รีวิว Supalai Oriental Sukhumvit 39 คอนโดที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ของอารยธรรมตะวันออก สอดคล้องหลัก ฮวงจุ้ย พร้อมที่จอดรถ 100% หาไม่ได้อีกแล้วบนสุขุมวิท 39

สุขุมวิทตอนกลาง ช่วงตั้งแต่อโศกไปจนถึงเอกมัย เป็นย่านที่มี Lifestyle อันหลากหลายตลอด 24 ชั่วโมง เป็นย่าน High End Residential Area ที่มีผู้คนพักอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะแถบเอเชีย อย่างญี่ปุ่น และเกาหลี ที่มักเลือกพักอาศัยในคอนโดและอพาร์ทเมนท์ในย่านพร้อมพงษ์ ทองหล่อ โดยภายในซอยสุขุมวิท 39 ที่นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางของย่านพร้อมพงษ์ ก็จะเป็นย่านที่มีคนญี่ปุ่นอยู่กันจำนวนมากจนกลายเป็น Community ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพชั้นใน อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ รถไฟฟ้าและเรือ จึงทำให้ราคาที่ดินและราคาคอนโดในย่านนี้ดีดตัวขึ้นสูงมากขึ้น จนหลายๆ คอนโดเปิดใหม่มีราคาขายที่มากกว่าตารางเมตรละสามแสนเข้าไปแล้ว โดยเฉพาะคอนโดที่อยู่ในรัศมี 2 กม.จากอาณาจักร The Em District ซึ่งเป็น Shopping Landmark ชั้นนำระดับโลก บริเวณซอยสุขุมวิท 39 ฝั่งถนนใหญ่สุขุมวิท

คงจะดีไม่น้อยหากจะมีคอนโดที่มีราคาขายไม่แรงมากนักมาเปิดตัว เพื่อเอาใจกลุ่มผู้ซื้อที่มองหาที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่แพงรวมไปถึงนักลงทุนสายปล่อยเช่าชาวญี่ปุ่นในย่านนี้บ้าง โดย Supalai Oriental Sukhumvit 39 (ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39) ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ตรงกับใจใครหลายๆ คน เพราะเป็นโครงการแบบ High Rise พร้อมด้วย facilities ขนาดใหญ่โตที่สุดบนสุขุมวิท 39 เดินทางสะดวกด้วยรถยนต์ในแบบที่ไม่ต้องขับอ้อมถนนเพราะเป็นเส้นทาง 2 เวย์ รถสวนทางกันได้ ต่างกับช่วงอื่นๆในซอยที่ต้องเดินรถแบบทางเดียว…ทั้งนี้ แค่ความคุ้มค่าคงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ Supalai Oriental Sukhumvit 39 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคอนโดแบรนด์เนมราคาประหยัดในย่านสุขุมวิทตอนกลาง ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ แต่โครงการนี้ยังมีเหตุผลที่คู่ควรกับการเป็นเจ้าของมากถึง 12 ข้อ อาทิ 1. EASY ACCESS: การเข้าถึงง่าย โครงการตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท ทำให้เกิดความสะดวกสบายต่อการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในใจกลางเมือง 2. CONVENIENCE: แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง Office building และห้างสรรพสินค้าชื่อดัง 3. PARKING: ที่จอดรถรองรับทุกยูนิต แบบ 100%  4. 3 RAI GREEN AREA: สวนขนาดใหญ่ใจกลางเมืองด้วยพื้นที่สีเขียวมากกว่า 3ไร่ (พื้นที่เปิดโล่ง 60%) 5. FACILITIES:  สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หลากหลายกิจกรรมสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว 6. VARIETIES OF ROOM TYPE:  เลือกห้องที่ใช่กับรูปแบบที่ชอบ มีพื้นที่ใช้สอยที่แตกต่าง ตั้งแต่จำนวน 1- 4 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 39–355 ตร.ม. รองรับผู้อยู่อาศัยที่หลากหลาย 7. UNIQUE MODERN ORIENTAL STYLE: เอกลักษณ์แบบตะวันออกร่วมสมัย และการใช้เส้นสายและรูปทรงของธรรมชาติมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบองค์ประกอบทั้งภายในและภายนอกอาคาร 8. SPECIFICATIONS & DESIGN: วัสดุเกรดพรีเมียม เลือกใช้วัสดุพื้นแข็งแรงทนทาน รอยต่อน้อย  9. SECURITIES: เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย ระบบการรักษาความปลอดภัย ภายในโครงการ ตลอด24 ชั่วโมง 10. ECO – FRIENDLY: ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้อาคาร ใช้กระจกประหยัดพลังงานแบบ Laminated glass  ป้องกันความร้อน (UV)  90%  และป้องกันเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา รวมถึงมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้อาคาร 11. SURROUNDED WITH FENG SHUI : รายล้อมไปด้วยฮวงจุ้ยที่ดี มีการออกแบบให้ที่อยู่อาศัยสอดคล้องกับ “สายลม” (ภูมิอากาศ) และ “สายน้ำ” (ภูมิประเทศ) จะนำมาซึ่งความสมบูรณ์เจริญรุ่งเรืองอย่างถาวร และ 12. READY TO MOVE IN : สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ในราคาเริ่มต้นแค่ 5.5 ล้านบาท

Supalai Oriental Sukhumvit 39 คืออัครสถานแห่งใหม่ ที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ของอารยธรรมตะวันออกตามแบบฉบับของดร. ประทีป ตั้งมติธรรม ผู้ศึกษาปรัชญาตะวันออกที่สืบทอดมานานนับพันปีอย่างลึกซึ่ง หากเดินเข้ามาสัมผัสโครงการ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ส่วนกลางก็จะพบว่าที่นี่มีการถอดรหัส สุขศาสตร์ แห่งฮวงจุ้ย ที่มอบพื้นที่แห่งการอยู่อาศัยที่สอดคล้องกับสายลม และสายน้ำ ตลอดจนการมอบพื้นที่สร้างสุขภาพกายและใจเพื่อให้เกิดสมาธิที่สุขสมบูรณ์

เพราะเน้นเรื่องฮวงจุ้ย เราจึงเห็นการออกแบบ ที่เน้นคุณภาพของการอยู่อาศัยในแบบหนาแน่นน้อย ด้วยการจัดวางอาคารเพียง 4 อาคารที่พักอาศัย และ 1 อาคารจอดรถ บนเนื้อที่กว่า 10-1-29 ไร่ โดยอาคารประกอบด้วยอาคารสูง 25 ชั้น 2 อาคาร คือ Tower A และ Tower B ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ และอาคารสูง 35 ชั้น 2 อาคาร คือ Tower C ตั้งอยู่ตรงกลางโครงการฯ และ Tower D ตั้งอยู่ด้านหลังสุด และอาคารจอดรถสูง 9 ชั้นแยก 1 อาคาร อาคารทั้งหมดมีดีไซน์ ฟังก์ชั่นที่แตกต่างกัน เพื่อคุณภาพของการอยู่อาศัย และทั้งโครงการฯมีเพียง 1,046 ยูนิต และร้านค้า 8 ยูนิต ซึ่งถือว่ายูนิตน้อยเมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน และโครงการอื่นรอบๆ และทุกอาคาร ถูกจัดวางให้มีพื้นที่โล่งล้อมรอบ ทั้งที่เป็นถนนภายในโครงการฯ และสวนภายในโครงการฯที่มีมากกว่า 3 ไร่ ให้ทุกยูนิตใกล้ชิดธรรมชาติ เพื่อลดความหนาแน่นและสร้างพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่สงบใจกลางเมือง

โครงการตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท 39 แต่สามารถเข้าออกจากถนนหลักได้ 2 ทาง คือ ฝั่งถนนเพชรบุรี (ผ่านซอยเพชรบุรี 38/1) และฝั่งถนนสุขุมวิท (ผ่านซอยสุขุมวิท 39) เลือกเส้นทางเพื่อเชื่อมต่อถนนสายธุรกิจได้หลายสาย อาทิ สุขุมวิท อโศก ทองหล่อ และ เพชรบุรี และสามารถเลือกเดินทางได้หลากหลาย เช่น MRT(สถานีเพชรบุรี), BTS (สถานีพร้อมพงษ์), Airport rail link (สถานีมักกะสัน) และ เรือด่วน (ท่าเรือด่วนอิตัลไทยทาวเวอร์)

โครงการรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มี Lifestyle ทั้งการทำงาน อย่าง อาคารอิตัลไทยทาวเวอร์ สถานที่ชอปปิ้งและคอมมูนิตี้มอลล์ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น The Em district (The Emporium, The Emquartier และ The Emsphere) เป็นการรวมตัวของ 3 โครงการศูนย์การค้าระดับเวิลด์คลาสจากเดอะมอลล์ กรุ๊ป, Shinsen fish market, UFM fuji supermarket และ J avenue ทองหล่อ  โรงพยาบาลและสถานศึกษาอีกหลายแห่ง อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช(สุขุมวิท) โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว.), โรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร และโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย  NIST International school

ภาพจาก : https://www.facebook.com/The-EmQuartier-1236463569802370/?ref=page_internal

การมองหาคอนโดใหม่ในย่านสุขุมวิทตอนกลางที่มอบที่จอดรถสูงถึง 100% ดูจะเป็นไปได้ยากในยุคปัจจุบัน แต่ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 ก็มีที่จอดรถถึง 100% ของจำนวนยูนิต (ไม่นับซ้อนคัน) เป็นอาคารสูง 9 ชั้น 1 อาคาร ถือว่าเป็นสัดส่วนจำนวนที่จอดรถมากกว่าค่าเฉลี่ยคอนโดในบริเวณใกล้เคียงกัน เป็นคอนโดเพียงแห่งเดียวบนสุขุมวิทที่ให้ที่จอดรถรวมถึง 1,046 คัน พร้อมสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV charger station) จำนวน 2 ช่อง

อีกทั้งเรื่องของระบบความปลอดภัยภายในโครงการก็ดีเยี่ยม โดยมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบการรักษาความปลอดภัย ภายในโครงการ ตลอด24 ชั่วโมง, ระบบ Access control : Easy pas, ระบบ กล้อง CCTV, ระบบ Face Scan, ระบบ Finger scan และระบบลิฟต์ (ล็อคชั้น) : Key card

และยังมีในเรื่องของความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้อาคาร ซึ่งจะเป็นการเลือกใช้กระจกประหยัดพลังงานแบบ Laminated glass ป้องกันความร้อน (UV) 90% และป้องกันเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา รวมถึงมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้อาคาร มีการออกแบบช่องเปิดใหญ่ ทั้งห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อใช้แสงธรรมชาติ ลดการใช้แสงประดิษฐ์ ด้านผนังภายนอกทาสีอ่อน  ช่วยลดความร้อนผ่านเข้าทางผนังอาคาร และลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ยิ่งไปกว่านั้น คือ การออกแบบพื้นที่สีเขียวบริเวณพื้นดาดฟ้า เพื่อลดความร้อนเข้าสู่อาคาร

ในด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงการค่อนข้างมีความโดดเด่นในด้านการถ่ายทอดคอนเซปท์ Luxurious Modern Oriental คือการผสมผสานความ Modern แบบเอเชียตะวันออก ทั้งภายในและภายนอกอาคาร นำธาตุทั้ง 5 ได้แก่  ดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง  มาสอดแทรกและประยุกต์ใช้ในการออกแบบ โดยภายนอกอาคารได้ออกแบบโดยนำธรรมชาติมาเป็นหัวใจหลักของการออกแบบ สะท้อนความอบอุ่นและกลิ่นอายตะวันออก ด้วยการเน้นหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงจากภายนอก ส่องเข้าสู่ภายในอาคาร เน้นการเลือกใช้วัสดุ ที่มีผิวสัมผัส เล่นกับเงา แสง สี จากธรรมชาติ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันระหว่างกลางวันและกลางคืน ผ่านการออกแบบภายในและภายนอกอาคารที่ โดยโครงการนี้ได้บริษัทออกแบบ Outsource มาออกแบบร่วมกับคุณประทีป เพื่อให้ได้งานออกแบบที่ตรงตาม Theme เน้นเก็บทุกรายละเอียด จนได้งานออกแบบที่ตรงใจนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ดูเรียบง่าย สงบ แต่สวย หรูหราและทันสมัยตามสไตล์ Oriental เราจึงเห็น Taste ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ในเชิงศิลปะ และการนำแนวคิดฮวงจุ้ย ที่นำเข้ามาผสมผสานภายในโครงการได้อย่างลงตัว กลมกลืนกับธรรมชาติ ในแทบจะทุกอณูของโครงการ เพื่อให้ทุกคนที่ได้เข้ามาอยู่ที่โครงการได้เข้าใจ และปรับตัวเพื่อให้ชีวิตมีความสุขยิ่งขึ้น โดยนอกจากจะมีการจัดวางทิศทางแลนด์สเคปและอาคารให้ถูกหลักฮวงจุ้ยแล้ว เราก็จะได้เห็นสไตล์การออกแบบ งานสถาปัตยกรรมที่เป็นไปตามหลัก “หน้าน้ำ หลังเขา ไม่บังวิวกัน” โดย 2 อาคารด้านหน้า (A และ B) จะเป็นอาคารที่เตี้ยกว่าด้านหลัง และการนำเอาสัญลักษณ์มงคลของศาสตร์ตะวันออกมาปรับใช้ อย่าง โคมไฟรูปใบบัว ลวดลายฉลุรูปปลาคาร์ฟ และนกนางแอ่น หมุดรูปปลาคาร์ฟ เหรียญจีนโบราณ ลายประแจจีน และภาพวาดเสริมมงคล ไปจนถึง icon ของโครงการอย่างป้ายชื่อที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่แฝงไว้ด้วยแง่คิดทางปรัชญาตะวันออก

ในโครงการยังมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นสวนขนาดใหญ่ใจกลางเมืองด้วยพื้นที่สีเขียวมากกว่า 3 ไร่ และยังเป็นพื้นที่เปิดโล่งถึง 60% ให้ผู้อยู่อาศัยได้ทำกิจกรรมบนสวนกลางแจ้งได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการมานั่งรับลม อ่านหนังสือ หรือนั่งคุยกับเพื่อน กับครอบครัวก็มาใช้บริการในส่วนนี้ได้ อาทิ

Prosperity plaza สวนขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ นำจุดเด่นทางสายตาด้วยประติมากรรมวงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งหมายถึงสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง

Oval garden สวนด้านข้างโครงการประกอบด้วยน้ำพุ ทางเดินรูปวงรีและพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนอย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติ

Hilly garden สวนเปลี่ยนระดับด้านหลังโครงการ โดยมีศาลา Peacock pavilion ซึ่งได้แรงบันดาลใจด้านการออกแบบจากการรำแพนหางนกยูง สัญลักษณ์ความงดงาม มั่งคงและความโชคดี

Hilly garden สวนเปลี่ยนระดับด้านหลังโครงการ โดยมีศาลา Peacock pavilion ซึ่งได้แรงบันดาลใจด้านการออกแบบจากการรำแพนหางนกยูง สัญลักษณ์ความงดงาม มั่งคงและความโชคดี

พร้อมดื่มด่ำไปกับพื้นที่สีเขียวอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Terrace roof garden สวนพักผ่อนบนหลังคาต่างระดับ บริเวณอาคาร A และ B, Sky garden สวนดาดฟ้า อาคาร A และ B และ Sunrise garden สวนชั้นดาดฟ้า อาคาร C และ D

นอกจากพื้นที่ส่วนกลางแนวสวนขนาดใหญ่เปิดโล่งแล้ว ยังมีส่วนกลางหลักในสไตล์ Active เหมาะกับทุกคนในครอบครัว อยู่ที่บริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ และทุกอาคารพักอาศัยจะมีพื้นที่ Wisdom Sky Lounge ไว้ให้ลูกบ้านแต่ละอาคารได้ขึ้นมาใช้งาน นั่งชมวิว หรืออ่านหนังสือ ได้ทุกช่วงเวลา

พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้าอาคารจอดรถประกอบด้วย

Aqua Zodiac Zone สระเด็กที่มีรูป 12 นักษัตร ติดอยู่ข้างขอบสระ พร้อมให้เด็กๆ ได้ว่ายน้ำอย่างเพลิดเพลินและได้ความรู้เกี่ยวกับนักษัตรทั้ง 12 ชนิดอีกด้วย

Eternity Infinity Swimming Pool สระว่ายน้ำ

Moongate & Swing ประตูพระจันทร์ คือทางเปิดโล่งลักษณะวงกลมซึ่งเชื่อมต่อจากผนังหรือกำแพงที่ล้อมรอบสวน เป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมในสวนจีน ทางโครงการได้ออกแบบให้มีที่นั่งตรงกลาง สามารถมานั่งพักผ่อนตรงมุมนี้ได้

Tai Chi/ Qi Gong’s Lawn เป็นชื่อศาสตร์โบราณของจีน ได้มีการบรรยายถึงทฤษฎี และวิธีการฝึกวิชาไทชิ ชี่กง ไว้อย่างละเอียด และมีการออกแบบสนามหญ้าเป็นรูปวงกลม 4 วงซ้อนกัน

Zoo Zoo Land โซนเด็กเล่นที่มีพื้นที่กว้างขวาง และของเล่นครบครันเหมือนกับอยู่ในห้างสรรพสินค้า ให้เด็กๆ สนุกได้ไม่รู้เหนื่อย

Fine fitness อุปกรณ์ครบทั้งสายเวท สายเทรนนิ่ง ตามเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรงในช่วงนี้

Yes yoga & Aerobic ห้องโยคะ ที่อยู่ทางด้านหลังของห้อง Fine Fitness สามารถฝึกโยคะและแอโรบิคในบรรยากาศส่วนตัว แบบ Private Class ได้

Goodwill games (game room) ผ่อนคลายสมองในวันที่ทำงานหนักด้วยเกมส์รูม ที่มีทั้งพลู และสนุ๊กเกอร์ไว้รองรับ

Wisdom Sky Lounge มุมพักผ่อนที่จะทำให้คุณชมวิวของกรุงเทพได้แบบ Panorama ซึ่งเป็นห้องที่มีอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของทุกอาคารพักอาศัย

พร้อมทั้งร้านค้าอีก 8 ยูนิต และบริการรถกอล์ฟ (ภายในโครงการ) และ Shuttle service อีกด้วย

มาดูทางด้านของห้องพักภายในโครงการกันดีกว่าว่า มีแบบไหน ยังไงบ้าง โดยคอนโดปกติทั่วไป Layout ห้องก็มักไม่แตกต่างกันมากนัก 1 Type 1 Layout แต่ที่ ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 แต่ละอาคารก็มีห้องที่เป็นเฉพาะของแต่ละอาคาร ทำให้ตอบทุกความต้องการของทุกกลุ่มคนในย่านแบบห้องภายในโครงการมีให้เลือกหลากหลาย และมีการออกแบบเพื่อรองรับทุกความต้องการ มีพื้นที่ใช้สอยที่แตกต่าง ตั้งแต่แบบ 1- 4 ห้องนอน และขนาดพื้นที่ 39–355 ตร.ม. รองรับผู้อยู่อาศัยที่หลากหลาย และยังมีห้องพักพร้อมสวนส่วนตัว (Private garden) ที่จะให้คุณมีสวนส่วนตัวเพื่อรังสรรค์กิจกรรมยามว่างในแบบ Outdoor ได้อย่างเต็มที่

Master Plan เป็นการออกแบบการวางอาคารที่ไม่บล็อกวิวกันเอง มีประตูเข้า-ออก ติดกับอาคาร B และใช้เส้นทางเดินรถในโครงการแบบรถสวนกันวนได้รอบตัวโครงการ ทุกอาคาร โดยชั้น 1 ของอาคาร A, B, C และ D เป็น Lobby ชั้นพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 2 ขึ้นไป

โดยบริเวณทางเข้าหลัก จะมี Prosperity plaza สวนขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ นำจุดเด่นทางสายตาด้วยประติมากรรมวงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งหมายถึงสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองไว้คอยต้อนรับผู้พักอาศัย และสร้างทัศนียภาพที่ดีให้กับอาคารโดยรอบ

เริ่มที่ห้องขนาดเล็กแบบ 1 Bedroom – 2Bedroom ขนาด 39 – 100.5 ตร.ม. จะอยู่ที่ Tower A และ B คือ อาคารด้านหน้าโครงการ แปลนอาคารและแปลนห้องของทั้งสองตึกกลับด้านกันแบบซ้ายขวา ทั้ง 2 Tower

มี Type ห้องให้เลือกถึง 9 Layout แบบ 1 Bedroom มีขนาด 39,46.5,47 และ 49.5 (มี2Type) ตร.ม. และแบบ 2 Bedroom มีขนาด 65.5, 77, 81.5 และ 100.5 ตร.ม.

และชั้น 21-24  มีชั้นละ 4 ห้อง เป็นห้องไซต์ใหญ่แบบ Single Corridor ซึ่งแต่ละชั้นรูปแบบห้องไม่เหมือนกัน (ยกเว้นชั้น 23 และ 24 ที่แปลนห้องเหมือนกัน)

Tower A

Tower B

มีห้องให้เลือกถึง 12 แบบ ตามแต่ละชั้น แบบ 2 Bedroom ขนาด 81, 100, 101, 101.5, 121 และ 148 ตร.ม. และแบบ 3 Bedroom ขนาด 141.5, 142, 162, 167, 191 และ 209.5 ตร.ม.

ส่วน Tower C และ D เน้นห้องไซส์ใหญ่และทางเดินแบบ Single Loaded Corridor  มีเพดานสูง 2.8 ม. แปลนอาคารและแปลนห้องของทั้งสองตึกกลับด้านกันแบบซ้ายขวา ทั้ง Tower C และ D ที่ชั้น 2-20 มีชั้นละ 10 ห้อง และชั้น 21-31 มีชั้นละ 5 ห้อง

ชั้น 2-20

ชั้น 21-31

มีห้อง 9 Type ด้วยกัน แบบ 1 Bedroom มีแค่ 2 ขนาด คือ 57 และ 57.5 ตร.ม., แบบ 2 Bedroom มีขนาด 72.5 ตร.ม. (Premier Suite), 84.5 ตร.ม., 72.5 ตร.ม. (Oriental Suite) และแบบ 3 Bedroom มีขนาด 144 ตร.ม., 144.5 ตร.ม., 180 ตร.ม. (มี2แบบ)

และชั้น 32-34 เป็น Penthouse ชั้นละ 2 ห้อง แบบ 4 ห้องนอน

ขนาด 355 ตร.ม. ให้ทุกห้องได้สัมผัสกับวิวเมืองโดยรอบตัว พร้อมพื้นที่ Living หน้ากว้างสำหรับทุกคนในครอบครัว ให้ได้สัมผัสธรรมชาติภายนอกแบบเต็มๆ

รวมทั้งหมดมีถึง 31 Layout 4 Type ให้เลือก ผู้ที่สนใจสามารถเลือกดูแบบและเลือกห้อง ขนาด ตามที่ต้องการและงบประมาณที่ตนเองวางไว้ได้เลย

สำหรับล้อบบี้นั้น ทุกอาคารมีล้อบบี้แยกเป็นของตัวเอง โดยในด้านการตกแต่งจะมาในคอนเซ็ปต์ UNIQUE MODERN ORIENTAL STYLE ซึ่งเป็นเอกลักษณ์แบบตะวันออกร่วมสมัย โดยการนำศาสตร์และศิลป์ของธรรมชาติเข้ามาเป็นหัวใจหลักของการออกแบบในทุกรายละเอียด ถ่ายทอดผ่านทางสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอก สะท้อนถึงความอบอุ่นและกลิ่นอายตะวันออก ผ่านการใช้ชีวิตอย่างหรูหราแต่ยังคงความ สงบและเรียบง่าย ตามแบบฉบับ Oriental เช่น พนักพิงโซฟา บริเวณ Lobby อาคาร A, B ที่มีการลดทอนเส้นสายมาจากรูปทรงของภูเขา  ฉากบังแสงที่ซ้อนกันและเลื่อนได้ เพื่อให้เกิดแสงและเงา  โดยนำลวดลายธรรมชาติของ น้ำ ปลา เมฆ และนก รวมถึงการเลือกใช้วัสดุ เช่น พื้นผนังหินประดับ และ วัสดุตกแต่ง สีทอง สีเงิน ซึ่งหมายถึงความมั่นคง รุ่งเรือง ทำให้เกิดบรรยากาศความเป็น Modern Oriental Style

สำหรับโถงลิฟท์จะถูกกั้นด้วยประตูอีกชั้น เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ภายในโถงลิฟท์จะพบกับส่วนของ Mailbox พร้อมด้วยโคมไฟออกแบบพิเศษเป็นรูปใบบัวขนาดใหญ่ โดยที่อาคาร B จะมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว ส่วนที่อาคาร C และ D จะมีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว

สำหรับห้องตัวอย่างในโครงการมีด้วยกัน 2 Type คือ แบบ 1 Bedroom ขนาด 47 ตร.ม. และแบบ 2 Bedroom ขนาด 77 ตร.ม. ที่อาคาร B ชั้นสอง

โดยสเปคของวัสดุภายในห้องทางโครงการได้เลือกใช้ใช้วัสดุเกรดพรีเมียม มีพื้นที่แข็งแรงทนทาน รอยต่อน้อย เช่น พื้นกระเบื้องขนาด 80X80 ซม., Engineered wood flooring ส่วนของราวกันตกใช้กระจก เพื่อเปิดมุมมองและชมทัศนียภาพของเมืองโดยรอบ  แอร์แบบฝังฝ้า บานหน้าต่างเต็มความสูงห้อง และเป็นกระจกประหยัดพลังงานแบบ Laminated glass  ป้องกันความร้อน (UV)  90%  และป้องกันเสียงได้ดีกว่ากระจกธรรมดา รวมถึงมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้อาคาร

1 Bedroom ขนาด 47 ตร.ม.

Layout ของ 1 Bedroom ขนาด 47 ตร.ม. ถือว่าเป็นห้อง 1 นอน ที่มีขนาดใหญ่มากหากเทียบกับคอนโดเปิดใหม่แห่งอื่นๆ โดยบางโครงการห้องขนาดนี้ก็จะได้เป็น 2 ห้องนอนด้วยซ้ำ ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีพื้นที่ในการใช้ชีวิตมากขึ้น รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน โดยห้องที่อยู่ในอาคาร A, B จะมีเพดานสูง 2.55 ม. ส่วนห้องที่อยู่ในอาคาร C, D เพดานสูง 2.8 ม. พร้อมดร็อปฝ้าในห้องให้ ในส่วนห้องนอนปูพื้นด้วย Engineered wood และส่วนห้องนั่งเล่นกับครัวปูด้วยกระเบื้องขนาด 80 x 80 cm

เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะเจอกับห้องนั่งเล่นด้านหน้าพร้อมโต๊ะทานอาหาร ฝั่งซ้ายมือก็จะเป็นห้องครัวที่กั้นด้วยกระจกบานสไลด์ ครัวไม่ได้ให้ Hood กับเตาไฟฟ้ามา ซึ่งจะได้เป็นตู้ด้านบน ท็อปครัว และตู้ด้านล่าง

ถัดมาเป็นห้องน้ำที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนและห้องครัว เข้าออกได้ทางห้องนั่งเล่น กั้นส่วนแห้งและเปียกด้วยกระจก มีสเต็ปกั้นขึ้นมากันน้ำไหลออกด้านนอก ให้เครื่องทำน้ำร้อน และชั้นเก็บของใต้อ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ในห้องน้ำใช้ยี่ห้อ Cotto ทั้งหมด

ส่วนระเบียงห้องอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น มีกระจกที่ใหญ่มาก ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ มีพื้นที่กว้างและสามารถวาง CDU แอร์ไว้ตรงส่วนนี้ในแบบไม่เกะกะ ภายในห้องจะใช้เป็นแอร์แบบฝังฝ้า ส่วนห้องนอนมีพื้นที่สำหรับวางเตียง 6 ฟุตได้ เพราะพื้นที่กว้างมาก มีพื้นที่ด้านข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะเล็กๆ ได้ และหน้าต่างเป็นกระจกบานใหญ่แบบเต็มความสูง และมีพื้นที่สำหรับติดตั้งตู้เสื้อผ้ารูปตัวไอได้

2 Bedroom ขนาด 77 ตร.ม.

โดยห้อง 2 Bedroom เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็จะพบกับโซนห้องนั่งเล่นที่กว้างมาก มีพื้นที่วางโซฟาขนาดใหญ่และโต๊ะทีวีได้แถมยังเหลือพื้นที่ให้เดิน มีระเบียงด้านนอกที่กว้างมากกั้นด้วยกระจกบานใหญ่ ในส่วนห้องนอนปูพื้นด้วย Engineered wood และส่วนห้องนั่งเล่นกับครัวปูด้วยกระเบื้องขนาด 80 x 80 cm ได้แอร์แบบฝังฝ้า

สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4-6 ที่นั่ง ไว้ใกล้กับโซฟา แต่ไม่เบียดกัน ส่วนห้องครัวจะอยู่ฝั่งซ้ายมือติดกับประตูเข้าห้อง เป็นแบบครัวปิดได้พื้นที่เต็มแนวยาว ครัวไม่ได้ให้ Hood กับเตาไฟฟ้ามา ซึ่งจะได้เป็นตู้ด้านบน ท็อปครัว และตู้ด้านล่าง มียาร์ดติดกับห้องครัวที่สามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศ และตากผ้าได้ ถัดมาเป็นห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนเล็ก โดยจะสามารถใช้เป็นห้องน้ำของ Guest และห้องน้ำของห้องนอนที่สอง มีตู้อาบน้ำกั้นส่วนเปียกและแห้ง ติดตั้งให้เครื่องทำน้ำร้อนให้ และชั้นเก็บของใต้อ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ในห้องน้ำใช้ยี่ห้อ Cotto ทั้งหมด ต่อมาเป็นห้องนอนที่สอง ขนาดค่อนข้างกว้าง มีช่องแสงบริเวณหัวเตียง สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ ตู้เสื้อผ้าติดตั้งไว้ข้างเตียง ปลายเตียงใช้เป็นทีวีติดผนังจะสะดวกการเดินมากกว่านำโต๊ะมาตั้งไว้ในห้อง

ส่วน Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำใต้กระจกพร้อมแสงไฟส่องสว่างรูปพระจันทร์ และติดตั้งตู้เสื้อผ้ารูปตัวไอ เป็นแนวยาว พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้บริเวณข้างเตียง โดยห้องนี้จะมีระเบียงภายในห้อง กั้นด้วยกระจกเต็มความสูงบานใหญ่ และยังมีช่องแสงจากหน้าต่างบริเวณหัวเตียง

ห้องนี้มีความโดดเด่นที่การมีระเบียงด้วยกันถึง 3 ตำแหน่ง ตรงห้องนั่งเล่น ห้องครัว และ Master Bedroom ทำให้ห้องสามารถรับแสง และลมธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ สำหรับใครที่กังวลว่าการเป็นห้องมุมจะมีปัญหาเรื่องความร้อนและเสียงก็ไม่ต้องกังวลเพราะโครงการเลือกใช้กระจกแบบ Laminated glass (5+5) ที่สามารถลดความร้อนและเสียงรบกวนภายนอกโครงการได้ด้วย

สำหรับคนที่ชอบห้องใหญ่ๆ น่าจะชอบที่นี่มาก เพราะลำพังแค่ห้อง 1 – 2 ก็ว่าใหญ่แล้วถ้าเทียบกับโครงการรอบข้าง แต่ที่นี่จัดห้อง 3 ห้องนอนขนาด 144 – 180 ตรม. และห้อง Penthouse 4 ห้องนอน พื้นที่ใหญ่สุดๆ ถึง 355 ตร.ม. มาให้อย่างจุใจ และที่สำคัญมีราคาต่อยูนิตถูกกว่าห้อง Penthouse ที่อื่นๆ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในย่านสุขุมวิท ที่ความต้องการในการอยู่อาศัยเป็นครอบครัว ดังจะเห็นได้จากห้องเช่า หรือคอนโดที่เน้นหนักไปทางห้องขนาดใหญ่ 2-4 ห้องนอน ที่พบได้เยอะในอพาร์ทเมนท์ย่านสุขุมวิทตอนกลาง โดยเฉพาะบนถนนสุขุมวิท 39…ที่นี่มีความแตกต่างมากกว่าโครงการอื่นๆ ใน Mid Sukhumvit ที่มักจะมีแต่โครงการคอนโดที่มีพื้นที่โครงการไม่ใหญ่มาก จะหาคอนโด High Rise ใหม่ ตร.ม. ละแสนนิดๆ ห้องใหญ่ที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 39 พร้อมที่จอดรถ 100% คงหาไม่ได้แถวนี้อีกแล้ว เมื่อรวมกับเหตุผลทั้ง 12 ข้อที่ได้กล่าวไปแล้ว หลายๆคนก็คงจะได้ข้อสรุปในใจแล้วว่า Supalai Oriental Sukhumvit 39 น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคอนโดแบรนด์เนมราคาประหยัดในย่านสุขุมวิทตอนกลาง ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยากครับ

สอบถามข้อมูลโทร. 1720 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.supalai.com