“ฮาบิแทท กรุ๊ป” มั่นใจโมเดล “ไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์” (Lifestyle Investment)  ดึงเชนโรงแรมหรูบริหารตอบโจทย์นักลงทุน เผยตลาดอสังหาฯเพื่อลงทุนพัทยาเติบโต หลากปัจจัยหนุน ทั้งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม และโอกาสขยายตัวตามแผนพัฒนาอีอีซี พร้อมอวดโฉมโครงการแฟล็กชิพ “ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์” พูลวิลล่ารีสอร์ทหรูใกล้หาดบางเสร่ หลังกวาดยอดขายไปแล้วกว่า 80%  และเตรียมเปิดขายโครงการพรีเมี่ยม “รามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา” คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ทำเลพัทยาเหนือ รอบ VVIP Day วันที่ 20 – 21 ก.ค.นี้ ชูการันตีผลตอบแทน 6% นาน 3 ปี

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุนของไทย เปิดเผยว่า “ดีมานด์อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในตลาดพัทยามีการเติบโตสูง ทั้งในรูปแบบของวิลล่าและคอนโดมิเนียม ซึ่งโดยเฉพาะตลาดวิลล่ายังคงมีความต้องการต่อเนื่อง และกลุ่มผู้ซื้อล้วนเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง และซื้อด้วยเงินสด จึงเป็นกลุ่มที่ไม่มีปัญหาเรื่องสินเชื่อ และที่สำคัญกลุ่มนักลงทุนเริ่มมองหาตลาดการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดอสังหาฯที่มีผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการที่มีมืออาชีพช่วยบริหารการปล่อยเช่าทรัพย์สินให้ จะได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนมากยิ่งขึ้น”

จากผลการสำรวจตลาดวิลล่า ในโซนพัทยาและสัตหีบ ของบริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด ระบุว่า ตลาดวิลล่าระดับราคา 10 – 20 ล้านบาทนับได้ว่า มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 30% ของตลาดรวม เป็นตัวเลข ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2562 และมีแนวโน้มราคาปรับขึ้นเฉลี่ย 5 – 10% ต่อปี นอกจากนี้ ยังพบว่าตลาดวิลล่ายังมีอัตราการขายค่อนข้างสูง สะท้อนจากตัวเลขโครงการวิลล่าทุกระดับราคาตั้งแต่ 10 – 70 ล้านบาท
รวมประมาณ 600 ยูนิต มียอดขายไปแล้วมากถึง 72% เหลือขายประมาณ 170 ยูนิตเท่านั้น

สวนทางกับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองพัทยาปี 2562 มีปัจจัยที่ท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะในเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย และมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value หรือ LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งส่งผลต่อภาวะตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง แต่ขณะที่แนวโน้มของการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา พบว่ายังคงเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งศักยภาพการท่องเที่ยวตลาดพัทยา และบางเสร่
ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากอัตราการเข้าพัก (Occupancy) 70 – 80% ตลอดทั้งปี ประกอบกับทำเลที่ดี มีการพัฒนาคมนาคมที่รุดหน้า มอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูง และมีสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ที่มีสายการบินตรงจากหลายประเทศ และโครงการอื่่นๆ ตามแผน EEC  ซึ่งทำให้พัทยาและบางเสร่ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เนื้อหอมของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้นจึงอยู่ที่การพัฒนาอสังหาฯ ของผู้แข่งขันในตลาดว่าจะพัฒนาอย่างไรให้โปรดักท์มีคุณภาพ แตกต่าง และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของตนเอง

“โมเดลไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ (Lifestyle Investment) ที่ตอบโจทย์คนที่มาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาได้รับความนิยม ซึ่งกลุ่มนักลงทุนในโมเดลไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์นี้ นอกจากจะได้อัตราผลตอบแทนที่ดี และสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง ยังสามารถเข้าพักได้ 14 วันต่อปี โดยในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งขนาดกลางและใหญ่ เข้ามาแข่งขันในตลาดนี้เพิ่มขึ้นในพัทยา เพราะความต้องการบ้านพัก
ตากอากาศพัทยาอย่างมีต่อเนื่อง ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก”

เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้ผลตอบแทนทั้งค่าเช่า และส่วนต่างมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (Capital gain) หากลงทุนในทำเลที่ดี ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร และกองทุนรวมที่มีความผันผวน และสามารถมีผลตอบแทนติดลบได้ นักลงทุนจึงนิยมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพราะมีความเสี่ยงต่ำ ประกอบกับว่า ฮาบิแทท กรุ๊ป มีการการันตีผลตอบแทนที่ 6% เป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนี้จะเป็นการแบ่งผลกำไรระหว่างผู้ซื้อ 70% และผู้พัฒนาโครงการ 30% รวมทั้งเจ้าของห้องยังสามารถเข้าพักฟรีได้ 14 วันต่อปี

โดยปัจจุบัน ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 2 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายได้แก่ โครงการ “ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์” (X2 Pattaya Oceanphere) และโครงการ “รามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา” (Ramada by Wyndham Mira North Pattaya) โดยโครงการ “ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์” พูลวิลล่ารีสอร์ท แห่งแรกในบางเสร่  จำนวน 59 หลัง มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท มีทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 147.92 – 193.90 ตร.ม. บนทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้หาดบางเสร่เพียง 700 เมตร ปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 80%  เหลือขายเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น ราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท ทั้งนี้ได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการในรูปแบบโรงแรมแล้ว นักลงทุนพร้อมได้รับผลตอบแทนทันที

โรงแรม “ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์” โดดเด่นด้วยการออกแบบของวิลล่าและพื้นที่ใช้สอยภายใน สไตล์โมเดิร์น  ลักชัวรี่ รีสอร์ท พร้อมส่วนกลางครบทั้งสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้พูล, X2 Spa (ครอสทู สปา), X2 Fit (ครอสทู ฟิต), Chili Blue (ชิลลี่ บลู) รูฟท้อปบาร์, และห้องอาหาร Ocean Bistro (โอเชี่ยน บริสโตร์) ที่พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพักผ่อนแบบครบวงจร โดยกลุ่มเป้าหมายของโรงแรมคือ นักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย 70% ทั้งกลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยเกษียณ

เพื่อเป็นการตอบรับดีมานต์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ขยายตัวมากขึ้น ฮาบิแททกรุ๊ปจึงได้เปิดโครงการ พรีเมี่ยมสู่ตลาดเพิ่มอีก 1 โครงการ คือ  “รามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา” เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ทำเลพัทยาเหนือ มูลค่า 1,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ ทำเลพัทยาเหนือใกล้กับหาดวงศ์อมาตย์เพียง 1.4 กิโลเมตร และใกล้กับห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา เพียง 500 เมตร พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรซ์สูง 8 ชั้นจำนวน 2 อาคาร รวมจำนวน 339 ยูนิต ตกแต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ มีห้องพักให้เลือก 3 แบบ ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 29 – 55 ตร.ม. ประกอบด้วย แบบดีลักซ์ ขนาดพื้นที่ 29 ตร.ม. จำนวน 314 ยูนิต หรือคิดเป็น 92% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด, แบบจูเนียร์ สวีท ขนาดพื้นที่ 42 ตร.ม. จำนวน 19 ยูนิตหรือคิดเป็น 6% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด และแบบห้องสวีท มีขนาดพื้นที่ 55 ตร.ม.มีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น ราคายูนิตเริ่มต้นที่ 3.9 ล้านบาท หรือ ราคาเฉลี่ยที่ 140,000 บาทต่อ ตร.ม. เริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 4 ปี 2562 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงไตรมาส 4 ปี 2564

“ด้วยประสบการณ์กว่า 7 ปีที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 7 โครงการคุณภาพในพัทยาต่างมีความโดดเด่นด้วยการดึงแบรนด์โรงแรม 5 ดาวระดับโลกเข้ามาบริหาร เพื่อประโยชน์สูงสุดในการให้ผลตอบแทนและเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวแก่นักลงทุน และยิ่งไปกว่านั้น การเข้ามาของโรงแรมแบรนด์ชั้นนำจะเป็นดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพซึ่งเป็นการยกระดับของเมืองพัทยาอีกด้วย” นายชนินทร์ กล่าวเพิ่มเติม

โดยโครงการ “รามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา” เตรียมเปิดจองครั้งแรกรอบ VVIP Day ในวันที่ 20 – 21 กรกฎาคม 2562 นี้ ที่ Sales Gallery ถนนพัทยาสาย3 (พัทยาเหนือ) โทร. 061-840-0006 และสำนักงานขาย ฮาบิแทท กรุ๊ป ชั้น 15 อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ โทร. 081-450-0002 หรือสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ตั้งแต่วันนี้ที่ https://register.ramadapattaya.com/ พร้อมโปรแกรมรับประกันผลตอบแทน 6% นาน 3 ปี ลงทะเบียนรับส่วนลด
200,000 บาท

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของฮาบิแทท กรุ๊ป ได้ที่เว็บไซต์ www.habitatgroup.co.th
โทร. 02-168-8266 หรือ 081-451-0002

เฟสบุ๊ค www.facebook.com/HabitatGroupProperties

ไลน์ @habitatgroup

อินสตาแกรม habitatgroup.th

ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์
ผู้พัฒนาโครงการ: ฮาบิแทท กรุ๊ป
ประเภทโครงการ: ลักชัวรี่พูลวิลล่า
ขนาดพื้นที่: 9-3-3 ไร่
จำนวน: 59 ยูนิต
ประเภทห้อง:

– พูลวิลล่า 1 ห้องนอน 92 ตร.ม.

– พูลวิลล่า 2 ห้องนอน 90 ตร.ม.

ความสูงจากพื้นถึงเพดานชั้น 1: 3.6 เมตร
ความสูงจากพื้นถึงเพดานชั้น 2: 3.6 เมตร

ทำเล

– สถานที่ตั้ง: ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

– ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทขาออกมุ่งหน้าระยอง-สัตหีบ

– ห่างจากชายหาดบางเสร่ เพียง 700 ม.

สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ

– คลับเฮ้าส์

– ห้องอาหาร

– พูลบาร์

– สปาฟิตเนส

– สระว่ายน้ำชั้นรูฟท็อป

ทำเลที่ตั้งของโครงการ X2 Pattaya Oceanphere ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทขาออกมุ่งหน้าระยอง-สัตหีบ อยู่ในซอยเชื่อมลงหาดบางเสร่ เข้าไปประมาณ 200 ม. เลยมาจากพัทยาใต้ประมาณ 17 กม. ห่างกับชายหาดบางเสร่ ประมาณ 700 ม. โดยภาพรวมเป็นทำเลที่เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน ไม่มีสถานบันเทิงเหมือนโซนพัทยา หากดูจากพื้นที่บริเวณใกล้เคียงพื้นที่โครงการก็จะมีรีสอร์ตและบ้านพักตามอากาศอยู่บ้างเหมือนกัน จัดเป็นทำเลที่สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยได้เพราะไม่ไกลจากตัวเมืองพัทยาและเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัวกว่า ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ ถือว่ามีน้อยเพราะตัวโครงการแยกออกมาในพื้นที่พัฒนาใหม่ โดยรอบโครงการยังเป็นพื้นที่ว่าง ซอยทางเข้าโครงการก็เป็นซอยตัดใหม่ที่สามารถเชื่อมไปทะลุออกชายหาดบางเสร่ได้ ถ้าต้องการไปตลาดหรือไปห้างสรรพสินค้าเพื่อจับจ่ายซื้อของจะต้องขับรถออกไป สำหรับร้านอาหารต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับโครงการริมชายหาดบางเสร่พอมีอยู่บ้าง แต่ถ้าอยากจะไปแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ก็สามารถขับรถไปไม่ไกลจากตัวโครงการ

บริเวณโดยรอบโครงการด้านหน้าทางทิศใต้ติดซอยทางไปหาดบางเสร่ ส่วนในทางทิศอื่นๆทั้งหมดจะติดกับพื้นที่ว่างทั้งหมด โครงการนี้จึงตั้งอยู่ในพื้นที่ ที่ไม่มีอาคารมาบดบังทัศนียภาพระยะใกล้และไม่มีอาคารสูงตั้งติดในระยะประชิด ได้รับวิวเปิดโล่งจากพื้นที่ว่างทุกทิศทาง

การเดินทางโดยใช้รถ ถือว่าสะดวกมาก และไม่ซับซ้อน เนื่องจากซอยเชื่อมลงหาดบางเสร่ ที่ตั้งโครงการสามารถเข้าถึงได้จากถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนหลวงสายหลักได้โดยตรง ส่วนซอยทางเข้าโครงการก็สังเกตได้ไม่ยาก สำหรับการจัดพื้นที่สำหรับจอดรถภายในโครงการ จะใช้พื้นที่จอดรวมกันที่บริเวณด้านหน้าใกล้กับทางเข้าโครงการทั้งหมด เพื่อให้บ้านด้านในมีความเป็นส่วนตัว และดูแลเรื่องความปลอดภัยได้ง่าย โดยโครงการจะมีบริการรถรับส่งลูกบ้านจากที่จอดรถไปยังบ้านแต่ละหลัง แต่จะมีเฉพาะในซอยแรกของส่วนบ้านพักอาศัยเท่านั้นที่จะสามารถนำรถเข้าไปจอดบริเวณหน้าบ้านได้

การออกแบบตัวโครงการและตัวบ้าน วางผังโครงการให้มีผู้อยู่อาศัย จำนวน 59 หลัง จัดเป็นโครงการที่จำนวนยูนิตไม่มาก จึงมีความเป็นส่วนตัวและดูแลในภาพรวมของโครงการได้ง่าย แบ่งพื้นที่ภายในโครงการหลักๆออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนพักอาศัย และส่วน Facilities ของโครงการเป็นสัดส่วน รูปแบบบ้านภายในโครงการเป็นบ้านพักตากอากาศ Pool Villa  แบบ 1 ชั้น และ 2 ชั้น มีแบบบ้านทั้งหมด 5 แบบ ตามขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 147.92 – 193.90 ตร.ม. โดยบ้านในโครงการจะมีความโดดเด่นในรูปแบบของการออกแบบที่แตกต่างไปจากบ้านพักตากอากาศทั่วไป คนที่เลือกโครงการนี้จะต้องมีความ Unique มีความชอบในงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์และความเฉพาะตัว เน้นความ Privacy ตัวบ้านมี Concept Design มาจาก Cubicle Design ผสมการออกแบบ Modern Luxury ทำให้มีความเรียบหรู ความโปร่งโล่ง ตอบสนองพื้นที่ใช้สอยได้ดี ใช้การจัดวางบ้านแบบ Interlock กันไว้ ทำให้เกิด Private space ในส่วนสระว่ายน้ำ

สำหรับการจัดพื้นที่ภายใน โครงการขายห้องแบบ Fully Furnished พร้อมอยู่อาศัย บ้านทุกหลังจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว บ้านตัวอย่างจัดพื้นที่ได้เห็นภาพของการใช้งานแต่ละจุดชัดเจน เน้นการจัดพื้นที่ภายในที่ค่อนข้างกว้าง โปร่งสบาย สามารถใช้งานได้สะดวกไม่แออัดจนเกินไปและปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่ได้ตามความเหมาะ เน้นการใช้กระจกทั้งประตูและหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้รับแสงธรรมชาติและระบายอากาศ ลมสามารถ Flow ผ่านเข้าตัวบ้านได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้านได้ บ้านแบบ 1 ชั้น จัดพื้นที่ภายในระหว่างพื้นที่นั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำไว้เป็นสัดส่วน ได้ห้องน้ำแบบ Sexy bath ส่วนบ้านแบบ 2 ชั้น แบ่งพื้นที่การใช้งานไว้ดี ชั้นล่างจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน พื้นที่กว้างใช้งานสะดวก มีส่วนครัว Pantry ในส่วนของห้องนอนชั้น 2 ทั้งสองห้องจัดออกมาได้ลงตัว กว้างไม่อึดอัด เน้นการใช้งานพักผ่อนแบบตากอากาศ มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง ห้องน้ำมีการแบ่งส่วนเปียกแห้งแบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วน โดยรวมจัดพื้นที่ได้ลงตัวเหมาะกับการใช้งาน

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ออกแบบสวยเข้ากับรูปแบบของโครงการมีการจัด Landscape ด้านหน้าและโดยรอบโครงการ ทางเข้าออกติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อความปลอดภัย พื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ ที่จัดมาถือว่าจัดมาให้หลากหลายสามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการ ได้แก่ Lobby , Reception และ Club house ประกอบด้วย สระว่าย Roof top pool แบบ Infinity-edge pool , Jacuzzi / Hydrotherapy features (HG), Gym and X2 spa , ห้องน้ำ-ห้องอาบน้ำ แยกชาย-หญิงและ Restaurant and Bar ไว้ให้บริการ ถนนภายในโครงการกว้างและมีขนาดเหมาะสมตามการใช้งานทั้งถนนซอยหลักและซอยรองในโครงการ

สำหรับจุดเด่นอีกส่วนหนึ่งของโครงการ คือการบริหารจัดการและดูแลรักษา โดยระบบโรงแรมภายใต้แบรนด์ X2 ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านพักตากอากาศทุกหลังในโครงการ สามารถมั่นใจและไว้วางใจได้ว่าบ้านของตนเองจะได้รับการดูแลอยู่เสมอ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี บ้านจะไม่สกปรกทรุดโทรม ในช่วงเวลาที่ไม่ได้มาเข้าพักผ่อน และหากพิจารณามองในเรื่องของการลงทุนในระยะยาวและผลตอบแทนในการลงทุนแล้ว บ้านพักตากอากาศที่มีการบริหารงานโดยโรงแรมภายใต้แบรนด์ X2 อีกทั้งมีการออกแบบที่น่าสนใจ มีความเป็นส่วนตัว และพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลายครบอยู่ภายในโครงการในลักษณะนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนในการลงทุนให้แก่เจ้าของบ้านได้ เพราะตามปกติแล้วเจ้าของบ้านจะไม่ได้มาพักอาศัยแบบอยู่ประจำ ช่วงเวลาที่บ้านว่างอยู่ก็สามารถเปิดบ้านให้ผู้อื่นหรือคนรู้จักมาเช่าพักผ่อนได้ ทำให้ในแง่ของการลงทุนนั้นมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในการปล่อยเช่า (Rental Yield) ซึ่งทางโครงการก็มี Rental Program ไว้คอยให้บริการโดยการันตีผลตอบแทน  อีกทั้งยังเป็นผู้คอยบริหารจัดการดูแลบ้านพักตากอากาศของเราไปให้พร้อมๆกัน

สำหรับการการันตีรายได้ค่าเช่า 6% ต่อปีนั้น เป็นอัตรา 6% ต่อปี ยาวนาน 3 ปี โดยวิธีการคำนวณนั้นจะนำราคาขายสุทธิ มาคำนวณ ยกตัวอย่างเช่น (ราคาขาย x 6%) / 12 เดือน = อัตราตอบแทนต่อเดือน ซึ่งการใช้วิธีนี้ในการคำนวณรายได้ สำหรับ 3 ปีแรก (36 เดือน) หลังจากนั้น ในปีที่ 4 เป็นต้นไป (ไปจนถึง ปีที่ 30) จะได้รับการตอบแทนรายได้ ในแบบแบ่งปันผลกำไรจากการประกอบการ ( Profit sharing ) ในอัตราส่วน 70 : 30  คือ 70 % เป็นของ Investor (เจ้าของ) และ 30% เป็นของผู้ประกอบการ