ในปีนี้ Boutique Developer อย่าง Habitat Group มีความเคลื่อนไหวในเชิงกลยุทธ์ที่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรุกตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ ควบคู่ไปกับการเปิดตัวโครงการคอนโดตากอากาศแนว Lifestyle Investment ที่พัทยา นอกจากนี้ก็มีการตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็น Lifestyle Investment ที่ประกอบด้วยแผนกลยุทธ์ ในการก้าวสู่ “THE CREATOR of LIFESTYLE INVESTMENT” ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดอสังหาฯเพื่อการลงทุน ที่ไม่ใช่แค่พัฒนาโปรดักส์และการให้บริการเท่านั้น แต่ยังเป็นการมอบความคุ้มค่าในการลงทุน ภายใต้แนวคิด Invest Remarkably, Live Extraordinary ทำให้โครงการคอนโดแห่งใหม่ทั้งหมดของ Habitat Group ต่อจากนี้ไปจะมีความโดดเด่นในเรื่องของการลงทุนที่คุ้มค่า ให้ผลตอบแทนในระยะยาว (Passive Income) อีกทั้งยังสามารถส่งต่อเป็นทรัพย์สินให้ลูกหลานในอนาคต รวมถึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว พร้อมสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนด้วยบริการที่ได้มาตรฐานระดับสากล

ดังที่เราได้เห็นจากพื้นที่ส่วนกลางมากฟังก์ชั่นท่ามกลางธรรมชาติแนวเวลเนส (Wellness) ไม่ว่าจะเป็น Water Feature และสระว่ายน้ำที่หลากหลาย ฟิตเนส ภูมิทัศน์ที่สวยงาม รวมถึงสวนบนชั้นดาดฟ้า ที่นับเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจที่หาได้ยากใจกลางเมือง เพียงแค่นี้ก็น่าจะได้ใจกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่เองได้มากพอสมควรแล้ว แต่ด้วยการที่เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อในด้านการพัฒนา Model การลงทุนคอนโดในรูปแบบ Lifestyle Investment โครงการเปิดใหม่ทั้ง 2 โครงการในย่านทองหล่อนี้ กลับนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าด้วยการประกาศร่วมทุนกับ List Group จากญี่ปุ่นในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ บนถิ่นที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันดีอย่างทองหล่อถึง 2 โครงการ ซึ่งก็ยังคงไว้ซึ่งจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ไม่แพ้โครงการอื่นๆ ของแบรนด์ Walden ที่เปิดตัวมาก่อนในกรุงเทพฯ โดยสองโครงการใหม่นี้นอกจากจะเด่นในเรื่องของทำเล และงานดีไซน์ รวมถึงส่วนกลางที่อัดแน่นมากกว่าคอนโด Low Rise ที่อื่นๆ แล้ว ยังมีบริการ Rental Management จากบริษัทผู้เชี่ยวชาญอย่าง Jalux โดยบริษัทลูกอย่าง JRE Development Co, Ltdผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารโครงการที่พักอาศัยจากญี่ปุ่น จะเป็นผู้บริหารจัดการโครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 (Walden Thonglor 8) และ โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 13 (Walden Thonglor 13)

มารู้จักบริษัทร่วมทุนอย่าง JALUX ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2505 เป็นกลุ่มบริษัทในเครือ Japan Airline มีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการที่พักอาศัยและคร่ำหวอดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น โดยมีการบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยกว่า 3,500 ยูนิต ด้วยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 95%

JALUX ได้เข้ามาเจาะตลาดไทยด้วยการตั้งบริษัท เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในไทยในปี 2560 ปัจจุบันเป็นเจ้าของและบริหารจัดการ L’axe Sriracha JALUX Serviced Residence ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศไทย

ทางบริษัทฯ จะมีการเพิ่มระดับบริการต่างๆ ไว้ในโครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 และ โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 13 ให้เป็นโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพสูงเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เทียบเท่ากับเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ชั้นนำอย่าง L’axe Sriracha JALUX Serviced Residence ซึ่งเป็นบริการในที่พักอาศัยที่ไม่เคยมีมาก่อนในกรุงเทพฯ และมีบริการที่เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นบริการซักรีดและทำความสะอาด การซ่อมบำรุงภายในห้อง ไปจนถึงอินเทอร์เน็ตทีวีญี่ปุ่น รถรับ-ส่ง หรือ บริการรับ-ส่งสนามบิน ประกันภัยสำหรับผู้เช่า และความช่วยเหลือเร่งด่วนตลอด 24 ชม. ไม่เพียงเท่านั้นยังมีทีมงานที่พูดภาษาญี่ปุ่นและมีประสบการณ์ในการจัดการกับความต้องการของลูกค้าชาวญี่ปุ่น รวมถึงมีทีมงานที่พูดภาษาอังกฤษและภาษาไทยเพื่อดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม และเพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าย่านทองหล่อมีความคึกคักมากขนาดไหน เพราะเป็นย่าน Lifestyle ที่รองรับความต้องการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีร้านอาหารชั้นนำกระจายตัวอยู่ตามซอยต่างๆ ทั้งร้านอาหารไทยและร้านอาหารต่างชาติ โดยถ้าใครอยากทานอาหารญี่ปุ่นที่มีเชฟเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปกินอยู่ที่ญี่ปุ่นจริงๆ ทุกคนก็จะคิดถึงร้านที่อยู่ในย่านทองหล่อเป็นอันดับแรก หรือร้านนั่งดื่มนั่งชิลก็เป็นที่โปรดปรานของบรรดานักท่องราตรีมาก เรียกได้ว่าไม่มีความเงียบเหงาในย่านนี้เลยก็ว่าได้ และทองหล่อถือเป็นย่านที่มีการเติบโตอย่างมาก ดึงดูดนักลงทุน รวมถึงมีศักยภาพในการเติบโตของค่าเช่า โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานชาวญี่ปุ่น (Expat) โดยทองหล่อมีอัตราค่าเช่าสูงที่สุดในกรุงเทพฯ หรือสูงกว่า 1,000 บ./ตร.ม. และมีผลกำไรโดยเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 6% ต่อปี อีกด้วย ซึ่งในทำเลทองหล่อมีอาคารสำนักงานเกรด A หลายแห่ง แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตครบครัน เช่น แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหาร สถานศึกษา ศูนย์บริการด้านเฮลท์แคร์ต่างๆ แต่ปัจจุบันยังขาดโครงการที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์นักลงทุน ซึ่งจากประสบการณ์กว่า 7 ปี ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับการลงทุนของฮาบิแทท กรุ๊ป เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันของโครงการ วาลเด้นทองหล่อ 8 และ วาลเด้น ทองหล่อ 13

ซึ่งก็ถือว่าฮาบิแททเลือกทำเลได้เป็นอย่างดีทั้ง 2 โครงการ เพราะอยู่ในย่านที่เป็น Residential Area จริงๆ ถึงจะอยู่ในทองหล่อเหมือนกัน แต่ความแตกต่างก็จะอยู่ที่การดีไซน์ของห้องและ Facilities ภายในโครงการที่ไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง ใครที่ลังเลใจว่าจะเลือกห้องของโครงการไหนดีก็สามารถเข้าไปดูห้องตัวอย่างที่ Sale Gallery ทองหล่อ ซอย 5 เพื่อประกอบการตัดสินใจได้

โครงการ Walden Thonglor 8

คอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ Low-Rise ขนาด 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 117 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 8 บนพื้นที่1-0-2.7 ไร่ และที่จอดรถแบบ Automatic Parking 60% พร้อมกับการออกแบบในสไตล์ของโมเดิร์น ลักซ์ชัวรี่ ที่มอบความเป็นส่วนตัวจากความวุ่นวายใจกลางเมือง ภายในโครงการแวดล้อมด้วยความเป็นธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว Facilities ในโครงการ เช่น Lobby Lounge, Business Lounge, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, พื้นที่สำหรับปาร์ตี้, ฯลฯ มีห้องให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ คือ ห้องแบบ 1 Bed Room ขนาด 32 ตร.ม., ห้องแบบ 1 Bed Room Plus ขนาด 40 – 47 ตร.ม., ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 45 – 58 ตร.ม. และห้องแบบ 2 Bedroom Deluxe ขนาด 59 – 71 ตร.ม.

โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 (Walden Thonglor 8) เข้าซอยทองหล่อ 8 ไปประมาณ 225 ม. โดยพื้นที่โครงการอยู่ด้านหลัง EIGHT THONGLOR ที่เป็น Community Mall ที่ใครต่างรู้จักเป็นอย่างดี และโรงแรม เซ็นเตอร์พอยท์ สุขุมวิท ทองหล่อ

EIGHT THONGLOR

โดยลักษณะของซอยทองหล่อ 8 นั้น จะเป็นซอยตัน ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นอื่นได้ จึงเป็นข้อดีของผู้พักอาอาศัยที่อยู่ภายในโครงการที่จะได้รับความเป็นส่วนตัวในการเข้า-ออกจากซอย และไม่ต้องกังวลในเรื่องการจราจรที่จะเจอรถติดในช่วงเวลาเร่งรีบ

บริเวณโครงการมีหน้ากว้างถึง 47 ม. และใช้เวลาเพียง 2 นาที จากโครงการถึงปากซอยทองหล่อ 8

เจาะจุดเด่น Walden Thonglor 8

คอนโดมิเนียม Low-Rise ขนาด 8 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 8 ย่านที่มีศักยภาพการเติบโตของค่าเช่าและเต็มไปด้วยกลุ่มคนทำงานญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ร่วมพัฒนากับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ลิสต์ กรุ๊ป และได้พาร์ทเนอร์ในเรื่องการบริการแบบ One Stop Service อย่าง Jalux เข้ามามีส่วนร่วมด้วย โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished ที่สามารถเลือกโทนสีห้องได้ ห้องไม่โดนบล็อกวิวจากตึกด้านนอก พร้อมทั้ง Facilities แบบจัดเต็ม มีโถงทางเดินแบบ Single Loaded Corridor พิเศษกับการดีไซน์แบบ Interlock ในห้อง 1 Bedroom Plus ทำให้บางส่วนของห้องได้ระยะความสูงของเพดานที่สูงถึง 3.45 ม. ไม่เพียงเท่านั้น ทางโครงการยังให้ Materials Spec ในระดับ World Class Luxury Brand ที่คุ้มค่าเกินราคา อาทิ Bertazzoni, Blanco, Gorenje, Villeroy & Boch etc.

โครงการ Walden Thonglor 13

คอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ Low-Rise ขนาด 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 122 ยูนิต บนพื้นที่ 1-0-23 ไร่ และที่จอดรถแบบ Automatic Parking จอดได้มากถึง 79 คัน ได้รับการออกแบบในสไตล์ Japanese Tropical และมีดีไซน์แบบมินิมอลลิสต์ มีรายละเอียดของความหรูหรา มี Wood Facade ที่สร้างบรรยากาศจำลอง เหมือนอยู่ในฟอร์เรส พร้อมภูมิสถาปัตย์แบบมีเส้นโค้งพร้อมด้วยลูกเล่นการใช้สายน้ำ พร้อมบรรยากาศสีเขียวของธรรมชาติ สอดคล้องกับการออกแบบแนวโมเดิร์น รัสติก อินทีเรีย พร้อมห้องทั้งหมด 3 แบบ คือ ห้องแบบ 1 Bed Room ขนาด 36-50 ตร.ม., ห้องแบบ 1 Bed Room Plus ขนาด 41 – 46 ตร.ม. และห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 51 – 68 ตร.ม.

โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 13 (Walden Thonglor 13) เป็นสุดยอดของไลฟ์สไตล์อัพทาวน์ เนื่องจากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ทำให้สามารถเข้าถึงทั้งถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรีได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นที่นิยมอย่างมากของคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงนักธุรกิจ ซอยทองหล่อซอย 13 จึงเป็นสุดยอดของความสะดวกสบายและสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะมองหาที่พักหรือร้านอาหารก็มีให้คุณได้เลือกอย่างมากมาย

ตัวโครงการห่างจากปากซอยทองหล่อ 13 เพียง 850 ม. เท่านั้น และยังสามารถทะลุออกไปยังปากซอยทองหล่อ 19 ได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังใกล้กับโรงพยาบาลสมิติเวช 450 ม. แล้วเลยออกไปยังปากซอยสุขุมวิท 49 ได้อย่างสะดวก ถึงโครงการจะไกลจากบีมีเอสทองหล่อ แต่ก็สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง

โดยรอบโครงการก็มีโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมหรือ Community Mall ถึงจะเป็นซอยเล็กๆ แต่บอกได้เลยว่าอัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

เจาะจุดเด่น Walden Thonglor 13

โครงการสามารถเข้า-ออกได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็น ซอยทองหล่อ 13, 19 และซอยสุขุมวิท 49/6 มีราคาถูกกว่าวาลเด้น ทองหล่อ 8 แต่ส่วนกลางอัดแน่นเหมือนกัน ซึ่งยูนิตที่อยู่ชั้น 7-8 มีความพิเศษ คือ ระเบียงยื่นแบบชานบ้านพร้อมต้นไม้ที่โครงการให้ เป็นโครงการที่ร่วมกับลิสต์ กรุ๊ป และ Jalux เหมือนกับวาลเด้น ทองหล่อ 8 แต่มีราคาค่อนข้าง Competitive กว่าทุกโครงการในย่านเดียวกัน และตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการเช่าคอนโดในย่านทองหล่ออย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติอย่างญี่ปุ่นนั่นเอง พิเศษสุดกับ Materials Spec ในระดับ World Class Luxury Brand ที่คุ้มค่าเกินราคา ที่ทางโครงการมอบให้ อาทิ Bertazzoni, Blanco, Gorenje, Villeroy & Boch etc.

ดูจากแผนที่ก็จะเห็นว่าทั้งสองโครงการอยู่ไม่ไกลกันมาก ซึ่งวาลเด้น ทองหล่อ 8 ใกล้บีทีเอสมากกว่า แต่วาลเด้น ทองหล่อ 13 สามารถออกมาทางบีทีเอสพร้อมพงษ์ได้ด้วย

Model โครงการ Walden Thonglor 8 และ โครงการ Walden Thonglor 13 พร้อมรายละเอียดโครงการฯ

อย่างที่ได้บอกไปในข้างต้นว่าโครงการ Walden ทั้งสองโครงการมีที่ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 8 และทองหล่อ 13 แต่ถ้าใครอยากเห็นห้องตัวอย่างของทั้งสองโครงการและพูดคุยกับฝ่ายขายถึงรายละเอียดต่างๆ ของโครงการ ก็สามารถเข้าไปที่ Sale Gallery ที่อยู่ในซอยทองหล่อ 5 ได้

เข้ามาในซอยทองหล่อ 5 เพียง 270 ม. เท่านั้น

เลี้ยวขวาซอยร้านคั่วกลิ้ง+ผักสด ตรงไปไม่ไกลก็ถึง Sale Gallery แล้ว

บริเวณด้านหน้า Sale Gallery โครงการ Walden Thonglor 8 & 13

บรรยากาศด้านใน Sale Gallery มีโมเดลของทั้งสองโครงการ และพื้นที่รองรับลูกค้าที่จะเข้ามาพูดคุย ชมห้องตัวอย่าง

Model โครงการ Walden Thonglor 8

หน้าโครงการกว้าง 47 ม. มีทางเข้า-ออก ทางเดียว

มี Facilities อยู่ที่ชั้น G อย่าง Lobby Lounge, Business Lounge, Waterfall และ Sky Hall Court พร้อมห้องที่ได้วิวสวนจำนวน 9 ห้อง

Lobby Lounge

Business Lounge

ในโครงการยังมีชั้น Basement ที่เป็นส่วนของ Fitness, ห้องเอนกประสงค์, สำนักงานนิติบุคคล และ Waterfall โดยชั้นใต้ดินเป็นช่องเก็บรถยนต์ของ LIFT จอดรถอัตโนมัติระบบ ROBOT และมีห้อง Fitness และลานน้ำตกที่เชื่อมต่อ Landscape มาจากชั้น G

Fitness

ชั้น 2-8 เป็นส่วนของที่พักอาศัย

มีต้นไม้ใหญ่รอบๆ โครงการ สูงจากแนวกำแพงเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกได้ถึงความเป็นส่วนตัว

มาถึงชั้น Rooftop ที่อัดแน่นไปด้วย Facilities ที่โครงการมอบให้กับผู้อยู่อาศัย เช่น Lap Pool, จากุซซี่, Pool Terrace, Floating walkway, Sunken Seat, Water Feature, สระสำหรับเด็ก, สนามเด็กเล่น, พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว, ที่เตรียมอาหารกลางแจ้ง, ระเบียงชมวิว, Floating Pool, พาวิลลี่ยน, สนามหญ้า, สวนผัก, สวนดอกไม้, สระว่ายน้ำตื้น, สวนสีเขียว, พื้นที่สำหรับปาร์ตี้, พื้นที่ฉายโปรเจคเตอร์, พื้นที่ออกกำลังกาย, Dry Fountain และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

Lap Pool

Water Feature

สนามเด็กเล่น

พื้นที่สำหรับปาร์ตี้

Model โครงการ Walden Thonglor 13

มองไกลๆ อาจคิดว่าตึกมีลักษณะคล้ายกับตัวทองหล่อ 8 แต่ความพิเศษของโครงการนี้คือจะมีการออกแบบตึกเป็นรูปตัว H Shape นั่นเอง

ข้างตึกที่เป็น H Shape จะมีพื้นที่ว่าง ทางโครงการได้จัดสรรพื้นที่ให้เป็นสวนย่อมเล็กๆ เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวไปในตัวด้วย

มี Wood Facade ที่สร้างบรรยากาศจำลอง เหมือนอยู่ในฟอร์เรส สไตล์รีสอร์ต ได้อินสไปร์มาจากเปลือกไม้

ใช้ทางเข้า-ออก โครงการทางเดียว เพื่อลงไปยังที่จอด Automatic Parking

บริเวณชั้น 1 เป็นส่วนของ Automatic Parking, Lobby Lounge, Co-Working Space และ Fitness ซึ่งมีห้องพักอาศัยในชั้นนี้ประมาณ 6 ห้อง ฝั่งทิศใต้ของตึก โครงการจะไม่มีชั้น Basement เหมือนกับโครงการ Walden Thonglor 8

Lobby Lounge

Fitness

Garden

ส่วนของที่พักอาศัยตั้งแต่ชั้น 1-8

ชั้น Rooftop ที่มี Facilities หลายอย่างไม่ต่างกับโครงการก่อนหน้าเลย ถึงจะเป็นโครงการ Low-Rise แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Arrival Platform, พื้นที่สีเขียว, Reflective Pond, Waterfall Water Feature, เอ้าท์ดอร์ เทอร์เรซ, Green Wall, Natural Waterfall, สนามหญ้าและพุ่มไม้เขียว, Stone Seating, เอ้าท์ดอร์ ล็อบบี้, Guard House, Pool Terrace, สระว่ายน้ำ, จากุซซี่, เตียงอาบแดด, สระว่ายน้ำตื้นและสระสำหรับเด็ก, ออนเซ็น, ที่นั่งริมสระว่ายน้ำสำหรับครอบครัว, เคาน์เตอร์บาร์และบาร์บีคิว, สนามหญ้า, สนามเด็กเล่น, และพาวิลเลี่ยน

Garden

สนามเด็กเล่น

เคาน์เตอร์บาร์และบาร์บีคิว

Pool

รีวิว Unit Plan และห้องตัวอย่าง โครงการ Walden Thonglor 8 กับ Walden Thonglor 13

Unit Plan โครงการ Walden Thonglor 8

ห้องแบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 32 ตร.ม. ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ใช้กระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน มีพื้นที่ข้างเตียงพอสมควร ส่วนครัวไม่มีที่กั้น เน้นทำอาหารเบาที่ไม่มีกลิ่นแรงเกินไป ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำให้ทุกห้อง และระเบียงมี Grill เหล็กกั้นส่วนวางคอมเพลสเซอร์แอร์ให้ สามารถเลือกโทนห้องเป็นแบบ โทนสว่าง หรือ โทนเข้ม ได้

ห้องแบบ 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 40 – 47 ตร.ม. ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องทำงานได้ ใช้ประตูบานเลื่อนกั้นห้องนั่งและห้องนอนทุกห้อง มีอ่างอาบน้ำในห้องน้ำ ความโดดเด่นของห้อง 1 Bedroom Plus คือ จะเป็นห้องแบบ Interlock หรือ Ultra High Ceiling Zone ที่มีความสูงถึง 3.45 ม. ซึ่งแปลนจะไขว้กันไปมาระหว่างชั้นคู่และชั้นคี่ ที่รับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ พร้อมระเบียงที่อยู่ในฝั่งห้องนอนที่มี Planter ไว้ให้ปลูกต้นไม้

ห้องแบบ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 45 – 58 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ Master Bedroom มีพื้นที่ข้างเตียงกว้าง ห้องน้ำมีพื้นที่ Rain Shower ส่วนครัววางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้ และยังเหลือพื้นที่ใช้สอย ระเบียงด้านนอกมีความกว้างพร้อมกั้น Grill เหล็กวางคอมเพลสเซอร์แอร์

ห้องแบบ 2 Bedroom Deluxe พื้นที่ใช้สอย 59 – 71 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ส่วนห้องน้ำแยกระหว่างห้องน้ำกับห้องอาบน้ำให้ สามารถเข้าใช้งานพร้อมกันได้สองคน ครัวอยู่ด้านหน้าห้องไม่ติดกับส่วนอื่นเหมือนห้องก่อนหน้า สามารถทำอาหารหนักได้ ระเบียงด้านนอกยาวเชื่อมกันทั้งห้อง Master Bedroom มีตู้เสื้อผ้าใหญ่กว่าห้องอื่น

สามารถเลือกโทนสีของ Material ของห้องได้สองโทน คือ สว่างและเข้ม

Material โทนเข้ม

Material โทนสว่าง

Material ที่ใช้ในห้องน้ำ

รีวิวห้องตัวอย่าง โครงการ Walden Thonglor 8

ห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 40-47 ตร.ม.

ด้านหน้าห้องเป็นส่วนครัวและโต๊ะทานอาหาร ที่วางขนาด 4 ที่นั่งได้ เหลือทางเดินกว้างพอสมควร เพดานสูง 2.6 ม. ปูพื้นส่วนครัวด้วยหินอ่อนตามห้องตัวอย่าง

หากอยู่กันแค่สองคน ก็เลือกเป็นโต๊ะแบบสองที่นั่ง ทำให้มีทางเดินกว้างขึ้นอีก

ท็อปครัวได้ตามรูปแบบนี้เป๊ะ เป็นวัสดุ Composite Stone

เปิดออกได้แบบนี้ มีช่องเก็บอุปกรณ์ วัตถุดิบเยอะ

ตู้เย็นจะอยู่ติดกับฝั่งประตูห้อง ยี่ห้อ Gorenje ใช้เป็นตู้ปิดแบบนี้ติดกับชั้นวางรองเท้า แต่ห้องจริงสามารถเปิดตู้เย็นแบบแยกชิ้นบน-ล่างได้ รูปในห้องตัวอย่างยังไม่เรียบร้อย 100%

ให้เตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ Bertazzoni จากประเทศอิตาลี

อ่างล้างจานพร้อมก๊อกน้ำ ยี่ห้อ Blanco

ถัดมาเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ใช้ประตูบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนอนไว้

เปิดบานเลื่อนออกเป็นแบบนี้ พื้นที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 4 ที่นั่งได้

ใช้เป็นทีวีติดผนังแบบนี้จะทำให้มีพื้นที่วางของบนโต๊ะเพิ่มขึ้น ทางโครงการให้โต๊ะวางของหน้าโซฟาและโต๊ะหน้าทีวี แต่เป็นชุดมาตรฐาน ไม่ใช่โต๊ะหินอ่อนแบบในห้องตัวอย่าง

มาถึงจุดไฮไลท์ของห้อง 1 Bedroom Plus คือ ส่วนของพื้นที่ Interlock เพดานสูงถึง 3.45 ม. แต่ที่ห้องตัวอย่างเนื่องจากติดโครงสร้างอาคารเลยทำได้แค่สูงสุด 2.9 ม.

Unit Plan ของส่วน Interlock ภายในห้อง

ส่วนของ Interlock จะสลับกันระหว่างห้องคู่ห้องคี่ โดยห้องฝั่งไหนที่เป็นเพดานสูง ฝั่งข้างๆ ก็จะเป็นในส่วนของ Planter สำหรับปลูกต้นไม้แทน

ด้านข้างของห้องแบบเพดานสูงจะมีลักษณะแบบนี้

ส่วนของ Planter ทางโครงการมีต้นไม้ให้ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นต้นอะไร

Grill เหล็กสำหรับวาง CDU แอร์

ส่วนของห้องนอน มีพื้นที่ข้างเตียงกว้าง

ปลายเตียงติดกับโซฟาห้องนั่งเล่น ใช้ประตูบานเลื่อนขนาด 4 พับกั้น ถ้าไม่ปิดบานเลื่อนก็ให้อารมณ์เหมือนห้องแบบสตูดิโอที่มีขนาดกว้างมาก

ตู้เสื้อผ้าวางไว้มุมหน้าห้องน้ำ ห้องจริงก็จะได้ตู้แบบนี้ ความสูงติดเพดาน

ปูพื้นส่วนห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องอเนกประสงค์ ด้วย Engineering Wood

ใช้แอร์ Conceal แบบนี้ ยี่ห้อ Daikin

ใช้เป็นสวิตช์ไฟระบบสัมผัส

ห้องน้ำสีขาวสะอาดตา พร้อมตู้อาบน้ำ มีประตูห้องน้ำทางเดียว คือ ถ้ามีแขกมาที่ห้อง ต้องเดินผ่านส่วนห้องนอนเพื่อเข้าห้องน้ำ

พื้นที่ระหว่างชักโครกกับอ่างล้างหน้าไม่แคบเกินไป มีช่องเก็บอุปกรณ์ใต้อ่างล้างหน้า

ชักโครกอัจฉริยะ ยี่ห้อ TOTO ที่สะดวกต่อการใช้งาน

อ่างล้างหน้า ยี่ห้อ TOTO

อย่างที่บอกไปว่า โครงการ Walden Thonglor ในห้องน้ำทุกห้องมีอ่างอาบน้ำให้ ปกติจะเห็นได้ตามห้องแบบ 2 Bedroom ขึ้นไป แบบนี้ถูกใจทั้งผู้อาศัยทั้งคนไทยและญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

Rain Shower ยี่ห้อ TOTO จากภาพจะเห็นได้ว่าตำแหน่งของ Rain Shower

พร้อมช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำแบบนี้

**จริงๆ โครงการ Walden Thonglor 8 มีห้องตัวอย่าง 2 ห้อง อีก 1 ห้อง เป็นห้องแบบ 2 Bedroom แต่ยังสร้างและตกแต่งภายในอยู่ ใครอยากเห็นก็สามารถเข้าไปดูได้ตั้งแต่วันนี้ ณ สำนักงานขาย ทองหล่อ ซอย 5

Unit Plan โครงการ Walden Thonglor 13

ห้องแบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 36 – 50 ตร.ม. ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ห้องน้ำมีตู้อาบน้ำพร้อม Rain Shower ให้ ต่างจากห้อง 1 Bedroom ของวางเด้น ทองหล่อ 8 ที่มีแต่อ่างอาบน้ำ ใช้ประตูบานเลื่อนกั้นห้องนอนกับห้องนั่งเล่น ระเบียงด้านนอกยาวเชื่อมกันได้ทั้งห้อง

ห้องแบบ 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 41 – 46 ตร.ม. ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และห้องอเนกประสงค์ ระเบียงแคบกว่าห้อง 1 Bedroom อยู่ฝั่งห้องนอน ใช้กรงเหล็กกั้นเป็นที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์ ห้องน้ำกว้างมีอ่างอาบน้ำพร้อมตู้อาบน้ำ

ห้องแบบ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 51 – 68 ตร.ม. จำนวน ขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำอยู่ใน Master Bedroom แขกใช้ห้องน้ำเล็กด้านนอกที่ติดกับห้องนอนเล็ก Type นี้ส่วนใหญ่เป็นห้องมุมโดดเด่นด้วยกระจกเปิดโล่งทั้ง 3 ด้าน ให้ความรู้สึกโปร่งและได้รับแสงธรรมชาติจากทุกมุมห้อง

รีวิวห้องตัวอย่าง โครงการ Walden Thonglor 13

ห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 40 – 47 ตร.ม.

ส่วนครัวอยู่ทางด้านหน้าห้อง พร้อมวางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ใช้แอร์ฝังฝ้าแบบในห้องตัวอย่าง ยี่ห้อ Daikin

โครงการให้ท็อปครัวแบบห้องตัวอย่าง เตาไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควัน หน้าบานตู้เก็บของด้านบนเป็นกระจกสีชาทองดูหรูหรา เช่นเดียวกับหิน Backsplash

เตาไฟฟ้ายี่ห้อ Bertazzoni จากอิตาลี

อ่างล้างมือ ยี่ห้อ Blanco

จัดโต๊ะทานอาหารไว้จุดนี้ ทำให้เหลือพื้นที่ทางเดินเยอะ

ใช้สวิตซ์ไฟระบบสัมผัสแบบนี้

ห้องนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 4 ที่นั่งได้

โครงการให้โต๊ะวางของหน้าโซฟาและโต๊ะหน้าทีวีเป็นแบบมาตรฐาน

ปูพื้นด้วย Engineering Wood ลายก้างปลา

ห้อง Plus มีกระจกเข้ามุม รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ ใช้เป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 พับ

ส่วนห้องนอนอยู่ข้างหลังห้องนั่งเล่น กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 4 พับ ถ้าไม่เลื่อนประตูปิด ทำให้รู้สึกว่าห้องมีความกว้างมาก

พื้นที่ด้านข้างมีความกว้าง วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะหัวเตียงได้  โดยไม่ทำให้ห้องดูแคบ

ตู้เสื้อผ้าความสูงชิดเพดาน เพดานในห้องสูง 2.6 ม.

บริเวณปลายเตียงเป็นรางเลื่อนประตู ไม่สามารถวางของได้

พื้นที่ข้างเตียงฝั่งระเบียงก็กว้างเหมือนกัน

ระเบียงด้านนอก ใช้วาง CDU แอร์ไว้บริเวณนี้ แต่ในห้องตัวอย่างไม่ได้ติดไว้

กระจกมุมของห้อง Bedroom Plus

ห้องน้ำอยู่อีกฝั่งของห้องนอน

ชักโครกอัจฉริยะ ยี่ห้อ TOTO

มีช่องเก็บของหลังบานกระจก

อ่างอาบน้ำเป็นทรงสี่เหลี่ยมนั่งแช่น้ำสไตล์คนญี่ปุ่นได้ดี

ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 51 – 68 ตร.ม.

แอร์ยี่ห้อ Daikin และระบบ Home Automation ที่ใช้สมาร์ทโฟนในการควบคุมได้

สวิตซ์ไฟระบบสัมผัส

ใช้วางตู้เก็บรองเท้าหรือตู้โชว์ในมุมนี้ได้

ตาม Unit Plan แล้ว ประตูเข้า-ออกห้องจะอยู่ตรงส่วนนี้ แต่ด้วยพื้นที่ของอาคารจึงทำทางเข้า-ออกห้องอีกทางแทน และครัวอยู่ติดประตูทางเข้าเหมือนห้องอื่นๆ

ใช้แอร์ฝังฝ้าแบบนี้ ห้อง 2 Bedroom ได้แอร์ 3 เครื่อง

ส่วนครัวท็อปครัวเหมือนกับห้องแรก แต่มีพื้นที่ยืนมากกว่า เนื่องจากแยกโต๊ะทานอาหารออกมาไว้ใกล้ห้องนั่งเล่น

ชุดครัวมาแบรนด์ดังจากต่างประเทศ นำโดยเตา Induction และ Microwave แบรนด์ Bertazzoni และตู้เย็น Built-in แบรนด์ Gorenje

มีเครื่องดูดควันติดที่ตำแหน่งนี้

ใช้ช่องเก็บด้านล่างอ่างล้างมือเป็นที่วางถังขยะได้

ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่มากกว่าห้อง 1 Bedroom Plus วางโซฟาเซ็ทใหญ่ได้สบาย เป็นอีกหนึ่งมุมที่คนในครอบครัวสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ ห้อง Type นี้เรียกได้ว่ามีกระจกรอบด้าน เนื่องจากเป็นห้องมุมของตึก

จากรูปจะเห็นได้ว่าห้องนี้มีพื้นที่ติดอากาศ เห็นวิวไว้ถึง 3 ส่วนด้วยกัน คือ ห้องนั่งเล่น ที่เป็นกระจกเข้ามุมสองด้านบรรจบกัน ห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็ก เป็นกระจกแบบเต็มความสูงทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ห้องมีความสว่างมากกว่าห้องอื่น

หรือจะตกแต่งผนังแบบเดียวกับห้องตัวอย่างก็ทำให้มีพื้นที่และชั้นวางของเพิ่มขึ้น

เดินเข้ามาตามทางของส่วนห้องนอน ก็จะเจอกับห้องน้ำติดกับห้องนอนเล็ก

มีตู้อาบน้ำกับ Rain Shower แขกสามารถเข้ามาใช้ห้องน้ำตรงนี้ได้ โดยไม่ต้องเดินเข้าห้องนอนของเจ้าของห้อง

ห้องนอนเล็กที่จัดเป็นห้องอเนกประสงค์เหมือนกับห้อง Bedroom Plus ได้เช่นกัน ทางโครงการให้เตียงขนาด 3 ฟุต ในห้องนี้ด้วย เพดานห้องสูง 2.6 ม.

ทางโครงการให้วอลลเปเปอร์พิม์ลายสีขาว

หากตกแต่งแบบห้องตัวอย่างก็จะทำให้มีพื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้น

Master Bedroom

ติดแอร์ฝังฝ้าให้แบบนี้

พื้นที่ข้างเตียงกว้างพอให้วางโต๊ะหัวเตียงได้

ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ขึ้นอีก 1 เท่าจากห้องก่อนหน้านี้

กระจกเข้ามุมสองด้าน เปิดรับแสงได้เพิ่มขึ้น ช่วยเจ้าของห้องประหยัดการใช้ไฟได้

ห้องน้ำใน Master Bedroom

มีอ่างอาบน้ำในห้องน้ำ โดยกั้นให้อ่างอาบน้ำกับ Rain Shower อยู่ในตู้อาบน้ำด้วยกัน

ปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนทั้งห้อง

สรุปรวบยอดทั้ง 2 โครงการ

Walden Thonglor 8 และ Walden Thonglor 13 เป็นสองโครงการคอนโด Boutique Luxury Low Rise แห่งใหม่ ที่ถูกร่วมพัฒนาต่อยอดแนวคิดโดยบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง “ลิสต์ กรุ๊ป” (List Group) ที่มาร่วมทุนกับ “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ต้นตำรับการพัฒนาโครงการแนว Lifestyle Investment โดยอาจกล่าวได้ว่านี่คือโครงการที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบวิถีชีวิตของ Expat ชาวญี่ปุ่นที่ต้องการเช่าคอนโดในย่านทองหล่ออย่างแท้จริง Walden ทั้ง 2 โครงการนี้มีจุดเด่นคือการออกแบบที่ผสานความต้องการการใช้งานเฉพาะของชาว Japanese Expat, การใส่พื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มเยอะไปหมดมากกว่าคอนโด Luxury Low-Rise ทั่วไป มากกว่า 25 รายการทั่วทั้งอาคาร มีทั้งกดลงใต้ดิน On Ground และ On Rooftop โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้พาร์ทเนอร์อันแข็งแกร่งอย่าง Jalux และ JRE Development ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ Japan Airline ที่ทำหน้าที่ในการจัดหาห้องพัก และพัฒนา Service Apartment เพื่อตอบสนองดีมานท์การเข้าพักของบุคคลากร JAL และกลุ่ม Japanese Expat ในประเทศต่างๆ มาบริการการปล่อยเช่าในแบบ One Stop Service ทำให้ทั้งสองโครงการนี้เป็นที่จับตามองสำหรับเหล่านักลงทุนที่มองหาคอนโดสักห้องในย่านทองหล่อที่สามารถปล่อยเช่าคนญี่ปุ่นได้ง่ายๆ

ทั้งสองโครงการมีดีเทลการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป โดยที่ยังคงรักษา DNA ของการสร้าง Value Creation ให้กับพื้นที่ส่วนกลางให้มีความหลากหลาย มีกิมมิคมากกว่าโครงการ Low Rise อื่นๆ ที่เป็นคู่แข่ง เพื่อเป็นแต้มต่อให้กับราคาปล่อยเช่าของเจ้าของห้อง สำหรับ Walden Thonglor 8 มีการดีไซน์ให้ห้องบางส่วนเป็นรูปแบบ Vertical Interlock จึงทำให้มีห้องที่ได้ความสูงถึง 3.45 เมตรในส่วนของพื้นที่ Living และมีโถงทางเดินแบบ Single Loaded Corridor พร้อมช่อง Atrium สูงทะลุถึงชั้นบน Rooftop ที่อัดแน่นไปด้วย Facilities ถึง 26 ชนิด! ในขณะที่ Walden Thonglor 13 ก็มีความร่มรื่นด้วยพรรณไม้ธรรมชาติแนว Tropical ที่สอดรับกับเส้นสายลวดลายอาคารที่ใส่ลายไทยลงไปเพื่อขับให้อาคารมีมิติมากขึ้น โดยห้องที่ชั้น 7-8 จะมีความพิเศษตรงที่จะมีระเบียงยื่นแบบชานบ้าน พร้อมต้นไม้ส่วนตัว โดยหากใครที่ชอบบรรยากาศสายน้ำ ธรรมชาติ ป่าเขาน่าจะชอบที่นี่มากกว่า เพราะมีงาน Landscape สวยๆ ไล่ตั้งแต่ชั้น 1,2 จนถึง Rooftop ที่มี Facilities ไม่น้อยหน้ากันถึง 24 รายการ โดยการออกแบบเลย์เอ้าท์ภายในห้องทางฮาบิแทท เค้าก็ Research มาแล้วว่าขนาดห้อง และฟังก์ชั่นการใช้งานเหล่านี้คือขนาดห้องที่ล้วนแต่ได้รับความนิยมในการปล่อยขาย ปล่อยเช่าในย่านทองหล่อยุคปัจจุบัน

คอนโดมิเนียมของฮาบิแทททั้งสองโครงการ อย่าง Walden Thonglor 8 และ Walden Thonglor 13 อยู่ในทำเลที่มี Expat ชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะ และแน่นอนว่าราคาขายก็ไม่ได้หนีจากคอนโดในย่านเดียวกันสักเท่าไหร่เนื่องจากต้นทุนในการซื้อที่ดินที่แพงลิบลิ่ว โดยคอนโด Low Rise มักจะขายกันอยู่ที่ราวๆตรม.ละสองแสนกลางๆ ในขณะที่คอนโด High Rise ริมถนนใหญ่นั้นมีราคาทะลุเกินตรม.ละสามแสนไปแล้ว ฉะนั้นดีเวลลอปเปอร์ที่มีโปรเจกต์ในย่านนี้ ต่างก็ต้องคิดคอนเซ็ปต์และโปรดักส์ที่สามารถตอบโจทย์กับวีถีการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี โดยจากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้นก็ต้องบอกว่า Walden Thonglor ทั้งสองโครงการนั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ทั้งชาวญี่ปุ่นที่อยากเช่าคอนโดเพื่ออยู่อาศัยในระยะยาว หรือคนไทยที่ซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าก็น่าจะได้ผลกำไรที่ดีไม่น้อยหน้าโครงการอื่นๆ…ทั้งสองโครงการขายแบบ Fully Furnished และชุดครัวแบรนด์จากต่างประเทศ ทั้งเตา Induction และ Microwave แบรนด์ Bertazzoni และตู้เย็น Built-in แบรนด์ Gorenje แอร์ Conceal ของ Daikin ฯลฯ และเลือกโทนสีของ Material ของห้องได้สองโทนคือ สว่างและเข้ม ราคาขายเริ่มต้น Walden Thonglor 8 อยู่ที่ 7.9 ลบ. ส่วน Walden Thonglor 13 ราคาเริ่มต้นที่ 6.9 ลบ. และทั้งสองโครงการจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/2563 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2565

สำหรับงาน Exclusive Pre-Launch ของทั้งสองโครงการ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 24 พ.ย. นี้ ณ Sales Gallery แห่งใหม่ของฮาบิแทท กรุ๊ป ในซอยทองหล่อ 5 พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษมูลค่าสูงสุดถึง 400,000 บาท สำหรับผู้ที่เข้าเยี่ยมชมและจองซื้อในวันนั้น

ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม และลงทะเบียนได้ทางเว็บไซต์ : https://bit.ly/31Edt4h

หรือ โทร. 091-713-1111

เฟสบุ๊ค www.facebook.com/HabitatGroupProperties

ไลน์ @habitatgroup

อินสตาแกรม habitatgroup.th