วิ่งเล่นต่อให้สนุก พักผ่อนให้สบายนะ ปูชิ…กระต่ายน้อยผู้กลับคืนสู่เงาจันทร์

เกริก บุณยโยธิน 21 November, 2018 at 00.16 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


20 พฤศจิกายน 2018

**บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนในความทรงจำดีๆที่ผมและแฟนมีต่อปูชิ กระต่ายน้อยที่มีหัวใจอันแข็งแกร่ง ผู้ซึ่งจากผมไปวิ่งเล่นในดินแดนอันไกลแสนไกล ผมหวังว่าบทความนี้คงจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาจิตใจที่แตกสลายของผมในวันที่ ผมได้สูญเสีย “อิคิไก” หนึ่งเดียวของผมในแบบที่ไม่วันกลับมา**

กระต่าย…สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่ใครหลายคนมองว่าอยู่ลำดับท้ายๆของห่วงโซ่อาหาร มีความใจเสาะ ภูมิต้านทานต่ำ หวาดกลัวต่อสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติไปจากบ้านอันคุ้นเคยของตัวเอง หลายๆคนมองกระต่ายเพียงแค่สัตว์เลี้ยงเอาไว้ดูเล่นแก้เหงา พอเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้าง เลี้ยงดูผิดวิธี ป่วยนิดหน่อยก็ไม่ทันได้สังเกต จนอาการลุกลามถึงชีวิตก็ยังไม่ใส่ใจที่จะพาไปรักษา ปล่อยให้น้องกลับคืนสู่ดาวไปอย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย…แต่สำหรับผมแล้วความทรงจำต่อกระต่ายน้อยที่ชื่อปูชินั้น กลับมีความหมายล้ำค่าเหนือสิ่งอื่นใด

 

เมื่อครั้งผมยังเป็นเด็ก ทุกครั้งที่จ้องมองดวงจันทร์ ผมมักจะสงสัยอยู่เสมอว่าบนจุดสีดำของดวงจันทร์นั้น จะมีกระต่ายตำข้าวอยู่จริงตามความเชื่อของคนจีน และในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ผมชอบอ่านจริงหรือไม่ จวบจนได้มีโอกาศศึกษาถึงความเชื่อดังกล่าว จึงได้พบว่าทุกมายาคติของชาวเอเชีย ชาวฮินดู และทางพุทธศาสนา กระต่ายนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำหน้าที่รับใช้เทพยดาบนสรวงสวรรค์ เป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างความดี และความเสียสละเพื่อผู้อื่น…ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงผมเองก็ค่อนข้างเชื่อเสมอมาว่ากระต่ายก็มีพฤติกรรมแบบนั้นจริงๆ ไม่ล่าสัตว์ ไม่กินเนื้อ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ทำร้ายใคร เจอเจ้าของก็กระโดดพุ่งเข้ามาบนอ้อมกอดเพื่อให้ลูบหัว ในยามที่หวาดระแวงก็เลือกที่จะหนี หรือเลือกที่จะกลั้นใจตายเมื่อตัวเองอยู่ในสภาวะที่ถูกบีบคั้นอย่างแสนสาหัส… ธรรมชาติ พระเจ้า หรือพระผู้สร้างอะไรก็ตามที่ดลบันดาลให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาบนโลกนี้ ช่างใจร้ายยิ่งนักที่ส่งพวกเค้ามาเพื่ออยู่เป็นผู้ถูกล่า แทนที่จะเป็นผู้ล่า

16 ธค. 2009 – Hello PhuChi เทวดา นางฟ้าตัวน้อยผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของผม

ในช่วงบ่ายวันเสาร์ในขณะที่ผมและแฟนเดินเล่นอยู่ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ระหว่างที่กำลังหาของกินอยู่ที่ชั้น G สายตาก็เหลือบไปเห็นงานแสดงสัตว์เลี้ยงที่ทางห้างได้จัดขึ้น ตามประสาคนที่เป็นแฟนกันใหม่ๆ เห็นอะไรมันก็ดีงาม อยากได้ไปซะหมด เราเดินผ่านบูธขายกระต่ายซึ่งเป็นเป็นฟาร์มจากจังหวัดชลบุรี กรงชั้นบนสุดมีกระต่ายสายพันธุ์หูตก Holl Land Lop อยู่ในกรงประมาณ 4-5 ตัว สีดำ สีขาว สำน้ำตาล สีครีม และสีเทา…”เกริกฝนอยากได้กระต่าย” คำพูดของแฟนผมทำให้ผมต้องหันกลับไปดูที่กรงกระต่ายที่อยู่ตรงหน้า “อย่าเลยเรายังไม่มีบ้าน ถ้าซื้อแล้วจะเลี้ยงยังไงได้”…ผมตอบในแบบที่ไม่ทันได้ดูสีหน้าท่าทางกระต่ายทั้งหมดที่มีอยู่ในกรง…. “เลี้ยงง่ายนะครับ สายพันธุ์นี้ตอนโตจะตัวอ้วนน่ารัก กินหญ้าเป็นอาหารหลัก ตัวนี้อายุสามเดือนแล้วหย่านมเรียบร้อย แค่มีหญ้าแห้ง ซื้อกรงใหม่ พร้อมถาดรองฉี่ และขวดน้ำแขวนที่กรง มันก็อยู่ได้สบายเลยล่ะ” นี่คือคำพูดรบเร้าของเจ้าของร้านที่ทีต่อผมในวันนั้น

 

จากนั้นเราก็ใช้เวลาในการตัดสินใจอีกเกือบครึ่งชั่วโมง โดยฝนต้องโทรไปรบเร้าขอให้แม่ช่วยเลี้ยงให้ที่บ้านตอนช่วงเวลาที่เราไม่อยู่ อีกทั้งที่บ้านก็ชอบเลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว โดยเฉพาะสุนัขก็คงไม่เป็นอะไร (โดยที่ตอนนั้นเรายังไม่ทันศึกษาลยด้วยซ้ำว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่ Sensitive มาก ทั้งจากกลิ่น และเสียงของสุนัขที่นับว่าเป็นหนึ่งในภัยคุกคามของกระต่าย)…แล้วเราจะซื้อตัวไหนดีล่ะ ผมพูดพร้อมกับเดินไปจ้องทุกสายตาที่อยู่ในกรงนั้น แน่นอนว่ากระต่ายทุกตัวล้วนแต่ตื่นตาตื่นใจวิ่งเข้าหาคนที่มายืนเกราะกรง แต่มีอยู่แค่ตัวเดียวเท่านั้น ที่ไม่ได้สนใจเราเลย กลับยืนหันหลังให้ ไม่แม้แต่สบตามองกลับ เป็นกระต่ายสีเทาตัวเดียวที่อยู่ในกรง และก็เป็นผู้หญิงตัวที่เล็กที่สุดจนเจ้าของฟาร์มก็คงนึกว่า คงจะไม่มีใครอยากรับตัวนี้ไปเป็นแน่แท้

 

เอาตัวนี้ล่ะ เราสองคนแจ้งกับเจ้าของฟาร์มในแทบจะทันที โดยที่ไม่ทันได้อุ้มเจ้ากระต่ายน้อย และโดยที่ไม่ได้ทวงถามถึงใบ Certificate และใบเพดดีกรีด้วยซ้ำ….โชคชะตา ทำให้เราได้พบกับกระต่ายน้อยสีเทาที่ดูเย่อหยิ่งนางนี้ และกระต่ายน้อยตัวนี้ก็ได้เปลี่ยนกรอบความคิด และแนวทางการดำเนินชีวิตของผมไปนับจากนั้นมา….ปูชิ คือชื่อที่ผมเลือกที่จะตั้งให้ ด้วยการที่ชื่อคล้องกับชื่อจริงของแฟนผม ก็คือปูชิตา และชื่อนี้มันก็ดูช่าง Cute สไตล์ญี่ปุ่นซะเหลือเกิน (เราเพิ่งมารู้ในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมานี้เอง เมื่อครั้งไปเดินเล่นที่ร้าน Pet Shop ในย่านอาซากุสะ แล้วเหลือบไปเห็น หมวกที่มีคนปักชื่อว่าปูชิ Puchi ให้กับสุนัขตัวหนึ่ง และจากการหาความหมายก็รู้ว่า ปูชิ ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “เจ้าตัวเล็ก”

ในช่วง 4 ขวบแรก ความทรงจำของผมที่มีต่อปูชิ ดูจะมีไม่ค่อยมากนัก เนื่องจากปูชิอยู่ที่บ้านฝน และผมเองก็เจอปูชิได้แค่ตอนช่วงค่ำเป็นบางวัน แถมปูชิเองก็มีนิสัยที่ค่อนข้างขี้หงุดหงิด ฉุนเฉียว สมดั่งฉายา PHUCHILLA ที่มาจาก PHUCHI + Godzilla ที่ผมได้ตั้งให้ ปูชิเป็นกระต่ายที่แกร่ง ไม่ยอมใคร แม้กระทั่งหมาและคนก็ยังวิ่งไล่กัดมาแล้ว อาจเป็นเพราะปูชิอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยกับเสียงดังอันบ้าคลั่งของสารพัดหมาที่มีอยู่รอบบ้าน จนเราได้ตัดสินใจพาปูชิไปทำหมัน เพราะคิดว่านอกจากจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคในอนาคตได้ ก็ยังจะช่วยให้ปูชิมีความใจเย็นลงได้บ้าง…แต่ปูชิ ก็ยังคงเป็น PHUCILLA ตัวเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง นึกอยากจะวิ่งพุ่งเข้าไล่กัดใครก็วิ่งตรงดิ่งไปเลย กระโดดไปทั่วบ้าน ไม่สนใจสิ่งรอบข้างทั้งนั้น แตกต่างจากกระต่ายทั่วไปที่มักจะขี้กลัว ไม่ค่อยจะกระโดด Explore ไปรอบบ้าน หรือต้องใช้เวลานานกว่าที่จะก้าวขาไปแต่ละก้าว โดยระยะหลังปูชิ ถูกเอาไปเลี้ยงไว้ในครัวหลังบ้าน ที่มีความเปียกชื้น และมีหนูมาเยี่ยมเยือนเป็นระยะ ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของอาการป่วยเรื้อรังของปูชิมาตั้งแต่อายุได้สี่ขวบกว่าๆ

ในช่วงสี่ขวบแรก ปูชิเข้าโรงพยาบาลแทบจะนับครั้งได้ และไม่เคยเข้าเนื่องจากป่วยเลย แต่เป็นการเข้าไปฉีดวัคซีน ทำหมัน และเช็คสุขภาพบ้างประปราย แม้กระทั่งอาการท้องอืดซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพหลักของกระต่ายปูชิก็ไม่เคยเป็น…แต่การที่ปูชิไม่เคยป่วยเลย ก็ทำให้เราประมาทในการหมั่นตรวจเช็คสุขภาพ จนปูชิเริ่มตัวซูบลง เบื่ออาหาร และมีอาการล้มแต่ยืนขึ้นไม่ได้บ่อยครั้ง จนเราตัดสินใจพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้านแฟนอย่างรพ.สัตว์สวนหลวง ซึ่งก็แน่นอนว่าหมอที่นั่นก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะไม่ใช่หมอ Exotic ตรวจอาการอะไรก็ไม่เจอ เพียงแต่สั่งยาแก้ท้องอืด ลดไข้ และฟลัดท่อน้ำตาให้เท่านั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เราต้องบึ่งไปที่รพ.สัตว์ขวัญคำ แต่ก็ดันเจอหมอที่ไม่ใช่หมอไวท์ ซึ่งก็อีกนั่นหล่ะ ปูชิก็ทำได้แค่นั่งตัวสั่นอยู่ในตู้ออกซิเจน ระหว่างรอผลเจาะเลือด ซึ่งก็ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (แต่ก็ยังไม่รู้สาเหตุนะ) โชคยังดีที่แฟนผมเค้าเป็นคนที่จริงจังในการ Search หาข้อมูลหมอ Exotic พอดี ก็เลยทำให้เราได้พบกับพ่อทูนหัวอีกคนของปูชิ นั่นคือหมออ้อย ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่รพ.สัตว์ VET4

The First Survived

จากการที่ได้ลูบๆคลำๆ ดูฟัน ดูค่าเลือด จนสังเกตุเห็นรอยสีดำอะไรบางอย่างที่หลังปูชิ หมออ้อยก็ได้สรุปในทันทีว่านี่คือขี้หมัด ปูชิน่าจะโดนเชื่อโรคจากหมัด ที่น่าจะมีหนูเป็นพาหะ ทำให้เกิดอาการอ่อนแรง ยืนไม่ขึ้น แบบนี้…และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเข้าออกรพ.ของปูชิเป็นว่าเล่นตั้งแต่ 4 ขวบครึ่งเป็นต้นมา โดยผมตัดสินใจที่จะนำปูชิมาอยู่ด้วยที่คอนโดของผม เพื่อให้ปูชิสามารถ Recover ตัวเองในสภาพบรรยากาศที่ดีกว่าเดิมได้ และยังสะดวกต่อการดูแลใกล้ชิดในแบบ 24 ชั่วโมงมากกว่า พร้อมกับให้คำมั่นสัญญากับปูชิว่าต่อจากนี้ต่อไปป๊าและม๊าจะรักปูชิ และทำหน้าที่ของพ่อละแม่ให้ดีที่สุดทุกวันจนกว่าความตายจะพรากจากเราไป

เวลาปูชิมีความสุข ปูชิจะนอนตะแคงด้านซ้ายเสมอ

ปูชิเป็นคนที่อินกับการกินข้าวมาก

ปูชิรักษากับหมออ้อยที่ VET4 จนสุขภาพเริ่มดีขึ้น และเราก็ได้นำไปฝากเลี้ยงกับรร.แห่งหนึ่ง เพราะว่าเราต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดหลายวัน จนในตอนไปรับกลับ คนที่เลี้ยงปูชิ เอ่ยขึ้นมาว่าดวงตาของปูชิน่าจะมีปัญหา นอกเหนือจากการที่หนังตาที่สามไปเปิดออกมา มันอาจจะมองไม่เห็นอย่างที่ควรจะเป็นก็ได้

The Second Survived

เรารีบพาปูชิไปหาหมออ้อยในทันที่ เพื่อให้หมอลองเช็คสายตาดูว่าปูชิยังมองเห็นดีอยู่ไหม เพราะอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื่อในครั้งแรกนั้นทำให้ปูชิมีอาหารทางประสาท หน้าเบี้ยว และขาก็เริ่มแบะออกมา…หมออ้อย ลองจับปูชิวิ่งกับพื้นดู และเอาไฟส่อง พร้อมกับบอกว่า “ก็น่าจะมองไม่เห็นอยู่นะ และมันจะเสื่อมลงไปเรื่อย”

 

อะไรนะนี่ปูชิยังไม่ทันจะห้าขวบเลย จะปล่อยให้มันใช้ชีวิตในโลกมืด โดยที่มองไม่เห็นเราได้อย่างไร…เมื่อรู้แบบนี้มจึงกลับไปร้องไห้อยู่หนึ่งคืน และปรึกษากับพี่แก้ว ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระต่าย พร้อมรับคำแนะนำว่าควรลองไปถาม Second Opinion จากคุณหมอบี ที่รพ. Pet Castle ในย่านรัตนาธิเบศร์ดู

 

สายตาของปูชิบ่งบอกถึงคำว่าอีกแล้วหรอป๊ากับม๊า ทุกครั้งที่ไปรพ.

การไปหาหมอบี สิ่งที่ต้อง Trade Off ก็คือการรอคอยอันแสนยาวนาน กว่าที่จะได้เข้าตรวจ ผมยังจำได้ดีว่าวันแรก เราไปถึงตั้งแต่ตอนเก้าโมงเช้า แต่กว่าจะได้ตรวจก็ประมาณสามทุ่มครึ่ง!!!! OMG ใช่ครับ ที่นี่นอกจากจะมีคนรอคิวเยอะมากแล้ว หมอบียังตรวจละเอียดสุดๆ สมดังฉายานักสืบอาการกระต่าย ปูชิตัวเดียวใช้เวลาอยู่กับหมอบีถึง 2 ชั่วโมง โดยที่ได้รับการวินิจฉัยว่า ตาปูชิมองเห็น ไม่ได้บอดนะ แต่ว่าปูชิมีปัญหาเรื้อรัง ที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัว และอื่นๆที่มากัดกินระบบประสาท จนทำให้ส่วนของหู หน้า เท้าหน้า โพรงจมูกมีหินปูนเกาะ รวมถึงปอดใช้การได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เราเข้าๆออกรักษากับหมอบีมานานประมาณ 3-4 เดือน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2015 จนถึงราวๆเดือนมีนาคม 2016 ซึ่งทั้งเรากับกระต่ายก็เหนื่อยกับการรอคอยเป็นเวลานานทุกครั้ง จนปูชิบอกเราด้วยสายตาว่าเครียดมากเลยหม่ามี๊ กิ๊อยู่ห่างจากโรงหมอสักพักได้ไหม กิ๊ Recover ตัวเองได้สบายมาเชื่อกิ๊เหอะ

Happy Time Among the Three of Us

ช่วงระยะเวลานับตั้งแต่มีนาคม 2015 ไปจนถึงสิงหาคม 2017 นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เราสามคนพ่อแม่ลูกมีความสุขมากที่สุด ปูชิ Recover ตัวเอง ได้ตามที่เคยบอกผมจริงๆ ระยะเวลาสองปีกว่าเราพาปูชิไปหาหมออ้อย ที่ตอนนี้เปิดรพ. Animal Space บนถนนพุทธมณฑลสายสอง ประมาณเดือนละครั้ง โดยที่บางเดือนก็มีการสลับไปทำกายภาพด้วยเลเซอร์บ้าง ฟลัดท่อน้ำตาบ้าง โดยที่ปูชิไม่ได้มีอาการป่วยอะไรที่หนักหนาสาหัสเลย แม้แต่ครั้งเดียว

ความสุขของผม คือการที่ได้เฝ้ามองปูชิ คือการที่ได้ลูบหัวปูชิ ให้อาหารปูชิ ทุกวันวันละหลายๆรอบ ในช่วงเช้าปูชิจะกระโดดออกมาจากกรงเพื่อไปขุดหญ้าเทียมบริเวณหน้าห้องนอนของเรา เลียนแบบเวลาที่ผมใช้ไม่กวาดมากวาดอึปูชิที่ตรงนี้ นัยว่าพวกแกตื่นมาลูบหัวฉันได้แล้วนะ และในตอนเย็นทุกครั้งที่ผมนั่งลงกับพื้นเพื่อเตรียมตัวที่จะทำงาน หรือทานข้าว ปูชิก็จะหันมาจ้องเรา พยักหน้า พร้อมทั้งกระโดดมาหาในทันที เพื่อมานอนข้างๆเรา ให้ลูบหัว จนผลอยหลับไปเอง

มีหลายครั้งที่ปูชิพยายามโดดขึ้นมาบนโซฟา แต่หกล้ม ปูชิก็เลยกระโดดขึ้นมาหาได้แค่แท่นนี้

My Little Angel ที่จะมานั่งอึกับฉี่อยู่ข้างๆผมเป็นประจำ

อาการร้ายแรงอาการเดียวของปูชิที่ต้องระวังก็คืออาการขาแบะ อันเกิดจากระบบประสาทที่เสียหาย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เกิดอุปสรรคใดแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าปูชิจะไม่ยอมให้มัดขา แต่หลายๆบริเวณบ้านของเราก็เต็มไปด้วยแผ่นกันลื่น

เราสามคนไม่เคยห่างกันเลย ในรูปนี้ปูชิคุย VDO Call กับหม่ามี๊ตอนที่หม่ามี๊ไปปฎิบัติธรรมเป็นเวลาสองคืน

ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ปูชิก็จะไม่เคยอยู่นิ่งๆในกระเป๋า ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าวันนี้เราจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันดี

จะไปไหนกันหรอขอปูชิดูได้ไหม

หรือจะให้ปูชินั่งบน Console เลยก็ได้

เรามีกันและกัน ไปด้วยกันทุกที่ตั้งแต่ที่ออฟฟิศใหม่ที่ปูชิเป็นแรงผลักดันให้ผมเริ่มต้นสร้างธุรกิจเพื่ออนาคตของพวกเรา

แต่ดูเหมือนจะไปที่รพ.ทุกอาทิตย์และนะป๊า มี๊

รวมถึงไปทะเล ซึ่งปูชิดูจะมีความสุขมากจนลืมไปว่าตัวเองอายุ 7 ขวบแล้ว

ร้านอาหาร

สวนสาธารณะ

ดูปลาคาร์ฟ

ช้อปปิ้ง

เราฉลองวันเกิดในห้องด้วยกันทุกปี ตั้งแต่ปีที่ 6 – 7 – 8

เวลาปูชิไม่ชอบเห็นผมขโมยซีน ก็มักจะเอาเท้ามาแตะเหม่งผมแบบนี้

ความสุขที่ผมกับปูชิมีให้กันมันมากจนก่อให้เกิดพลังชีวิต ที่มีส่วนช่วยให้ผมเดินหน้าทำธุรกิจมาจนถึงทุกวันนี้ได้ หากจะบอกว่าปูชิคืออิคิไกของผมก็ไม่มีผิด ปูชิคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องตื่นนอนทุกวันเพื่อมาคุย เล่นด้วย คือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องรีบกลับบ้านทุกวัน และคือเหตุผลที่ทำให้ผมตัวสินใจซื้อบ้านหลังปัจจุบันแทนที่คอนโด ด้วยเพราะสาเหตุที่ผมอยากให้ปูชิได้อยู่แบบไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ และมีสนามหญ้าให้วิ่งเล่นในแบบที่ไม่ต้องกังวลว่าจะติดเชื่อโรคจากที่ไหน

 

The Third Survived

สัจจธรรมของโลกนี้คือความไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน เช่นเดียวกับชีวิตที่ผกผันของผมและปูชิอีกครั้ง หลังจากที่เราซื้อบ้านได้ไม่นานและเตรียมที่จะ Move in ช่วงราวๆเดือนสิงหาคม 2017 ในวันก่อน Move in ผมต้องไปทำงานที่หัวหิน จึงนำปูชิไปฝากให้คนอื่นเลี้ยง แต่ปูชิกลับมาด้วยสภาพที่ขาซ้ายพับไปข้างนึง ผลเอ็กซ์เรย์บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า กระดูกสะบ้าแตก ซึ่งสำหรับกระต่ายสูงอายุขนาดนี้มันหนักหนาสาหัสมาก แน่นอนว่าไม่มีทางแก้ไข ต้องทำให้รอให้พังพืดยึดขาแต่ก็จะยืดและใช้งานไม่ได้เหมือนกับปกติแล้ว

ฝันร้ายที่ไม่อยากให้เกิดกลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง ผมซื้อบ้านมาเพื่อให้ปูชิได้วิ่งเล่น แต่ปูชิกลับวิ่งไม่ได้แล้ว ปูชิกระโดดออกจากกรงมาหาผมไม่ได้แล้ว มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเราทำตามความฝัน แต่กลับเป็นความฝันที่กัดกินหัวใจเรา…แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ไปถาม second Opinion ที่รพ.ทองหล่อ โดยได้รับคำแนะนำว่าให้ปูชิอยู่นิ่งๆ เพื่อเข้าเฝือก ให้พังพืดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพราะการผ่าตัดสำหรับกระต่ายในวัยขนาดนี้มันอันตรายมาก แถมแก้ไขได้ก็ไม่ได้เป็นเหมือนเดิม

แต่สุดท้ายเราก็ทนสายตาที่บ่งบอกถึงความทรมาน อึดอัด ไม่สบายตัวของปูชิไม่ไหว ปูชิกระซิบบอกผมในใจอีกครั้งว่า ป๊า ม๊า เอาออกเหอะ กิ๊ recover ตัวเองได้ ไม่งั้นกิ๊จะท้องอืดตายให้ดูเดี๋ยวนี้เลย…สุดท้ายเราก็ตัดเผือกออกเองในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชม. และ Maintain ปูชิด้วยการทานแอนตินอลไปตลอดชีวิต พร้อมด้วยอาหารเสริมบำรุงข้อที่ผมเองต้องไปหาซื้อมาจากสิงค์โปร์ และสารพัดขนม ที่เมืองไทยไม่มีการทำเข้ามาขาย เพราะมันแพง อีกอย่างใครมันจะไปทุ่มเทซื้อของอะไรแบบนี้ให้แค่กระต่ายตัวเล็กๆ

 

นับตั้งแต่ช่วงปลายสค. 2017 เป็นต้นมา ผลสืบเนื่องจากการขยับตัวไม่ได้ ทำให้ปูชิเริ่มมีอาการซึมลง แต่งตัวได้น้อยลง อาการดังกล่าวลุกลามจนทำให้ขาหน้าของปูชิเริ่มแบะมากขึ้น และนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของการกลับมาเข้ารพ.ทุกอาทิตย์อีกครั้งสำหรับปูชิ เพื่อมาทำกายภาพ ฝังเข็ม ตรวจเช็ค ทานวิตามิน หยอดตา หยอดจมูก ทำอะไรต่างๆนานา โดยที่ทุกเช้า-เย็นเราก็ต้องคอยให้ยาปูชิติดต่อกันมานับแต่นั้น…สำหรับผมแล้วคิดว่าปูชิเองก็อาจจะบอกเหมือนเดิมคือ ไม่ต้องให้ก็ได้ กิ๊ไม่ชอบการบังคับ แต่เราสองคนรู้ดีว่าหากไม่บังคับกี๊ ก็คงจะอยู่กับเราได้ไม่นาน

 

ช่วงกลางเดือนตค. 2017 เราพาปูชิไปเช็คสุขภาพอย่างละเอียดที่รพ.สัตว์ขวัญคำ เนื่องจากต้องนำไปปูชิไปฝากเลี้ยงกับคนอีกเป็นเวลา 6 เพราะเราต้องไปทำงานที่ญี่ปุ่นแบบเร่งด่วน…ผลตรวจจากหมอไวท์ก็แสดงให้เห็นว่าค่าเลือด การทำงานของตับ ไตปูชิ ยังปกติสมบูรณ์ทุกอย่าง จะมีก็แค่ค่าเลือดที่บ่งชี้ว่ามีอาการอักเสปอะไรบางอย่างในร่างกาย แต่หมอก็มองว่านี่คือโรคเรื้อรังของปูชิที่ต้องทานยาไปเรื่อยๆ และอีกอาการนึงคือหัวใจของปูชิเริ่มที่จะโต ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมของการะต่ายพันธุ์ Holland Lop เมื่อมีอายุมากขึ้น แต่เราก็ได้ถามหมอว่าจะมีผลอะไรไหม หมอไวท์ตอบว่า ก็แค่อย่าทำให้ตกใจ ตื่นเต้นบ่อย…เราได้ฟังก็รู้สึกโล่งใจ เพราะปูชิเป็นคนไม่กลัวใครอยู่แล้ว โรคนี้คงทำอะไรสาวหัวใจแกร่งแบบปูชิไม่ได้

การได้อยู่บ้านใหม่ที่ถึงแม้ว่าปูชิจะไม่สามารถเดินได้แบบเดิมอีกแล้ว แต่ปูชิเองก็ยังมีเพื่อแก้เหงาในตอนกลางคืน ก็คือเป่าเปา เด็กเอาแต่ใจอีกคนผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แต่มันก็ช่วยให้ปูชิรู้สึกอบอุ่นจากเดิมที่เราอยู่คอนโด ปูชิสามารถกระโดดมาหาผมที่หน้าห้องนอนได้ภายในไม่กี่ก้าว แต่กับที่บ้านผมและแฟนจำเป็นต้องนอนที่ชั้นสาม แต่กว่าจะนอนก็ปาเข้าไปตีสามตีสี่ เพราะก็ยังต้องทำหน้าที่พ่อกับแม่ในการให้ยา กล่อมลูกน้อยให้นอน รวมถึงทำความสะอาดกรงทุกวัน…และนี่คืออีกสาเหตุที่ทำให้ผมเสียใจที่ไม่ได้ทุ่มเทให้กับปูชิได้มากตลอด 24 ชั่วโมงได้เหมือนก่อน

The Forth Survived

 

ตั้งแต่ต้นปี 2018 เป็นต้นมา เราเริ่มเห็นว่าปูชิ มักจะชอบนอนบนหมอนเด็ก หรือตุ๊กตาฮิปโปที่มีอยู่แล้วในกรง โดยเป็นการยกหัวสูง และมีอาหารจามติดต่อกันเป็น 10 ครั้งพร้อมกับมีน้ำมูกสีขาวข้นออกมาจากจมูกบ่อยๆ เราพาปูชิไปหาหมอทุกสัปดาห์ โดยเวียนไปทั้ง Animal Space และรพ.สัตว์ทองหล่อ แต่หมอทุกคนก็บอกว่าคงเป็นแค่อาการภูมิแพ้ และติดเชื้ออะไรบางอย่างที่ไม่รู้ ซึ่งทางแก้ไขก็คือเราต้องหมั่นป้อนยา Fluifort หรือ Bisolvon เมื่อมีอาการ และเราก็ได้ซื้อเครื่องพ่นยา เพื่อมาพ่นน้ำเกลือให้ปูชิ รวมกับให้ยาปฎิชีวะนะตามหมอสั่ง…เมื่อปูชิได้พ่นน้ำเกลือ กับได้รับการแคะเอาน้ำมูกออกทุกวัน ปูชิก็หลับได้อย่างสบายตัวขึ้น จากนั้นมาเราก็เริ่มทยอยซื้อของใช้ที่จำเป็นอย่างหมอนเด็ก รวมถึงซื้อเครื่องฟอกอากาศอีกเครื่องมาตั้งไว้ข้างๆกรงปูชิเลย

ช่วงเดือนพค. ปี 2018 ปูชิเริ่มมีอาการที่ทรุดลงเรื่อยๆ หลังจากที่เราได้นำไปฝากเลี้ยงที่โรงแรมกระต่ายแห่งหนึ่ง ที่เคยฝากมาแล้วในช่วงต้นปี 2018 ซึ่งตอนนั้นเราตรวจพบ ตั้งแต่ตอนก่อนฝากแล้วว่าปูชิเริ่มมีอาการหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความเสื่อมตามอายุขัย ไม่ว่าจะเป็นหัวใจโต ปอดอักเสบ ตาเป็นฝ้า ฯลฯ แต่หมอก็ยังบอกว่านี่คืออาการปกติ ที่ต้องดูแลกันไป เพราะค่าเลือดก็ยังปกติดีอยู่ (ยกเว้นค่าอาการอักเสปที่ไม่มีหมอคนไหนแม้แต่คนเดียวที่รู้ว่ามาจากโรคอะไร)…สิ่งที่เราแม่ลูกได้แต่ทำให้ปูชิก็คือ ดูแลรักษาให้ดีมากยิ่งขึ้น สรรหาขนมและอาหารทุกอย่างที่ปูชิชอบมาประเคนให้ทุกวัน และตัดสินใจว่านับจากนี้ต่อไปเราจะไม่ทิ้งปูชิไปไหนไกลๆอีก ยกเว้นแต่จะมีแม่ฝนมาดูแลปูชิให้ที่บ้าน เนื่องจากปูชิเป็นคนที่เครียดง่ายมากเวลาอยู่ต่างถิ่น และปูชิไม่ชอบอยู่กับใครหรือบ้านไหนเลยถ้าไม่มีเราสองคน

 

นอกจากป๊อกกี้มารุคัง แล้วก็มีผักกวางตุ้งฮ่องเต้นี่ล่ะที่ปูชิชอบมาก

ประมาณปลายพค.ปูชิเริ่มมีอาหารหัวส่าย ตาส่าย แขนขา อ่อนแรง เริ่มวิ่งวนเอียงขวา กินข้าวได้น้อยลง ซึ่งเรารู้ด้วยสัญชาติญาณความเป็นพ่อกับแม่ว่า ปูชิเริ่มที่จะไม่ไหว และคงไม่สามารถ Recover ตัวเองได้อีกแล้ว เช่นเดียวกับการทำกายภาพ ฝังเข็ม เลเซอร์ ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เช่นเดียวกับการกินยาซื้อเชื่อโปรโตซัวไปเรื่อยๆ สลับกับยาแก้ไอ ยาแก้คัดจมูก แอนตินอล วิตามิน ยาหยอดตา ซึ่งก็แน่นอนว่าปูชิเองก็ไม่ชอบเอามากๆเช่นกัน

การรักษาในช่วงนี้ทางหมออ้อยได้พยายามตรวจอีกครั้งว่า ปูชิมีอาการอักเสบจากเชื้ออะไรสักอย่างที่มีอยู่ในสมองตั้งแต่ครั้งที่ป่วยหนแรก จนทำให้หูมีหนอง ทรงตัวไม่ได้ ต้องแคะหนองออกทุกสัปดาห์ แต่เราก็ยังสู้ต่อไป ด้วยความหวังที่จะเห็นปูชิกลับมากินข้าวได้อย่างปกติอีกครั้ง พลางคิดในแง่ดีว่าคนสิงค์โปร์ที่ขายอาหารปูชิให้เรายังพูดปลอบเราอยู่เสมอเลยว่ากระต่ายบ้านเค้า อายุน้อยสุดกว่าจะตายก็โน้น 12 ปี เราแค่ 9 ปีเอง ยังอยู่ได้อีกนาน…แต่ก็เป็นอีกครั้งที่แม้แต่หมออ้อยก็ไม่ทราบสาเหตุว่านี่อาจจะมีต้นเหตุมาจากอาการหัวใจโตของปูชิ

 

ปะป๊า…ระหว่างหนูกับมิ๊ ใครสวยกว่ากัน?

 

The Last Breath

วันพฤหัสที่ 15 พย เป็นคิวที่เราต้องพาปูชิไปทำกายภาพที่รพ.สัตว์ทองหล่อ ในแบบที่ต้องทำเป็นประจำติดต่อกันมาหลายเดือนแล้ว เมื่อทำกายภาพเสร็จเราองก็เห็นว่าปูชิกลับมีเรี่ยวแรงที่ลดลง ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำก่อนหน้านั้นมานาน 5-6 วันแล้ว แต่ทุกครั้งที่ป้อนก็ยังกินได้ดี กินเยอะอยู่ ไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง แค่คนแก่อยากอ้อน ดูน่ารักดี…โดยที่เราไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาสุดท้ายของปูชิกำลังคืบคลานเข้ามาทุกขณะแล้ว

 

เราไปหาหมออ้อย โดยที่ตรวจพบว่าค่าเลือด ค่าไต และค่าตับของปูชิไม่ดีเอาซะเลย ค่า BUN ขึ้นสูงถึง 42 ถึงแม้ว่าค่า CREA จะยังดีอยู่ที่ 1.1 แต่มันก็ใช้วัดอะไรไม่ได้ เนื่องจากไตของปูชิไม่สามารถขัยสารยูเรียออกจากเลือดได้เลย นี่คือเหตุผลที่ทำให้ปูชิหมดแรง เริ่มที่จะ Shut Down ลงไปเรื่อยๆ…ทาง Animal Space ลงความเห็นว่าควรให้ปูชิ Admit เพื่อให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด แต่ผมและแฟนรวมถึงปูชิ รู้ดีกว่าปูชินั้นไว้ใจแค่เราทั้งสองคน และด้วยสถานการณ์ที่วิกฤตขนาดนี้ เราไม่อาจปล่อยให้ปูชิอยู่คนเดียวในช่วงกลางคืนที่ไม่มีหมอเวรเฝ้าไข้ได้ และเราก็อยู่ด้วยไม่ได้

 

ช่วงเวลา 23.30 เราบึ่งรถไปที่รพ.สัตว์ทองหล่อ จากการส่งไม้ประสานงานกันระหว่าง 2 รพ. ทำให้ปูชิสามารถ Admit ได้ในทันที โดยที่เราได้แต่ภาวนาว่าเดี๋ยวอีกสักสอง-สามวันปูชิคงจะกลับมามีอาการที่ดีขึ้น

คืนวันพฤหัสจนถึงวันอาทิตย์ เราทั้งสองอยู่เคียงข้างปูชิวันละสองถึงสามรอบ ด้วยการที่บ้านอยู่ใกล้เพียงแค่ 5 นาที บางวันเราอยู่ถึงเที่ยงคืนกว่าเพียงเพื่อต้องการที่จะกล่อมปูชิให้เข้านอนเหมือนดั่งเช่นที่ผ่านๆมา

 

เช้าวันอาทิตย์เราทราบข่าวร้ายว่าค่า BUN ของปูชิกลับเพิ่มสูงขึ้นถึง 69!! นี่มันอะไรกัน เราเริ่ม Panic เริ่มหาคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปูชิควรที่จะตอบสนองต่อการฟอกไตได้ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือ พร้อมกับการโทรปรึกษาทาง Animal Space ราวกับคนบ้าว่าเราสองคนควรที่จะทำอย่างไรดี จนทางหมอกวางที่รพ.ทองหล่อ แนะนำว่าควรจะทำ Ultrasound ช่องอกและหัวใจด่วน เพื่อดูว่ามีอะไรที่เสียหายหรือไม่…เราสองคนติดสินใจเปิดห้องพัก และนำเป่าเปาเข้ามาพักที่รพ.ทองหล่อด้วยในคืนนั้น เพื่อเฝ้าดูอาการปูชิ โดยที่ไม่รู้เลยว่าอาการปูชิในตอนนั้น แทบจะหมดทางรักษาแล้ว…เช้าวันจันทร์เราอยู่กับปูชิเพื่อรอฟังผล Ultrasound แต่เช้าก่อนที่จะพบว่า ตับ ไต ของปูชิ ก็เป็นไปตามสังขาร คือเสื่อม แต่ว่าเสือมไม่มาก ไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้เลือดเป็นกรด และมีน้ำในช่องท้องมากขนาดนี้ โดยทางหมอกวางแนะนำว่าควรที่จะทำ Ultrasound หัวใจ และ Echo อย่างเร่งด่วนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจ ซึ่งมีหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงไต ที่เป็นปัญหาของปูชิ โดยในเป็นคนที่คอยจับร่างปูชิไม่ให้ปูชิเกิดความเครียดเพื่อที่จะ Ultrasound หัวใจได้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการอุ้มปูชิไว้แนบอกตลอดเวลาที่เคลื่อนย้าย

แต่ผลที่เราเห็นที่หน้าจอ มันไม่ดีเลย ตัวผมเองและแฟนที่เตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า และร้องไห้จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือดมาหลายวันแล้ว ก็กลับใจสั่น เข่าทรุดยิ่งขึ้นไปอีก พลางโทรถาม Second Opinion อย่างหมออ้อย ว่าเราควรทำอย่างไร…ทั้งนี้ทุกหมอลงความเห็นว่าตอนนี้มีน้ำคั่งอยู่เป็นจำนวนมากทั้งบริเวณถุงหุ้มหัวใจ และบริเวณช่องอก ยังไงก็ต้องเจาะเอาน้ำออกเพื่อบรรเทาอาการ โดยหากต้องการเจาะที Animal Space หมออ้อย และหมอนกจะรับหน้าที่ในการเจาะให้เอง แต่เนื่องจากสภาพร่างกายปูชิในตอนั้นไม่ไหวแล้ว และถึงไปเจาะที่ Animal Space ก็น่าจะไปไม่ถึง และแม้เจาะได้เราก็อยู่ดูใจปูชิเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได่

 

ผมพยายามสอบถามหมอกวางถึงความเป็นไปได้ในการที่กระต่ายจะรอดจากเคสนี้ หมอกวางบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ ในหมาและแมวหลังจากเจาะอาการจะแย่ลง ทรุดลง และตายในที่สุด ส่วนในกระต่ายที่ผ่านมายังไม่เคยมีเคสนี้ และต้องรับรู้ไว้เลยว่ากระต่ายมีอารมณ์และหัวใจทื่อ่อนไหวหว่าหมาและแมวมาก โอกาสเสียชีวิตมีสูงมาก เช่นเดียวกับฝั่ง Animal Space ที่ก็บอกในทำนองเดียวกันว่าเคนเจอแค่เคสเดียวและก็ไม่รอด

 

ในวินาทีนั้นผมกับแฟนหันไปถามปูชิ พร้อกับพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่าปูชิยังอยากจะสู้ไหม ยังอยากจะอยู่กับเราสองคนไหม คิดถึงช่วงเวลาดีๆที่เคยทำด้วยกันไหม ถ้ายังอยากปูชิต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้นะ…จากนั้นผมก็เซ็นใบผ่าตัด และรอว่าปาฎิหารย์จะบังเกิด

 

20 นาทีหลังจากเจาะน้ำ หมอนำเอาของเหลวปริมาณ 10 CC จากถุงหุ้มหัวใจของปูชิมาให้ดู พร้อมบอกว่านี่ไม่ใช่ของเหลวธรรมดาแต่เกิดจากการติดเชื้อแน่นอน เพราะว่ามีหนอง และมีสีขุ่นปนเนื้อเยื่อ ต้องเอาไปตรวจ เช่นเดียวกับน้ำในช่องท้องที่แม้จะทะลวงออกมาได้ถึง 50 CC แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำที่ค้างอยู่ทั้งหมดด้วยซ้ำ

***update 27 พย. 2018 วันนี้เป็นวันครบรอบ 7 วันที่ปูชิจากไป แต่ก็ดันได้รับเรื่องที่ไม่สบายใจจากรพ.ทองหล่อ คือผลเจาะน้ำที่คั่งในถุงหุ้มหัวใจ กับช่องอกของปูชิคือ ไม่พบเชื้อใดๆ และไม่พบเชื้อมะเร็ง ปูชิตายเพราะหัวใจล้มเหลว แต่สิ่งที่สงสัยและถามหมอต่อก็คือน้ำพวกนี้หมอบอกว่าเป็นน้ำ Sterile ซึ่งมันก็คือน้ำเกลือที่หมอฉีดเข้าเส้นเลือดโดยที่ไม่ได้ให้ยาขับน้ำใช่หรือไม่ >> แต่หมอบอกไม่ใช่ ทั้งๆที่ Sterile ก็คือน้ำเกลือ และที่น้ำมันขุ่นๆสีชมพูก็น่าจะเป็นเลือดจากหัวใจที่หมอน่าจะเจาะลึกลงไปโดนอีก

สรุปคือหมอไม่เก่ง รักษาผิด และให้น้ำเกลือผิด ใช่ไหม?…ไม่อยากจะคิดต่อเพื่อหาคำตอบแล้ว เพราะยังไงปูชิก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกครั้ง และหมอแต่ละที่ก็ทำตาม Process ที่ว่าถ้าค่าไตขึ้นสูงก็ต้องให้น้ำเกลือ พอค่าไตไม่ลด ก็ไปดูหัวใจ แต่ปูชิก็พูดไม่ได้ว่าเจ็บตรงไหนยังไง แน่นหน้าอกรึเปล่า หมอก็เลยไม่รู้ อีกอย่างเคสแบบนี้ไม่น่าจะมีหมอเกิน 2 คนในประเทศที่เคยรักษา เค้าเลยไม่รู้ว่าหลังจากเจาะไปต้องทำอะไรบ้าง ต้องให้ยาขับน้ำอะไรไหม…แต่อยากให้รู้ไว้ว่าไม่ว่าจะสารพัดโรคร้ายอะไรในโลกนี่ก็ทำอะไรปูชิไม่ได้ ยกเว้นการประเมินผิดโรค ไม่ได้มองว่าต้นตอมาจากโรคหัวใจแต่แรก***

 

แต่ข่าวดีก็คือ ปูชิรอด! ปูชิน่าจะเป็นกระต่ายเพียงไม่กี่ตัวบนโลกนี้ และอาจจะเป็นกระต่ายอายุ 9 ขวบกว่าๆเพียงตัวเดียวในโลกที่รอดจากการผ่าตัดแบบนี้ได้ โดยที่ออกมาปุปก็หายใจเป็นปกติ และกินข้าวได้เอง ในแบบที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงยังเชื่อว่าปูชิ ยังคงมีหัวใจที่แข็งแกร่งดังหิน ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และสังขารเหมือนเช่นที่เคยมีมา แต่ในใจลึกๆผมกลับรู้สึกเป็นกังวลว่าพรุ่งนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้พบกันในแบบที่ยังมีลมหายใจอยู่

 

คืนวันจันทร์ผมนอนไม่หลับทั้งคืน และหลังจากที่พาเป่าเปาไปเดินเล่นขับถ่ายในช่วงเช้าแล้วก็ได้เจอกับพี่เอ Holy Mother อีกคนของปูชิที่รพ.ทองหล่อ ที่เดินเข้ามาแจ้งว่าดูแล้วปูชิมีอาการที่ไม่ทรุด หายใจดี และคนทั้งวอร์ดก็ช่วยกันภาวนาให้ปูชิสร้างปาฎิหารย์ได้สำเร็จ

 

10 โมงเช้าผมขึ้นไปเยี่ยมปูชิเหมือนเช่นเคย แต่กลับพบว่าปูชิตัวเย็นลงอย่างห็นได้ชัด ทั้งๆที่ให้เครื่องทำความร้อน แต่อุณหภูมิก็ขึ้นแค่ 94 องศาเท่านั้น จากเดิมที่มีนัดทำ Echo หัวใจอีกรอบ หมอก็ต้องเปลี่ยนแผน เพราะอยู่ดีๆร่างกายปูชิก็ไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะน้ำ อาหาร หรือแม้กระทั้งเสียงของผมและแฟน สิ่งเดียวที่ทำให้ปูชิเหลือบตามองได้ก็คือเวลาที่ผมลูบหัวปูชิ พร้อมด้วยเสียงกระซิบพลางร้องไห้ว่า อย่าเพิ่งทิ้งป๊าไปไหนนะ ปูชิต้องสู้นะ

The End of Phuchi’s Journey

ความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสของการเป็นมนุษย์ คือการที่ต้องทนเห็นบุคคลที่เรารักที่สุดกำลังถูกความตายพรากลมหายใจไปอย่างช้าๆ โดยมีแค่ปาฎิหารย์เท่านั้นที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย…ป๊ากับม๊าและหมอพยายามช่วยหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว ป๊ารู้ดีว่าหนูเป็นกระต่ายที่มีหัวใจแกร่งที่สุดในโลก เมื่อคืนหนูเป็นกระต่ายเพียงแค่ไม่กี่ตัวบนโลกที่ผ่านการเจาะน้ำที่คั่งในถุงหุ้มหัวใจมาได้ ป๊ารับรู้ได้จากสายตาของหนูที่บอกว่ายังสู้อยู่ ยังอยากจะให้ป๊ากับม๊าอุ้ม ลูบหัวให้ทุกคืน กินป๊อกกี้ และผักกวางตุ้งฮ่องเต้แสนโปรด และอยากกลับไปวิ่งเล่นริมหาดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าร่างกายของหนูจะไม่ไหวแล้ว แต่อยากให้ปูชิรู้เอาไว้ว่าป๊ากับม๊าไม่เคยอยู่ห่างหนูไปไหน และจะอยู่เพื่อรอปาฎิหารย์ด้วยกันจนกว่าลมหายใจสุดท้ายของหนู…Phuchi Forever

 

นี่คือคำพูดที่ผมเขียนระบายเอาไว้ใน FB พลางน้อยใจในโชคชะตาที่ตัวผมเองไม่ได้ดูแลปูชิอย่างเต็มที่ตั้งแต่แรก แถมไม่น่ามาซื้อบ้านเลย สู้ให้ปูชิอยู่ด้วยกันแบบอบอุ่นที่คอนโดเหมือนเดิมดีกว่า…ถึงตอนนี้ผมและแฟนรู้ดีว่าปูชิกำลังจะจากเราไป และผมจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่ออิคิไก เพียงหนึ่งเดียวของผมกำลังจะแตกสลาย มลายหายไปจากโลกใบนี้

 

และแล้ว 14.44 ของวันที่ 20 พย. 2018 ความตายได้พรากปูชิจากป๊าและม๊าไปอย่างไม่มีวันกลับ

 

หัวใจของป๊าแตกสลายนับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป โลกทั้งใบของผมมันดูหมุนเคว้งไปหมด ต่อให้หมอและพยาบาลจะพยายามยื้อชีวิตปูชิด้วยสารพัดวิธีการ แต่มันก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บปวด รวดร้าว ในช่วงเวลาอันแสนโกลาหลนั้น ผมจึงตัดสินใจบอกหมอให้ปล่อยปูชิไปไม่ต้องฝืนทรมานเพื่อผมและแฟนอีกต่อไป ถึงตอนนี้การเดินทางของปูชิบนโลกใบนี้ได้สิ้นสุดลงโดยผมเองค่อยๆยกตัวปูชิขึ้นมาประคองกอดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจัดร่างให้ปูชินอนตะแคงซ้ายในแบบที่ปูชิชอบทำเสมอมา ยามที่ปูชิมีความสุข แต่ก็ทำไม่ได้เลยนับตั้งแต่ที่ขาซ้ายเสียไป นี่คือความสุขครั้งสุดท้ายที่ผมมอบให้ปูชิด้วยน้ำตาที่ไหลรินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต

กระต่ายน้อยปูชิ ผู้มีหัวใจอันกล้าแกร่ง กลับต้องมาพ่ายแพ้ต่ออายุขัยของหัวใจตัวเอง ถึงคราวกลับคืนสู่เงาจันทร์อีกครั้ง โดยที่ผมเองก็ได้แต่หวังว่าปูชิมาโผล่มาปลอบประโลมผมทุกครั้งที่ผมแหงนหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ หรือตามติดผมไปทุกที่ในแบบที่เราเคยทำร่วมกันมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาปูชิไม่เคยทำลายชีวิตใครเลย เนื้อสัตว์ก็ไม่เคยกิน ป๊าเชื่อว่าที่ๆปูชิจะไปก็ย่อมจะเป็นดินแดนที่มีแต่ความสุขนิรันดร์ หลายคนบอกว่าช่วงเวลา 1 ปีของกระต่ายบนโลกนี้จะเท่ากับอายุขัย 8 ปีของมนุษย์ ป๊าไม้รู้ว่าที่ที่ปูชิจะไปนั้นไกลแค่ไหน แต่ก็ได้แต่หวังว่าช่วงเวลา 1 ปีของปูชิบนนั้นคงจะยาวนานเป็นหลายสิบปีของเวลาบนโลกนี้ เพื่อที่ปูชิจะได้รอป๊ะป๊าอยู่บนนั้นในแบบที่ไม่นานมาก แต่ที่แน่ๆช่วงเวลาผ่านไปแต่ละวันของป๊านับจากนี้มันคงจะยาวนานและทรมานมาก จนไม่รู้ว่าความทรมานนี้จะจบลงเมื่อไหร่…ปูชิจ๋า หนูไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตใดๆบนโลกใบนี้อีกแล้วนะ หลุดพ้นจากวัฎสงสาร และไปเป็นเทวดา นางฟ้าตัวน้อยอยู่บนฟ้า คอยจ้องมองดูป๊าและมิ๊จากบนนั้น เพื่อรอวันที่เราจะพบกันอีกครั้งนะลูกรัก

“รัก…. รักเธอ ทั้งหมดของหัวใจ สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน เธอได้ยินไหมคนดี

อยากขอ…..ให้ความรู้สึกที่ฉันมี ส่งไปถึงเธอที่แสนดี

ว่าชีวิตนี้ฉันมีแต่เธอดังความฝัน แล้วสักวันจะไปหา”

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-ก...

ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

SOLACE ในภาษาอังกฤษสื่อถึง สิ่งที่ช่วยปลอบประโลมจิตใ...

19 March, 2024

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม...

28 February, 2024

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง