SALADAENG ONE คือคอนโดแรกในกลุ่ม Limited Luxury Collection ที่ SC Asset หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้างมาตรฐานที่แท้จริงให้กับกลุ่มตลาดคอนโดระดับ Ultra Luxury ในเมืองไทยให้ได้ หลังจากที่เคยทำมาได้แล้วกับกลุ่มตลาดบ้านเดี่ยวหลายต่อหลายแบรนด์ ที่นี่ยังเป็นโครงการคอนโดแห่งแรก ที่ผมรีวิวอย่างเป็นทางการลงใน https://goo.gl/sRRZs1 ในเดือนเมษายน ปี 2015

ในวันนั้นเพียงแค่ได้สัมผัสกับห้องตัวอย่าง ผมก็ได้รับรู้ถึง Values Experiences ในด้านของความหรูหรา สวยงาม ที่แสดงออกถึงนิยามของคำว่า Luxury ตามแบบฉบับของ SC Asset ซึ่งมีความเป็น Craftsmanship สวยงามดุจดั่งงานศิลปะ จากช่างท้องถิ่นที่ละเอียดอ่อน มีความเป็น timeless มีเสน่ห์ในแบบที่ยากจะประเมินมูลค่า จนกลายเป็นของสะสมที่จะทวีมูลค่าขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านพ้นไปครับ….แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่ความหรูหราคือการจับเอาของแบรนด์เนม ไฮเทค ต่างๆนานายัดลงไป

วันนี้ผมได้กลับมาเยือนโครงการ SALADAENG ONE อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นทั้งหนึ่งในผู้สร้าง หรือผู้ซื้อ แต่ก็กลับมาในฐานะหนึ่งคนทำงานสื่อ ที่เคยได้รับโอกาสจาก SC Asset ให้เป็นสื่อรายแรกๆที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้รับจากที่นี่…ดูเหมือนว่าความตื่นเต้นในวันนั้นกับวันนี้ ดูจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ เพราะ SC Asset ได้ “ทำ” ไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่สามปีที่แล้ว โดยที่การเปิดตึกในครั้งนี้เปรียบดั่งการ Make Sure ให้ทุกคนเห็นว่า SALADAENG ONE นั้นสามารถ Deliver Promise ได้จริงตามที่ได้เคยบอกไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วรึเปล่า แน่นอนว่าคำตอบคือใช่ และมากเกินความคาดหมายของผมในตอนแรกด้วยซ้ำ!

Attribute & Benefits หลักของ SALADAENG ONE ที่ทำให้ที่นี่เป็น The One That Matters นั้นประกอบได้ด้วย 4 เหตุผลหลักคือ ที่นี่เป็นโครงการที่ทำออกมาแล้วช่วยเพิ่ม Value ให้กับถนนศาลาแดงฝั่งพระรามสี่มาก จากเดิมที่คอนโดบนศาลาแดงมักจะขวนขวายไปหาจุดที่ใกล้สีลม หรือสาทรมากที่สุด ด้วยทำเลศาลาแดงซอย 1 ที่ตั้งอยู่ใกล้สวนลุมพินี เพียง 120 เมตร ทำให้เปิดรับวิวและสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติสีเขียวของสวนลุมพินีได้อย่างชัดเจน ซึ่งในทุกมหานครทั่วโลกทำเลทึ่ติดสวนขนาดใหญ่ใจกลางเมืองมักจะเป็นที่หมายปองอยู่ตลอดไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

จุดเด่นของห้องพัก คือ การออกแบบพื้นที่ให้เป็นห้องขนาดหน้ากว้างพิเศษ เพื่อเปิดรับวิวแบบ Panorama ของสวนลุมพินีได้แบบเต็มๆโดยห้องขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร จะมีหน้ากว้างถึง 8.10 เมตร โดยเป็นส่วนที่เปิดรับวิวในห้องนั่งเล่นกว้างถึง 4.5 เมตร ในขณะที่ห้องมาตรฐานของโครงการทั่วไป อยู่ที่ 3.0-3.5 เมตร เมื่อรวมกับกระจกขนาดความสูงเต็มจากพื้น ถึงเพดาน ทำให้รับรู้ถึงการใช้ชีวิตในแบบ Luxury จริงๆ และห้องแบบ 2 ห้องนอน จะมีหน้ากว้างมากถึง 16 เมตร ไม่ว่าจะเป็นวิวไหนก็จะได้อิ่มเอมกับบรรยากาศนั้นๆเต็มที่ (แต่ก็ค่อนข้างน่าเสียดายที่มีห้องชั้นล่างๆบางห้องที่ได้รับวิวที่อาจจะไม่ค่อยพรีเมียมในสายตาของคนซื้อคอนโดระดับตรม.ละสามแสนกว่าเช่นกัน)

การออกแบบอาคารยังฉีกออกจากแนวของงานสถาปัตยกรรมแนว Ultra Modern แตกต่างจากงานอื่นๆที่สิงค์โปร์ของ Eco.Id หรือตึกใหม่อื่นๆในช่วงสามปีให้หลัง ที่นี่สะท้อนความเป็น THE ONE ความสง่างามเหนือกาลเวลาในสไตล์ Modern Contemporary ที่คงคอนเซปท์ Timeless Beauty In Stillness ออกแบบในลักษณะ Horizontal Design การใช้ Facade Treatment ที่เป็น Horizontal slab เปรียบเสมือนชั้นหินที่เรียงตัวสลับ หนาบาง ก่อขึ้นไปเป็นชั้นๆ โดยใช้วัสดุเป็น Aluminum Composite ลายหินอ่อนสีขาว และ Horizontal Facade Element นี้ ยังทำหน้าที่เป็นชายคากันแดดและฝน และการใช้กระจกแผ่นใหญ่แต่ละห้อง สร้าง Reflection แสงแดดยามตกกระทบลงอาคารได้อย่างแตกต่างในแต่ละช่วงเวลา สะท้อนถึงความหรูหราที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี

สุดท้ายคือการแสดงออกซึ่งความเป็น Detailed Luxury yet Functional ภายในตัวอาคาร อาทิ โถง Atrium โปร่งโล่งถึง 2 โถงจากชั้น 5 ถึงชั้น 24 ทางเข้าห้องที่ประตูทำเป็นมุมหลบเข้าไปไม่ให้เห็นวงกบประตูยื่นมาให้เกะกะสายตา เพื่อสร้างความ Luxury เหมือนกับโรงแรม 6 ดาวในต่างประเทศ การออกแบบ Grill Air Design แบบ Seamless ทำสีให้กลมกลืนไปกับฝ้า รวมถึงขอบบัวแบบฝังเข้าใน ทำให้ไม่มีปัญหาการดันเฟอร์ฯลอยตัวให้เข้าไปชิดขอบกับกำแพง ประตูทางเข้าและแม้แต่ประตูห้องนอนก็สูง 2.7 เมตร การเน้นคุม Theme สีวงกบประตู หน้าต่าง เป็นน้ำตาลทองเมทาลิคแบบเดียวกัน แม้กระทั่งกรอบกระจกกั้นห้องอาบน้ำไม่ได้ใช้แบบสำเร็จรูปแต่ใช้สีน้ำตาลทองเมทาลิคแบบเดียวกับวงกบประตู หน้าต่าง และการใช้ Indirect lighting ที่ขอบระเบียงด้านล่าง เพื่อสร้างบรรยากาศยามค่ำคืนวิวสวนสวยได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากที่วันนี้ผมจะได้เห็นห้องตัวอย่างแบบ 1 นอนทั้งสองห้องแล้ว ที่พิเศษก็ก็คือผมแอบย่องขึ้นไปดูห้อง 2 นอนบนชั้น 18 ซึ่ง Type นี้อยู่หัวมุมรับวิวสวนลุม 2 ด้านแนวยาว 9 เมตรแบบเต็มๆ เหลือขายแค่ห้องนี้ห้องเดียวเท่านั้น เป็นขนาด 112 ตรม. ราคา 44 ล้านบาท หรือตกตรม.ละ 390K เท่านั้น!

ยังไม่ต้องเชื่อที่ผมเล่าก็ได้ แต่ถ้าใครอยากพิสูจน์ก็เชิญแวะเข้ามาดูได้ที่โครงการในงาน Open House ตั้งแต่เสาร์นี้ครับ