ถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นถนนอีกเส้นหนึ่งที่ได้รับความสนใจตั้งแต่รัฐบาลประกาศเริ่มการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและเริ่มการก่อสร้างแบบเป็นทางการในปีพ.ศ.2554 แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมาแล้วก็ตามแต่กระจุกตัวแค่บางพื้นที่เท่านั้น

คอนโดมิเนียมที่เปิดขายตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ตั้งแต่สี่แยกท่าพระถึงสี่แยกปิ่นเกล้ารายปี

ในช่วงประมาณปีพ.ศ.2550 – 2553 คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ที่เปิดขายบนถนนจรัญสนิทวงศ์จะอยู่บริเวณรอบๆ สี่แยกปิ่นเกล้า เพราะเป็นบริเวณที่มีศูนย์การค้า ค่อนข้างสะดวกในการเดินทางทำให้มีผู้ประกอบการหลายรายเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมกันมากมายโดยในช่วงนี้รอบๆ สี่แยกปิ่นเกล้านี้มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขาย 6 โครงการรวมแล้วประมาณ 2,066 ยูนิตหรือคิดเป็น 24% ของจำนวนคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่เปิดขายในพื้นที่ตลอดแนวถนนช่วงนี้ที่ ณ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 8,580 ยูนิต แต่หลังจากที่การก่อสร้างรถไฟฟ้าเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นคือตั้งแต่ปีพ.ศ.2554 เป็นต้นมา จึงเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากขึ้นคือมีโครงการเปิดขายในช่วงระหว่างปีพ.ศ.2554 – 2558 5 โครงการและบางโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีจำนวนยูนิตมากกว่า 1,000 ยูนิตทำให้มีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายรวมในช่วงนี้ประมาณ 4,543 ยูนิต และมีโครงการเปิดขายในพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ช่วงนี้

โครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมดในพื้นที่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ช่วงนี้มีอยู่ 16 โครงการมีจำนวนรวมทั้งหมด 8,580 ยูนิต โดยที่คอนโดมิเนียมโครงการแรกๆ มีเปิดขายมาตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปีพ.ศ.2540 จากนั้นเว้นช่วงไปหลายปีหลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงปีพ.ศ.2547 และค่อยๆ มีโครงการเปิดขายมากขึ้นหลังจากนั้นในปีพ.ศ.2550 เป็นต้นมา และโครงการเริ่มมีจำนวนยูนิตมากขึ้นเรื่อยๆ คือส่วนใหญ่จะมีจำนวนยูนิตเฉลี่ยประมาณ 330 ยูนิต่อโครงการ และขึ้นไปถึงมากกว่า 1300 ยูนิตต่อโครงการสำหรับคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปีพ.ศ.2556 – 2558 นั่นแสดงให้เห็นว่าหลังจากที่เส้นทางรถไฟฟ้าเริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้นผู้ประกอบการยิ่งมั่นใจจนกล้าที่จะเปิดขายโครงการขนาดใหญ่

อัตราการขายเฉลี่ยของโครงการในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 88% ค่อนข้างสูงเพราะว่าหลายโครงการที่เปิดขายก่อนปีพ.ศ.2556 ส่วนใหญ่จะขายหมดแล้ว แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะโครงการที่เปิดขายในระหว่างปีพ.ศ.2556 – 2558 จะพบว่ามีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 73% ก็ยังถือว่าสูงอยู่ โครงการที่อยู่รอบๆ สี่แยกปิ่นเกล้าจะมีอัตราการขายค่อนข้างสูงคือเกือบจะ 100% ส่วนโครงการที่อยู่ในช่วงกลางๆ ของถนนจรัญสนิทวงศ์ (ซอยจรัญสนิทวงศ์ 25 – คลองบางกอกน้อย หรือจรัญสนิทวงศ์ 39) จะมีอัตราการขายที่ประมาณ 88% ส่วนโครงการที่อยู่รอบๆ สี่แยกท่าพระจะมีอัตราการขายที่ประมาณ 78% เพราะมี 2 โครงการขนาดใหญ่ที่เปิดขายในช่วงปีพ.ศ.2557 – 2558 จึงทำให้มีอัตราการขายไม่มาก

Life ปิ่นเกล้า

ไอดีโอ โมบิ จรัญ อินเตอร์เช้นจ์

เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม ท่าพระ

ราคาขายเฉลี่ยก็มีความแตกต่างกันมากมาย เพราะมีโครงการหลายระดับราคาที่เปิดขายในพื้นที่นี้ โดยราคาขายเฉลี่ยในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 68,780 บาทต่อตารางเมตร แต่ว่าราคาเฉลี่ยในแต่ละช่วงอาจจะแตกต่างกัน คือโครงการที่อยู่รอบๆ สี่แยกปิ่นเกล้าจะอยู่ที่ประมาณ 68,950 บาทต่อตารางเมตร ช่วงกลางจะอยู่ที่ประมาณ 93,500 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่โครงการรอบๆ สี่แยกท่าพระจะอยู่ที่ประมาณ 55,000 บาทต่อตารางเมตรเพราะมีโครงการราคาล้านต้นๆ ที่มีจำนวนยูนิตเยอะเปิดขายอยู่ในพื้นที่นี้ ราคาขายมีการปรับขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกปีโดยถ้าจะพิจารณาจากโครงการที่เปิดขายในช่วงประมาณปีพ.ศ.2554 เป็นต้นมาจะพบว่าราคาขายปรับขึ้นไปแล้วกว่า 10% บางโครงการอาจจะปรับขึ้นไปถึง 25% หลังจากที่โครงการสร้างเสร็จแล้ว แต่บางโครงการก็มีราคาขายที่ลดลงจากช่วงสร้างเสร็จใหม่ๆ เช่นกัน เพราะว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าจะสร้างเสร็จเมื่อเริ่มก่อสร้างอาจจะมีส่วนช่วยทำให้ราคาขายต่อปรับขึ้นรุนแรงแต่เมื่อผ่านไปสักระยะก็ลดลงสู่ราคาตามความเป็นจริง ดังนั้น ราคาจึงยังไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ใครที่จะซื้อเก็งกำไรก็อาจจะต้องถือไว้นานจนโครงการรถไฟฟ้าสร้างเสร็จจึงจะได้ผลตอบแทนที่รอคอย

ปัจจุบันอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่นี้ไม่มากนัก เพราะว่าตลอดแนวถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นอาคารพาณิชย์ตลอดเส้นทาง การที่ผู้ประกอบการจะซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการก็อาจจะเลือกทำเลที่อยู่ในซอยไม่ติดถนนใหญ่ที่มีราคาต่ำกว่าการกว้านซื้ออาคารพาณิชย์ตามริมถนน อีกทั้งราคาขายของคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ก็ยังไม่ได้สูงจนทำให้ผู้ประกอบการกล้าที่จะเปิดขายโครงการราคาสูงกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ในอนาคตเมื่อโครงการรถไฟฟ้าใกล้แล้วเสร็จก็อาจได้เห็นคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายแพงๆ แน่นอน