KRAAM Sukhumvit 26: “Home-Like Super Luxury condominium” ใจกลางย่าน EM District ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ที่ผสานไว้ซึ่งนวัตกรรมการออกแบบที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัย และมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุด แห่งเดียวบนสุขุมวิท 26

“คราม (KRAAM)” ในภาษาไทยแปลว่า “บ้าน” และหากเราจินตนาการถึงบ้านในฝันสักหลัง ก็ต้องเป็นบ้านที่ดูอบอุ่น มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกคนในครอบครัว เดินทางสะดวก ใกล้ชิดธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ แสงแดด และลม ยิ่งถ้ารายล้อมด้วยเพื่อนบ้านดีๆ ก็จะยิ่งเติมเต็มคำว่า “บ้าน” ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และเพื่อตอบโจทย์ความฝันนั้น ในการจะซื้อบ้านสักหลัง เราย่อมมองหาคุณภาพและความไว้วางใจ ทั้งจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และนักออกแบบ ที่เข้าใจในไลฟ์สไตล์ของเรา เพื่อสร้างบ้านให้เป็นบ้านที่น่าอยู่

ดั่งเช่นโครงการ KRAAM Sukhumvit 26 ที่พัฒนาขึ้นโดย บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ คุณ อรฤดี ณ ระนอง ผู้นำร่องเปิดตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเซกเมนท์ Hi-end & Eco-Luxury ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนระหว่างความเป็น Green Living และ ดีไซน์คอนเซปท์ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละโครงการ เช่น อาคาร Park Venture อาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จนได้รับการนิยามว่าเป็น The Ecoplex แห่งถนนวิทยุ และยังได้รับการการันตีมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ระดับ Platinum หรือโครงการ ParcPriva บ้านเดี่ยวรัชดา -พระราม 9 ที่การันตีความสำเร็จด้วย 3 รางวัลใหญ่จากเวทีระดับโลก Asia Pacific Property Awards 2016 – 2017 และ Quarter Collection ที่ประกอบด้วย Quarter Thonglor โครงการบ้านเดี่ยวกลางทองหล่อและ Quarter 31 และ 39 ที่ตั้งอยู่บนสุขุมวิท 31 และ 39 ที่ออกแบบบ้านภายใต้คอนเซปท์ Cluster home

และมาถึงโครงการ KRAAM Sukhumvit 26 คอนโด High rise ระดับ Super Luxury โครงการแรกที่สร้างจุดเด่น ด้านนวัตกรรมการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้งานพื้นที่ที่เกิดประโยชน์สูงสุด และการคำนึงถึงการใช้สอยเหมือนการอยู่บ้านมากกว่าคอนโด (Home-Like Condominium) บนทำเลบ้านผู้ดีเก่า ชุมชนที่พักอาศัยคุณภาพสูง อย่างสุขุมวิท 26 ที่ร่มรื่นด้วยอุโมงค์ต้นไม้ใหญ่ตลอดสองฝั่งถนน และรายล้อมด้วยย่านธุรกิจสำคัญ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง The EM District , K Village, A Square และยังสามารถเดินทางได้สะดวกสบายไม่ว่าจะไปยังถนนสุขุมวิท ถนนพระรามที่ 4 ขึ้นทางด่วน หรือใช้บริการ BTS สถานีพร้อมพงษ์ อีกทั้งโครงการนี้ ยังได้บริษัทออกแบบอันดับต้นๆของไทยอย่าง A49, PIA Interior และ P Landscape เป็นผู้ออกแบบให้

KRAAM Sukhumvit 26 มีการออกแบบตัวอาคารภายใต้แนวคิด Green Living คือออกแบบพื้นที่อาคารให้ผสานเข้ากับสิ่งแวดล้อมดั้งเดิม เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ คือ ได้รักษาต้นหางนกยูงต้นใหญ่อายุกว่า 100 ปีที่มาพร้อมกับที่ดินดั้งเดิม และสร้างพื้นที่สีเขียวไว้ที่บริเวณสนามหญ้าและสวนหน้าโครงการเพื่อให้ร่มเงาและความร่มรื่น ให้พื้นที่สวนได้เชื่อมต่อจากอุโมงค์ต้นไม้บนสุขุมวิท 26 ที่รายล้อมตัวอาคาร

โดยภายในอาคารมีช่องลม เพื่อรับลมธรรมชาติเข้าสู่ตัวอาคาร ทำให้ในอาคารมีอากาศไหลผ่าน มีลมถ่ายเท ไม่อับ อีกทั้งการวางPlan ห้องให้ผนังห้องแยกจากกันในแต่ละยูนิต นอกจากจะเพื่อความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังทำให้เกิด Cross Ventilation เพื่อเพิ่มการถ่ายเทอากาศอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังออกแบบเลย์เอ้าท์ห้องให้มีกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน (Full Height Window) เพื่อรับแสงเข้าสู่พื้นที่ส่วนต่างๆได้เต็มที่ กระจกหน้าต่างสามชั้น (Triple Glazed Window) เพื่อดูดซับเสียงและกันความร้อน แต่ก็มีแผงบังแดดแนวตั้ง (Vertical Façade Fin) ที่ลดแสงในบางช่วงเวลา ทำให้ผู้อาศัย Kraam Sukhumvit 26 สามารถลดการใช้พลังงานได้

นอกจากการออกแบบ ที่ทำให้เราเหมือนอยู่บ้านด้วยการออกแบบที่ผสานกับธรรมชาติแล้ว KRAAM Sukhumvit 26 ยังคำนึงถึงการอยู่บ้าน ที่เป็นการอยู่อาศัยในระยะยาว และการอยู่อย่างสะดวกสบาย ทางโครงการ จึงออกแบบพื้นที่ส่วนต่างๆให้สามารถเก็บของได้อย่างเป็นระเบียบ และออกแบบพื้นที่การใช้งานในชีวิตประจำวันให้มีความสะดวกสบาย เหมาะแก่การใช้งานของทุกเพศทุกวัย

เราลองมาดูรายละเอียด โครงการ KRAAM Sukhumvit 26 ให้ลึกขึ้นอีกสักเล็กน้อย

ตัวโครงการสร้างอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ เป็นอาคารสูง 29 ชั้น 126 ยูนิต ชั้นละ 6-8 ยูนิต มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และลิฟท์บริการ 1 ตัว

ประกอบด้วย ชั้น G  เป็นพื้นที่สวน และ Lobby มีพื้นที่สีเขียวที่ยังคงเก็บรักษาต้นหางนกยูงอายุ 100 ปี และออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อนที่กลมกลืนกับธรรมชาติ

ส่วน ชั้น Basement 1-2 และชั้น 2-9 เป็นพื้นที่จอดรถแบบ Fix คิดเป็น 140% มาพร้อมที่เก็บของสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ไม่ต้องการถือของขึ้นลง เช่น ถุงกอล์ฟ เป็นต้น

ชั้น 10-25 เป็นส่วนที่พักอาศัย ชั้น 10-18 มี 8 ห้องต่อชั้น และชั้น 19-25 มี 6 ห้องต่อชั้น

ชั้น 26  เป็นพื้นที่ส่วนกลาง อย่างสระว่ายน้ำอินฟินิตี้เอดจ์ขนาด Half Length Olympic ฟิตเนส ห้องโยคะ ห้องสตีม และมีห้อง Penthouse 1 ห้อง ที่ชั้นนี้

ชั้น 27-29 เป็นที่พักอาศัย ชั้น 27-28 มี 4 ห้องต่อชั้น และชั้น 29 มี 3 ห้อง

ส่วนรูปแบบห้องมีทั้งหมด 4 แบบ คือ 1Bedroom, 2Bedrooms, 3Bedrooms และ Penthouse

1Bedroom ขนาด 61 Sq.m. มีอยู่ที่ชั้น 10-25

2Bedrooms ขนาด 102 – 128.5 ตรม.ดีไซน์ให้เป็นห้องหัวมุมของอาคาร

3 Bedrooms ขนาด 185-188 Sq.m เป็นห้องหัวมุมของอาคาร

และ Penthouse ขนาด 228.5 Sq.m.

ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดตกแต่งให้ดูมี 2 แบบ คือ 1 Bedroom  61 Sq.m. และ 2 Bedrooms  111 Sq.m.

เริ่มกันที่ 1 Bedroom 61 Sq.m.

ยูนิตเล็กที่สุดของโครงการ แต่ก็นับว่าเป็นห้องขนาด 1 ห้องนอนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่สำหรับตลาดคอนโดในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการจัดวางฟังก์ชั่นในด้านการเก็บของ และการเป็น Practical Living โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณครัว ที่นอกจากจะได้ครัว Built – in แบบ Full Function รูปตัว L แล้ว ก็ยังได้พื้นที่ครัว Island ไว้เตรียมอาหาร จัดเก็บอุปกรณ์ทำอาหาร และยังเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารได้อย่างลงตัว

อีกทั้งยังมีพื้นที่เปิดโล่งไปจนถึงส่วนของ Living ที่เพิ่มความโปร่งโล่ง แสงสว่างส่องผ่านได้อย่างทั่วถึงด้วยกระจกสูงแบบ Full Hieght ได้บรรยากาศเหมือนกับการอยู่ในบ้านที่ทุกๆสมาชิกในครอบครัวสามารถมีปฎิสัมพันธ์กันได้อย่างเต็มที่

ห้องจะแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ Yard , Living area และ Bedroom

เริ่มจากประตูห้องที่ให้มาเป็นประตูบานใหญ่ ระบบ Digital door lock ของ Samsung

เปิดเข้าไปจะพบกับพื้นที่ Living area พื้นที่กลางที่เชื่อม Yard ด้านขวาของห้อง ซึ่ง Yard Area มีให้กับทุกห้องและถือเป็นจุดเด่นมากสำหรับที่ KRAAM Sukhumvit26 เพราะคอนโดมิเนียมโดยทั่วจะไม่ได้เตรียมพื้นที่ส่วนนี้ให้ โดยพื้นที่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สำหรับเป็น private laundry และเก็บของได้ และ Bedroom ที่ด้านซ้ายของห้องเข้าด้วยกัน Living area เป็นแนวลึกและเปิดกว้างด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสูงจากพื้นจรดเพดานที่ปลายห้องนั่งเล่น  ทั้งห้องนั่งเล่นจึงได้รับแสงแดดส่องเข้าถึงในทุกๆพื้นที่ ถึงสว่างจากแสงธรรมชาติ แต่ห้องก็ไม่ร้อน เพราะกระจกรอบห้องเป็นกระจกกั้นความร้อนสามชั้น (Triple Glazed Window) ที่ดูดซับเสียงและกันความร้อนได้มากกว่ากระจกทั่วไป

มีช่องเก็บรองเท้าอยู่ข้างประตู ที่นอกจากจะมีแสงไฟส่องสว่างแล้ว ก็ยังมีช่องระบายอากาศอยู่ด้านล่าง เป็นงาน Built-in ที่เนียนและมอบฟังก์ชั่นหลากหลาย

บริเวณ Living area แบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ

พื้นที่ครัว ติดกับประตูทางเข้าและติดกับ Yard ทำให้ครัวนอกจากมีแสงส่องถึงจากประตูที่ปลายห้องนั่งเล่นแล้ว ยังมี Yard ที่สามารถเปิดรับลมให้เข้ายังบริเวณพื้นที่ครัวและเชื่อมต่อไปห้องนั่งเล่นได้ จึงทำให้ครัวที่เป็นครัวเปิด ไม่อับ และโปร่ง

ซึ่งชุดครัวที่ทางโครงการ Built-in มาให้ มีชั้นติดผนังรูปตัว L สูงจากพื้นจรดเพดาน เว้นร่องด้านล่างชั้นBuilt-in ทั้งหมด เป็นระยะพอที่จะยืนแล้วสอดเท้าเข้าไป ตามสรีระและการใช้งาน เช่น ทำครัว เป็นต้น ซึ่งทุกส่วนออกแบบให้มีการใช้งานได้ในทุกรายละเอียดคือออกแบบให้เป็นชั้นที่สามารถเก็บของและใช้งานได้จริง เพื่อตอบโจทย์ Home-Like Condominum ได้อย่างแท้จริง แม้แต่ช่องดูดควันก็มีการออกแบบให้พื้นที่ที่เหลือเล็กน้อยสามารถใช้วางแก้วน้ำได้เป็นต้น

โดยครัวโครงการออกแบบให้เป็นตู้เย็นฝัง เหนือตู้เย็นเป็นชั้นเก็บของบานเปิด แบบ Soft closed ถัดมาเป็นอ่างล้างจาน  ด้านล่างเป็นชั้นวางถังขยะ เก็บของ ใกล้อ่างล้างจานเป็นเตาไฟฟ้าฝังพื้น 2 หัว ของ GAGGENAU ด้านล่างเป็นไมโครเวฟฝัง  และชั้นเหนือขึ้นไปเป็นที่ดูดควัน และสามารถเก็บแก้วน้ำ หรือขวดขนาดเล็กได้

ติดกัน เป็นชั้นเก็บของขนาดใหญ่ ที่ด้านในแบ่งเป็นสัดส่วนในการใช้งาน มีทั้งแบบแบ่งชั้นสำหรับวางแก้ว ขวดน้ำ จาน ชาม หรือชั้นกว้างและลึก สำหรับเก็บอุปกรณ์ทำอาหารขนาดใหญ่ เช่น เตาไฟฟ้า หม้อหุงต้ม ให้เป็นระเบียบได้ ตรงกลางแทรกด้วยมุมกาแฟ เคาท์เตอร์วางเครื่องดื่ม ที่ถูกจัดวางให้เป็นสัดส่วน  มาพร้อมไฟเปิดปิดแบบ sensor ที่สะดวกและตอบสนองต่อการใช้งานจริง

ตรงกลางมีเคาท์เตอร์ครัว Top เป็น compressed marble สีน้ำตาล ที่มุมเคาท์เตอร์มาพร้อมเต้าเสียบไฟ แบบเก็บได้เมื่อไม่มีการใช้งาน

ด้านล่างเคาท์เตอร์ด้านติดกับ Furniture ครัว Built-in เป็นลิ้นชักและตู้เก็บของบานเปิด แบบ Soft closed

ฝั่งตรงกันข้าม เป็นเคาท์เตอร์บาร์กระจกพร้อมมุมนั่งทานอาหาร

ถัดจากครัว เป็นพื้นที่พักผ่อนที่โปร่งโล่งดูสบาย ด้วยความสูง 3 เมตร  มีประตูกระจกบานเลื่อน แบบมือจับ เชื่อมต่อกับระเบียงนอกห้อง

พื้นที่พักผ่อนกว้างพอที่จะวางชุดโซฟา สำหรับ 3-4 คน ไว้นั่งดูทีวี หรือนั่งคุย ชมวิวนอกห้อง ตรงข้ามชุดโซฟา เป็นผนังที่ Built-in สำหรับแขวนทีวี และชั้นวางหนังสือ พร้อมมุมนั่งทำงาน อ่านหนังสือริมระเบียง

ระหว่างพื้นที่ครัวและพื้นที่นั่งเล่น เป็นทางเข้าห้องนอน ซึ่งภายในห้องนอนแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นห้องแต่งตัวและห้องน้ำ โดยมีพื้นที่แต่งตัว เป็นตู้เสื้อผ้า Built-in สูงจากพื้นจรดเพดาน วางตัวเป็นรูปตัว L (ที่เป็นบานประตูตู้เสื้อผ้าของจริงเป็น Laminate และปิดเป็นบานทึบ) กั้นระหว่างพื้นที่ห้องนอนและห้องน้ำ

ในส่วนของห้องน้ำแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนแห้ง มาพร้อมอ่างอาบน้ำที่เตรียมให้สำหรับทุกห้อง และเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าแบบฝังพื้นเคาท์เตอร์ ด้านล่างมีพื้นที่เก็บของและวางของได้ตลอดแนว มาพร้อมกระจกบานใหญ่เต็มผนัง

ในส่วนที่สองและส่วนที่สาม เป็นห้องอาบน้ำแบบ Free Standing และที่วางสุขภัณฑ์ กั้นด้วยผนังทึบ มีบานกระจกสไลด์เปิดปิดระหว่าง 2 พื้นที่

ห้องอาบน้ำ มีทั้ง Rain shower และ Shower ที่ปลายผนังออกแบบให้สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำได้

ส่วนอีกห้อง เป็นชุดสุขภัณฑ์ ของ TOTO และพื้นห้องอาบน้ำทั้งหมด เป็น Porcelain Mable Tile เก็บขอบด้วยอะลูมิเนียม

มาถึงในส่วนของห้องนอน โครงการออกแบบให้ห้องนอนดูเปิดกว้างด้วยกระจกเต็มบาน นอนชมวิว มาพร้อมหน้าต่างกระจกบานกระทุ้ง สำหรับเปิดระบายอากาศ หรือรับลมเย็นๆในบางวันได้

ห้องนอนเป็นขนาดกว้างขวาง ด้วยพื้นที่สำหรับวางเตียง King Size พร้อมมุมวางหนังสือและของหัวเตียง

  พื้นที่สุดท้ายที่เป็นจุดขายของโครงการ คือ Yard ที่มีทั้งพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ส่วนกลางที่เชื่อมต่อ เป็นพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ พื้นที่ Yard ที่เป็นช่องรับลมเข้าสู่ตัวห้องอีกทางหนึ่ง

และเป็นพื้นที่ที่ทำให้ผนังห้อง 2 ห้องไม่ติดกัน สามารถระบายอากาศได้ดี มีลักษณะเป็นพื้นที่ใช้งาน เช่น ซักล้าง หรือเป็นพื้นที่ระเบียงตากผ้า โดยมีชั้น Built-in ติดผนัง สำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า และเก็บผ้า หรืออุปกรณ์ซักผ้าได้

ระเบียงบริเวณ Yard ในกรรมสิทธิ์์ห้องชุดมีพื้นที่ถึงประตูระเบียง พื้นที่ที่เหลือเป็นพื้นที่ส่วนกลาง สำหรับ Service แต่เจ้าของห้องสามารถใช้งานได้จริงตามเอนกประสงค์ ปลายสุดของจริงจะเป็น ฟินแนวตั้งที่บังแดด ตลอดตัวอาคาร

มาถึงอีกห้องที่โครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นห้อง 2 Bedroom Type B 111 Sq.m. ในห้องแบ่งออกเป็น 5 ส่วนคือ Living area พื้นที่ใจกลางที่เชื่อม ห้องครัว และห้องนอนเล็กที่ด้านขวาของห้อง และห้องนอนใหญ่และ Yard ที่ด้านซ้ายของห้องเข้าด้วยกัน

ก้าวแรกที่เข้ามาในห้องก็จะได้พบกับแสงสว่างที่ส่องผ่านมาจากบริเวณส่วน Living ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โดยพื้นที่ Living ถูกจัดวางให้อยู่บริเวณกึ่งกลางของห้อง เพื่อให้ไม่ว่าจะอยู่บริเวณส่วนใดของห้องก็จะต้องเดินผ่านบริเวณพื้นที่นี้เสมอ สร้างเสริมคุณลักษณะที่ดีของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างพื้นที่ทำงานเล็กๆไว้บริเวณระเบียง เนื่องจากบานกระจกมีลักษณะเป็นรูปตัว Z ยาวต่อเนื่องจากมุมห้องสู่ระเบียงทำให้ได้รับแสงสว่างอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของวัน

พื้นที่ครัวที่มีขนาดใหญ่กว่าบ้านเดี่ยว และมีอุปกรณ์ให้ครบครันถูกจัดวางให้อยู่บริเวณส่วนทางเข้าสร้าง space ที่ชัดเจนโดยสามารถนำความกว้างของพื้นที่มาใช้ประโยชน์ในการจัดวางโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ได้เลยในบริเวณนี้ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ Storage เพิ่มเติมบริเวณหน้าห้อง Yard นับว่าเป็นห้องขนาด 2 ห้องนอนที่มีส่วนผสมที่สมดุลกันระหว่างความกว้าง ความสูง ความลึกของห้อง และประโยชน์ใช้สอยของเฟอร์นิเจอร์ Built – in

จากประตูห้องบานใหญ่ ระบบ Digital door lock ของ Samsung

พื้นที่แรกเป็นพื้นที่ครัว ที่มี Space เป็น ซึ่งชุดครัวที่ทางโครงการ Built-in มาให้ เป็น Furniture Built-in ติดผนังทั้ง 2 ฝั่ง สูงจากพื้นจรดเพดาน เว้นร่องด้านล่างชั้น Built-inทั้งหมด เป็นระยะพอที่จะยืนแล้วสอดเท้าเข้าไป ตามสรีระและการใช้งานในการทำครัว และทุกส่วนถูกออกแบบให้มีการใช้งานได้ในทุกรายละเอียดคือออกแบบให้เป็นชั้นที่สามารถเก็บของและใช้งานได้จริง

โดยครัวฝั่งขวา โครงการออกแบบให้เป็นเคาท์เตอร์ยาว ประกอบด้วยอ่างล้างจานฝังพื้นเคาท์เตอร์  ด้านล่างเป็นชั้นวางถังขยะ เก็บของ ใกล้อ่างล้างจานเป็นเตาไฟฟ้า GAGGENAU ฝังพื้น 4 หัว ชั้นเหนือขึ้นไปเป็นที่ดูดควัน และสามารถเก็บแก้วน้ำ หรือขวดขนาดเล็กได้ ติดกัน เป็นชั้นเก็บของขนาดใหญ่ บานเปิด แบบ Soft closed ที่ด้านในแบ่งเป็นสัดส่วนในการใช้งาน มีทั้งแบบแบ่งชั้นสำหรับวางแก้ว ขวดน้ำ จาน ชาม หรือชั้นกว้างและลึก สำหรับเก็บอุปกรณ์ทำอาหารขนาดใหญ่ เช่น เตาไฟฟ้า หม้อหุงต้ม ให้เป็นระเบียบได้ และมีช่องสำหรับติดตั้งเครื่องล้างจานได้ ทั้งสองด้านของชั้นเก็บของ เป็นลิ้นชักแนวสูง มาพร้อมที่เก็บอุปกรณ์เครื่องปรุงต่างๆได้

ผนังฝั่งตรงข้าม เป็น Built-in เต็มผนังเช่นกัน มีตู้เย็นฝัง เหนือตู้เย็นเป็นชั้นเก็บของ บานเปิด แบบ Soft closed ถัดมาเป็นไมโครเวฟฝัง  และมุมกาแฟที่ชั้นโล่งด้านซ้ายสุด หรือเป็นเคาท์เตอร์สำหรับวางเครื่องดื่มได้

ตรงกลางมีเคาท์เตอร์ครัว Top เป็น compressed marble สีขาว ที่มุมเคาท์เตอร์มาพร้อมเต้าเสียบไฟ แบบเก็บได้เมื่อไม่มีการใช้งาน

ด้านล่างเคาท์เตอร์ 3 ด้าน Built-in เป็นลิ้นชักและตู้เก็บของบานเปิด แบบ Soft closed

อีกด้านของเคาท์เตอร์ เป็นโต๊ะทานข้าวกระจกที่เชื่อมจากเคาท์เตอร์ครัว สำหรับ 4 คน

ผนังตรงข้ามครัว บริเวณด้านหลังประตูห้อง เป็นผนัง Furniture Built-in สำหรับเก็บของและรองเท้าได้ตลอดแนว

ถัดจากครัว เป็นพื้นที่พักผ่อนที่โปร่งโล่ง ด้วยความสูง 3 เมตร ห้อง Living หน้ากว้าง มีประตูกระจกบานเลื่อน แบบมือจับ เชื่อมต่อกับระเบียงนอกห้อง

พื้นที่ Living area กว้างพอที่จะวางชุดโซฟาเซ็ตใหญ่ ไว้นั่งดูทีวี หรือรับแขก พร้อมวิวนอกห้อง มุมกว้าง ตรงข้ามชุดโซฟา เป็นชั้นสำหรับวางทีวี และมีชั้นวางหนังสือ พร้อมมุมอ่านหนังสือ ที่มุมห้อง living area ที่เชื่อมต่อกับระเบียง เป็นพื้นที่อ่านหนังสือริมชานบ้านได้สบายๆ

บริเวณหัวมุมห้องฝั่งระเบียงสามารถแบ่งโซนเป็นพื้นที่ทำงานได้ กระจกบานสูงที่มีอยู่รอบด้านทำให้พื้นที่บริเวณ Living ดูโปร่ง โล่ง สว่าง

ระเบียงขนาดใหญ่เพียงพอที่จะวางโซฟาขนาด 1 ที่นั่งได้

ห้อง Master Bedroom มีพื้นที่ใช้งาน 3 ส่วนหลักๆ คือ ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องนอน

ห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียก ส่วนแห้ง กั้นด้วย Shower Box กระจกบานเปิด มีหน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติ และช่วยเรื่องการระบายอากาศได้ดี

พื้นที่ส่วนเปียก มีทั้ง Rain Shower และ shower พร้อมที่วางอุปกรณ์อาบน้ำ

พื้นที่ ส่วนแห้ง มาพร้อมอ่างอาบน้ำ โถสุขภัณฑ์ และเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าแบบฝังพื้นเคาท์เตอร์ ด้านล่างมีพื้นที่เก็บของและวางของได้ตลอดแนว มาพร้อมกระจกบานใหญ่เต็มผนัง

พื้นที่แต่งตัว เชื่อมระหว่างห้องน้ำและห้องนอน เป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ทั้ง 2 ฝั่งผนัง สูงจากพื้นจรดเพดาน

ในส่วนของห้องนอน ดูเปิดกว้างด้วยกระจกเต็มบาน นอนชมวิว มาพร้อมหน้าต่างกระจกบานกระทุ้ง สำหรับเปิดระบายอากาศ หรือรับลมเย็นๆ ได้

ห้องนอนมีพื้นที่พอสำหรับวางเตียง King Size พร้อมชั้นวางของหัวเตียง และชั้นวางทีวีที่ปลายเตียงได้

ในส่วนของห้องนอนที่สอง แบ่งพื้นที่ออกเป็นห้องนอนและห้องอาบน้ำแต่งตัว

ในส่วนของห้องน้ำแบ่งพื้นที่ออกเป็น ส่วนเปียกและส่วนแห้ง มีประตูกระจกบานเปิดกั้น 2 พื้นที่

พื้นที่ส่วนแห้งมาพร้อมเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าแบบฝังพื้นเคาท์เตอร์ ด้านล่างมีพื้นที่เก็บของและวางของได้ตลอดแนว มาพร้อมกระจกบานใหญ่เต็มผนัง และ ชุดสุขภัณฑ์ ของ TOTO

ส่วนเปียก เป็นห้องอาบน้ำแบบ Shower ที่มุมผนังออกแบบให้สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำได้

พื้นห้องอาบน้ำทั้งหมด เป็น Porcelain Mable Tile เก็บขอบด้วยอะลูมิเนียม

ระหว่างห้องอาบน้ำและห้องนอน เป็นพื้นที่แต่งตัว Furniture Built-in เต็มผนัง สูงจากพื้นจรดเพดาน แบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วน

ในส่วนของห้องนอน โครงการออกแบบให้ห้องนอนดูเปิดกว้างด้วยกระจกเต็มบาน นอนชมวิว มาพร้อมหน้าต่างกระจกบานกระทุ้ง สำหรับเปิดระบายอากาศ หรือรับลมเย็นๆในบางวันได้

ห้องนอนมีพื้นที่พอสำหรับวางเตียง King Size พร้อมชั้นวางของหัวเตียงได้

ติดกับห้อง Master Bedroom และห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ Yard ที่เป็นช่องรับลมเข้าสู่ตัวห้องอีกทางหนึ่ง และเป็นพื้นที่ที่ทำให้ผนังห้อง2ห้องไม่ติดกัน สามารถระบายอากาศได้ดี มีลักษณะเป็นพื้นที่ใช้งาน เช่น ซักล้าง หรือเป็นพื้นที่ระเบียงตากผ้า โดยมีชั้น Built-in ติดผนัง สำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า และเก็บผ้า หรืออุปกรณ์ซักผ้าได้

ระเบียงบริเวณ Yard ในกรรมสิทธิ์์ห้องชุดมีพื้นที่ถึงประตูระเบียง พื้นที่ที่เหลือเป็นพื้นที่ส่วนกลาง สำหรับ Service แต่สามารถใช้งานได้จริง ปลายสุดของจริงจะเป็น ฟินแนวตั้งที่บังแดด ตลอดตัวอาคาร

ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางที่ Sky Society นอกจากสระว่ายน้ำอินฟินิตี้เอดจ์ ฟิตเนส ห้องโยคะ ห้องสตีม ที่ชั้น 26 แล้ว

ยังมีพื้นที่สวน ที่ใช้ต้นไม้ใหญ่ ผสานการออกแบบ การใช้งานใหม่ๆเข้าไป เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติกลางเมือง อีกทั้งโครงการยังจัด บริการรถรับส่งสถานที่สำคัญใกล้โครงการ พ่วงด้วยบริการพรีเมียมส่วนตัวแบบ A La Carte เช่น Grocery Shopping service, Laundry and cleaning service, catering เป็นต้น

KRAAM Sukhumvit 26 เปิดตัวในราคาเริ่มต้นที่ 15 ล้านบาท หรือ 275,000 บาทต่อตารางเมตร พร้อม Furniture Built-in และวัสดุ Brand Hi-end ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจ สำหรับห้องชุดขนาดใหญ่บนทำเลกลางเมืองบนสุขุมวิท 26 ที่แทบจะไม่ได้มีการพัฒนาคอนโดใหม่มาสักระยะแล้ว

หากพูดถึงสุขุมวิท 26 คงอดไม่ได้ที่จะไปเปรียบเทียบกับทำเลในฝั่งเดียวกัน อย่าง สุขุมวิท 22 และ 24 ที่ล้วนแต่ได้รับอานิสงค์แห่งการมาของ The EM District ผมเองก็ต้องขอพูดแบบตรงไปตรงมาว่าทั้ง 3 ทำเลนี้ล้วนมีจุดเด่นที่เหมือนกันคือสามารถทะลุออกไปทางถนนพระรามสี่ หรือจะออกไปทางแยกอโศก-สุขุมวิทก็ได้ สุขุมวิท 24 เป็นทำเลที่มีการพัฒนาโครงการคอนโดแทบจะทุกพื้นที่แล้ว จึงทำให้สภาพการจราจรในทำเลนี้ค่อนข้างหนาแน่น และพื้นที่ฟุตบาทก็ค่อนข้างแคบ จะได้เปรียบก็ตรงที่มีระยะทางที่ใกล้ The EM District มากที่สุด (แต่คอนโดรุ่นหลังๆก็ไปสร้างอยู่ปลายซอย ก็เดินค่อนข้างไกลออกมาอยู่ดี) ในขณะที่สุขุมวิท 22 ก็ดูจะเป็นทำเลที่ไม่ค่อยจะมีความเป็น residential area เท่าไหร่ เพราะมีระยะทางที่ยาว มีซอยย่อยมากมาย บางพื้นที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน และ ในบางพื้นที่ก็เป็นอพาร์ทเมนท์และหอพัก

สุขุมวิท 26 มีจุดเด่นที่เห็นชัดเจนก็คือ ความร่มรื่นเขียวขจีของต้นไม้ ที่มีลักษณะเป็นอุโมงค์ธรรมชาติสีเขียวตลอดทั้งถนน ฟุตบาทสองข้างทางที่มีขนาดใหญ่เดินได้สะดวกสบาย มีร้านอาหาร และบูทีคโฮเตลเก๋ๆ บ้านเดี่ยวเก่าแก่ขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ให้ความเงียบสงบ ที่มีสไตล์ ราวกับว่าที่นี่คือโลกอีกด้านหนึ่งของ Mid Sukhumvit ที่ซึ่งพร้อมจะให้ทั้งความอบอุ่น ผ่อนคลาย เป็น Urban Sanctuary อย่างแท้จริง

จุดสังเกตจุดนึงที่สำคัญมากๆก็คือ สุขุมวิท 26 นั้น ไม่ค่อยมีการพัฒนาคอนโด High Rise ใหม่ๆเลย ในรอบหลายปีมาแล้ว โดยโครงการคอนโด High Rise ตัวล่าสุดในทำเลนี้ก็คือ Noble Refine และคอนโด Low Rise ตัวล่าสุดที่ยังคงเหลือขายอยู่ก็คือ Condolette Dwell การมาของโครงการ KRAAM Sukhumvit 26 จึงนับว่าเป็นคอนโดในเซกเมนท์ Super Luxury เพียงโครงการเดียวเท่านั้น ในทำเลนี้

พูดอีกอย่างก็คือถ้าหากนับแค่ 3 ทำเลนี้ KRAAM Sukhumvit 26 ก็ต้องเป็นโครงการคอนโดที่น่าอยู่ที่สุดในสายตาผมอย่างแน่นอน!! และถ้าจะมองในภาพกว้างยิ่งขึ้น โดยการเอาไปเปรียบเทียบกับโครงการในบริเวณสุขุมวิท 39 ก็จะเห็นว่ามีราคาอยู่ในระดับใกล้เคียงกันทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากการออกแบบให้มีลักษณะเป็น Home-Like Condominium ที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัย ให้ได้ฟังก์ชั่นเหมือนการอยู่บ้านทุกอย่าง โดยเฉพาะพื้นที่ Storage บริเวณที่จอดรถ พื้นที่ Yard และการออกแบบให้แปลนแต่ละยูนิตไม่มีผนังติดกัน ล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์คนที่ต้องการ “บ้าน” ที่เจาะจงว่าต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบสุขุมวิท 26 เท่านั้น

ในด้านของการซื้อเพื่อลงทุน ด้วยสไตล์และเซกเมนท์ของโครงการ ดูแล้วน่าจะเหมาะกับการลงทุนระยะยาวจนถึงหลังโอนมากกว่า เพราะโดย nature ของคอนโดระดับนี้ liquidity มักจะไม่สูงมาก และคนซื้อส่วนใหญ่จะเป็น real demand ไม่ค่อยอยากจะขายกันจนกว่าจะได้เข้าไปลองอยู่จริง ดังนั้นหากใครมีกำลังพอที่จะซื้อยาวไปที่นี่ก็น่าจะสร้าง capital gain ได้ไม่แพ้โครงการ Super Luxury ที่อยู่ติดถนนใหญ่ และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำถ้าทั้ง 126 ครอบครัวนี้เพื่อซื้อโอนอยู่เองทั้งหมด นอกจากนี้จากข้อมูลของ CBRE ก็ยังพบว่า demand เช่าห้องขนาดใหญ่ของเหล่า Expat มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสวนทางกับ supply ใหม่ในรอบปีที่ผ่านมา

KRAAM Sukhumvit 26 รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อย่าง The Emporium, The Emquartier, The Emsphere, และ Community Mall สุดเก๋อย่าง K Village, A Square และ สวนเพลิน มาร์เกต หางจาก BTS พร้อมพงษ์เพียง 500 เมตร การออกแบบที่ดึงธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต ทำให้การใช้ชีวิตบนคอนโด เสมือนการใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน ท่ามกลางธรรมชาติที่เข้าถึงได้ เป็น Home-Like Condominium ที่แตกต่าง แต่ก็มีความอบอุ่นในฉบับ “บ้าน” ทุกประการ และแน่นอนว่าด้วยเงินจำนวน 15 ล้านบาท คุณคงไม่มีทางที่จะหาพื้นที่ว่างเพื่อสร้างบ้านในซอยนี้แน่ๆ… ซึ่งมีเพียง 126 ครอบครัวเท่านั้นที่จะได้ครอบครองโอกาสสำคัญครั้งนี้กับ KRAAM Sukhumvit 26

***ตอนนี้โครงการเปิดห้องตัวอย่างให้คุณสัมผัสบรรยากาศของคำว่าบ้านแล้ว และพร้อมขายพรีเซลในวันที่ 18-19 มิย.นี้ ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nyeestate.co.th/kraam หรือโทร 02 661 2900