna พื้นที่สำหรับพักผ่อน ผ่อนคลายกับเสียงเพลง

และ quiet room ห้องเงียบไร้เสียง ที่ออกแบบให้แต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัว มีมุมส่วนตัวเพื่อทำสมาธิ อ่านหนังสือ หรือทำงานที่ต้องการความเงียบได้

ห้องฟิตเนตที่โอบล้อมด้วยวิวเมืองโดยรอบ

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สวนที่ชั้นดาดฟ้า แบบเต็ม floor ที่จัดสัดส่วนแบ่งการใช้พื้นที่หลากหลาย ทั้ง Stargazing deck พื้นที่ส่วนกลางที่รายล้อมด้วย Outdoor co-working pavilion ,Napping hill, Terrarium house และ Roof urban farm area พื้นที่ workshop ฝึกฝนกิจกรรมต่างๆ ในบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ ท้องฟ้า และสนามหญ้า

 

นอกจากนี้ยังแบ่งพื้นที่ด้วยการจัด Landscape ให้มีโซนและมุมการใช้งานย่อยๆ ทั้ง Reading forest , Outdoor chess terrace, BBQ sunken courtyard with seating box, BBQ Pit & Preparation area, Children’s play forest  และ Relax hill

รวมทั้งพื้นที่จอดรถ 48% ที่มีทั้งที่จอดอัตโนมัติ และจอดแบบธรรมดา  พร้อม EV Charger 2 outlets ไว้รองรับ

ในส่วนของคอนเซปต์ Pet Friendly ถือว่ายังมีข้อจำกัดของการเลี้ยงสัตว์อยู่ค่อนข้างมาก เพราะส่วนหนึ่งอาจต้องอาศัยกำลังซื้อจากกลุ่มคนที่ไม่เลี้ยงสัตว์อยู่ส่วนหนึ่ง รวมทั้งกฎของการเลี้ยงก็มีอยู่มาก อาทิ สัตว์เลี้ยงต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม ผู้เลี้ยงต้องจ่ายค่าส่วนกลางเพิ่ม 3,600 บาท/ปี กับค่าลงทะเบียนแรกเข้า กับจำนวนสัตว์เลี้ยง 1 ตัวต่อ 1 ห้อง และพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงเดินและสามารถเข้าถึงได้ มีแค่พื้นที่สวนชั้น G และ Roof top รวมทั้งมีข้อกำหนดให้ใช้ลิฟท์เซอร์วิส ในการพาสัตว์เลี้ยงเข้าสู่พื้นที่พักอาศัย แต่หากใช้พื้นที่อื่นๆ ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องอุ้ม หรือใช้อุปกรณ์เช่นรถเข็น ตระกร้าใส่ เป็นต้น

 

แต่ทั้งนี้ก็มาพร้อมกับห้องพักที่ออกแบบมาพร้อมกับพื้นที่สวนส่วนตัว เหมาะสำหรับเป็นที่วิ่งเล่นของสัตว์เลี้ยง และพื้นที่พักผ่อนของคุณ แต่ก็น่าเสียดายไม่น้อย ที่ห้องType นี้มีเพียง 4 ยูนิต ที่ชั้น 9 มี 3 ยูนิต

เป็นห้อง 2Bedroom ขนาด 60.5 Sq.m. 1 Bedroom ขนาด 29.5 Sq.m. และ 2 Bedroom ขนาด 54 Sq.m.

และชั้น 28 มีเพียงห้องเดียว

คือ 2 bedroom duplex ขนาด 76 Sq.m.

และที่สำคัญห้องพิเศษทั้ง 4 ห้อง ขายไปหมดแล้ว รวมทั้งห้องอื่นๆในโครงการที่ขายไปแล้วกว่า 80% เพราะ มีห้องขนาดไม่ใหญ่มาก รวมทั้งยังมีหลาย layout ห้อง ซึ่งแตกต่างกับโครงการอื่นๆในย่าน เอกมัย ที่เน้นขายห้องขนาดใหญ่ ทำให้ราคาขายรวมค่อนข้างสูง  MARU จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่เน้นการใช้ชีวิตในเมือง

 

ซึ่งห้องที่เหลืออีก 20% คือห้อง 1 Bedroom ทรงลึก ห้อง compact ที่แบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วน

1 Bedroom Duplex ห้อง Duplex แยกห้องนอนที่ชั้นลอย ระเบียงกว้างและใช้พื้นที่ใต้บันไดอย่างคุ้มค่า เหลือแค่ที่ชั้น 30 เพียงชั้นเดียว

และ 2 Bedroom 2 ห้องน้ำ ห้องหน้ากว้าง ครัวปิด และห้องนอนติดอากาศทั้งสองห้อง เหลือทั้งขนาด 55 และ 59.5 Sq.m.

ที่ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก โดยจะได้วิวประมาณด้านล่างนี้ครับ

ซึ่งโครงการฯขายแบบ Fully Fitted คือให้ครัว ห้องน้ำ ตู้เก็บของและรองเท้า แอร์ และ wallpaper สีขาว

 

โดยห้องตัวอย่างที่โครงการมีให้ดูเป็น 1 Bedroom Type S 29.5 Sq.m. และ 1 Bedroom Duplex Type C 42 Sq.m.

 

เรามาดูห้องแรก 1 Bedroom Type S 29.5 Sq.m.

ภายในห้องเป็นห้องแนวลึก พื้นห้องปูด้วยลามิเนตสีน้ำตาลอ่อน สร้างความสว่าง พร้อมกับความสูงห้อง 2.7 เมตร ที่เชี่อมจากหน้าทางเข้าสู่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่ปลายสุดของห้อง

จากทางเข้าห้อง ด้านซ้ายโครงการ built-in ตู้เก็บของ และเก็บรองเท้าไว้ให้ พร้อมชั้นวางเป็นสัดส่วน

ด้านขวาโครงการให้ครัว built-in สูงจรดเพดาน

แบ่งเป็นเคาท์เตอร์ครัว ที่โครงการให้ เตาไฟฟ้า 2 หัว และอ่างล้างจาน

มีผนังกันกระเด็น กันเปื้อน พร้อมราวแขวนอุปกรณ์

ที่ด้านล่างของเคาท์เตอร์ แบ่งเป็นพื้นที่ตู้และชั้นเก็บอุปกรณ์ทำครัว พร้อมเจาะช่องสำหรับวางไมโครเวฟ

ที่ด้านบนเป็นชั้นวางของ หน้าบานเป็นกระจกขุ่น พร้อมที่ดูดอากาศ

โดยโครงการให้ชุดอุปกรณ์ครัวของ FRANKE ทั้งหมด

ปลาย built-in ครัวเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น

ถัดจากที่วางตู้เย็น มีพื้นที่เล็กๆ สามารถวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้

ติดกัน เป็นกระจกตั้งทำมุม สามารถเปิดเป็นประตูกั้นระหว่างห้องครัวและพื้นที่ห้องนอนด้านในได้

ที่ห้องนอน แบ่งพื้นที่ภายในด้านซ้ายของห้อง เป็นส่วนของห้องน้ำ โดยมีพื้นที่ด้านหน้าติดทางเข้า สามารถวางตู้เสื้อผ้า หรือ ทำเป็น walk-in closet เพื่อความกว้างของพื้นที่ได้

ด้านในห้องน้ำ แบ่งพื้นที่ส่วนแห้งไว้ติดทางเข้าและพื้นที่ส่วนเปียกที่ด้านใน กั้นด้วย shower glass

ที่ส่วนแห้ง โครงการให้ อ่างล้างหน้า และตู้เก็บอุปกรณ์อาบน้ำแบบแขวนผนัง พร้อมกระจกบานใหญ่ที่ด้านซ้ายของทางเข้า

ส่วนด้านขวา เป็นมุมวางโถสุขภัณฑ์ ของ HAFELE

พื้นที่ส่วนเปียกด้านใน โครงการยกพื้นเป็นขอบกั้นน้ำ

ด้านในโครงการให้ hand shower ของ KOHLER

พร้อมช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำแบบฝังผนัง

ติดประตูทางเข้าห้องนอน เป็นที่วางเตียง ที่สามารถวางเตียง Queen size พร้อมโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองด้าน

ที่ปลายเตียงมีพื้นที่พอให้ตั้งโต๊ะหรือชั้นวางทีวี หรือจะใช้วิธีติดที่ผนังก็จะมีพื้นที่ปลายเตียงเพิ่มมากขึ้น

ด้านในสุดของห้อง ติดหัวเตียงเป็นพื้นที่กระจกเข้ามุม สามารถวาง day bed หรือโซฟาเข้ามุมไว้นั่งชมวิว คิดงาน หรือเปลี่ยนบรรยากาศได้

ติดกันเป็นประตูบานเลื่อนออกสู่ระเบียง

ที่ระเบียงมีขนาดกะทัดรัด สามารถวางกระถางต้นไม้ได้

และมีมุมมองเชื่อมกับกระจกเข้ามุมที่ด้านในห้อง

ห้องนี้เหมาะกับอยู่คนเดียวไม่เกิน 2 คน เพราะขนาดห้องค่อนข้างกะทัดรัด สำหรับคนที่จะเลี้ยงสัตว์ อาจต้องเป็นสัตว์ขนาดเล็ก เพราะภายในห้องมีพื้นที่จำกัด

 

อีกห้องเป็น 1 Bedroom Duplex Type C 42 Sq.m.

ภายในห้องเป็น Duplex แบ่งเป็น 2 ชั้น

ชั้นล่างเป็นพื้นที่ living area สูงกว่า 5.5 เมตร

ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอน 1 ห้อง

จากทางเข้า ด้านซ้ายโครงการ built-in ตู้เก็บของใต้บันได จำนวน 3 ส่วน สีขาว ดูเป็นผนังเดียวกับผนังห้อง

แบ่งเป็นตู้วางของขนาดเล็ก แต่มีพื้นที่พอให้วางตระกร้าผ้า หรือเก็บของได้

ส่วนที่สองเป็นพื้นที่ชั้นที่แบ่งเป็นสัดส่วน สามารถวางทั้งกระเป๋าเดินทาง หรือวางรองเท้าได้

พื้นที่ส่วนที่กว้างและสูงที่สุด เป็นตู้เสื้อผ้า พร้อมชั้น และที่เก็บกระเป๋าด้านบน หน้าบานเป็นกระจกบานเต็ม เชื่อมกับห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ด้านขวาเป็นห้องน้ำ

ด้านในห้องน้ำ แบ่งพื้นที่ส่วนแห้งไว้ด้านขวา ติดทางเข้าและพื้นที่ส่วนเปียกที่ด้านซ้าย กั้นด้วย shower glass

ที่ส่วนแห้ง โครงการให้ อ่างล้างหน้า และตู้เก็บอุปกรณ์อาบน้ำแบบแขวนผนัง พร้อมกระจกบานใหญ่ที่ด้านขวาของทางเข้า

ติดกัน เป็นที่วางโถสุขภัณฑ์ ของ HAFELE

ด้านในโครงการให้ hand shower ของ KOHLER

พร้อมช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำแบบฝังผนัง

ถัดจากห้องน้ำ เป็นพื้นที่ living area แบ่งพื้นที่ด้านขวาเป็นครัวเปิด built-in เต็มแนวผนัง

โครงการให้ครัว built-in สูงจรดเพดานส่วน Duplex ปลาย built-in ครัว ติดทางเดิน เป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น

แบ่งเป็นเคาท์เตอร์ครัว ที่โครงการให้ เตาไฟฟ้า 2 หัว และอ่างล้างจาน

มีผนังกันกระเด็น กันเปื้อน พร้อมราวแขวนอุปกรณ์

ส่วนที่ด้านล่างของเคาท์เตอร์ แบ่งเป็นพื้นที่ตู้และชั้นเก็บอุปกรณ์ทำครัว พร้อมเจาะช่องสำหรับวางไมโครเวฟ

ที่ด้านบนเป็นชั้นวางของ หน้าบานเป็นกระจกขุ่น พร้อมที่ดูดอากาศ

โดยโครงการให้ชุดอุปกรณ์ครัวของ FRANKE ทั้งหมด

ที่ผนังด้านขวาถัดจากครัว เป็นผนังสูงสามารถ built-in เป็นชั้นวางของ เพิ่มพื้นที่ใช้งานได้ที่มุมนี้

ปลายสุดของพื้นที่ living กว้างพอให้วาง โต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง

และชุดโซฟา สำหรับ 2-3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลาง

ไว้นั่งดูทีวี หรือชมวิวภายนอก

เพราะเชื่อมกับกระจกบานสูง และประตูบานเลื่อนออกระเบียง

ที่ระเบียงกว้าง 80 เซนติเมตร และยาวเท่าความกว้างห้อง สามารถเปิดเชื่อมพื้นที่ หรือแยกใช้งานเป็นสัดส่วนได้

ด้านข้างครัว ติดมุมวางชุดโซฟา เป็นบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมราวจับ เชื่อมสู่ชั้นลอยด้านบน

ที่ชั้นลอย เป็นพื้นที่ห้องนอน มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ที่ผนังห้อง เชื่อมมุมมองกับพื้นที่ living ด้านล่าง

ที่ห้องนอน มีขนาดกะทัดรัด สามารถวางเตียง Queen size

พร้อมโต๊ะหัวเตียงทั้งสองด้าน

พื้นที่ปลายเตียงสามารถติดทีวีแบบแขวนผนังได้

ห้องนี้เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศคอนโดแบบเหมือนอยู่บ้าน แบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจน และใช้พื้นที่ทุกส่วนแบบคุ้มค่า รวมทั้งห้องนี้เหมาะสำหรับเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กๆมากกว่าห้อง 1 Bedroom ห้องตัวอย่างห้องแรก เพราะยังมีมุมและพื้นที่ living ให้น้องแมว น้องหมาได้พอวิ่งเล่น มากกว่า

 

วิเคราะห์ความน่าสนใจเกี่ยวกับ MARU EKKAMAI 2

เมื่อช่วงปีที่แล้วโครงการภายใต้แบรนด์ MARU นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างงดงามทั้งในแง่ของภาพลักษณ์ การบอกต่อ รวมไปถึงยอดขาย ที่สามารถกวาดยอดขายจากคนต่างชาติไปได้มากกว่า 36% ภายใต้การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำของสิงค์โปร์อย่าง DWG ที่เชื่อมั่นตัวโครงการ MARU ทั้งสองแห่งจนถึงขั้นเหมาๆยกล๊อตเพื่อนำไปขายต่อให้นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะสิงค์โปร์ และฮ่องกง

 

สำหรับในหมู่คนไทย ภาพลักษณ์ของแบรนด์ MARU ถูกกลั่นกรองให้มีความละเมียด ละไม ด้วยการออกแบบที่เลือกใช้รูปแบบของเส้นตรงมาใช้ในการออกแบบและตกแต่ง ใช้โทนสีที่เรียบง่าย ตามรูปแบบ Minimal Design เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสงบนิ่ง แต่ทว่ามั่นคง ด้วยการออกแบบอย่างสมดุล ตามวิถีเซน (Zen) ที่เชื่อเรื่องความสงบนิ่ง และอยู่กับธรรมชาติ มอบพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์คนเมือง โดยสิ่งเหล่านี้คงจะถูกสื่อสารออกไปในวงกว้างสู่กลุ่มเป้าหมายหลักไม่ได้หากขาดพรีเซนเตอร์สุดฮอตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอย่างน้องนาย ที่สื่อความเป็นตัวตนของแบรนด์ MARU อันแสนอบอุ่น มิตรภาพและความรักที่มีต่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรดได้เป็นอย่างดี…การได้น้องนายเป็นพรีเซนเตอร์นั้น ทำให้กลุ่มคนวัย Millennials ส่วนใหญ่ที่หลายๆครั้งไม่ได้มองว่าการซื้อคอนโดเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ได้ต้องการซื้อเพื่อลงทุนอะไรในระยะยาว มากเท่ากับความสนุกแบบ Active อยู่ท่ามกลางไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ กับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน หรือจะกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก หันกลับมาอยากใช้ชีวิต ในแบบเรียบง่าย แต่ไม่ธรรมดา เหมือนน้องนายบ้าง

 

ที่สำคัญคือในบรรดา MARU ทั้ง 2 ทำเลอย่างลาดพร้าว และเอกมัย นั้นดูเหมือนว่า MARU EKKAMAI 2 จะมีแต้มต่อเล็กๆในหมู่แฟนคลับของน้องนาย เช่นเดียวกับในหมู่ของกลุ่มคนซื้อคอนโดเพื่อลงทุนเก็บค่าเช่า และรอวันเก็บเกี่ยว Capital Gain ที่พร้อมผลิดอกออกผล ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคอนโด High Rise ระดับพรีเมียมเพียงไม่กี่โครงการในย่านเอกมัยใต้ ที่มีราคาต่อตรม.เริ่มต้นเพียงแค่แสนกลางๆ

 

หากกล่าวถึงทำเลเอกมัย หลายคนจะนึกถึงซอยสุขุมวิท 61, 63 และในยุคปัจจุบันอาจจะเลยไปที่ฝั่งซอยสุขุมวิท 42 อันเป็นที่ตั้งของ GATEWAY เอกมัย แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนทำเลเอกมัยแท้ๆ ในสายตาของคนไทย และ Expat ส่วนมากก็ยังคือซอยสุขุมวิท 63 เนื่องจากที่นี่เป็นย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำคู่ขนานกับถนนทองหล่อที่เหมาะกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม แม้ว่าจะมีร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกไม่มากเท่ากับย่านทองหล่อ เนื่องจากความกว้างของถนนมีน้อยกว่า อีกทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่มีทั้งอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ปั้มน้ำมัน รวมถึงบ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์ที่เรียงรายอยู่ตลอดสองแนวข้างทาง แต่ลักษณะทางกายภาพของสุขุมวิท 63 นั้นกลับเชื่อมต่อไปยังทำเลสำคัญอื่นๆใกล้เคียงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นพระโขนง ผ่านทางซอยเอกมัย 12 ลัดไปยังสุขุมวิท 71  หรือถนนเพชรบุรีตัดใหม่ที่อยู่ติดกับฝั่งเอกมัยเหนือ หรือจะข้ามสะพานไปยังถนนพระรามเก้า ข้ามแยกไปถนนเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ก็สะดวกสบาย ส่วนที่บอกว่าเป็นคู่ขนานกับทองหล่อก็เป็นเพราะถนนเอกมัยยังมีซอยย่อยที่ไปออกทองหล่อได้อีกถึง 2 ซอยคือซอยเอกมัย 5 ที่เชื่อมไปยังทองหล่อ 10 ซอยเอกมัย 21 ที่เชื่อมไปยังทองหล่อ 20 ดังนั้นหากได้มาลองใช้ชีวิตอยู่ที่เอกมัยจริงๆก็จะพบว่าไลฟ์สไตล์จะไม่ได้แตกต่างจากย่านทองหล่อไปสักเท่าไหร่

 

ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีดีเวลลอปเปอร์หลายรายเริ่มเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 63 มากขึ้น พอๆกับฝั่งซอยสุขุมวิท 42 ที่สามารถเข้าจากฝั่งถนนพระราม 4 ช่วงแยกกล้วยน้ำไท และเดินรถได้ทางเดียวเท่านั้น อีกทั้งส่วนใหญ่ก็เป็น Condo แบบ Low Rise ทำให้ Value ของโครงการในฝั่งนี้ค่อนข้างเสียเปรียบฝั่งสุขุมวิท 63 มาก และหากเปรียบเทียบกับซอยคู่ขนานกันอย่างทองหล่อโครงการคอนโดใหม่ๆในช่วง 3 ปีให้หลังล้วนแต่มียอดขายที่สูงมากพอๆกันแม้ว่าจำนวนโครงการในซอยเอกมัยจะมีไม่มากเทียบเท่ากับซอยทองหล่อแต่ก็มีโครงการใหม่ๆ เปิดขายต่อเนื่องไล่ตั้งแต่เอกมัยใต้ที่มีทั้ง Rhythm Ekkamai, Maru Ekkamai 2, The Reserve Sukhumvit 61 ไปจนถึงช่วงตอนกลางอย่าง M Thonglor 10, Taka Haus, The Fine Ekkamai, XT Ekkamai และเอกมัยเหนือที่มี C Ekkamai จนตามมาด้วย PITI EKKAMAI และน่าจะมีอีกหลายโครงการตามมา จนจำนวน Supply คอนโดใหม่เริ่มขยับเข้ามาใกล้กับทองหล่อมากขึ้นทุกทีด้วยจำนวนยูนิตของแต่ละโครงการที่มากกว่า จากข้อได้เปรียบในเรื่องของขนาดพื้นที่ดินในการพัฒนาโครงการ

และในมุมมองของคนที่ต้องการซื้อปล่อยเช่า ด้วยต้นทุนราคาคอนโดที่ยังถูกกว่าย่านพร้อมพงษ์ และทองหล่อเกือบ 50% สำหรับคอนโดเปิดใหม่ คอนโดในซอยสุขุมวิท 63 เป็นที่นิยมสำหรับการปล่อยเช่าในหมู่นักลงทุน ประกอบกับสุขุมวิท 63 สามารถเดินทางเชื่อมระหว่างทองหล่อ (สุขุมวิท 55) และพระโขนง (สุขุมวิท 71) โดยมีซอยย่อยเชื่อมสามทำเลนี้เข้าด้วยกัน เช่น ซอยแจ่มจันทร์ เชื่อมระหว่างทองหล่อและเอกมัยเหนือ และซอยเอกมัย 12 เชื่อมระหว่างซอยทองหล่อ 10 และซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ถือเป็นเส้นทางนิยมสำหรับลัดเลาะระหว่างทองหล่อ เอกมัยและพระโขนง ทำให้มี Apartment, Serviced apartment ราคาแพง คอนโดปล่อยเช่า หรือแม้กระทั่งบ้านเดี่ยวให้เช่าค่อนข้างเยอะ จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเอกมัยยังคงเป็นที่นิยมสำหรับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวและยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง

 

MARU EKKAMAI 2 นับว่าเป็นโครงการคอนโด High Rise ที่ตั้งอยู่ในช่วงเอกมัยใต้ ย่านที่มีจุดเด่นตรงที่ความใกล้รถไฟฟ้าสถานีเอกมัย เพียง 450 เมตรและถนนสุขุมวิท ใกล้ช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ถึง 3 แห่งคือ Gateway เอกมัย, Major Cineplex และ Big C เอกมัย เช่นเดียวกับ Neighborhood Mall ขนาดย่อมอย่าง Parklane เอกมัย เมื่อประกอบกับมีอาคารสำนักงานขนาดกลางอย่างอาคารสรชัย Bangkok Business Center สถานีขนส่งเอกมัย และวัดธาตุทองตั้งอยู่ในแถบนี้ MARU EKKAMAI 2 จึงตั้งอยู่ในจุดที่คึกคักที่สุดของซอยสุขุมวิท 63 โดยเฉพาะในช่วงเช้าไปจนถึงค่ำ จึงทำให้มีปริมาณการเข้าออกผ่านไปผ่านมาของผู้คน หลากหลายประเภทมากกว่าช่วงเอกมัยเหนือ

ในแง่ของจุดเด่นโครงการนอกจากโครงการจะมีพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งผู้พักอาศัย และสัตว์เลี้ยงที่กระจายตัวลดหลั่นกันไปในแต่ละชั้นแล้ว ที่นี่ยังมีรูปแบบยูนิตที่โดดเด่นกว่าโครงการอื่นๆด้วยห้องมาตรฐานแบบ Simplex เพดานสูง 2.7 เมตร และห้องแบบ Duplex เพดานสูง 5.5 เมตร ซึ่งเป็นห้องที่ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากเหมือนกับอีกหลายๆคอนโดในย่านเอกมัยที่เน้นจับกลุ่ม Family และ Expat ระดับผู้บริหารรายได้ต่อเดือนสูง ในทางกลับกัน MARU EKKAMAI 2 นั้นดูจะจับต้องได้มากกว่าในสายตาของกลุ่มคนชั้นกลางทั่วไปเพราะห้องเริ่มต้นนั้นมีขนาดเพียงแค่ 29 ตรม.เท่านั้น แถมห้อง Duplex ที่ได้ความสูงโปร่งโล่ง มากกว่าห้องสไตล์ LOFT ก็มีขนาดเริ่มต้นเพียง 41 ตรม. และยังได้พื้นที่รวมในโฉนด จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดูดีกว่าการเลือกซื้อห้อง LOFT ทั่วไป

MARU EKKAMAI 2 ยังเพิ่มความ Mass ให้กับตัวโครงการไปอีกขั้น ด้วยการอนุญาตให้ผู้พักอาศัยสามารถเลี้ยงสัตว์อย่างสุนัข และแมว ได้ยูนิตละ 1 ตัวโดยที่ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 20 กก.แต่การที่จะเลี้ยงได้ก็ต้องอยู่ในกรอบระเบียบ กติกาที่ทางโครงการกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เนื่องจากที่นี่เป็นคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ หาใช่คอนโดที่สร้างมาเพื่อคนรักสัตว์แต่อย่างใด ดังนั้นจึงหมายความว่ากลุ่มผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ที่ทาง MJD วางเอาไว้ก็คือกลุ่มคนที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์เป็น Main Priority ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็ดูจะไม่ค่อยโอเคกับเสียง กลิ่น และพฤติกรรมหลายๆอย่างของสัตว์เลี้ยง ตรงจุดนี้ผมมองว่าหากมีดีเวลลอปเปอร์ไหนที่ต้องการพัฒนาคอนโดให้ตอบโจทย์ความเป็น Niche แบบคนรักสัตว์จริงๆ ก็ควรที่จะ Focus 100% ไปเลยกับคนกลุ่มนี้ โดยการพัฒนาโครงการทั้ง Function & Layout ทั้งภายในและภายนอกห้อง ให้ตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีความชอบในแบบเดียวกัน ให้สามารถอยู่ร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงแสนรักได้อย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ…เชื่อว่าตอนนี้ MJD กำลังอยู่ในช่วงทดลองอะไรหลายๆอย่าง ว่าควรจะเดินหน้าพัฒนา Pet Friendly Condo เต็มๆไปเลยไหม หรือว่าจะเลือกกินรวบแบบที่ผ่านๆมา ซึ่งดูแล้วน่าจะเหมาะกับสำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์แบบไม่จริง จัง ไปๆกลับๆระหว่างคอนโดและบ้านที่มีอาณาบริเวณให้สัตว์เลี้ยงได้วิ่งเล่นอย่างมีความสุขมากกว่า ซึ่งสำหรับที่ MARU EKKAMAI 2 ผมมองว่าน่าจะมีห้องราวๆ 4 ห้องที่ได้พื้นที่สวนขนาดใหญ่บริเวณระเบียง ที่เหมาะกับการให้สัตว์เลี้ยงได้เดินเล่น พักผ่อน ในบรรยากาศ Open Air เปิดโล่งได้เป็นอย่างดี แต่ยูนิตเหล่านี้ก็ขายหมดอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว ซึ่งใครที่อยากจะเลี้ยงสัตว์แบบจริงจัง ก็ควรที่จะไปมองหาห้องรีเซลเหล่านี้ครับ

 

แต่เอกมัยก็คือเอกมัย ด้วยจำนวนยูนิตของคอนโดในย่านเอกมัยใต้ที่มักจะมีสัดส่วนยูนิตที่น้อยกว่าฝั่งเอกมัยเหนือรวมถึงความได้เปรียบของการเดินรถที่เข้าออกได้สองทาง ต่างจากฝั่งสุขุมวิท 42 ทำให้ MARU EKKAMAI 2 นั้นกุมความได้เปรียบจากหลายๆโครงการด้วยความใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ห้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับราคาเฉลี่ยในปัจจุบันนี้ (กค. 2018) ที่อยู่ราวๆตรม.ละ 196,000 บาท ถึงแม้ว่าจะปรับขึ้นสูงจากปีที่แล้วที่เริ่มต้นที่ตรม.ละแสนห้าพอสมควร แต่ก็ยังนับว่าถูกกว่าทุกคอนโดบนทำเลเดียวกัน…ยอดขายที่สูงถึง 80% โดยที่ยังไม่ได้สร้าง Sales Gallery และยอด Walk in พร้อมจองที่เข้ามาเรื่อยๆตั้งแต่ที่เริ่มเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างล้วนแต่เป็นบทพิสูจน์ในความน่าซื้อของ MARU EKKAMAI 2 ได้เป็นอย่างดีครับ

 

ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ www.mjd.co.th/maru  หรือโทร 1266 โดยตอนนี้ Sales Gallery พร้อมเปิดให้เข้าชมทุกวันที่บริเวณโครงการจริงปากซอยเอกมัย 2 ครับ



เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์


PropScore™ 3.7

SCORE:
0.0
From : 0 รีวิว


ยังไม่มีการให้คะแนนและ Comment โครงการนี้


TAIT Sathorn 12 เปิดห้องตัวอย่างใหม่ 1 Bed Iconic Suite แต่งครบ สไตล์ Classical American โดย ‘CHANINTR’ แค่ยูนิตเดียวเท่านั้น!

โครงการ TAIT Sathorn 12 ตอนนี้เค้ามีห้องเหลือขายแค่ 14 ห้องเท่านั้นครับ โดยเป็นห้อง 1 Bed Iconic ขนาดประมาณ 68 ตรม. 4 ห้อง 2 นอนอีกประมาณ 6 ห้อง นอกนั้นจะเป็น 1 นอนขนาดเล็กครับ ซึ่งตอนนี้โครงการก็ไ... อ่านต่อ

25 April, 2024



ข้อเท็จจริง และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ระหว่างอสังหาฯรูปแบบ Freehold และ Leasehold

ในปีนี้เราจะมีโอกาสได้เห็นโครงการ Leasehold ที่กำลังจะสร้างเสร็จพร้อมอยู่หลายที่ครับ แล... อ่านต่อ
17 April, 2024

คัดสรรให้! งบ 7 ลบ. ก็หาซื้อคอนโดหรูพร้อมอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ – ทองหล่อ – เอกมัย ได้

หลังจาก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมท... อ่านต่อ
12 April, 2024

เคาะแล้ว! แพคเกจกระตุ้นตลาดอสังหาฯ โดยกระทรวงการคลัง

สืบเนื่องมาจากข้อมูลของกระทรวงการคลังที่รายงานครม.ไปว่าในช่วงไตรมาสสี่ของปีที่ผ่านมา ภา... อ่านต่อ
10 April, 2024

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง