แอชตัน สีลม (Ashton Silom) คือคอนโดแห่งแรกในรอบ 14 ปี ที่กล้าปักหมุดแลนด์มาร์คบนใจกลาง ถนนสีลม… ทำเลที่มีราคาที่ดินสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยตลอดกาล และเป็นทำเลที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการหาที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดขนาดใหญ่

แอชตัน สีลม (Ashton Silom) จากที่ดินพระราชทาน สู่งานศิลปะอันทรงคุณค่า หนึ่งเดียวบนถนนสีลม

ด้วยสาเหตุที่ แอชตัน สีลม เป็นโครงการคอนโด ระดับ Ultra Luxury ที่น่าจะเป็นแห่งสุดท้ายบนถนนหลักสีลมแล้ว ดังนั้นแบรนด์ ดีเอ็นเอ และคอนเซปท์การดีไซน์ และย่อมต้องมีความแตกต่าง ฉีกตลาดออกไป เพื่อที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้นกับวงการคอนโดในประเทศไทย และสร้างความภาคภูมิใจในระดับสูงสุดแก่ผู้ที่ได้ครอบครอง

แนวคิดการสร้างแบรนด์โดยมีบทบาทของความเป็น The Pioneer “ไพโอเนียร์ (Pioneer pi·o·neer ˌpīəˈnir/)” อันมีความหมายที่สื่อถึง ผู้ค้นพบ-ผู้บุกเบิก-ผู้ริเริ่ม ถูกนำมาใช้เป็นองค์ประกอบหลักของการบอกเล่าตัวตนของ แอชตัน สีลม… ทั้งนี้ “ไพโอเนียร์” ในความหมายของ แอชตัน สีลม ถูกนำมาขัดเกลาให้มีความแยบยลไปกว่าการเป็นเพียงแค่ผู้ค้นพบ-บุกเบิก-ริเริ่ม แต่ยังหมายความถึง ความเป็นผู้นำทางด้านที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมชั้นนำของเมืองไทย

นับตั้งแต่แบรนด์ แอชตัน แห่งแรก ที่ซอยสุขุมวิท 38 คอนโดไฮเอนท์แห่งนี้ ก็ไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเสนอนวัตกรรมการออกแบบที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็นเลย์เอ้าท์ห้องแบบใหม่พร้อมกระจกโค้งใน แอชตันอโศก หรือ Cliff Garden และ Creek Pool ใน แอชตัน เรสซิเดนท์ 41 รวมไปถึง Botanic Cloud บนชั้น 7 ของ แอชตัน จุฬา – สีลม

การมาของ แอชตัน สีลม ในครั้งนี้ ทางอนันดาฯ เลือกที่จะใช้ Key Visual หลักเป็นภาพถ่ายของ Rodney Smith ช่างภาพ Portrait ระดับโลกชาวอเมริกัน ผู้ชื่นชอบในการถ่ายภาพคลาสสิคขาวดำ ด้วยฟิล์มที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่อิงตามกระแสนิยม (ซึ่งก็ใช้มานับตั้งแต่ Ashton Morph 38)

ภาพ Rocketman ชิ้นนี้ถ่ายขึ้นเมื่อปี 2009 (บ้างก็ว่าราคาของภาพนี้มีมากกว่า 7,000 USD) สื่อให้เห็นถึงความพยายามที่จะพุ่งทะยานขึ้นไปสู่ฟากฟ้าของชายคนหนึ่ง ซึ่งในอีกความหมายหนึ่งก็คือเป็นการสะท้อนถึง Brand Idea ของแอชตัน สีลม ที่ปรารถนาที่จะพุ่งทะยานแหวกอากาศอย่างไม่แคร์ต่ออุปสรรคใดๆ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่โลกใบใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของตัวเองได้ อันเป็นที่มาของสโกแกน The Pioneer: Create your own history

นอกจากความเป็น “ไพโอเนียร์” ในเชิงแบรนด์ดีเอ็นเอ แล้ว แอชตัน สีลม ยังมาพร้อมกับความเป็น “ไพโอเนียร์” ในด้านงานดีไซน์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่บนถนนสีลมตราบนานเท่านาน “New Sculpture Building” และประโยชน์การใช้สอย ที่ยากจะหาใครเสมอเหมือนทั้งหลายฟังก์ชั่น อาทิ

นวัตกรรมดีไซน์ใหม่ “Vertical Interlocking Concept”

เปิดมุมมองการอยู่อาศัยที่กว้างกว่า โดยการนำเสนอยูนิตพิเศษที่เล่นระดับระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทำให้ได้ความสูงของเพดานที่ต่างกันเป็นพิเศษ สูงสุดถึง 3.6 เมตร* ทำให้เกิดความโปร่งสบาย พร้อมมอบฟังค์ชั่นการใช้งานในห้องได้อย่างสมบูรณ์แบบ และความพิเศษในทุกยูนิตกับ Master Bathroom ด้วย Jacuzzi เพื่อการอยู่อาศัยที่ เหนือระดับ ผสานกับห้องในรูปแบบ L-Shape ทำให้มีความเป็น Corner Units เพิ่มความเป็นส่วนตัวสูง และเปิดมุมมอง “Panoramic View” ของมหานครกรุงเทพฯ ให้ดื่มด่ำได้ในทุกชั่วโมงยาม

แอชตัน สีลม ฉีกรูปแบบการดีไซน์เดิมๆทิ้งไป ด้วย Vertical Interlocking Concept แผ่นพื้นต่างระดับ สลับไขว้กันไปในแต่ละชั้น เพิ่มมิติในการพักอาศัย ได้เป็นอย่างดี การออกแบบอย่างนี้ ทำให้ได้ส่วนเพดานสูง 3.6 เมตร ในบางโซนของห้อง เพิ่มอารมณ์ความรู้สึกของการอยู่อาศัยในแบบ Ultra Luxury กระจกบานเต็มสูงจากพื้นถึงพื้น

ในอาคารคอนโดมีเนียมทั่วไป ด้วยข้อจำกัดทางโครงสร้างและขั้นตอนการก่อสร้างทำให้ระดับพื้นในอาคารแต่ละชั้นมีความจำเป็นต้องมีระดับเท่ากัน หากต้องการให้ห้องนั่งเล่นในห้องพักได้ระดับฝ้าที่สูงพิเศษ จะทำให้ระดับฝ้าห้องนอนต้องมีระดับฝ้าและพื้นที่หน้าต่างสูงมากตามซึ่งทำให้ต้องใช้ปริมาณและกำลังไฟในการปรับอากาศส่วนห้องนอนสูงมากเกินความจำเป็น การออกแบบห้องพักรูปตัว L ที่เข้าล๊อกกันทางตั้ง เพื่อการจัดสรร space ความสูงห้องนั่งเล่นและห้องนอนระหว่างชั้นเลขคู่เลขคี่ เพื่อให้ห้องนั่งเล่นที่เราใช้ชีวิตมากที่สุดมีฝ้าสูงโปร่งโล่งสูงสุด ส่วนห้องยังมีความสูงที่เหมาะสมไม่สูงเกินความจำเป็น อีกทั้งทำให้เกิดห้องพักแบบพื้นเล่นระดับซึ่งทำให้ space ภายในห้องมีความพิเศษและแตกต่าง

Ultra-maximum window area

จากการทำการบ้านอย่างหนักของอนันดา และสถาปนิกอันดับหนึ่งของเมืองไทย A49 ทำให้ได้มาซึ่งรูปแบบผังอาคาร ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยการเพิ่มขนาดเส้นรอบรูปผิวอาคารให้ได้เส้นรอบรูปที่ยาวที่สุดเพื่อให้ทุกห้องพักสามารถมีพื้นที่หน้าต่างได้สูงสุด 12units จาก 14units ในหนึ่งชั้นอาคารเป็นห้องพักแบบ”Corner unit (ห้องหัวมุม)”สามารถมีพื้นที่หน้าต่างได้อย่างน้อย 2 ด้านทำให้การระบายอากาศและการถ่ายเทลมเข้าสู่ห้องพักเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มคุณภาพอากาศที่ดีให้กับการอยู่อาศัย และสร้างมุมมองจากภายในสู่ภายนอกที่กว้างขวางสัมผัสทัศนียภาพ skyline ใจกลางกรุงเทพฯที่สวยงามได้อย่างสูงสุด

Double corner-rooms unit plan

Corner room หรือห้องหัวมุมมักเป็นห้องที่ได้รับความนิยมสูงสุดในทุกโครงการ นอกเหนือจากการวางผังอาคารที่ทำให้ 12 units ใน 14 units ต่อ 1 ชั้นหรือ 85%ของห้องพักทั้งหมดในโครงการเป็น corner unit แล้ว การวางผังห้องพักแบบ 2 Bedroom type ด้านหน้าและด้านหลังของอาคารให้มีลักษณะเป็นผังแบบ L-shape ทำให้ห้องใช้สอยภายใน unit type นี้เป็นห้องแบบ Double corner-rooms คือมีห้องใช้สอยเป็นห้องหัวมุมถึง 2 ห้องคือ ห้องนั่งเล่น และห้องนอนใหญ่ อีกทั้งห้องนั่งเล่นหัวมุมนี้ยังมีหน้าต่างบานเลื่อนแบบพิเศษเปิดโล่งที่มุมห้อง Open-corner sliding window ที่ทำให้ห้องนั่งเล่นสามารถเปิดโล่งกลายเป็นระเบียงนั่งเล่นขนาดใหญ่รับอากาศธรรมชาติและทิวทัศน์ที่เปิดโล่งได้สูงสุด

ในมุมมองของการก่อสร้าง แน่นอนครับสร้างยากขึ้น ใช้ต้นทุนมากขึ้น ซึ่งเรียกว่าฉีกกฎการพัฒนาโครงการของหลายๆ Developer ที่จะยอมรับขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่อนันดาเลือกที่จะทำเพื่อสร้างความแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีทีเด็ดที่ระเบียงกระจกใสเข้ามุม เปิดมุมมองกว้างกว่า และกลมกลืนไปกับ facade กระจกของอาคาร ทำให้ตึกนี้ดูเลอค่ากว่าคอนโดทั่วๆไป ในภาพด้านบน ยังแสดงถึงการเปิดบานเลื่อนกระจกใสออกระเบียงที่ใช้การเปิดแบบ มุมชนมุม บานเลื่อนสองบานตั้งฉากซึ่งกันและกัน ทั้งพื้นเล่นระดับ ทั้งบานเลื่อนเข้ามุม มุมชนมุม นี่คือการออกแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย คู่ควรกับคำว่า “ไพโอเนียร์” อย่างแท้จริง

“Alfresco Living Plaza” สวนที่โดดเด่นบนถนนสีลม

จากการรังสรรค์ของ TROP บริษัท Landscape design ชั้นนำแห่งยุค ที่ Alfresco Living Plaza แห่งนี้ถูกออกแบบให้มีการเล่นระดับของพื้นที่ ให้สวนและน้ำตกอยู่ด้านล่างเพื่อมอบความสงบได้อย่างเต็มที่

เส้นสายที่เคลื่อนไหววุ่นวายของการออกแบบ ล้วนสะท้อนความไม่หยุดนิ่งของสีลม ภายใต้แนวคิด “Movements” สะพานคนเดิน Cross Over ซ้อนทับพื้นที่สีเขียวที่ถูกกดลงต่ำเป็น Sunken Garden ราวกับเป็นชั้น Layers ของความแตกต่างหลากหลายที่ผสมในย่านนี้

Cascade น้ำตกตามความชันเคลื่อนที่จากด้านบนลงสู่สวนด้านล่าง ผสาน Space ให้ลื่นไหลเป็นหนึ่งเดียว ผืนลาน Plaza หน้าอาคาร ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่โล่งสีเขียว Contrast กับความเบียดแน่นของอาคารย่านสีลม

จากนั้นเพียงก้าวข้ามสะพานที่เชื่อมต่อกันระหว่างสวนเข้าสู่ภาย ในอาคาร จะได้สัมผัสกับ “Objets’ D’Art Lobby” ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Time Pause’ และชิ้นงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซที่ได้รับการรังสรรค์ อย่างเป็นพิเศษเพื่อสะท้อนการหยุดทุกช่วงเวลาแห่งความเร่งรีบไว้ภายนอกและ เริ่มต้นผ่อนคลายได้อย่างไร้กาลเวลา พร้อมเปิดต้อนรับผู้มาเยือนเข้ามายัง Retails และ Lobby ใต้อาคาร เป็น Oasis ให้กับเมือง ขณะเดียวกันการกดพื้นที่สวนลง ก็สร้างความเป็นส่วนตัว ลดเสียงรบกวนโดยตรงจากถนนสีลม

“Quadruple Facilities” ที่ตอบทุกโจทย์ แห่งการใช้ชีวิตอย่างมีเอกลักษณ์

เราเคยเห็น Facilities ของคอนโดมากสุดก็คือสามชั้น 3 ระดับ Triple Facilities แต่ที่แอชตัน สีลม จัดมาให้ถึง 4 ส่วนด้วยกัน โดยพื้นที่สันทนาการในโครงการได้รับการออกแบบเป็นลักษณะ multi-level ประกอบด้วย 34, 34M, 46, 47, 48 และชั้นหลังคา

ชั้น 34 เป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เปิดมุมมองสามด้านของโครงการมองเป็นทิวทัศน์ด้านราชดำริ เพลินจิต วิทยุ สาธร เจริญกรุงจนถึงด้านแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นมุมมองที่เปิดกว้างและถือเป็นพื้นที่ที่มี skyline สวยที่สุดของกรุงเทพฯพร้อม Fitness ขนาดใหญ่มองทิวทัศน์ จากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางพื้นที่เมืองเก่า เยาวราช และพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์

ชั้น 34M เป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่สำหรับห้องสมุด Business lounge และห้องชมภาพยนตร์

ชั้น 46, 47, 48 และหลังคาดาดฟ้าอาคารเป็นสวนเล่นระดับสามารถใช้สอยเชื่อมต่อระหว่างชั้นเป็นพื้นที่สันทนาการเพื่อการจัดกิจกรรมต่างๆในบรรยากาศเปิดโล่งบนยอดอาคารโดยมี sky lounge พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆอย่างครบครันที่ชั้น 48 ของอาคาร

“Private Theatre Lounge” บนชั้น 34

ด้วยแนวคิดนอกกรอบในการออกแบบสำนักงานขายโดยได้แรงบันดาลใจจาก ‘โรงสีข้าว’ หรือ ‘Wind Mill’ ซึ่งเป็นชื่อแรกของถนนสายประวัติ- ศาสตร์แห่งนี้ ถูกนำมาเป็นหัวใจหลักในการออกแบบ ทำให้รูปแบบอาคารภายนอกสะท้อนความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากห้วงอดีตที่มีคุณค่า สู่ปัจจุบันและอนาคตที่ไม่รู้จบ ภายในอาคารสะท้อนความงดงามแห่งสุนทรียะและความปราณีตของ ‘Luxury Art Gallery’ ซึ่งเป็นการผสม ผสานความแตกต่างได้อย่างลงตัว

ครั้งหนึ่ง Albert Einstien ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า “The person who follows the crowd will usually go no further than the crowd. The person who walks alone is likely to find himself in places no one has ever seen before.”… เฉกเช่นเดียวกับความทะเยอะทะยานที่จะแตะเส้นขอบฟ้าของ แอชตัน สีลม ที่ซึ่งกาลเวลาแห่งปัจจุบันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อรอที่จะได้ต้อนรับ เดอะ ไพโอเนียร์…

สัมผัสประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ เร็วๆ นี้ ที่สำนักงานขายโครงการ แอชตัน สีลม

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ www.ananda.co.th โทร 02 316 2222