เทคโนโลยี AI หรือ Artificial Intelligence พร้อมที่จะกำหนดอนาคตของการออกแบบสถาปัตยกรรมแล้วหรือไม่ ซึ่งอุตสาหกรรม AEC หรือ Architecture, Engineering, Construction ก็ถูกเร่งให้มีการใช้เทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง จากการกระตุ้นการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เกิดคำถามตามมาว่า แล้วในอนาคตสถาปนิกจะสามารถสร้างงานต่อไปได้มั้ย หรือ จะมาถูกเทคโนโลยี AI แทนที่?

จากข้อมูลของทาง AIA รายงานว่า 90% ของบริษัทสถาปัตยกรรม คาดว่าจะเพิ่มการใช้งานของเทคโนโลยี AI ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้เป็นมากกว่าแค่จินตนาการ เนื่องจากสามารถนำเสนอความเป็นไปได้ที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยกระบวนการทำงานอัตโนมัติที่การช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบ แต่อย่างไรก็ตามความคิดสร้างสรรค์ของสถาปนิกจะสามารถมีน้ำหนักกว่าเทคโนโลยี AI ได้หรือไม่?

ขอบเขตในการออกแบบของ AI (A New Frontier in Architectural Design)
จะเป็นอย่างไรถ้าหากการออกแบบดีเทลที่มีอยู่มหาศาลในงานสถาปัตยกรรม สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI? ซึ่งความสามารถของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบันสามารถช่วยเหลือในขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่ขั้นตอนการเริ่มต้นวางแผนโครงการ การก่อสร้างโครงการ การประมวลผลข้อมูลระหว่างทาง และการจัดการต่างๆ

ซึ่งทีมผู้ออกแบบต้องทำงานกันอย่างหนักในการคำนวณข้อมูล เพื่อทำให้เป็นไปตามมาตรฐานและเป้าหมาย อย่างเช่น มาตรฐาน AIA2023 แต่สำหรับเทคโนโลยี AI สามารถทำการวิเคราะห์การออกแบบได้หลายร้อยรูปแบบในเวลาอันสั้น และสามารถนำเสนอทางออกที่เหมาะสมที่สุด โดยการใช้แนวทางที่เกี่ยวข้องในเวลาแค่เสี้ยววินาที ทำให้เทคโนโลยี AI กำลังกลายเป็น Game-Changer ที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรม AEC(Architecture, Engineering, Construction) อย่างไม่ต้องสงสัย

บทบาทที่ขาดไม่ได้ของความคิดสร้างสรรค์ของสถาปนิก (The Indispensable Role of Human Creativity)
จากคุณสมบัติของเทคโนโลยี AI ในด้านการดีไซน์ การเป็นสถาปนิกที่มีคุณค่าสำคัญต่ออุตสาหกรรม สถาปนิกไม่ได้เพียงออกแบบตัวอาคาร แต่เกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา ซึ่งเทคโนโลยี AI ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ โดยส่วนของเทคโนโลยี AI รู้เพียงแค่ว่าอะไรที่โปรแกรมออกมา ถ้ามีข้อมูลอะไรอื่นๆที่นอกเหนือจากข้อมูลที่กำหนด หรือ Code ที่กำหนดเอาไว้ เทคโนโลยี AI ก็อาจจะไม่สามารถให้คำตอบคุณได้ ดังนั้น ถ้าต้นทุนด้านราคา ด้านไอเดีย หรือ ด้านวัสดุมีการเปลี่ยนแปลงไป ทางฝั่งสถาปนิกผู้มีความเชี่ยวชาญก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนพัฒนาเพื่อหาทางเลือกอื่นๆได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าสถาปนิกยังมีบทบาทที่สำคัญในการวิเคราะห์จุดประสงค์ของแต่ละโครงการโดยสามารถวิเคราะห์มิติอื่นๆที่นอกเหนือจากโครงสร้างได้

Cove. tool เป็นเครื่องมือการสร้างสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของสถาปนิกและความสามารถของ AI
ในรูปแบบแพลตฟอร์มบนเว็ปไซต์ที่เชื่อมโยงการวิเคราะห์ วิศวกรรม และข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อแก้ปัญหาการแลกเปลี่ยนที่ซับซ้อนในการออกแบบและการก่อสร้างอาคาร Cove. Tool เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถประเมินการออกแบบได้ก่อนจะเริ่มก่อสร้างอิฐก้อนแรกด้วยการวิเคราะห์การออกแบบโดยอัตโนมัติ และสถาปนิกสามารถเน้นไปที่รายละเอียดที่ซับซ้อนอื่นๆ ของตัวโครงการได้ 

บทบาทของ AI ในด้านสถาปัตยกรรมกำลังส่งสัญญาณ ถึงความเปลี่ยนแปลงไปสู่กระบวนการออกแบบอัจฉริยะ ด้วยความเชี่ยวชาญของมนุษย์ และข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ AI มาออกแบบเป็นระบบร่วมกัน ซึ่งคุณ Patrick Chopson ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และผู้ร่วมก่อตั้งของ Cove. tool กล่าวว่า การผสมผสานระหว่าง AI และความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ไม่ได้เพียงการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราวางแนวคิดออกแบบ และนำโครงการสถาปัตยกรรมมาสู่ชีวิตอย่างลึกซึ้ง

Cove. Tool นำข้อดีของทั้ง 2 ฝั่ง คือ กระบวนการคำนวณของ AI สำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ และการประมาณต้นทุนพร้อมด้วยความสามารถของสถาปนิกในการสร้างพื้นที่ที่ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของมนุษย์

สำหรับผู้พัฒนาการร่วมมือระหว่าง AI และ สถาปนิก เป็นการสร้างโอกาสที่มอบผลลัพธ์ทั้งด้านความสวยงามและประสิทธิภพของงานแต่ละโปรเจค ในทิศทางที่ตัวแฟลตพอร์ตจะเป็นตัวที่รองรับหรือเป็น Hub เชื่อมต่อระหว่างจุดแข็งของ AI กับ ความคิดสร้างสรรค์ของสถาปนิกเข้าไว้ด้วยกัน

Final Thoughts
AI เป็นเครื่องมือใช้งานขั้นสูง แต่สถาปนิกยังคงมีความสำคัญต่อแนวทางการออกแบบสำหรับมนุษย์ สถาปนิกและAI จึงควรจะร่วมกันมากกว่า มองว่าเป็นการแข่งขัน โดยทั้งสถาปนิกและ AI มีบทบาทสำคัญในการออกแบบอนาคต ที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน แต่ยังรวมไปถึงความใส่ใจในรายละเอียดของมนุษย์ด้วย

อ้างอิง

Architects vs. AI: Who Will Design the Future? | ArchDaily