The Crest Park Residences

  

เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนซ์


ทำเลห้าแยกลาดพร้าวนั้นโดยปกติจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ถนนพหลโยธินช่วงหมอชิต - จตุจักร ที่เป็นที่ตั้งของโครงการคอนโดที่เน้นจุดขายในเรื่องความใกล้ห้าง ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง และถนนลาดพร้าวช่วงตัดกับพหลโยธิน และวิภาวดีฯ

wipawan khampuwiang เมื่อ 23 January, 2023 เวลา 14.46 pm

Prop score™: 4.2

คะแนนรีวิว: 0.0

0 รีวิว


ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา



    ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ

The Crest Park Residences

บริษัทผู้สร้าง

เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น – SC ASSET

สถานที่

ถนนพหลโยธิน เขต จตุจักร

สถานีรถไฟ BTS

BTS ห้าแยกลาดพร้าว Distance 210 m.

สถานีรถไฟใต้ดิน

MRT พหลโยธิน Distance 0 m.

Airport Rail Link

-

สถานี BRT

-

พื้นที่

1 – 3 – 93.5 ไร่

ชั้น

36 ชั้น

ยูนิต

418 ยูนิต

ที่จอดรถ

235 คัน (Automatic 230 คัน) คิดเป็น 56.22%

ลิฟท์

3 Passenger Lifts and 1 Service Lift

สิ่งอำนวยความสดวก

ชั้น Ground Floor :Grand Cave Lobby, Private Lobby, Waterior Garden, Laundry Pick up Room ชั้น 2 : Business Lounge & Meeting Room และ Private Dressing Room ชั้น 21 : Sky Lounge, Co-Dining Space และ Pocket Park with BBQ Area ชั้น 36 : เป็นส่วนของ Swimming Pool พร้อมระบบจากุซซี่, Fitness และ Spa Room โดยมีพื้นที่สีเขียวไว้ชมวิวบนชั้นดาดฟ้า


    ประเภทยูนิต

ประเภท

CONDO/คอนโด High Rise/Luxury High Rise Condominium/Luxury Condo

studio

-

1 bedroom

31 – 50 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 47 – 50 ตร.ม.

2 bedroom

73 ตร.ม.

3 bedroom

-

Duplex

-

Penthouse

-

ประเภทอื่นๆ

ห้อง Loft High Ceiling สูง 5.9 เมตร ขนาด 31 – 73 ตร.ม. อยู่ที่ชั้น 4 และ 21

ความสูงจากพื้นถึงเพดาน

ห้องปกติส่วน Living สูง 3 เมตร แบบ Loft สูง 5.9 เมตร

ราคาเริ่มต้น / ตรม.

170,000 บาท/ตร.ม.

ราคาเริ่มต้น / ยูนิต

6.29 ล้านบาท (อัพเดท มกราคม 2023)

ค่าส่วนกลาง

85 บาท/ตร.ม./เดือน

Sinking Fund fee

700 บาท/ตร.ม.

สร้างเสร็จ

2022

เว็บไซต์

https://bit.ly/3H5mXxZ

1749


เพื่อนบ้าน Street View


ให้วิวธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตอันหรูหราของคุณที่ The Crest Park Residences

 

ทิศทางการขยายตัวของเขตเมืองในกรุงเทพฯ ดูจะมีแนวโน้มเหมือนกับมหานครใหญ่อื่นๆทั่วโลกตรงที่ย่านเกือบทุกย่านมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายอยู่รายล้อม และมีการเดินทางเข้า-ออกเมืองที่สะดวกด้วยรถไฟฟ้าเหมือนกันหมด จนเกิดเป็น Prime Area มากมาย ซึ่งในช่วง 5 ปีให้หลังมานี้ด้วยพลานุภาพของเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ๆล้วนส่งผลให้กรุงเทพฯ มีย่านใหม่ที่กระจายตัวออกมาจากบริเวณใจกลางเมืองมากมาย อาทิ ย่าน Extension CBD อย่างพระรามเก้า บางจาก ห้าแยกลาดพร้าว ฯลฯ หรือย่าน New Residential อย่าง พัฒนาการ กรุงเทพกรีฑา เกษตร-นวมินทร์ ฯลฯ ซึ่งการเกิดขึ้นของย่านใหม่ๆดังกล่าวแม้จะส่งผลดีต่อมูลค่าอสังหาฯโดยรอบ อีกทั้งยังช่วยดึงดูดปริมาณคนจำนวนมากให้แวะเวียนเข้ามาอยู่ในพื้นที่นั้นๆ แต่กลับส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของคนเมืองที่ส่วนใหญ่แล้ว หากเลือกได้ก็ยังอยากที่จะหลีกหนีจากความวุ่นวาย เพื่อปรนนิบัติตัวเองให้ผ่อนคลายจากความเครียด สูดอากาศบริสุทธิ์ และออกกำลังกายท่ามกลางพื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติขนาดใหญ่อย่างสวนสาธารณะในยามว่าง มากกว่าการที่จะต้องทนอึดอัดอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมของคอนโดใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้า โดยที่ต้องทนเผื่อใจเอาไว้ว่าในอนาคตข้างหน้าก็อาจจะมีอาคารสูงแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นมาบังวิวสุดโปรดของคุณที่หน้าต่างห้องก็เป็นได้ เพราะการอาศัยอยู่บนคอนโดใจกลางเมืองนั้น ย่อมถูกรายล้อมไปด้วยตึกสูงไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรืออาคารคอนโดมิเนียมอยู่ทั่วทุกทิศทาง โดยเฉพาะบริเวณย่าน Prime Area ในเขตกรุงเทพฯชั้นใน …ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยตัดสินว่าโครงการที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองแห่งไหนที่คู่ควรกับการตั้งราคาที่สูงกว่า นอกจากจะเป็นในเรื่องของความหรูหราของงานดีไซน์และการเลือกใช้วัสดุแล้ว ก็คือวิวที่เปิดโล่ง และความใกล้กับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ หรือแม่น้ำ ที่ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบทางธรรมชาติที่หายากมากขึ้นทุกวัน

และโครงการคอนโดมิเนียมที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้ คือ โครงการ The Crest Park Residences (เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส) ที่ตั้งอยู่บนจุดที่ดีที่สุดของทำเลห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็น City Center ของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ และมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็น New CBD ของกรุงเทพฯ ในอนาคต เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่ตอบโจทย์ Lifestyle ของการอยู่อาศัย ใจกลางแยกลาดพร้าว ใกล้เซ็นทรัล ลาดพร้าว ติดยูเนี่ยนมอลล์ แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งสามารถมองเห็นวิวพื้นที่สีเขียวของสวนสาธารณะขนาดใหญ่ได้แบบเต็มตา เต็มอารมณ์เหนือกว่าทุกโครงการในย่านห้าแยกลาดพร้าว

ห้าแยกลาดพร้าว ย่านธุรกิจและศูนย์กลางการเดินทางแห่งใหม่ ท่ามกลางวิวธรรมชาติที่เปิดโล่ง ของสวนสาธารณะขนาดใหญ่หลายร้อยไร่

ทำเลห้าแยกลาดพร้าวนั้นโดยปกติจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ถนนพหลโยธินช่วงหมอชิต – จตุจักร ที่เป็นที่ตั้งของโครงการคอนโดที่เน้นจุดขายในเรื่องความใกล้ห้าง ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง และถนนลาดพร้าวช่วงตัดกับพหลโยธิน และวิภาวดีฯ ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการได้วิวสวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 700 ไร่ และอยู่ใจกลางย่านอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มากมายบนถนนวิภาวดีฯ

โดยหากเราให้คำนิยามว่ากรุงเทพฯตอนเหนือคือบริเวณตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิตวิ่งขึ้นไปตามถนนพหลโยธินจนไปสิ้นสุดที่บริเวณดอนเมืองก่อนจะข้ามไปเขตจังหวัดปทุมธานี ก็คงจะบอกได้ว่า ห้าแยกลาดพร้าวคือเมืองหลวงของกรุงเทพตอนเหนือ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ในอนาคตน่าจะมีศักยภาพที่จะเป็น New CBD แห่งต่อไป ด้วยการพัฒนาอภิมหาโปรเจคหลายแห่งทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชน มีห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในย่านนี้ แถมห้าแยกลาดพร้าวก็เป็น Intersection เป็นแยกที่มีถนนสำคัญมากถึง 3 เส้นมากระจุกรวมกันได้แก่ ถนนวิภาวดีรังสิตเป็น Highway เชื่อมออกไปสู่ภาคเหนือและอีสานของไทย ถนนพหลโยธินที่เชื่อมระหว่างเมืองชั้นในกับต่างจังหวัด และถนนลาดพร้าวซึ่งเป็นถนนวางตัวแบบ East-West เชื่อมผู้คนจากกรุงเทพฝั่งตะวันออกเข้ามาใจกลางเมือง มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านถึง 2 เส้นทาง คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว และรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน (โดยมีสถานีที่อินเตอร์เช้นจ์กันคือ MRT สถานีพหลโยธิน และ BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว) รวมไปถึงยังเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากสถานีกลางบางซื่อ (สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์) ศูนย์กลางคมนาคมทางรางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและของอาเซียน ที่เริ่มเปิดให้บริการบางส่วนไปแล้ว และจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

แต่สิ่งที่น่าสนใจและหาได้ยากมากในกรุงเทพฯ ก็คือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่หรือสวนสาธารณะ โดยพื้นที่โดยรอบห้าแยกลาดพร้าวนี้ เป็นพื้นที่ที่มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในพื้นที่ถึง 3 สวนที่มีพื้นที่ติดกัน จนดูเหมือนเป็นสวนขนาดใหญ่หนึ่งเดียว ซึ่งประกอบไปด้วย สวนวชิรเบญจทัศ, สวนจตุจักร และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ฯ

แม้ว่าจะมีอีกหลายพื้นที่ในบริเวณใจกลางกรุงเทพฯที่มีสวนสาธารณะในพื้นที่ เช่น พื้นที่รอบสวนลุมพินี (เนื้อที่สวน 360 ไร่) พื้นที่รอบสวนป่าเบญจกิติ (เนื้อที่สวน 450 ไร่) พื้นที่รอบอุทยานเบญจสิริ (เนื้อที่สวน 29 ไร่) พื้นที่รอบสวนจุฬาฯ 100 ปี (เนื้อที่สวน 30 ไร่) ฯลฯ แต่พื้นที่รอบสวนสาธารณะต่างๆ ที่กล่าวไปแล้วนั้น ยังมีขนาดไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับพื้นที่ของสวนสาธารณะทั้งหมดที่อยู่ติดกับห้าแยกลาดพร้าว เพราะมีพื้นที่รวมกันถึง 730 ไร่

 

ไม่เพียงเท่านั้น ทำเลของโครงการ The Crest Park Residences ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่าน อย่าง เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว และ Union Mall ที่อยู่ด้านหลังของโครงการ ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังจตุจักรได้ง่ายเพียงแค่ 1 สถานี จาก BTS หรือ MRT เท่านั้น ซึ่งเป็นทั้งย่านช้อปปิ้ง มีแหล่งแฮงค์เอ้าท์ และรายล้อมไปด้วยตลาดนัด พื้นที่ไลฟ์สไตล์ ห่างออกไปไม่ไกลก็จะเป็นย่านอารีย์ สะพานควาย ประดิพัทธ์ ที่มีร้านอาหาร คาเฟ่น่ารักๆ แหล่งไลฟ์สไตล์ และบาร์ที่มีให้นั่งดื่มได้ทั้งคืน และยังอยู่ใกล้กับแหล่งงานขนาดใหญ่ ที่มีอาคารสำนักงาน โครงการมิกซ์ยูสเรียงรายกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นวิภาวดีรังสิต พหลโยธิน และจตุจักร เช่น Mochit Complex, Ratchayothin Hills, S Oasis และ BTS X CPN (โครงการในอนาคต) จึงอาจกล่าวได้ว่า

 

หากไม่นับพื้นที่ตามแนวถนนพระราม 4 แล้ว พื้นที่โดยรอบห้าแยกลาดพร้าวนี้ อาจจะถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนามากที่สุด ทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และโครงการที่มีแผนจะพัฒนาในอนาคต ซึ่งโครงการและที่ดินต่างๆดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะยกระดับพื้นที่รอบห้าแยกลาดพร้าวให้สูงขึ้น แต่ยังเป็นการดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้เข้ามาในพื้นที่นี้ และยังเป็นการกระจายความเจริญของกรุงเทพฯให้ออกจากย่านใจกลางเมืองมากขึ้น โดยมีทั้งโครงการของรัฐบาล และโครงการที่พัฒนาโดยเอกชน ดังนี้

 

โครงการ The Crest Park Residences อยู่ใกล้กับ MRT สถานีพหลโยธิน ทางออก 4 เพียง 80 ม. เท่านั้น

เลี้ยวขวาออกจากบริเวณหน้าโครงการ เพียง 20 ม. ก็จะเจอกับบันไดขึ้น Sky Walk BTS

ขึ้นมาก็เจอกับประตูทางเข้ายูเนี่ยนมอลล์พอดี

Sky Walk เดินเชื่อมไปยัง BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว ระยะทาง 210 ม. เดินสบายๆ

เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ

ยืนอยู่บน Sky Walk ก็สามารถมองเห็นโครงการ The Crest Park Residences แบบนี้ได้

 

Urban Luxury Living, Inspired by Nature – พบความหรูหรานิยามใหม่ ที่ใช้ธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ

แม้ในปัจจุบันจะมีคอนโดเปิดใหม่มากมายในบริเวณห้าแยกลาดพร้าว แต่ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างประหลาดใจที่ยังไม่มีคอนโดระดับ Luxury เข้ามาพัฒนาเพื่อเติมเต็มความต้องการที่ยังขาดหายไปของกลุ่มดีมานด์ในย่านนี้ที่มองหาความพิเศษ มีเอกลักษณ์ และมอบความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า แตกต่างจากคอนโดเกือบทั้งหมดในย่านนี้ ที่มักจะมีรูปแบบโครงการขนาดใหญ่หลายอาคาร หลายพันยูนิต…‘The Crest Park Residences’ (เดอะเครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส) คือโครงการคอนโดแห่งแรกในย่านนี้ ที่พร้อมจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ด้วยการมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตอันหรูหรา ท่ามกลางวิวสวนที่สวยที่สุดในแบบที่ไม่สามารถหาได้จากโครงการอื่นโดยรอบ นอกจากนี้โครงการยังถูกพัฒนาภายใต้บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.) บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC Asset กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาฯ และคมนาคมแห่งภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น

สำหรับแบรนด์ The Crest นั้น ด้วยการที่มีการห่างหายจากตลาดไปนานหลายปี (ล่าสุดคือโครงการ The Crest Sukhumvit 34) และก็เป็นแบรนด์คอนโดระดับตำนานของ SC Asset ที่มีภาพลักษณ์ในเรื่องของความหรูหรา ทำเลไฮเอนด์ ก่อนที่จะมีแบรนด์ใน Port Folio กลุ่ม One of A Kind อย่าง 28Chidlom, Beatniq และ Saladaeng One จึงทำให้โครงการนี้มาพร้อมกับความคาดหวังจากกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์มีกำลังซื้อสูงที่กำลังมองหาคอนโดหรูแบบจริงๆ เป็น Authentic Luxury ที่มอบความโดดเด่น หรูหรา เป็นส่วนตัว ไม่ใช่แค่ Affordable Luxury ไว้นอนดูวิวสวนสวยขนาดใหญ่หลายร้อยไร่บนทำเลห้าแยกลาดพร้าว ว่าด้วยชื่อชั้นของแบรนด์ The Crest เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่พ่วงเอาบริบทสำคัญของทำเลที่แนบชิดด้วยสวนสวยขนาดใหญ่มาเป็นคำต่อท้ายชื่อแบรนด์ด้วยอย่าง The Crest Park Residences จะเป็นโครงการหนึ่งเดียวที่สามารถเติมเต็มความต้องการเหล่านี้ได้ ดังนั้นการกลับมาในครั้งนี้ จึงเป็นหลักประกันได้ว่า นี่คือการพร้อมกลับคืนสู่บัลลังก์อีกครั้งของคอนโดที่อดีตเคยเป็น Top of Mind ของตลาดคอนโดในเซกเมนท์ Luxury บน Prime Area ใกล้สถานีรถไฟฟ้า บนแนวคิด ‘Urban Luxury Living, Inspired by Nature’ ที่ใช้ธรรมชาติเป็น Inspiration ในการออกแบบ มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์เพื่อการใช้ชีวิตพรีเมี่ยมในระดับ 5 ดาว  รวมไปถึงบริการหลังการขายคุณภาพอันดับ1 และ Concierge Service ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัว ที่ช่วยบริการและอำนวยความสะดวกในทุกๆ เรื่อง

อีกทั้งโครงการยังสามารถคว้า  3 รางวัล จากผลงานคุณภาพมาตรฐานสูงจากเวที Property GURU Thailand Property Awards 2021 ครั้งที่ 16 ทั้งในด้านของ 1. Highly Commended – Best Luxury Condo Development (Bangkok) 2. Highly Commended – Best Luxury Condo Architectural Design และ 3. Highly Commended – Best Luxury Condo Interior Design เป็นการตอกย้ำฝีมือการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบมืออาชีพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองครบทุกมิติอย่างแท้จริง

 

โครงการ The Crest Park Residences (เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส) เป็นคอนโดมิเนียมหรูสูง 36 ชั้น จำนวน 418 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการประมาณ 1 – 3 – 93.5 ไร่ บนทำเลหนึ่งเดียวใจกลางศูนย์กลางคมนาคมบนห้าแยกลาดพร้าว พร้อมที่จอดรถ 235 คัน (เป็นแบบ Automatic 230 คัน) มีห้องพักอาศัยให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 – 41 ตร.ม., ห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 47 – 50 ตร.ม., ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 73 ตร.ม. และห้องแบบ high ceiling ขนาด 31 – 73 ตร.ม.

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางยังคงความเป็น Exclusively Yours ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและการใช้งานของผู้พักอาศัยในยุคปัจจุบันได้ ทั้งยังมีการออกแบบให้มีความหรูหรา มีความน่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม พร้อม Concierge Service ไว้ให้บริการกับลูกบ้านในแบบ Exclusive โดยเฉพาะ ซึ่งมีพื้นที่ส่วนกลางกระจายตัวอยู่บน

ชั้น Ground Floor :Grand Cave Lobby, Private Lobby, Waterior Garden, Laundry Pick up Room

ชั้น 2 : Business Lounge & Meeting Room และ Private Dressing Room

ชั้น 21 : Sky Lounge, Co-Dining Space และ Pocket Park with BBQ Area

ชั้น 36 : เป็นส่วนของ Swimming Pool พร้อมระบบจากุซซี่, Fitness และ Spa Room โดยมีพื้นที่สีเขียวไว้ชมวิวบนชั้นดาดฟ้า

 

เมื่อก้าวเข้ามาในตัวอาคารจะพบกับ Grand Cave Lobby พื้นที่ใช้รองรับแขกและผู้พักอาศัยก็สามารถเข้ามาใช้ส่วนนี้ได้

Private Lobby ส่วนนี้เข้ามาได้เฉพาะผู้ที่มีคีย์การ์ดของโครงการเท่านั้น มีประตูเชื่อมต่อไปยัง Auto Parking ด้านหลัง

Waterior Garden   พื้นที่พักผ่อนที่ถูกแบบให้มี water feature  ที่เชื่อมภายนอกสู่ภายใน ได้ยินเสียงน้ำไหลจากโขดหิน แม้จะนั่งอยู่ในอาคาร  ออกมานั่งพักผ่อน หรือหามุมถ่ายรูปสวยๆ ได้

Business Lounge & Meeting Room พื้นที่ที่ใช้นั่งทำงาน อ่านหนังสือ ประชุมแบบเป็นส่วนตัวได้

บันไดวนขึ้นชั้น 2 โดยไม่ต้องใช้ลิฟท์

มีทั้งแบบนั่งด้านนอก

และห้องแบบส่วนตัว ที่สามารถจองห้องเพื่อเข้าใช้บริการได้ 3 ช่องทาง คือ ผ่าน App ของโครงการ, Ruejai และ Concierge Service

Private Dressing Room พื้นที่ที่คุณสามารถเข้ามาใช้แต่งหน้าแต่งตัวสำหรับไปงานสำคัญได้

Michelin Lounge สามารถนำเชฟที่คุณชื่นชอบเข้ามาทำอาหารในส่วนนี้ได้ หรือจะเป็นการจัดparty กรุ๊ปเล็กๆ ก็ทำได้

มีโซนบาร์บีคิวด้านนอก พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตก

Swimming Pool พร้อมระบบจากุซชี่ และสระเด็ก

ระบบจากุซชี่มี 2 จุด คือ วงกลมตรงนี้และอีกจุดอยู่ใกล้ๆ สระเด็ก

พื้นที่ของสระเด็ก

Fitness ขนาดใหญ่ แบรนด์ Technogym พร้อมอุปกรณ์แบบครบครัน

พื้นที่ Weight & Training สามารถออกกำลังกายพร้อมมองวิวได้แบบ 360 องศา และยังมองเห็นสวนจตุจักรขนาดใหญ่อีกด้วย

ห้องออกกำลังกายแบบส่วนตัว ที่ต้องจองก่อนเข้าใช้บริการ พร้อมทั้งสามารถพาเทรนเนอร์จากข้างนอกเข้ามาได้

Spa Room จองห้องเพื่อเข้าใช้บริการได้ 3 ช่องทาง คือ ผ่าน App ของโครงการ, Ruejai และ Concierge Service

ห้องแบบเตียงเดี่ยวมีอ่างอาบน้ำในห้อง สามารถแช่น้ำทำสปาได้

ห้องแบบเตียงคู่ สามารถพาเพื่อนเข้ามาทำสปาพร้อมกันได้ มีห้องแต่งตัวและห้องน้ำในตัว

อีกหนึ่งความน่าสนใจจาก The Crest Park Residences คือ ลิฟท์จอดรถก็ชาร์จรถไฟฟ้าได้! สำหรับคนใช้รถ EV แน่นอนว่า เรื่องของช่องจอดรถพร้อม Charging Station คืออีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อคอนโด ซึ่งต้องบอกว่าในปัจจุบันคอนโดส่วนใหญ่มีช่องจอด EV น้อยถึงน้อยมากที่สุด และหลายคนก็คงคิดว่าที่จอดรถแบบ Automated Parking นั้นน่าจะเป็นอุปสรรคต่อการชาร์จไฟ เพราะไม่รู้ว่าจะชาร์จยังไงได้ แต่สำหรับ The Crest Park Residences นอกจากจะมีที่จอดรถแบบ Auto และมีช่อง EV Charging Station แบบ Fast Charge On Ground อีก 4 ช่องแล้ว ก็ยังได้ร่วมกับทางบริษัทAuto parking เพื่อทลายข้อจำกัดดังกล่าวด้วยการพัฒนาลิฟท์จอดรถที่สามารถชาร์จรถ EV ได้ ทำให้ปัจจุบันรวมแล้วสามารถชาร์จได้ 14คัน และยังรองรับการติดตั้งเพิ่มในอนาคตได้อีก

 

 

Automated Parking ของที่นี่นั้นแบ่งออกเป็น 5 Tower

Tower ที่ 5 จะเป็น Tower ที่รองรับการชาร์จรถ EV ได้ ซึ่งวิธีในการใช้งานก็ง่ายมาก เพราะเราจะเห็นสถานะช่องที่สามารถชาร์จได้ว่าเหลืออยู่กี่ช่องตั้งแต่ตอนวนเข้ามาจอด โดยเมื่อเราเข้ามาจอดแล้ว ก็จะพบว่าถาดจอดรถ EV จะมีหน้าตาไม่เหมือนถาดจอดรถอื่นๆ เพราะด้านหัวกับท้ายถาดจะมี Pod สำหรับเชื่อมกับสายชาร์จ ที่ไม่ว่าช่องชาร์จคุณจะอยู่หัวหรือท้ายก็สามารถใช้งานได้หมด ที่คุณต้องทำคือลงมาจากรถและเอาปลั๊กมาต่อ จากนั้นก็เดินออกไปกดปุ่มเลือกระยะเวลาจอดรถที่หน้าจอบนโถงพักคอยว่าต้องการจอดกี่ชั่วโมงและกด Activate ซึ่งหากจอดเกินก็จะมีค่าปรับตามระยะเวลาที่เกินเพื่อกันคนจอดแช่นานๆ

ลักษณะของ Pod สำหรับเชื่อมกับสายชาร์จ

ลงจากรถแล้วก็มาตรวจความเรียบร้อยพร้อมกด Activate เองได้ที่จอนี้

สามารถนั่งรอรถ และเช็คสถานะของรถได้จากหน้าจอภายใน Private Lobby

 

Floor Plan ถูกออกแบบด้วย Well Design Floor Plan

ตัวอาคารเป็นแบบทรงสามเหลี่ยมมุมฉาก มีช่องตรงกลางที่ให้อากาศสามารถผ่านเข้า – ออกได้สะดวก ทำให้บริเวณภายในอาคารไม่ร้อนเพราะมีอากาศถ่ายเทอยู่ตลอด และรับแสงธรรมชาติได้ตลอดทั้งวัน ไม่มีมุมอับภายในอาคาร

โครงการมีห้องให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 – 50 ตร.ม., ห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 47 – 50 ตร.ม., ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 73 ตร.ม. และห้องแบบ high ceiling ขนาด 31 – 73 ตร.ม. สัดส่วนของห้อง 1 Bedroom  เยอะกว่าห้องแบบ 2 Bedroom โดยห้องจะหันไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซึ่งทิศตะวันออกจะได้วิวของถนนวิภาวดีรังสิตและถนนลาดพร้าวที่อยู่บริเวณด้านหลัง ส่วนวิวของทิศตะวันตกนั้น จะได้วิวของถนนพหลโยธิน เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว รวมไปถึงโทลล์เวย์ดอนเมือง โดดเด่นที่ห้องมุมของอาคารจะสามารถมองเห็นวิวของสวนจตุจักรขนาดใหญ่ได้ ซึ่งห้องที่มีขนาด 47 ตารางเมตรขึ้นไปที่เป็น 1 Bedroom ขนาดใหญ่นั้น จะเป็นห้องมุมและได้วิวหลายมุมกว่าห้องอื่น ส่วนห้องแบบ 1 Bedroom ที่มีขนาด 31 – 41 ตารางเมตร จะเป็นห้องที่ตรงกลางอาคารและได้วิวเดียว แต่ด้านนอกอาคารก็ไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้ จึงทำให้ทุกห้องมองวิวด้านนอกได้กว้างไกล ไม่มีตึกสูงมาบังวิว

ในโครงการ The Crest Park Residences มีการออกแบบให้ทุกยูนิตเป็นห้องแบบหน้ากว้าง ความแตกต่างที่หาไม่ได้จากโครงการอื่นในย่านนี้ก็คือ การออกแบบ Floor Plan ของทุกชั้นเพื่อให้ทุกห้องเป็นห้องที่ดีพอๆ กันหมด ภายใต้องค์ประกอบสำคัญที่เป็น Signature Design 4 อย่างคือ Single Loaded Corridor เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย, Floating Oasis บริเวณ Façade อาคารฝั่งโถงลิฟท์ มองเห็นสวนจตุจักรขนาดใหญ่ได้ ที่ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการอยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติได้ดี ทั้งยังดูโดดเด่นเมื่อมองจากภายนอก, No ‘Bad’ Units ซึ่งเป็นการออกแบบให้ไม่มียูนิตไหนที่มีประตูเข้าออกเป็นทางสามแพร่ง ไม่มีห้องตรงข้ามกัน ไม่มีห้องติดห้องขยะ เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้พักอาศัย แถมยังเข้าใจในเรื่องของหลักฮวงจุ้ยอีกด้วย และ Mailbox on Own Floor ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านโดยที่ไม่ต้องลงไปรับจดหมายที่บริเวณ Lobby เหมือนกับโครงการอื่นๆ สะดวกสบายต่อผู้พักอาศัยเป็นอย่างมาก

 

Mailbox on Own Floor

ใช้ระบบแตะการ์ด

 

รายละเอียดของห้องตัวอย่างโครงการ The Crest Park Residences

 

ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร

ห้องขนาดเริ่มต้นในโครงการ แต่ก็ยังถือว่าเป็นไซส์เริ่มต้นที่ใหญ่มาก  แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ส่วนครัวอยู่บริเวณหน้าห้อง กั้นห้องแบบเป็นสัดส่วน และได้พื้นที่ของห้องนั่งเล่นและห้องนอนกว้าง พร้อมวิวสวน ด้วยที่ประตูกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นกระจกบานสไลด์ จึงสามารถเปิดออกได้กว้าง เป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องเพิ่มได้ เปิดรับแสงธรรมชาติด้วยหน้าต่างเข้ามุมห้องนอน

ประตูหน้าห้องติดตั้ง Digital Door Lock ของ Philips ให้ ใช้ได้ทั้งการกดรหัสผ่าน สแกนลายนิ้วมือ และแตะคีย์การ์ด ในห้องเป็นผนังแบบฉาบเรียบทาสีขาว

โครงการให้ Home Automation ทุกห้อง สามารถใช้ได้กับปลั๊กไฟที่เป็นแบบ Smart Plug เชื่อมต่อกับ Wi-Fi ภายในห้อง และบอกเวลาได้

เดินเข้ามาในห้อง หน้าห้องจะเป็นส่วนของครัวและห้องน้ำ ซึ่งครัวที่ได้จะเป็นแบบเดียวกับห้องตัวอย่าง พื้นที่กว้าง มาตรฐานเดียวกันทุกห้อง แต่ขนาดของครัวจะขึ้นอยู่กับขนาดห้องเช่นกัน หน้าท็อปเป็นหินควอท ติดตั้ง Backsplash กระจกให้ มีขนาดกะทัดรัด ไม่เล็กเกินไป สามารถใช้ทำอาหารได้ทุกวัน โครงการให้เคาน์เตอร์ครัวรูปตัวไอ สีแชมเปญโกลด์สวยงาม ตู้เก็บของด้านบนมีช่องเยอะ และมีตู้เเขวนเก็บจานของ Hafele ให้ Hob & Hood แบรนด์ gorenje และซิงค์ล้างจานแบรนด์ MEX ด้านล่างของเคาน์เตอร์ครัวมีช่องวางเครื่องซักผ้า และเตาอบแบรนด์ gorenje ที่โครงการให้มาด้วย ติดกับเคาน์เตอร์ครัวให้ตู้เย็น 2 ประตู แบบ Built-in ที่มีความสูงชิดเพดาน พร้อมช่องด้านบนที่สามารถเก็บของได้

เพดานห้องสูง 3 ม. บริเวณห้องนั่งเล่นติดตั้งแอร์แบบฝังฝ้าให้

เตาเป็นแบบ Induction

พื้นที่วางโต๊ะทานอาหารอยู่ข้างเคาน์เตอร์ครัว โครงการไม่ได้แถมให้ เพื่อความสะดวกและเป็นการเพิ่มพื้นที่ในห้องก็สามารถติดตั้งเป็นโต๊ะที่พับเก็บได้ จะทำให้ห้องดูโล่งขึ้นไปอีก

ฝั่งตรงข้ามกับครัว บริเวณหน้าห้องน้ำ โครงการ Built-in ตู้เก็บรองเท้าให้ สูงชิดเพดาน มีชั้นสำหรับเก็บรองเท้า มีระบบไฟและชั้นเก็บของที่ช่องบนสุด

ห้องน้ำใช้เป็นกระเบื้อง Pieta Gray แบบคุมโทน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง Porcelain สีไม่มืดเกินไป ให้สุขภัณฑ์แบรนด์ TOTO และ TOTO Washlet ด้วยเพดานห้องน้ำสูงถึง 3 ม. ทำให้ห้องดูโปร่งและไม่แคบ

ส่วนอาบน้ำติดตั้ง Shower Screen ให้ และมีสเต็ปตรงพื้นช่วยกันน้ำไหลออกมาข้างนอก โดยในห้องน้ำได้เป็น Hand Shower และ Rain Shower ทุกห้อง

เดินออกมายังพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งทั้งห้องจะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกันได้หมด อย่างครัวหน้าห้องเชื่อมมาถึงห้องนั่งเล่น และด้านหลังห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอน

โดยพื้นที่ของห้องนั่งเล่นกว้าง ปูพื้นด้วย Hybrid Engineering Wood สามารถวางโซฟาขนาด 2 – 4 ที่นั่งได้ เอาไว้นอนดูหนังได้สบาย และอยู่ติดกับกระจกบานใหญ่ หน้าต่างห้องเป็นแบบบานกระทุ้ง มองออกไปด้านนอกได้วิวของถนนวิภาวดี พร้อมเป็นวิวโล่งมองได้สุดสายตา ไม่โดนบังวิวจากตึกสูง ให้เจ้าของห้องแฮปปี้สุดๆ

กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนด้วยประตูกระจกบานสไลด์แบบ 3 พับ หากใครที่ต้องการพื้นที่โล่ง กว้าง และดูทีวีในห้องนอนได้ด้วย สามารถเปิดประตูบานสไลด์ทิ้งไว้ได้ พื้นที่ในห้องนอนกว้างสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ พร้อมยังเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะเล็กข้างหัวเตียงได้ พื้นห้องนอนปูด้วย Hybrid Engineering Wood ให้แอร์แบบ Wall Type ที่เปิดแยกได้เฉพาะในห้องนอน

อีกหนึ่งที่ผู้พักอาศัยต้องชอบก็คือตู้เสื้อผ้า ซึ่งโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าให้ขนาดใหญ่มาก แขวนเสื้อผ้าได้เยอะ หน้าบานเป็นกระจกมองเห็นด้านในได้ ด้านในตู้มีชั้นเก็บของด้านบนและด้านล่างมีลิ้นชักใช้วัสดุเป็นไม้เมลามีน มีพื้นที่ให้วางกระเป๋าเดินทางได้

ระเบียงอยู่ในห้องนอน

ระเบียงห้องกว้าง ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีดำ ให้ราวกันตกแบบกระจก และแขวน CDU แอร์ไว้ด้านบน มีตะแกรงกั้น จะได้พื้นที่ระเบียงโล่งกว่า

วิวฝั่งนี้ค่อนข้างโล่งมาก ถึงจะมีตึกสูงแต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้มากนัก

 

ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 41 ตารางเมตร

ถัดมาเป็นห้องแบบ 1 Bedroom เช่นกัน แต่มีขนาดกว้างขึ้นกว่าห้องแรก ซึ่งห้องขนาด 41 ตร.ม. เป็นห้องหน้ากว้างเกือบ 6.25 ม. ครัวหน้าห้องรูปตัว L พื้นที่ของห้องนั่งเล่นและห้องนอนกว้าง โดยความกว้างจากโซฟาถึงทีวีในห้องนั่งเล่นประมาณ 3 ม. กระจกในห้องเปิดรับแสงธรรมชาติด้วยหน้าต่างเข้ามุมในห้องนอน ห้องน้ำเข้าได้ทางห้องนอน ห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นวิวสวน

Digital Door Lock หน้าห้องแบรนด์ Philips ใช้ได้หลายระบบทั้ง สแกนนิ้ว แตะคีย์การ์ด และกดรหัสผ่าน

Home Automation ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi ในห้อง ใช้งานได้กับ Smart Plug ทั้งหมด

ห้องนี้เป็นครัวหน้าเช่นกัน แต่เป็นครัวรูปตัว L ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สีแชมเปญโกลด์ มีพื้นที่วางอุปกรณ์ เครื่องปรุง และวัตถุดิบได้เพิ่มขึ้น ซึ่งวัสดุและสีของเคาน์เตอร์เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ เป็นหน้าท็อปหินควอท ติดตั้ง Backsplash ด้านหลังให้ เพดานห้องสูง 3 ม. ผนังแบบฉาบเรียบทาสีขาว ปูพื้นห้องด้วย Hybrid Engineering Wood

ให้ Hob & Hood แบรนด์ gorenje แบบ 2 หัว และซิงค์ล้างจานแบรนด์ MEX

ตู้เเขวนเก็บจานของ Hafele สะดวกต่อการดึงขึ้น – ลง และมีความแข็งแรง ทนทาน

เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีช่องวางเครื่องซักผ้า และเตาอบแบรนด์ gorenje ด้วยเป็นเคาน์เตอร์ตัว L ทำให้มีพื้นที่ของตู้เก็บของเพิ่ม

ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เย็น 2 ประตู แบบ Built-in ที่มีความสูงชิดเพดาน พร้อมช่องด้านบนที่สามารถเก็บของได้ ข้างๆ กันเป็นตู้เก็บรองเท้า พร้อมช่องวางของด้านบน สีแชมเปญโกลด์เหมือนเคาน์เตอร์ครัว มีบานกระจกให้ 1 บาน

กั้นห้องนั่งเล่นและครัวด้วยประตูกระจกบานสไลด์คู่ ที่เปิดออกได้ 2 ฝั่ง โดยบริเวณหน้าห้องที่เป็นส่วนครัวยาวไปถึงห้องนั่งเล่น โครงการจะติดตั้งแอร์แบบฝังฝ้าให้ ได้รับความเย็นอย่างทั่วถึง

เข้ามาที่ส่วนห้องนั่งเล่น จะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนนี้กว้างมาก มีระยะความกว้างจากโซฟาถึงทีวี 3 ม. ด้วยกัน สามารถวางโต๊ะทานอาหาร และโซฟาขนาด 3 – 4 ที่นั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัด แม้จะวางโต๊ะกาแฟด้านหน้าโซฟาก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินได้

ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อมาถึงระเบียงด้านนอก เป็นระเบียงแนวยาว ราวกันตกเป็นกระจก มีตะแกรงเหล็กกั้น CDU แอร์ไว้ด้านในเป็นสัดส่วน ถ้ายืนอยู่ที่ระเบียงมองไปทางขวามือจะเห็นเข้าไปในห้องนอน เพราะห้องนอนเป็นแบบกระจกมุมที่สามารถรับแสงและมองวิวด้านนอกได้กว้างกว่า

วิวจากระเบียง มองเห็นเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว ไปจนถึงสวนจตุจักรได้แบบนี้เลย แถมไม่โดนบังวิวอีกด้วย

ประตูเข้าห้องนอน

ห้องนอนใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ เพราะเป็นห้องขนาด 41 ตร.ม. และมีห้องนอนเดียว จึงทำให้สัดส่วนของห้องทุกห้องมีความกว้างกว่า 1 ห้องนอน ที่มีขนาด 20 – 30 ตร.ม. ให้คุณได้ใช้พื้นที่ของห้องได้อย่างเต็มที่ และตอบโจทย์สำหรับการพักผ่อน การทำกิจกรรมต่างๆ ภายในห้องของคุณเป็นอย่างมาก อยู่ 2 คนได้แบบไม่อึดอัดเลย ไม่ว่าจะวางเตียงแบบคิงไซส์หรือติดตั้งเป็น Walk-in Closet เพิ่มก็ได้เช่นกัน มีห้องน้ำที่เปิดเข้าได้จากในห้องนอน

ห้องนอนที่อยู่ฝั่งสวนฯ ติดถนนวิภาวดีฯจะได้เป็นกระจก IGU เพื่อช่วยลดเสียงดังจากถนน แบบเข้ามุม Full High ที่สามารถมองวิวและรับแสงได้เต็มที่

ห้องนอนติดตั้งแอร์แบบ Wall Type ให้

ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in หน้าบานเป็นกระจก มีชั้นบนไว้เก็บของได้

ห้องน้ำแยกส่วนแห้งและเปียก เพดานสูง 3 ม. เท่ากับพื้นที่ส่วนอื่นในห้อง ติดตั้ง Shower Screen ให้ ในห้องอาบน้ำมีทั้ง Hand Shower และ Rain Shower สุขภัณฑ์ใช้แบรนด์ TOTO และให้ TOTO Washlet ผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้อง Pieta Gray แบบคุมโทน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง Porcelain

 

ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 50 ตารางเมตร

อีกห้องที่เราจะพาไปชมวันนี้ บอกได้เลยว่าเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนที่มีพื้นที่กว้างมาก ซึ่งจริงๆ แล้ว ห้องที่มีขนาด 50 ตารางเมตรแบบนี้ บางโครงการอาจแบ่งเลย์เอ้าท์ให้เป็น 2 ห้องนอนได้เลย แต่นี่คุณได้ห้องแบบ 1 นอน 1 น้ำ ขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้มากที่สุด เป็นห้องหัวมุมที่อยู่ทิศตะวันออกและทิศเหนือ ห้องหน้ากว้างเกือบ 8 ม. เพียง 1 ยูนิตต่อชั้น โดยห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องน้ำมีหน้าต่าง ไม่ว่าจะพักผ่อนหรือทำงาน ก็มีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก พร้อมทั้งครัวแบบปิดขนาดใหญ่ และพื้นที่ Walk-in Closet ในห้องนอนที่จะทำให้คุณสนุกไปกับการแต่งตัว และห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียง ให้ได้รับแสงและมองวิวด้านนอกได้อย่างจุใจ

Digital Door Lock แบรนด์ Philips

ระบบ Home Automation ที่ติดตั้งให้ทุกห้อง

ด้วยห้องขนาด 50 ตร.ม. ที่มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ทำให้บริเวณหน้าห้องที่เป็นส่วนของห้องนั่งเล่นนั้นมีขนาดใหญ่ รวมไปถึงเพดานสูง 3 ม. ทำให้ห้องดูโปร่ง โล่งขึ้นไปอีก จัดเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 – 6 ที่นั่งได้เลย เชื่อมต่อมาเป็นห้องนั่งเล่นที่มีระยะห่างของโซฟาไปถึงทีวีประมาณ 3 ม. สามารถใช้พื้นที่ส่วนนี้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่

ตู้เก็บรองเท้าและระบบไฟ Built-in ติดผนังหน้าห้องใกล้ประตู ตู้ใหญ่ใช้เก็บของได้เยอะ

แอร์ของห้องนั่งเล่นติดตั้งให้แบบฝังฝ้าเย็นทั่วห้อง

ห้องครัว กั้นด้วยประตูบานสไลด์แบบ 3 พับ

ครัวรูปตัว L ขนาดใหญ่ สีแชมเปญโกลด์ พร้อมตู้เก็บของด้านบนรูปตัว L เช่นกัน เป็นหน้าบานกระจก ส่วนด้านล่างของเคาน์เตอร์ครัวมีช่องวางเครื่องซักผ้าและให้เตาอบแบรนด์ gorenje มาด้วย ตู้เย็นแบบ Built-in ติดกับเคาน์เตอร์ครัว ด้วยเป็นครัวแบบปิดจึงสามารถทำอาหารหนักได้โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องกลิ่นจะลอดออกมาข้างนอก

ในครัวให้ Hob & Hood แบรนด์ gorenje และซิงค์ล้างจานแบบ 1 หลุม แบรนด์ MEX พร้อมทั้งติดตั้ง Backsplash แบบกระจกให้

ตู้เเขวนเก็บจานของ Hafele ดึงลงและโยกขึ้นเก็บได้ สะดวกมาก

ประตูห้องนอนอยู่ตรงกลาง

ห้องนอนกว้าง ติดแอร์แบบ Wall Type ให้ พร้อมกระจก Full High ที่สามารถรับแสงได้เต็มที่ ยิ่งทำให้ห้องดูโปร่ง โล่งขึ้นไปอีก และในห้องนอนยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานได้แบบไม่อึดอัด พื้นห้องปูด้วย Hybrid Engineering Wood

ห้องฝั่งนี้ได้วิวถนนพหลโยธิน มองเห็นเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว และสถานี BTS วิวโล่งไม่มีตึกสูงในระยะใกล้

พื้นที่ Walk-in Closet ที่มีตู้เสื้อผ้ารูปตัว L ให้เก็บเสื้อผ้าได้เยอะ และชั้นด้านบนใช้เก็บของหรือเก็บกระเป๋าได้ ลิ้นชักวัสดุเป็นไม้เมลามีน

ห้องน้ำติดกับ Walk-in Closet กั้นส่วนแห้งและเปียก พร้อมติดตั้ง Shower Screen ให้ สุขภัณฑ์แบรนด์ TOTO ให้ TOTO Washlet มีช่องแสงในห้องน้ำช่วยเพิ่มความสว่างจากแสงธรรมชาติโดยไม่ต้องเปิดไฟ ส่วนในห้องอาบน้ำให้ทั้ง Hand Shower และ Rain Shower

 

2 Bedroom ขนาด 73 ตารางเมตร

ห้องได้วิวสวนจตุจักร โดดเด่นด้วยห้องหน้ากว้าง 12 ม. มีเพียง 1 ยูนิตต่อชั้น และเป็นยูนิตหายากอีกด้วย ในห้องนอน ห้องนั่งเล่นมีหน้าต่าง ระยะจากโซฟาถึงทีวีกว้าง 3 ม. ในห้องนั่งเล่นมีพื้นที่กว้าง Master Bedroom ขนาดใหญ่ ห้องน้ำมีผนังกระจกพร้อมอ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้าแบบ His & Her ส่วนห้องนอนขนาดใหญ่เช่นกัน มีกระจกเข้ามุมและห้องน้ำแบบ Double Access และห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ติดตั้งเป็นกระจก IGU ที่บริเวณห้องนอน เพื่อช่วยลดเสียงดังจากถนน

โครงการให้ Digital Door Lock แบรนด์ Philips

พร้อมระบบ Home Automation ที่ติดตั้งให้ทุกห้อง

เปิดประตูเข้ามาในห้อง อันดับดับแรกที่เห็นซ้ายมือเป็นตู้เก็บรองเท้าขนาดใหญ่ Built-in ให้สูงชิดเพดาน สีแชมเปญโกลด์สวยงาม ตู้เป็นแบบ 2 ตอนคือชั้นล่างใช้เก็บรองเท้าและระบบไฟ ส่วนชั้นบนมีช่องเก็บของ 4 ช่อง เพดานในห้องทุกส่วนสูง 3 ม. ผนังแบบฉาบเรียบทาสีขาว บริเวณห้องนั่งเล่นและ Master Bedroom ติดตั้งแอร์แบบฝังฝ้าให้ ส่วนห้องนอน 2 จะเป็นแอร์แบบ Wall Type ซึ่งในห้องที่มีการติดตั้งระบบ Home Automation ให้นั้น สามารถใช้ได้กับ Smart Plug ทุกชนิด

ซ้ายมือจากประตูหน้าห้องจะเป็นห้องน้ำ 2 ที่ติดกับห้องนอน 2 และห้องนั่งเล่น มีประตูแบบ Double Access แขกไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนก่อน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง Porcelain โดยห้องน้ำ 2 จะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบธรรมดาที่ไม่ใช่อัตโนมัติ เหมือนกับ Master Bathroom ในห้อง Master แต่ใช้แบรนด์ TOTO เหมือนกัน กั้นส่วนแห้งและเปียกด้วย Shower Screen มีให้ทั้ง Hand Shower และ Rain Shower

ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง สะดวกต่อการใช้งาน

เดินออกมาจากห้องน้ำ 2 ก็จะเห็นส่วนครัวเชื่อมต่อไปจนถึงห้องนั่งเล่น พื้นที่ทั้งสองส่วนสามารถเลื่อนประตูบานสไลด์ปิดได้ เวลาทำอาหารจะได้ไม่มีกลิ่นรบกวนเข้ามาในห้อง แต่เปิดไว้ก็ทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งมาก

ครัวของห้องนี้เป็นรูปตัวไอ แต่มีขนาดใหญ่เท่ากับห้องขนาด 50 ตร.ม. มีตู้เก็บของด้านบนหน้าบานเป็นกระจกให้ และด้านล่างเคาน์เตอร์ครัวมีช่องวางเครื่องซักผ้า เตาอบ และลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำครัวอีกหลายชั้น คนชอบทำอาหารน่าจะชอบส่วนนี้ ด้วยพื้นที่กว้าง สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 2- 4 ที่นั่งได้เลย แถมไม่เบียดพื้นที่ทำอาหารอีกด้วย

มีตู้เเขวนเก็บจานของ Hafele

ส่วนครัวจะได้เป็น Hob & Hood พร้อมเตาอบ แบรนด์ gorenje และซิงค์ล้างจาน MEX โดยเคาน์เตอร์ครัวมีสีแชมเปญโกลด์ หน้าท็อปเป็นหินควอท พร้อม Backsplash ด้านหลังเป็นกระจก ทำความสะอาดง่าย

 

ได้เป็นเตา Induction 4 หัวแล้ว

ซิงค์ล้างจานก็เป็นซิงค์คู่ สะดวกในการใช้งานได้หลายอย่างพร้อมกัน

ตู้เย็นที่โครงการให้จะเป็นแบบ Built-in ความสูงชิดเพดาน มีช่องเก็บของด้านบน ดูเรียบหรูเข้ากับห้องพักอาศัย

กั้นครัวและห้องนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานสไลด์แบบนี้ พื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้าง พื้นห้องปูด้วย Hybrid Engineering Wood มีระยะความห่างจากโซฟาไปจนถึงทีวี 3 ม. นั่ง นอนดูหนังได้ทั้งวันแบบไม่ต้องกลัวสายตาเสีย พร้อมกระจกแบบ Full Height ทำให้ห้องรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ พร้อมยังสามารถมองวิวด้านนอกได้แบบไม่มีตึกสูงบังวิว

วิวของห้องนี้ สบายตาสุดๆ เพราะมองแล้วมีแต่พื้นที่สีเขียวเต็มไปหมด

ประตูทางเข้าห้องนอน 2

ห้องนอนสองมีพื้นที่กว้าง ไม่แคบและอึดอัดแบบที่เคยเห็นจากที่อื่น สามารถวางเตียงคิงไซส์และใส่ตู้เสื้อผ้า ตู้โชว์เพิ่มอีกในห้องได้เลย เพราะพื้นที่ใช้สอยเยอะมาก จุดเด่นในห้องอีกหนึ่งจุดก็คือ ส่วนห้องฝั่งที่หันไปทางถนนวิภาวดีและหน้าสวนจตุจักรจะได้เป็นกระจก IGU ในห้องนอน เพื่อช่วยลดเสียงดังจากถนน พอปิดหน้าต่างแล้วเสียงเงียบมากเหมือนโครงการไม่ได้อยู่ติดกับถนนใหญ่เลย ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงเชิญชมที่โครงการได้เลย และเป็นกระจกบานใหญ่เกือบ Full Height สามารถรับแสงและมองวิวได้เต็มที่

ในห้องนอนให้แอร์แบบ Wall Type

ซ้ายมือเป็นประตู Master Bedroom ซึ่งความเป็นส่วนตัวของห้อง 2 นอน ห้องนี้คือ ห้องนอนทั้ง 2 ห้องแยกกันอยู่กันละมุม และมีห้องนั่งเล่นกั้นไว้ตรงกลางห้อง ให้สมาชิกในห้องสามารถใช้ชีวิตในห้องตัวเองได้อย่างเต็มที่ ด้วยความสูงเพดาน 3 ม. จึงทำให้ห้องดูโปร่ง และสว่างมากขึ้น

ใน Master Bedroom เมื่อเดินเข้ามาก็จะเห็น Walk-in Closet อยู่ฝั่งขวามือก่อนถึงห้องน้ำ เป็นตู้เสื้อผ้า Built-in หน้าบานเป็นกระจก มีลิ้นชักเป็นไม้เมลานีนอยู่ด้านใน ความสูงชิดเพดาน โดยห้องมีพื้นที่กว้างมาก สามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าทั้ง 2 ฝั่งได้แบบห้องตัวอย่าง ซึ่ง Master Bedroom ได้แอร์แบบฝังฝ้าแบบเดียวกับห้องนั่งเล่น

ห้องน้ำใน Master Bedroom ใช้วัสดุกระเบื้องแบบเดียวกับห้องอื่น ได้ TOTO Washlet อ่างล้างหน้าแบบ His & Her และอ่างอาบน้ำส่วนตัว โดยห้องอาบน้ำเป็นแบบ Sexy Bath เพราะติดกระจกใสเต็มบานให้ สามารถนั่งแช่น้ำและมองด้านนอกอาคารไปพร้อมกันได้ มอบบรรยากาศผ่อนคลายสุดๆ

ช่องเก็บของหลังกระจก

ห้องอาบน้ำกั้นด้วยประตูกระจก และมีสเตปที่พื้นด้านล่าง

แช่น้ำชิลๆ จิบไวน์ไปด้วยก็ยังได้

ในส่วนอาบน้ำได้ทั้ง Rain Shower และ Hand Shower

เดินออกมาจากห้องน้ำ มีมุมไว้วางโต๊ะทำงานติดกระจกก่อนถึงเตียง ได้วิวดีสุดๆ ทำงานพร้อมนั่งดูวิวด้านนอกไปด้วย สมองแล่นไม่น้อย

ติดตั้งกระจกให้แบบนี้ ใครอยากติดม่านเพิ่มเพื่อความเป็นส่วนตัวเวลาอาบน้ำก็สามารถทำได้เช่นกัน

ด้วยการที่เป็นห้องมุม และมีเพียง 1 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น จึงได้กระจกเข้ามุมขนาดใหญ่แบบนี้ ทำให้มองวิวได้หลายฝั่ง มองเห็นสวนจตุจักรที่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อีกด้วย ติดตั้งกระจกในห้องแบบ Full Height ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นกว้างไกลขึ้นอีก พร้อมกระจกแบบ IGU ที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากด้านนอกได้ดี

ห้องนี้เหมาะกับการอยู่แบบครอบครัวเดี่ยว 2 – 3 คนกำลังดีเลย และก็น่าจะเป็นห้อง 2 ห้องนอนที่ได้วิวที่สวยที่สุดในบรรดาทุกคอนโดบนห้าแยกลาดพร้าวด้วย

 

สรุปจุดเด่นโครงการ The Crest Park Residences

The Crest Park Residences เป็นโครงการ Luxury Condo เพียงหนึ่งเดียวที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของห้าแยกลาดพร้าว ที่อาจจะกลายเป็น New CBD ในอนาคตและล้อมรอบไปด้วย Mega Project มากมาย พร้อมอาคารสำนักงานในย่านวิภาวดีฯ ลาดพร้าว และพหลโยธิน เชื่อมต่อได้ทั้ง BTS และ MRT ในระยะทางไม่ถึง 100 ม. เดินทางสะดวกทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ อีกทั้งใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ (สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์) ห้องในโครงการมีให้เลือกทั้งวิวสวนขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักร และวิวเมืองในแบบโล่งสุดๆ มีส่วนกลางหลากหลายสามารถตอบโจทย์ได้ทุก Lifestyle เตรียมพร้อมสำหรับรถยนต์ระบบไฟฟ้าด้วย Automatic Parking ที่สามารถชาร์จได้ขณะจอด และมีบริการ Concierge ที่เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัว

โครงการเน้นในเรื่องการออกแบบให้เป็นธรรมชาติแต่ดูมีความทันสมัยและความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย โดยแต่ละห้องเป็นแบบ Single Loaded Corridor ไม่มีห้องตรงข้ามเพิ่มความเป็นส่วนตัวสูงสุด พร้อม Exclusive Mailbox บนชั้นพักอาศัย และผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตอยู่ในห้องได้ไม่มีเบื่อ เพราะห้องเป็นแบบหน้ากว้าง ในห้องดูโปร่ง โล่ง ให้ใช้งานได้อย่างเต็มที่

สำหรับราคาขาย The Crest Park Residences มีราคาเริ่มต้น 6.29 ล้านบาท* สำหรับห้องขนาด 31 ตร.ม. (ข้อมูล ณ เดือนมค. 2566) แม้ราคาขายจะต่างจากตลาดคอนโดในย่านนี้ แต่ต้องอย่าลืมว่าที่นี่คือคอนโดระดับ Luxury สุด Private วิวดีที่สุด โครงการแรกในย่านนี้ และยังเป็นแบรนด์ที่เคยได้รับความนิยมสูงมากของบริษัท SC Asset จึงอาจกล่าวได้ว่านี่คือคอนโดที่ทาง SC Asset มองภาพว่าจะช่วยเข้ามาเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดของกลุ่มดีมานท์ระดับ Luxury ที่เตรียมที่จะเข้ามาใช้ชีวิตในย่านนี้เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จากหลายๆ โครงการอสังหาฯ ใหม่ๆ ที่ทยอยเกิดขึ้นโดยรอบบริเวณห้าแยกลาดพร้าว

 

ในมุมมองของ SC Asset ก็น่าจะเหมือนกับใครหลายๆ คนก็คือถ้าจะทำคอนโด Luxury ขายในย่านกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ก็เห็นจะมีแค่ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าวเท่านั้นที่ดูจะมีโอกาสทางการตลาดมากที่สุด เนื่องจากเป็นย่านที่นอกจากจะมีครบทุกอย่างแล้ว ก็ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ย่านของกรุงเทพฯ ที่ได้วิวสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ไม่สามารถหาทดแทนได้จากที่ไหน และจะยังคงอยู่ตลอดไป แถมยังมีราคาที่ยังถูกกว่าเมื่อเทียบกับคอนโดวิวสวนที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างบริเวณ ย่าน Central Lumpini สาทร, พระรามสี่, หลังสวน, ราชดำริ หรือแม้กระทั่งย่านอโศก – พร้อมพงษ์ ที่รายล้อมด้วยสวนสำคัญสองแห่งอย่างสวนป่าเบญจกิติ และอุทยานเบญจสิริ ซึ่งคอนโดใหม่บางส่วนในย่านนี้เป็นการขายในรูปแบบ Leasehold โดยที่มีระดับราคาขายที่มากกว่าตารางเมตรละสองแสนห้าหมื่นบาทขึ้นไป

The Crest Park Residences

คอนโดหรูหนึ่งเดียว ใจกลางห้าแยกลาดพร้าว ใกล้เซ็นทรัล เพียงก้าวเดียวถึงสถานี Interchange ทั้ง BTS และ MRT

เริ่ม 6.29 ล้าน*

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/3H5mXxZ

หรือ Add Line : https://lin.ee/MXp7bm7

*เงื่อนไขเป็นตามที่บริษัทกำหนด



wipawan khampuwiang

wipawan khampuwiang

จบทางด้านภาษาไทยและชอบงานเขียน ชอบอ่านและดูรูปภาพรีวิวบ้าน คอนโดต่างๆ เบื่อกับการอยู่ห้องทั้งวันแบบไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นงานอดิเรกก็เลยชอบหาที่เที่ยวและถ่ายภาพ

เว็บไซต์


PropScore™ 4.2

SCORE:
0.0
From : 0 รีวิว


ยังไม่มีการให้คะแนนและ Comment โครงการนี้


TAIT Sathorn 12 เปิดห้องตัวอย่างใหม่ 1 Bed Iconic Suite แต่งครบ สไตล์ Classical American โดย ‘CHANINTR’ แค่ยูนิตเดียวเท่านั้น!

โครงการ TAIT Sathorn 12 ตอนนี้เค้ามีห้องเหลือขายแค่ 14 ห้องเท่านั้นครับ โดยเป็นห้อง 1 Bed Iconic ขนาดประมาณ 68 ตรม. 4 ห้อง 2 นอนอีกประมาณ 6 ห้อง นอกนั้นจะเป็น 1 นอนขนาดเล็กครับ ซึ่งตอนนี้โครงการก็ไ... อ่านต่อ

25 April, 2024



ข้อเท็จจริง และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ระหว่างอสังหาฯรูปแบบ Freehold และ Leasehold

ในปีนี้เราจะมีโอกาสได้เห็นโครงการ Leasehold ที่กำลังจะสร้างเสร็จพร้อมอยู่หลายที่ครับ แล... อ่านต่อ
17 April, 2024

คัดสรรให้! งบ 7 ลบ. ก็หาซื้อคอนโดหรูพร้อมอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ – ทองหล่อ – เอกมัย ได้

หลังจาก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมท... อ่านต่อ
12 April, 2024

เคาะแล้ว! แพคเกจกระตุ้นตลาดอสังหาฯ โดยกระทรวงการคลัง

สืบเนื่องมาจากข้อมูลของกระทรวงการคลังที่รายงานครม.ไปว่าในช่วงไตรมาสสี่ของปีที่ผ่านมา ภา... อ่านต่อ
10 April, 2024

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง