คาดการณ์เทรนด์อสังหาฯที่น่าสนใจในปี 2024-2025
ในที่สุดก็เดินทางกันมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2023 กันแล้ว ก่อนที่จะไปเริ่มต้นใหม่กันในปี 2024 โดยในช่วงปีที่ผ่านมาถือว่ามีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่การได้รัฐบาลใหม่ มีการเปิดใช้งานรถไฟฟ้าสายใหม่ ห้างสรรพสินค้าจาก 2 เครือใหญ่เปิดให้บริการ จนไปถึง ปัญหาการเพิกถอน EIA ในโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการ ซึ่งจากเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาผู้เขียนจึงอยากจะ Recap ประเด็นต่างๆที่น่าสนใจ ว่าส่งผลต่อเทรนด์อะไรที่น่าจะต้องจับตามองในปีถัดไปกันบ้างเดียวบทความนี้พาไปชมกันครับ
ถ้าย้อนกลับไปมองในช่วง 2-3 ปีก่อน(ช่วงโควิด-19) ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบพอสมควรโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุด แต่กลุ่มที่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมกับได้อานิสงค์มีอัตราเติบโตที่ดี เพราะอย่างที่ทุกท่านทราบกัน ทั้งจากมาตรการทำงานที่บ้าน WFH(Work From Home) ที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ลดการพบปะเจอกัน คนที่อยู่อาศัยในเมืองโดยเฉพาะอยู่คอนโดห้องเล็กๆ ก็เปลี่ยนวิถีชีวิตเริ่มย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ชานเมืองกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัดแทน เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปที่ทำงานแล้ว จากพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลทำให้ที่อยู่อาศัยแนวราบได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในช่วงปี 2022 สภาพเศรษฐกิจโดยรวมก็ค่อยๆเริ่มกลับมาฟื้นตัว จากการกลับมาเปิดประเทศได้เร็วคนต่างชาติก็เริ่มกลับเข้ามา ส่งผลให้ตลาดการท่องเที่ยวและตลาดค้าปลีกอย่าง Retail ก็ได้ประโยชน์ ในส่วนตลาดที่อยู่อาศัยภาพรวมฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยตลาดคอนโดมิเนียมในกลุ่ม Mid-Town มีการฟื้นตัวได้ดี ส่วนแนวราบไม่ได้รับผลกระทบพร้อมทั้งตลาดบ้านจัดสรรในระดับ Hi-End ยังมีการเติบโตที่ดีด้วย ในส่วนของปีนี้ 2023 พื้นที่กรุงเทพฯ มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ที่เปิดให้บริการแล้วคือรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่สร้างความคึกคักให้กับที่ดินและที่อยู่อาศัยในย่านที่รถไฟฟ้าผ่าน 2 สาย คือ สายลาดพร้าว-สำโรง และสายมีนบุรี-แคราย ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ผู้ประกอบการหลายรายก็เริ่มหันไปมองการพัฒนาตามหัวเมืองใหญ่ๆตามต่างจังหวัดกันมากขึ้น
โดยจากรายงาน Mid-year ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยจาก CBRE (SEP 2023) ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 ถือเป็นเดือนที่ 3 หลังจากการยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับเหตุการณ์แพร่ระบาดทั้งหมด ทำให้เห็นภาคส่วนต่างๆเริ่มมีการฟื้นตัว โดยในตลาดที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยวยังคงเป็นตลาดที่ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคให้ความสนใจ ขณะที่ตลาดอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมจะเด่นที่กลุ่มตลาดกลางถึงล่าง ในส่วนตลาดโรงแรม ยังคงต้องจับตามองว่าจะสามารถรักษาระดับให้กลับมาเท่าช่วงก่อนโควิดได้หรือไม่ รวมทั้งสถานการณ์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ก็ยังไม่ได้กลับมาท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ในตลาดค้าปลีก Retail ค่อยๆฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง มีการลงทุนทั้งในทำเลเดิมและทำเลใหม่ และในปี 2023 ยังมีปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ในตลาดสุดท้ายด้านอาคารสำนักงาน ยังคงน่าเป็นห่วงจาก Supply ใหม่ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งโดยรวมแล้วดูเหมือนตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยน่าจะดูดีที่สุดโดยเฉพาะในกลุ่มบ้านแนวราบในระดับราคาสูง ที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดอื่นๆยังคงต้องจับตามองกันต่อไป
ซึ่งภาพรวมสภาพเศรษฐกิจยังคงไว้ใจไม่ได้ ถึงแม้ไทยจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาแต่นโยบายหลายอย่างยังคงไม่ชัดเจน และยังรวมไปถึง สภาพเศรษฐกิจระดับโลกยังคงอยู่ในสภาวะถดถอย Global Recession แต่อย่างไรก็ตามเทรนด์ที่น่าจับตามองของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จากพฤติกรรมการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป มีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก รวมไปถึงการคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมยังเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเทรนด์ที่น่าสนใจผู้เขียนจะขออธิบายโดยแบ่งออกมาใน 3 ตลาดหลัก คือ ตลาดที่อยู่อาศัย ตลาดค้าปลีก และตลาดอาคารสำนักงาน
ตลาดที่อยู่อาศัย
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยมีอยู่หลายประเด็นที่น่าจับตามอง ทั้งทำเลการพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนาเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โดยจะอธิบายออกมาเป็น 4 ประเด็นดังนี้
ทิศทางการเติบโตของที่อยู่อาศัยแนวราบ
จากรายงานสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ของ REIC(SEP 2023) รายงานว่า ช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ในด้านยอดขายใหม่ของที่อยู่อาศัยแนวราบอยู่ที่ 10,050 หน่วย มีอัตราการดูดซับ 2.7 แสดงให้เห็นว่าตลาดค่อนข้างคงตัวเช่นเดียวกับไตรมาส 1 ปี 2565 โดยรูปแบบอาคารพาณิชย์ และบ้านแฝดมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 26.1 และ 25.6 ตามลำดับ ในขณะบ้านเดี่ยวมีอัตราการขยายตัวเล็กน้อย ร้อยละ 3.3 โดยยกเว้นเพียงทาวน์เฮ้าส์เท่านั้นที่มีอัตราการขายได้ใหม่ลดลง
นอกจากนี้ตลาดบ้านแนวราบโดยเฉพาะกลุ่มบ้านหรูที่มีที่ดินขนาดใหญ่ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาถือว่าได้การตอบรับเป็นอย่างดี จากข้อมูล CBRE มีการรายงานว่า ตลาดบ้านหรูที่มีราคา 30 ล้านบาทเป็นต้นไป ตั้งแต่ปี 2565 -2566 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นกลุ่มตลาด Niche Market ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจน้อย โดยกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับทำเล และผลิตภัณฑ์มากที่สุด เพราะถึงแม้บ้านจะหรูมากๆ แต่ถ้าทำเลไม่เหมาะสมก็อาจจะขายได้ยาก
ภาพจาก Forbes / CBRE
โดยตลาดบ้านหรูในทำเลตัวเมืองยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจ เพราะถึงแม้ว่าตลาดบ้านหรูอาจจะมีการเติบโตที่ดี แต่ในปีหน้าอาจจะไม่ได้ร้อนแรงมากนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาก็มีการดูดซับไปส่วนหนึ่งแล้วและความต้องการจะซื้อซ้ำใหม่คงมีไม่มาก หรือถ้าเป็นชาวต่างชาติก็ยังคงน่ากังวลจากการถูกตรวจสอบของภาครัฐที่เข้มงวด ดังนั้นทิศทางบ้านระดับหรูในปีหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่คอนโดมิเนียมห้องใหญ่ที่ช่วงปีที่ผ่านมาอาจจะไม่ค่อยมีตัวเลือกให้เลือกสักเท่าไร เช่นเดียวกับการพัฒนาโครงการบ้านระดับ luxury หรือโรงแรม branded residences ที่ก็เริ่มมุ่งไปพัฒนาตามหัวเมืองใหญ่ตามต่างจังหวัดที่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับไม่ต่างจากกรุงเทพมหานครกันมากขึ้น อย่างเช่น ภูเก็ต หัวหิน หรือเขาใหญ่ พร้อมทั้งยังมีข้อได้เปรียบในด้านสภาพอากาศที่ไม่มีมลพิษหรือฝุ่น PM2.5 โดยอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม Luxury Vacation Villa ก็สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการเป็นบ้านพักอาศัยหลังที่ 2 และก็สามารถตอบโจทย์ในการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตขึ้นในอนาคตด้วย
ตลาดที่อยู่อาศัยเติบโตตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
จากมุมมองวิจัยกรุงศรี Krungsri (May 2023) ประเมินว่า ในปี 2566-2568 อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยใน 6 จังหวัดหลัก มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัว ทั้งจังหวัด เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น และภูเก็ต โดยการเปิดตัวโครงการใหม่โดยรวมจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.5% ต่อปี หรือปีละ 1.9-2.3 หมื่นยูนิต(ดังภาพด้านล่าง) ขณะที่ยอดขายรวมจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.0% ต่อปี หรือ 3.3 หมื่นยูนิต โดยความท้าทายของการพัฒนาบ้านจัดสรรในต่างจังหวัด คือมีการแข่งขันสูงจากผู้ประกอบการในพื้นที่ที่มีความแข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญ ในส่วนอาคารชุดพักอาศัยประเภทที่ได้รับความนิยมจะเป็นประเภทอาคาร Low-Rise 8 ชั้น เป็นส่วนใหญ่
ภาพจาก Krungsri / REIC