
เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 13 November, 2015 เวลา 18.13 pm
Prop score™: 3.4
คะแนนรีวิว: 3.9
4 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
Circle 2 Living Prototype (เซอร์เคิล 2 ลิฟวิ่ง โปรโตไทป์)
บริษัทผู้สร้าง
เฟรเกรนท์ เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป / Fragrant Development
สถานที่
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
สถานีรถไฟ BTS
-
สถานีรถไฟใต้ดิน
MRT เพชรบุรี Distance m.
Airport Rail Link
ARL มักกะสัน Distance m.,
สถานี BRT
-
พื้นที่
4-0-51 ไร่
ชั้น
คอนโด High Rise 53 ชั้น 1 อาคาร
ยูนิต
477 ยูนิต
ที่จอดรถ
382 คัน
ลิฟท์
ลิฟท์โดยสาร 5 ตัว , Service Lift 1 ตัว
สิ่งอำนวยความสดวก
สระว่ายน้ำแบบเล่นระดับ พร้อมระบบลำโพงใต้น้ำ “ระบบอะควาโซนิค” , ลู่วิ่งลอยฟ้า , สกายเลาจน์ , ฟิตเนส เซ็นเตอร์ พร้อมกับอุปกรณ์ที่ทันสมัย , ห้องเอนกประสงค์ และห้องสมุด , โซนกิจกรรมสำหรับเด็ก , มินิ เธียเตอร์ สำหรับความบันเทิงของผู้พักอาศัย , บริการ Free Internet Wi-Fi , บริการสปา และซาวน่า , มีบริการรับ-ส่ง โดยรถ Shuttle Bus ไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS นานา MRT เพชรบุรี และสถานีมักกะสัน (Bangkok City Air Terminal)
ประเภทยูนิต
ประเภท
CONDO
studio
-
1 bedroom
45.85 – 65.63 ตารางเมตร
2 bedroom
75.17 – 104.94 ตารางเมตร
3 bedroom
127.27 – 130.79 ตารางเมตร
Duplex
Duplex Villa ขนาด 291.5 – 303.5 ตร.ม.
Penthouse
226.67 – 299.95 ตารางเมตร
ประเภทอื่นๆ
-
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
2.85 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
140,000
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
4.90 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
40 บาท/ตร.ม./เดือน
Sinking Fund fee
600 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
สร้างเสร็จ
ปี 2557
เว็บไซต์
http://www.fragrantgroup.com/circle2condo/
02 652 9999
สุดยอดปรมาจารย์ด้านการจัดการ ผู้ล่วงลับไปแล้วอย่าง ปีเตอร์ ดรักเกอร์ (Peter Ferdinand Drucker) เคยกล่าววาทะเด็ดที่กระตุกต่อมความคิดของเจ้าของกิจการหลายๆคนว่า “If you want something new, you have to stop doing something old” ประโยคสั้นๆประโยคนี้ดูราวกับว่าเป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน แต่มันก็แฝงไว้ซึ่งความหมายอันลึกซึ้ง… การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คือสิ่งที่วนเวียนอยู่กับทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ ไม่เว้นแม้แต่ในโลกธุรกิจอสังหาฯ สิ่งที่เป็นความท้าทายอย่างใหญ่หลวงของบรรดาดีเวลลอปเปอร์ทุกราย นั่นก็คือจะทำอย่างไรให้สินค้าของตัวเองนั้น ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ถูกสินค้าจากคู่แข่งมาช่วงชิงตลาด หรือแม้กระทั่งการป้องกันไม่ให้สินค้าของตัวเองนั้นสูญพันธ์ไปจากตลาดโดยสินค้าทดแทนจากธุรกิจหมวดอื่นๆ…อย่าทำเป็นเล่นไปนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้อยู่ดีๆ Google ได้ประสบความสำเร็จในการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าถ้าออกมาใช้จริงเมื่อไหร่ Ecosystem ของอุตสาหกรรมรถยนต์จะต้องเปลี่ยนไป อย่างน้อยๆก็ต้องกระทบกับอาชีพคนขับรถแน่นอน หรือในแวดวงอสังหา ถ้าราคาที่ดินยังแพงไม่หยุดอยู่แบบนี้ เผลอๆการขายแบบ Lease hold ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในอนาคตมากกว่า…ปัจจุบันนี้ดีเวลลอปเปอร์หลายๆเจ้ากำลังหาทางพัฒนาอะไรที่มันใหม่ๆ เพื่อสร้าง want ให้ผู้บริโภคอยู่เสมอๆ แนวทางของการพัฒนาอะไรใหม่ๆ มี Innovation ของแต่ละเจ้าก็จะแตกต่างกันออกไป ที่ฮิตกันมากที่สุดก็ดูจะเป็นการ Design รูปทรงตึก และเลย์เอ้าท์ห้องแบบแปลกใหม่ รวมถึงการใส่พื้นที่ส่วนกลางที่ตามเทรนด์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น เลนจักรยาน ลานโบว์ลิ่ง ห้องดูนั่ง บ่อออนเซ็น ลานเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น >> ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เป็นรูปธรรม มองเห็นได้ จับต้องได้ด้วยตาเปล่าทันทีเมื่อเห็นโบรชัวร์โฆษณา
บริษัท เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นดีเวลลอปเปอร์ขนาดกลาง รายแรกๆของประเทศไทยที่เลือกที่จะนำแนวคิดใหม่อย่าง Eco-Luxury Living มาพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ภายใต้แนวคิดนี้ทำให้ทุกคอนโดภายใต้แบรนด์ “Circle” (เซอร์เคิล) เป็นส่วนผสมที่ลงตัวกันระหว่างนวัตกรรม ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมดีไซน์ที่หรูหรา…หลายๆคนอาจจะมองว่าการสร้างคอนโดที่ให้ความยั่งยืนทางด้านพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนี่ยมันก็ดีมากในระยะยาว (ถ้าทำได้จริงครบ 100% ตามที่กล่าวอ้าง) แต่ในขณะเดียวกันสิ่งเหล่านี้ มันจับต้องเป็นรูปธรรมยากมาก ต้องซื้อแล้วก็เข้าไปอยู่ก่อนจึงจะค้นพบว่า อ๋อ ที่บอกมาทั้งหมด 14 ข้อเกี่ยวกับ Eco-Luxury Living เนี่ย มันช่วยเราในเรื่องของการประหยัดค่าใช่จ่าย และคุณภาพชีวิตดีขึ้นจริงๆนะ
จวบจนปัจจุบันนี้เฟรเกรนท์ฯมีโครงการทั้งหมด 9 โครงการ ประกอบด้วย Fragrant 71, The Prime 11, Circle 1, Circle 2 Living Prototype, Circle 11, Circle S Sukhumvit 12, Circle Rein, Circle 31, Sixth Element นาจอมเทียน และกำลังจะมีอีกหนึ่งโครงการที่น่าจะเป็นหนึ่งใน Wishlist ของใครหลายคนในปีหน้าอย่าง Circle Sukhumvit 36
Circle 2 Living Prototype (เซอร์เคิล 2 ลิฟวิ่ง โปรโตไทป์) เป็นโครงการลำดับที่ 4 ในพอร์ตโฟลิโอคอนโดของเฟรเกรนท์ แต่เป็นแบรนด์ Circleแบรนด์ที่ 3 ที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ต่อจาก Circle 1 และ Circle S Sukhumvit 12 ตามลำดับ เฟรเกรนท์ฯนั้นหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ Circle 2 Living Prototype นี้จะเป็นโครงการที่เป็น “ต้นแบบ” ในด้านการอยู่อาศัยแบบ Eco-Luxury Living ที่ให้ความสุขอย่างยั่งยืนกับผู้ที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง จนดีเวลลอปเปอร์รายอื่นๆต้องนำแนวทางนี้มาปฎิบัติตาม…ด้วยโครงการนี้น่าจะเป็นคอนโด Eco-Luxury Living โครงการแรกในประเทศไทยที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ผมจึงต้องมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเองครับว่าสิ่งที่ทางเฟรเกรนท์โฆษณา จะทำออกมาให้จับต้องเป็นรูปธรรมได้จริงสมคำร่ำลือ หรือไม่ครับ
ก่อนที่เราจะได้เห็นภายในโครงการผมขออธิบายสักเล็กน้อยเกี่ยวกับ การนำเอาคอนเซปท์ของการอยู่อาศัยแบบยั่งยืนทางด้านพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ของ Circle 2 Living Prototype มาใช้ในการพัฒนาโครงการครับ จุดนี้หลายๆดีเวลลอปเปอร์เหมือนจะยังกล้าๆกลัวๆที่จะทำ ทำแล้วไม่สุด บางที่จบแค่กระจกสีเขียวและโซลาร์เซลล์ แต่ที่ Circle 2 Living Prototype นี้จัดเต็มมาให้ถึง 14 ฟังก์ชั่นครับ
1. Solar Panel: ระบบโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ในพื้นที่ส่วนกลางและเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลอาคารชุดในระยะยาว
2. Heat Recovery System: พลังงานความร้อนจากเครื่องปรับอากาศ ถูกนำกลับมาใช้สำหรับทำน้ำอุ่น ร้อนได้ถึง 60 องศา เปิดแอร์ครั้งเดียวอาบน้ำอุ่นได้ยาวถึง 3 วัน
3. Recycled Water for Irrigation: ระบบการรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ โดยน้ำที่ออกจากครัวเรือนจะนำมาเข้าขบวนการดักไขมันและการย่อยสลาย จากนั้นจะถูกกรองด้วยมัลติฟิลเตอร์ คาร์บอนฟิลเตอร์ และไมโครฟิลเตอร์ เพื่อให้ได้น้ำสะอาดสำหรับรดน้ำต้นไม้ วิธีนี้สามารถรีไซเคิลน้ำได้ประมาณ 60 คิวต่อวัน ทำให้ประหยัดน้ำได้ 13% เทียบได้กับ 10 ปีเราจะประหยัดน้ำได้เท่ากับสระน้ำโอลิมปิค 100 สระ รวมถึงเป็นการลดการปล่อยน้ำเสียลงสู่สาธารณะด้วย
4. Central Drinking Water System: ใช้ระบบการกรองที่ดีที่สุดด้วยขนาดการกรองที่ 0.01 ไมครอน สูงกว่ามาตรฐานที่ 0.02 ไมครอน จึงสามารถป้องกันเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ถึง 99.99% ทำให้ได้น้ำที่บริสุทธิ์ ขณะเดียวกัน ยังใช้ท่อน้ำ PPR ซึ่งแข็งแรงกว่าท่อ PVC ทั่วไป
5. Oxygen Garden: ให้พื้นที่สีเขียวเชื่อมต่อทุกส่วนของโครงการ รวมถึงการแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับสวนผลไม้ ให้เด็กสมัยใหม่ได้สัมผัสพันธุ์ไม้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเห็นได้ง่ายในเมือง
6. Double-Glazes Facade: ใช้กระจกแบบดับเบิ้ลเกลส โดยเป็นกระจกประเภท Heat strengthened glass ถึง 3 ชิ้น และมีความแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดาประมาณ 3 เท่า จึงสามารถป้องกันความร้อนจากภายนอก และรักษาความเย็นจากภายในไว้ได้ ทำให้ความสม่ำเสมอของอุณหภูมิในห้องสูงขึ้น จึงช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในแต่ละปีได้ถึงประมาณ 40 กิโลวัตต์ต่อ 1 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังช่วยลดแสงยูวีที่เข้ามาได้ด้วย
7. Swimming Pool with UV Filter System: สระว่ายน้ำใช้ระบบการฆ่าเชื้อด้วยระบบแสงยูวี ทำให้ใช้สารเคมีในน้ำด้วยปริมาณที่น้อยลงมาก
8. Elevator with Energy Consumption Management System: ลิฟท์มีระบบควบคุมการใช้พลังงานให้พอดีกับจำนวนน้ำหนักผู้โดยสาร
9. Moveable Partition Wall: ผนังกั้นห้องเคลื่อนที่ ที่สามารถแบ่งโซนภายในห้องได้ตามความสะดวก เพื่อช่วยประหยัดการใช้แอร์ในพื้นที่ที่ไม่จำเป็น หรือเพิ่มพื้นที่ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถเก็บเสียงได้ 45 เดซิเบล ซึ่งมีประสิทธิภาพเท่ากับกำแพงอิฐมวลเบา
10. Inverter Air-Conditioning: ใช้ระบบ Inverter โดยมีคอมเพรสเซอร์แอร์แค่ 1 ตัว แบบ VRS ยี่ห้อไดกิ้น โดยแอร์จะทำงานจนถึงความเย็นระดับหนึ่ง แล้วก็จะรักษาความเย็นไว้เป็นช่วงๆด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียง 20-30% เท่านั้น
11. Engineering Wood: ใช้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ริ่ง ที่ได้รับการรับรองจาก The Forest Stewardship Council (FSC) หรือคณะกรรมการรองรับมาตรฐานการปลูกป่า คือเป็นป่าไม้ที่มีมาตรฐานในการผลิตที่ดี และมาจากป่าที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ด้วยวิธีการที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงประโยชน์โดยรวมของสังคม
12. Laminate for Kitchen: ชุดครัวลามิเนตที่ได้รับการรับรองจากทั้ง FSC และ Green Certificate ที่ลดการปล่อยมลพิษ เพราะมีสารอินทรีย์ระเหยง่ายน้อย รวมถึงการรับรองจาก Carbon Trust’s Carbon Reduction Lable คือสินค้าที่ลดการใช้ก๊าซเรือนกระจก หรือมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ
13. Pre-Cooled Corridor Air System: การออกแบบแต่ละชั้นของอาคารให้มีชุดระบบระบายอากาศที่ดี และเย็นสบายที่ 26 องศาเซลเซียส ส่งผลต่อระบบถ่ายเทอากาศภายในห้องของผู้อาศัยที่ดีขึ้นด้วย
14. BIM (Building Information Management): คอนโดต้นแบบที่นำระบบการออกแบบที่ช่วยให้สามารถคำนวณปริมาณวัสดุที่ต้องการใช้ในการก่อสร้างจริง
โครงการ Circle 2 Living Prototype ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ห่างจากสถานี MRT เพชรบุรีประมาณ 750 เมตร มีเนื้อที่ 4-1-27 ไร่ ขนาดความสูง 53 ชั้น 477 ยูนิต พร้อมที่จอดรถ 80% ไม่รวมซ้อนคัน หรือราวๆ 368 คัน…หลายๆคนมองว่าทำเลของโครงการนั้นดูจะเสียเปรียบกลุ่มคอนโดหลายๆแห่งที่เกาะกระแสความเป็นอโศก และระยะเดินจาก MRT เพชรบุรีได้ในแบบไม่เหนื่อย การเดินทางโดยใช้รถยนต์ก็ดูจะเป็นรองโครงการรุ่นพี่อย่าง The Address Asoke ตรงที่ไม่มีทางออก บนถนนกำแพงเพชร 7 ได้ (เลียบแอร์พอร์ตลิงค์) ดังนั้นหากขับรถมาจากแยกอโศก-เพชรฯ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือต้องเลี้ยวขวาที่แยก แล้วเลี้ยวซ้ายไปเข้าถนนกำแพงเพชร 7 เพื่อวนซ้ายเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ที่แยกมิตรสัมพันธ์ เพราะถนนเพชรบุรีตัดใหม่เป็นถนนขนาด 7 เลนอาจจะเลี้ยวขวาเข้าโครงการยากไปหน่อย (ยกเว้นช่วงตอนดึกๆกับเช้ามืดที่กลับง่ายสบายมาก) แต่หากใครที่มาจากเพชรบุรี-ประตูน้ำก็สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลย….เนื่องจากผมอยู่คอนโด The Address Asoke จึงเห็นข้อดีของการใช้รถอยู่ข้อนึงว่า ทำเลของ Circle 2 Living Prototype นั้นอยู่ในช่วงที่รถไม่ค่อยติด ถ้ามาจากประตูน้ำครับ โดยหากเลยช่วงโรงเรียนดอนบอสโก และเซนต์ดอมินิค ไปแล้วรถก็จะติดมาก ทำให้ผมแทบจะไม่ได้ใช้บริการประตูหน้าบ้านของโครงการผมเลยครับ และถ้ามาจากแยกอโศก-เพชรฯ เวลาวิ่งเส้นเลียบแอร์พอร์ตลิงค์ขาเข้าไปทางแยกมิตรสัมพันธ์ รถก็ไม่ค่อยติดครับ เพราะจะติดขาออกมากกว่า (แต่ช่วงหัวค่ำอาจจะวิ่งยากนิดนึงเพราะมีรถจากเลนขาออกวิ่งมากินเลนครับ)
ในแง่ของพัฒนาการของทำเล ที่ใกล้ที่สุดก็จะมีสองโครงการสำคัญ โครงการนึงทำแน่ๆใกล้สร้างแล้วคือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์สาขาใหม่ อยู่ข้างๆโรงเรียนเซนต์ดอมินิค เยื้องกับ Circle 2 Living Prototype เลยครับ ส่วนอีกโครงการนึงเป็นเมกะโปรเจคพูดกันมานานข้ามทศวรรษแล้วว่าจะทำแต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ อย่างมักกะสันคอมเพล็กซ์ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือของโครงการครับ….แต่ในแง่ Landmark ปัจจุบัน ถ้าใช้รถ ทำเลนี้ดูจะมีแต้มต่อกว่าถนนเพชรบุรี ช่วงทองหล่อ-เอกมัยครับ (เดินไปรถไฟฟ้าไกลเหลือเกิน แต่ใกล้ความเจริญอย่างทองหล่อ – เอกมัย เอามาเทียบกันได้ครับ) เนื่องจากในรัศมีไม่เกิน 2.5 กิโลเมตรก็ยาวครอบคลุมไปถึง Singha Complex, พระราม 9 New CBD, ประตูน้ำ, ชิดลม และอโศก สุขุมวิท แล้วครับ
ต้องยอมรับครับว่าโครงการนี้ไม่ว่าจะมองจากทิศทางไหน ก็จะเห็นตึกสวยงามโดดเด่นมาก อาจเป็นเพราะไม่ได้ตั้งอยู่ติดกับโครงการใดเลย และสไตล์การออกแบบนั้นดู Slim ทันสมัย มียูนิตที่ยื่นออกจากตัวอาคารในแบบหน้ากว้างกระแทกเบ้ามากกกก เน้นการใช้กระจกบานใหญ่สลับกับอลูมิเนียมคอมโพสิทสีเข้ม และการเล่น Lighting ตอนกลางคืนที่ดูสะดุดตาครับ
โครงการวางตำแหน่งเป็นแนวลึกสี่เหลี่ยมผืนผ้าครับ โดยทิศใต้จะเป็นฝั่งถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ทิศเหนือเป็นสวนมักกะสัน-แอร์พอร์ตลิงค์ ทิศตะวันออกเป็นแยกอโศก-เพชรฯ และทิศตะวันตกจะหันไปทางประตูน้ำครับ
รูปแบบห้องมีตั้งแต่ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน, เพ้นท์เฮ้าส์ และวิลล่า โดยมีขนาดเริ่มต้นที่ 45.85 – 300 ตารางเมตร
Master Plan ด้านบนจะเห็นว่าด้านทิศใต้ บนโพเดียมชั้น 5 เป็นห้องแบบวิลล่า Sky Home 2 ชั้น พื้นที่ 300 ตารางเมตร ราคาประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งขายไปแล้วครับ (ห้องนึงเป็นของเจ้าของโครงการ)
แอบไปเก็บภาพมาให้ดูนิดนึงครับ วิลล่ามีขนาด 2 ชั้น โดยเข้าออกได้ทั้งจากชั้น 4 ลานจอดรถ และชั้น 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ อย่างสระว่ายน้ำ ล้อบบี้ ห้องดูหนัง และฟิตเนส ทางด้านทิศเหนือครับ
ตอนนี้วิลล่าอยู่ระหว่างการตกแต่งครับ ดูจากวิวแล้วถึงจะไม่สวยเท่าชั้นบนๆ แต่ก็สวยและสูงกว่าบ้านเดี่ยวสองชั้นทั่วไปครับ
มาดู Typical Floor Plan กันครับ Unit ต่อชั้นจะอยู่ที่ 12 ยูนิต ห้องส่วนใหญ่จะมีระเบียงหันไปทางทิศตะวันออก มีโถงลิฟท์แยกออกมาจากตัวห้อง และไม่มีผนังห้องไหนใช้ร่วมกับ Core Lift ครับ ห้องขนาด 2 ห้องนอนมีแค่ชั้นละ 2 ยูนิตเท่านั้น (ฝั่งทิศเหนือมีห้องสองนอนแบบ Prototype หน้ากว้าง 13 เมตร ซึ่งเป็นห้องที่โครงการเอามาทำห้องเป็นตัวอย่างในช่วงแรก และเป็นห้องที่เด่นมากๆเมื่อมองจากภายนอกครับ)…ถ้าดูจากการถ่ายเทอากาศและช่องแสงแล้ว ที่นี่น่าจะเป็นหนึ่งในโถงทางเดินที่เดินแล้วเย็นสบาย ไม่อึดอัดที่สุดครับ เพราะนอกจากจะมีระบบ Pre-Cooled Corridor Air System แล้ว ก็ยังได้ช่องแสงอีก 3 จุดหลักคือ Void ทางด้านทิศตะวันออกและตะวันตก รวมถึงหน้าต่างโถงลิฟท์ครับ
ข้ามมาที่ชั้น 17 จะมียูนิตสองห้องนอนแบบ Prototype อยู่ทั้งทิศเหนือและทิศใต้ครับ
ความสูงของห้องถ้าตั้งแต่ชั้น 7 – 41 จะมีความสูงที่ 2.85 เมตร และตั้งแต่ชั้น 42 – 51 ที่มีห้องขนาด 3 ห้องนอน จนถึงเพนท์เฮ้าส์ รวมอยู่ในชั้น จะมีความสูงถึง 3.25 เมตรครับ…ส่วนชั้น 52 – 53 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางมีฟังก์ชั่นหลักคือเป็นห้อง Sky Lounge และ Party area ครับ
เข้าไปดูกันเลยดีกว่าครับ เริ่มจากชั้น Ground ด้านในรั้วโครงการทำเป็นสวนหย่อมแบบเล่นระดับ
ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ลานจอดรถแบบ Stack Parking เทคโนโลยีที่จอดรถอัตโนมัติแบบซ้อนแนวตั้ง 2 คัน ที่เพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยให้ประหยัดพื้นที่จอดรถมากขึ้น (ตอนนี้ยังมีคนจอดรถไม่เต็ม ก็เลยไม่สามารถเก็บภาพมาให้ดูได้น่ะครับ)
เดินทะลุมาก็จะเจอกับทางเข้าโถงลิฟท์ครับ หลายคนอาจงงว่าปกติแล้วต้องเป็นล้อบบี้ต้อนรับนินา… ไม่ครับที่นี่เน้นความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน ก็เลยจัดล้อบบี้ไว้ที่บริเวณชั้น 5 และส่วนของโถงลิฟท์ชั้น Ground ก็จะเป็นพื้นที่ของสำนักงานนิติฯครับ แขกไปใครมา หรือจะสั่งอาหารก็ต้องรออยู่ที่บริเวณนี้ก่อนครับ บางคนอาจจะมองว่าไม่สะดวกถ้าหากมีเพื่อนหรือใครมาหาก็จะไม่มีที่นั่งรอ และจะต้องแลกบัตรทุกรายเพื่อที่จะขึ้นไปได้ อันนี้ต้องดูครับว่าทางนิติฯจะมีวิธีการในการบริหารอย่างไรครับ หรืออาจจะใช้ระบบ Home Automation และ VDO Phone ที่ติดอยู่ในห้องให้เป็นประโยชน์ก็ได้นะครับ
กดลิฟท์ขึ้นไปล้อบบี้ชั้น 5 กันดีกว่าครับ โถงลิฟท์ดูหรูดีครับ มี Drop ฝ้าซ่อนไฟ ลิฟท์มีทั้งหมด 5 ตัวเป็นระบบ Touch Screen พร้อมจอบอกสถานะ และมี Service ลิฟท์ 1 ตัว
ส่วนกลางบนชั้น 5 จะประกอบด้วย ล้อบบี้พร้อมพนักงานต้อนรับให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สระว่ายน้ำระบบ UV Filter พร้อมระบบลำโพงใต้น้ำ, ฟิตเนส, ห้องประชุม, ซาวน่า, บ่อน้ำร้อน-น้ำเย็น, สตรีม, โฮมเธียเตอร์, ห้องสมุด, สกายเล้านจ์ และห้องเด็กเล่น
ห้องฟิตเนสอาจจะดูเล็กไปหน่อย แต่ก็มีอุปกรณ์ครบ และทางโครงการมี Trainer ประจำไว้คอยสอนลูกบ้านด้วยครับ
ติดกับห้องฟิตเนสก็จะเป็นห้องสำหรับเด็กครับ มีอุปกรณ์น่าเล่นทั้งนั้น
เปิดประตูออกไปก็จะเจอสวนไม้ประดับ และลู่วิ่งลอยฟ้ารอบตึกที่มีความยาวถึง 230 เมตรครับ วิ่งจากชั้น 5 ท่ามกลางสวนรายล้อมลงไปชั้น 4 และวกขึ้นมาชั้น 5 ใหม่ครับ
วิ่งไปเลยไม่ต้องกลัวตกครับ
สระว่ายน้ำของโครงการที่นี่เน้นในส่วนของฟังก์ชั่นที่โดดเด่นอย่างระบบ UV Filter System และมีลำโพงไว้ฟังเพลงใต้น้ำได้ครับ มีลูกเล่นตรงที่ส่วนกั้นระหว่างบ่อตื้นที่เป็นจากุซซีนั้น กับส่วนว่ายน้ำทำด้วยกระจกใสครับ เอาไว้ให้คนแช่บ่อจากุซซีได้ดูวิวคนว่ายน้ำได้อีกที ^^
สระว่ายน้ำถ้าสามารถทำ Landscape ที่เป็นต้นไม้ให้เยอะกว่านี้ ผมว่าจะสวยงามน่าใช้งานกว่าที่เป็นอยู่เยอะครับ เพราะแบบนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ความเป็นส่วนตัวเท่าที่ควร เนื่องจากไม่ได้อยู่สูง ตึกข้างเคียงอย่างออสการ์ อพารท์เมนท์ชั้นสูงสามารถมองวิวสระได้
ใต้ชั้นสระว่ายน้ำยังมีทีเด็ดรออยู่ครับ นั่นคือห้องสตีม ซาวน่า แยกชาย-หญิง พร้อมบ่อน้ำเย็น-ร้อน
ระหว่างทางเดินกลับไปล้อบบี้สังเกตเห็นทางด้านทิศตะวันออก โรงแรมข้างๆมีปล่องควันสำหรับเวลาซักผ้าอยู่ครับ ห้องชั้นเตี้ยอาจต้องปิดหน้าต่างตอนควันออกมานิดนึงนะครับ
ชั้น 5 ทางด้านทิศเหนือยังมีส่วนของห้องดูหนังและ Mail Box ครับ
ขึ้นไปดูส่วนกลางชั้น 52 – 53 กันครับ ชั้น 52 จะเป็นสวนเล็กๆไว้ให้ลูกบ้านขึ้นมาชมวิวครับ วิวทิศตะวันออกก็สวยมากนะขอบอก
ชั้น 53 จะเป็น Sky lounge บนความสูง 200 เมตร เป็น Roof Top Facility ของโครงการพร้อมอยู่ที่สูงที่สุดบนถนนอโศก-เพชรบุรี-นานา ครับ
มี Pantry เล็กๆเอาไว้ให้ลูกบ้านจัดงาน Party เล็กได้ครับ
ด้านทิศตะวันตกมี Gimmick เล็กๆแต่เสียวมาก รอคอยอยู่ครับ…ทางเดินกระจกใส ให้คุณเดิน Moon Walk ได้บนความสูง 200 เมตรครับ…เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 400 กิโลกรัม ดังนั้นไม่ต้องกลัวครับ กลิ้งลงไปเลยครับ
บนชั้น 53 นี้ยังมีส่วนของชั้นลอย ซึ่งจัดเป็นโต๊ะประชุมให้ด้วยครับ
วิวสวยมว้ากกก
ลงไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ ตอนนี้โครงการขายห้องไปได้ 75% แล้ว โดยห้องที่เหลือจะเป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน รวมไปถึงห้อง Prototype อีกเล็กน้อยครับ…ห้องใหญ่ขายดีมากครับ 3 นอน เพ้นท์เฮ้าส์ วิลล่า ขายหมดเกลี้ยง!!
ห้องตัวอย่างอยู่ที่ชั้น 26 หมดเลยทุก Type ครับ…อย่างที่บอกตอนต้นว่าโถงทางเดินที่นี่เป็นระบบ Pre-Cooled Corridor Air System เวลาที่เดินจึงรู้สึกเหมือนเดินในห้องปรับอากาศเลยครับ แสงสว่างมีทั้งการซ่อนไฟบนฝ้า และแสงธรรมชาติ ดูดีมากครับ
ห้องแรกเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาด 47.17 ตารางเมตร ทางด้านทิศตะวันตกครับ โครงการขายแบบ Fully Fitted ให้ชุดครัว แอร์ และตู้เก็บของ เลย์เอ้าท์ของห้องมีจุดเด่นคือพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอน สามารถขยายให้กว้างขึ้นเป็นห้องเดียวได้ด้วย Moveable Partition Wall ส่วนครัวเป็นรูปตัวแอล เพดานสูง 2.85 เมตร แอร์แบบฝังฝ้าทั้งหมดยี่ห้อไดกิ้น หน้าต่างสูงพื้นจรดฝ้าในห้องนอน แบบเฟรมน้อยมาก (ส่วนห้องรับแขกหน้าต่างจะสูงประมาณ 2 เมตรครับ เพราะที่นี่ใช้คอมฯแอร์แบบแขวนเพดานครับ
อ้อที่สำคัญระบบปลั๊กไฟที่นี่ใช้แบบฝังที่พื้นครับ
มือจับประตู Digital แบบก้านโยกใช้การ์ดและกุญแจครับ
ห้องตัวอย่างเปิด Partition wall เอาไว้ก็เลยทำให้ห้องดูโล่ง โปร่งมากครับ
ครัวให้ตามนี้เลยครับ เป็นบาน Soft Close ทั้งหมด
ระบบ Home Automation ของ Bitcino ครับ
ตู้เย็นถูกวางเอาไว้ในหลีบข้างเค้านท์เตอร์ครัว ตรงนี้จะทำให้เสียพื้นที่เก็บของไปบานนึงครับ…อ้อโปรดสังเกตประตูห้องด้านในทำเป็นสีขาวไฮกรอสครับ แนวมากประตู Two Tone
ช่องเก็บของทำออกมาได้ค่อนข้างใช้งานสะดวกโดยเฉพาะชั้นวางรองเท้าครับ
ห้องน้ำเดรนระบายน้ำในห้องอาบน้ำสวยดีครับ ตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือก็ให้ตามนั้นครับ ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนนะครับ เพราะเอาความร้อนจากแอร์มาใช้ได้ครับ
ห้องนอนไม่ได้แถมตู้เสื้อผ้านะครับ แต่ได้กระจกบานใหญ่สะใจมากครับ
เนื่องจากเป็น Partition แบบเลื่อนได้ถ้าในห้องนอนไม่ได้ติดชั้นวางทีวีแบบเฉียงๆเพิ่ม ก็ต้องดูผ่านทางห้องนั่งเล่นนะครับ ดังนั้นก็ใช้ TV จอใหญ่ไปเลยดีกว่า
ห้อง Type นี้จะไม่สามารถเปิดประตูระเบียงจากในห้องนอนได้นะครับ
ข้อดีของ Partition Wall ของที่นี่คือเก็บเสียงได้ถึง 45 เดซิเบล และดูแน่นหนาทนทาน รวมถึงไม่มีรางให้เกะกะ แต่เวลาพับเก็บอาจจะพับลำบากนิดนึง และเมื่อพับแล้วจะไม่สามารถเปิดประตูห้องนอนได้ครับ
บานกระจกของห้องนอนก็มี Gimmick นะครับ เปิดได้สองทาง ถ้าเปิดด้านบนก็จะเอาเฉพาะลมเย็นเข้ามา หรือจะเลือกเปิดแบบเฉียงก็ได้ครับ
ปลั๊กไฟแบบฝังที่พื้น
ออกไปดูระเบียงกันบ้างครับ ระเบียงกว้าง 1.6 เมตรปูพื้นด้วยไม้สังเคราะห์สำหรับใช้ภายนอกครับ ราวกันตกกระจกใส
ด้านบนเป็นคอมฯแอร์ และระบบ Heat Recovery ครับ
ห้องต่อไปเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาด 57.08 ตารางเมตรครับ มีแค่ชั้นละ 1 ห้องทางด้านทิศตะวันออก ผนังด้านนึงเป็นช่อง Void มีหน้าต่างด้วยนะ แตกต่างจาก 1 ห้องนอนเล็กตรงที่ระเบียงอยู่ในห้องนอน เป็น Double Access และได้พื้นที่ครัวขนาดใหญ่ขึ้น
ผ้าม่านด้านซ้ายมือนั่นคือกระจกนะครับ มองลงไปเป็นช่องเปิดโล่ง วิวผนังตึกครับ
ได้กระจกเข้ามุม Take View เต็มอิ่มทั้ง 2 ด้าน
ห้องนั่งเล่นเปิดประตูออกไประเบียงได้ครับ
ห้องเก็บของวางเครื่องซักผ้า พร้อมเครื่องดูดฝุ่นได้สบาย มีเดินท่อน้ำให้แล้วครับ
ห้องต่อไปเป็นห้องแบบ Prototype ครับ รูปแบบจะเป็น Cantilever คือเป็นยูนิตที่ยื่นออกมาจากตัวอาคาร ไม่มีเสาตึกภายในยูนิต ทำให้สามารถมองวิวได้ถึง 180 องศา หน้ากว้างถึง 13 เมตร…ห้องแบบนี้ราคาขายต่อตรม.จะแพงกว่าห้องแบบปรกติครับเพราะก่อสร้างยากกว่า โดยเฉพาะในส่วนคานรับน้ำหนัก
พื้นที่ประมาณ 83 ตารางเมตรครับ เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำที่ห้อง Master Bedroom ไม่มีระเบียง แต่ว่ามีบานเลื่อนสุดพิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจมากครับ
บรรยากาศเหมือนอยู่เพนท์เฮ้าส์มากๆครับ ทั้งกระจกแบบจัดเต็ม ความกว้างของห้อง ความสูงของเพดาน (ชั้นที่มีคสามสูง 3.25 เมตรคงจะสวยกว่านี้เยอะมากครับ)
ผนังห้องนอนเล็กเป็นแบบเลื่อนได้ครับ
ไปดูห้องนอนใหญ่กัน Perfect มาก ผมว่าแบบนี้ถึงเป็นชั้นเตี้ยก็สวยครับ
ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำให้ครับ
ออกมาดูบานเลื่อนกระจกกันบ้างครับ ย้ำอีกทีกระจกที่นี่ 3 ชั้นนะครับ กันความร้อน รักษาความเย็นได้ดีเยี่ยม แถมเสียงจากภายนอกเข้าไม่ถึงเลยครับ บานเลื่อนวัสดุดีมากครับ
วิวทิศเหนือจะมองลงไปเป็นสระว่ายน้ำครับ
สวนมักกะสัน
ห้องสุดท้ายเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 81.24 ตารางเมตรครับ ห้องนี้จะคล้ายๆกันห้อง Prototype ขนาดก็พอๆกันต่างกันตรงห้องนี้มีระเบียง แต่ Take วิวได้แค่ด้านเดียวคือทิศตะวันออก และราคาถูกกว่ากันหลายล้านครับ
จริงๆตรงนี้จะทำเป็นเค้านท์เตอร์นั่งกินข้าวไป ดูวิวไปก็ได้นะครับ เพราะจะวางทีวีตรงนี้ก็คงไม่เหมาะ
ระยะดูทีวีกว้างมากครับ จริงๆต้องหันโซฟามาอีกด้านนึงจะดีกว่านะ สามารถเปิดออกระเบียงจากทางนี้ได้ครับ
ทุกห้องจะมีก๊อกน้ำสองแบบครับ แบบซ้ายมือคือดื่มได้เลย กรองมาเรียบร้อยแล้ว ส่วนขวามือคือไว้ใช้ล้างจานครับ
ห้องนอนเล็ก โครงการแต่งออกมาได้ Fairy Tail มากครับอาศัยพื้นที่เสาที่บดบังสายตามาติดกระจกและทำเตียงแบบ Build in ซะเลยครับ
ห้องนอนเล็กจะมี Partition ด้วยครับ ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็เลื่อนปิดได้
ห้องนอนใหญ่มีระเบียง และห้องน้ำแบบมีอ่างในตัวครับ…อ้อ ระบบ Heat Recovery จะใช้ได้แค่ห้องน้ำเดียวนะครับ อีกห้องต้องติดเครื่องทำน้ำร้อนเองครับ
สรุปเลยดีกว่า
โครงการ Circle 2 Living Prototype เป็นโครงการ Eco-Luxury Living สร้างเสร็จพร้อมอยู่โครงการแรกในกรุงเทพฯครับ ที่จัดเต็มในเรื่องของฟังก์ชั่นสไตล์ Eco ในแบบที่เยอะกว่าโครงการอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดครับ ในความเป็น Eco Living ทางเฟรเกรนท์ก็ยังไม่ลืมที่จะใส่ความหรูหราลงไปในตัวห้อง ดังที่จะเห็นได้จากสเปคของต่างๆที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็น แผงโซลาร์เซลล์, Double Glazed Facade, เพดานสูง 2.85 – 3.25 เมตร, ระบบแอร์แบบฝังฝ้า Invertor แบบ Heat Recovery รวมไปถึงระบบ Home Automation และการใช้หลอด LED ทั้งโครงการ
วันนี้ทางเฟรเกรนท์ฯพร้อมแล้วที่จะโชว์ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ทั้งสิ้น ในราคาเริ่มต้นแค่ตารางเมตรละ 140,000 บาท (ก่อนหักส่วนลด) และยิ่งถ้าคุณซื้อตั้งแต่ตอนเปิดตัวโครงการวันแรกคุณก็จะได้ซื้อในราคาราวๆตารางเมตรละแสนนิดๆ คุณพระ!!! ย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน ใครๆก็บอกว่าโครงการนี้มีราคาที่สูงที่สุดบนถนนเพชรบุรีเลยนะ บ้างก็บอกว่าราคานี้ควรไปอยู่บนถนนสุขุมวิท…แต่ในปัจจุบัน เอาแค่บนถนนเพชรบุรีนี่หละ คอนโดที่ราคาประมาณไม่เกินตรม.ละ 130,000 บาท ณ ปัจจุบันยังหาแทบไม่ได้ นี่พูดถึงแค่คอนโดที่ให้สเปคของแบบปกตินะครับ ไม่ใช่สเปคจัดเต็ม Eco-Luxury ในแบบ Circle 2 Prototype Living
คู่แข่งโดยตรงเลยจริงๆของ Circle 2 Living Prototype คงหนีไม่พ้นที่จะต้องปะทะกับ Q Asoke ที่บังเอิญมาสร้างเสร็จพร้อมกันพอดี! ส่วนโครงการอื่นๆที่สร้างเสร็จไปแล้ว 3 ปีขึ้น อย่าง The Address Asoke , Villa Asoke และ Circle 1 ก็ถือว่าเป็นคู่แข่งทางอ้อม…หากนับเฉพาะทำเล แน่นอนว่า Q Asoke กินขาด แต่ในขณะเดียวกัน Circle 2 Living Prototype ดูจะชนะคะแนนในส่วนของดีไซน์ตึก และคอนเซปท์ Eco-Luxury ที่ยากที่ใครจะเลียนแบบ
ผมเชื่อว่ากลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนมีเงินและเดินทางด้วยรถเป็นหลัก เนื่องจากว่าห้องใหญ่ของโครงการขายหมดเร็วเหลือเกิน ราคาไม่ใช่ถูกๆนะเนี่ย และมีจำนวนที่จอดรถถึง 80% มากกว่าทุกโครงการอื่นใดบนถนนเพชรบุรี แต่ถ้าหากใครเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลักก็ต้องบอกว่าเดินเหนื่อยเหมือนกัน ยิ่งตอนหลังสองทุ่มก็จะดูเปลี่ยวไปหน่อยที่จะเดิน แต่โครงการก็ยังมีรถ Shuttle เอาไว้คอยรับส่งลูกบ้านอยู่เป็นระยะๆ…ผมสังเกตเห็นว่ากลุ่มลูกค้าต่างชาติดูจะชอบซื้อ ชอบเช่าโครงการ Circle มาก ดังจากที่ได้เห็นจากโครงการ Circle 1 หรือแม้แต่ตอนที่ผมเข้าไปดูโครงการก็ยังมีชาวต่างชาติอย่างจีน และตะวันออกกลางเข้ามาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสาย…ด้วยการที่โครงการอยู่ใกล้โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์พอสมควร ซึ่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ก็เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติกระเป๋าหนักอย่างชาติตะวันออกกลาง ที่มักจะมีพฤติกรรมในการมาหาหมอในแบบเป็นหมู่คณะ! กล่าวคือจะมาหากันทั้งครอบครัว และหากผู้ป่วยต้องรักษาตัวยาวๆที่โรงพยาบาล เหล่าญาติๆก็มักจะมองหาคอนโดดีๆเพื่อที่จะเช่าอยู่ และโครงการอย่าง Circle 1 และ 2 ก็น่าจะอยู่ใน Shortlist ของเขาเหล่านั้น…หากใครลงทุนปล่อยเช่า ผมว่าเน้นกลุ่มต่างชาติก็น่าจะปล่อยได้ไม่ยากนะครับ ราคาห้องขนาด 1 นอนก็ราวๆเดือนละ 28,000 – 32,000 บาท อาจจะฝากทางหน่วยงานรีเซลของเฟรเกรนท์อย่าง Connect ช่วยก็ได้ครับ
ในรอบปีที่ผ่านมาเป็นช่วง Glory Period ของทำเลอโศกครับ เนื่องจากมีหลายโครงการมากๆที่เปิดตัว และทั้งหมดก็เป็นโครงการ High End ราคาตารางเมตรละ 2 แสนอัพทั้งนั้น (ไม่นับ Life Asoke นะครับ) ผมว่าโครงการ Circle 2 Living Prototype ก็ยังมีโอกาสที่จะทำกำไรได้หลังโอนเนื่องจากราคายังเป็นต่อโครงการที่เพิ่งเปิดอยู่มากพอสมควรครับ…จุดที่ผมมองว่าโครงการน่าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ได้ ก็จะเป็นในเรื่องของ Landscape รอบๆโครงการทั้งบริเวณชั้น Ground, สระว่ายน้ำ และลู่วิ่งครับ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของการเก็บงานดีเทลโดยละเอียด ซึ่งทางผู้บริหารของทางเฟรเกรนท์ก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเก็บงานทุกอย่าง ทั้งส่วนกลางและในห้อง ให้เนี้ยบที่สุดก่อนให้ลูกค้าโอนทุกห้องครับ…ที่สำคัญคือค่าส่วนกลางที่จัดเก็บเพียงแค่ตรม.ละ 40 บาท ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคอนโด Eco-Luxury แห่งนี้ จะทำให้ประหยัดทั้งเงินและพลังงานในแบบยั่งยืน โดยไม่ต้องเพิ่มค่าส่วนกลางให้เป็นภาระแก่ลูกบ้านในอนาคตได้หรือไม่
ปล. ราคาห้อง 1 นอนขนาด 45.44 ตรม. ชั้น 7 อยู่ที่ 6,454,554 บาท หรือตรม.ละ 142,266 บาท และราคาห้องสองนอน ขนาด 76.04 ตรม. ชั้น 10 อยู่ที่ 11,684,948 บาท หรือตรม.ละ 153,668 ครับ
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
ต้นแบบคอนโด Eco-Luxury Living พร้อมอยู่แล้ววันนี้
PROPSCORE™
3.4
3.9
4 รีวิว
รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
บมจ. เอพี ไทยแลนด์ เผยไฮไลต์สำคัญที่ตลาดคอนโดต้องสะเทือน กับ Strategic Movement ครั้งสำคัญของแบรนด์ LIFE ที่นำเสนอ Brand Purpose ล่าสุด บนคอนเซปท์ Success Like No Others – ให้ความสำเร็จได้ใช้ชีวิต ... อ่านต่อ
3 March, 2025
แรงเกินต้าน! เอพีอวดรายได้ และกำไรฉ่ำ ครองบัลลังก์อันดับหนึ่งด้านยอดขายเหนียวแน่น
ปล่อยเช่ารายวันดีไหมนะ? รวมสารพัดเหตุผลที่ไม่ควรสนับสนุนการปล่อยเช่าระยะสั้นในคอนโด
สวรรค์ของนักช้อปทั่วโลก! เปรียบเทียบขนาด 12 ห้างดังในย่าน CBD บนพื้นที่รวมกว่า 1 ล้านตรม.
บางตัวฟุบ บางตัวฟื้น! CBRE เผยแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯปี 2568
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เผยผลประกอบการปี 2567 กวาดรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 11,985 ล้านบาท ส่งผลกำไร 1,052 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายบ้าน-คอนโดฯ ตามเป้าที่ 35,442 ล้านบาท พร้อมโชว์ยอด Backlog