
เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 31 August, 2016 เวลา 12.06 pm
Prop score™: 3.5
คะแนนรีวิว: 0.0
0 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
เดอะ เบส การ์เดน-พระราม9
บริษัทผู้สร้าง
แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
สถานที่
ถนนพระราม 9
สถานีรถไฟ BTS
-
สถานีรถไฟใต้ดิน
-
Airport Rail Link
ARL รามคำแหง Distance 700 m.,
สถานี BRT
-
พื้นที่
ประมาณ 3 ไร่
ชั้น
อาคารพักอาศัย สูง 36 ชั้น 1 อาคาร
ยูนิต
เพื่อพักอาศัย 639 ยูนิต เพื่อการพาณิชย์ 1 ยูนิต
ที่จอดรถ
ประมาณ 40%
ลิฟท์
3 Passenger lifts +1 Service Lift
สิ่งอำนวยความสดวก
Swimming pool, Full equipped fitness centre, Garden and outdoor recreation area, Garden on 5th floor, Complimentary WiFi internet available at lobby and swimming pool area, 24-hour security service, 24-hour CCTV , Parking space
ประเภทยูนิต
ประเภท
CONDO
studio
-
1 bedroom
26.50 – 34.75 ตรม.
2 bedroom
49.75 – 55.00 ตรม. (สองห้องนอน 1 ห้องน้ำ)
3 bedroom
-
Duplex
-
Penthouse
-
ประเภทอื่นๆ
-
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
2.55 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
ประมาณ 83,000 บาท
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
2.19 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
55 บาท/ตร.ม./เดือน
Sinking Fund fee
ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
สร้างเสร็จ
2018
เว็บไซต์
http://www.sansiri.com/condominium/thebase-garden-rama9/
1685
The Base Garden Rama 9 ค้นพบมุมมองใหม่ๆ ผ่อนคลายกับสระว่ายน้ำ ในสวนขนาดใหญ่ที่ให้คุณมากกว่าการพักผ่อน
ถ้านึกถึงย่านพระราม 9 หลายคนอาจนึกถึงความหนาแน่นของอาคารสำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้าในบริเวณ แยกพระราม 9 รัชดาฯ หรือไม่ก็หมู่บ้าน ย่านที่พักอาศัยแนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ที่มักจะตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นส่วนปลายของถนนพระรามเก้า ตัดถนนกรุงเทพกรีฑา
มีดีเวลลอปเปอร์ ไม่กี่รายที่กล้าลงทุนเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม High Rise ในย่าน พระรามเก้า – รามคำแหงซึ่งแบรนด์หนึ่งที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญและเข้าใจในทำเลพระราม 9 – รามคำแหง เป็นอย่างดีก็น่าจะเป็น แสนสิริ ที่ตีโจทย์ในแต่ละทำเลตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่นี่ จนทำให้ทุกโครงการของแสนสิริในย่านนี้ Sold out ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น D Condo รามคำแหง หรือ The Base พระราม 9-รามคำแหง บริเวณถนนรามคำแหงตัดกับถนนพระราม 9 ที่รองรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้แอร์พอร์ตลิงค์ และทางด่วน เป็นทางเลือกในการเดินทาง เป็นโซนพระราม 9 ที่ค่อนข้างมีคนอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นอยู่แล้วมาช้านาน
ทำเลพระราม 9 – รามคำแหง เป็นทำเลที่แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าพร้อมใช้งาน แต่สำหรับคนที่ต้องการทางเลือกในการเดินทาง ไม่ว่าจะเข้าไปทำงานย่านอโศก ชอปปิ้งย่านพระราม 9 ขึ้นทางด่วนไปในเมือง หรือเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ ก็มีทางเลือกหลากหลาย อีกทั้งในอนาคต จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านสี่แยก เชื่อมย่านรามคำแหง ลำสาลี ไปสู่ BTS ราชเทวี และ MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ที่อยู่ใจกลางเมือง ก็จะยิ่งเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่ง่ายขึ้น และด้วยทำเลแห่งทางเลือกของการเดินทางที่หลากหลายทั้งปัจจุบันและในอนาคตแห่งนี้
แสนสิริก็ได้ตัดสินใจนำเอาประสบการณ์ที่มีจากโครงการในอดีตมาใช้ เพื่อเปิดตัวโครงการใหม่ ใกล้กับ The Base พระราม 9 – รามคำแหง เพียงข้ามถนนมาฝั่งตรงกันข้าม ก็จะพบ The Base Garden Rama 9 (เดอะ เบส การ์เดน พระรามเก้า) ซึ่งเป็นคอนโดฯภายใต้แบรนด์ The Base โครงการล่าสุดนับจาก The Base Park East ในโครงการ T77
การมาของ เดอะ เบส การ์เดน พระรามเก้า ในครั้งนี้นับว่าเป็นการพลิกโฉมแบรนด์ The Base พอสมควร เนื่องจากแสนสิริได้มีการอัพเสปคหลายๆอย่างของตัวโครงการ ซึ่งอาจพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่าสเปคสูงพอๆกับโครงการ The Line แต่มีราคาที่จับต้องได้ตามสไตล์ The Base
The Base Garden Rama 9 มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 639 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ตั้ง บนเนื้อที่ 3 ไร่ ติดถนนพระราม 9
ซึ่งบนถนนเส้นนี้มีเพียงไม่กี่คอนโดฯที่ตั้งอยู่ และใช้ทางเข้าออกบนถนนพระราม 9 โดยตรง ข้อดีนั่นก็คือ เมื่อคุณออกจาก The Base Garden Rama 9 สามารถตรงไปยัง New CBD พระราม 9 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือขึ้นทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ด้วยระยะทาง 800 เมตร เลี้ยวขวาไปยังถนนรามคำแหง ยูเทิร์นกลับเพื่อไปสุวรรณภูมิ หรือเลี้ยวซ้ายเพื่อไปแอร์พอร์ตลิ้งเพียง 700 เมตร 5 นาทีไปยังทองหล่อ เอกมัย สุขุมวิท และในอนาคตบริเวณแยกรามคำแหง ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นอีกทางเลือกของการเดินทาง
เนื่องจาก The Base Garden Rama 9 ตั้งอยู่บนทำเลที่เดินทางสะดวก ทำให้พื้นที่โดยรอบโครงการฯ รายล้อมด้วยถนนและทางด่วนที่ผ่านหน้าโครงการฯ แต่หากใครกำลังกังวลเรื่องเสียงและการรบกวนจากการจราจรบนท้องถนน ต้องลองมาดูการออกแบบของ The Base Garden Rama 9 ที่มาพร้อมพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ตั้งแต่ถนนทางเข้าโครงการฯจนถึงบนอาคารที่ชั้น 5 พร้อมการออกแบบที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ด้วยตัวอาคารรูปตัว Z เพื่อลดการรบกวนจากทางด่วนที่เข้าสู่ตัวอาคาร พร้อมกับ Bay Window (เฉพาะบางยูนิต) ที่ให้คุณได้สัมผัสกับวิวโดยรอบตัวแบบไม่เหมือนใคร และยังคำนึงถึงการรบกวนของเสียง ด้วยการใช้กระจก Insulated กันร้อนกันเสียงกับกระจกในห้องนอน
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า โครงการฯออกแบบมาพร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ตั้งแต่หน้าทางเข้าโครงการฯ ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จึงทำให้พื้นที่ Set Back จากถนนถึงตัวอาคาร ห่างถึง 67 เมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (ก่อสร้างและดูแลรักษาโดยกรุงเทพมหานคร) ตั้งแต่ถนนพระราม 9 ถึงที่ดินของโครงการฯเป็นระยะ 13 เมตร และจากที่ดินโครงการฯลึกไปอีก 54 เมตร จะเป็นสวนและ facilities ส่วนกลางของโครงการฯ ก่อนที่จะเป็นตำแหน่งของตัวอาคาร
บริเวณด้านหน้าโครงการ ที่เชื่อมต่อจากพื้นที่ของการทางพิเศษฯ ซึ่งแสนสิริมีการจัดทำ landscape ให้ใหม่ด้วยเช่นกัน
ด้านหลังโครงการหันไปทางฝั่งถนนเพชรบุรี และสุขุมวิทช่วงพระโขนง
ซึ่งตัวอาคารที่ออกแบบแปลนเป็นรูปตัว Z โถงทางเดินมีช่องแสงที่สุดทางเดินที่ปีกด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือและด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ช่วยการหมุนเวียนของอากาศภายใน พร้อมแสงส่องถึง ทำให้โถงทางเดินไม่อับทึบ และยังมีสวนส่วนกลางบนอาคารที่ชั้น 5 ที่ Set back เข้ามาอีก 10 เมตร เพื่อลดการรบกวนของเสียงสำหรับห้องด้านบนที่อาจตรงกับระดับของทางด่วน และเมื่อมองลงมาจากห้องหรือตำแหน่งของ Bay Window ก็จะเห็นวิวสวนแบบ Bird Eye View คือสวนจากชั้น 5 เชื่อมต่อไปยังสวนส่วนกลางที่ชั้น G ได้เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ
ภายในอาคาร ที่ชั้น 1-4 มีที่จอดรถและมีที่จอดนอกอาคารแบบกลางแจ้ง รวมแล้วคิดเป็น 40% ของจำนวนยูนิต
รูปแบบห้องที่ทางโครงการฯออกแบบมามีแค่ 2 Type คือ 1 Bedroom ขนาด 26.50-34.75 Sq.m. และ 2 Bedroom ขนาด 49.75-55 Sq.m. ซึ่งโครงการฯเน้น 1 Bedroom เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ และต้องการมีบ้านหลังที่ 2 ไว้ให้ลูกหลาน หรือกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ครอบครัวขนาดเล็ก
โดยเน้น 1 Bedroom ซึ่งแบ่งออกเป็น 15 รูปแบบ คือ
แบบ 1A ขนาด 27 Sq.m. แบ่งพื้นที่ใช้งานซ้ายขวาของห้องเป็น ด้านซ้ายเป็นส่วนของ ห้องนอน และห้องน้ำภายในห้องนอน ด้านขวาเป็นห้องรับแขก ส่วนครัว และระเบียงติดครัวพร้อมที่วางเครื่องซักผ้าที่ระเบียง มีชั้นละ 1 ห้อง ได้วิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้านข้างโครงการ
แบบ 1AM ขนาด 26.50-26.75 Sq.m. เป็นรูปแบบที่กลับข้างกับ แบบ 1A คือ แบ่งพื้นที่ใช้งานซ้ายขวาของห้องเป็น ด้านขวาเป็นส่วนของ ห้องนอน และห้องน้ำภายในห้องนอน ด้านซ้ายเป็นห้องรับแขก ส่วนครัว และระเบียงติดครัวพร้อมที่วางเครื่องซักผ้าที่ระเบียง มีชั้นละ2ห้อง ได้วิวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านข้างโครงการ และวิวด้านทิศใต้ หลังโครงการฯ
แบบ 1B ขนาด 31-31.50 Sq.m. พื้นที่ด้านซ้ายของห้องเป็นส่วนของห้องนอน ห้องน้ำที่เข้าจากห้องรับแขก ด้านขวาเป็น Living area ครัวปิดเชื่อมต่อสู่ทางออกระเบียง มีชั้นละ 2 ห้อง เฉพาะชั้น 5, 7,8,10-11,13-14,16-17,19,22,25,27,29,31,33,35 มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 6,9,12,15,18,20,23,21,24 ได้วิวหลังโครงการ
แบบ 1B-BW ขนาด 32.50-33 Sq.m. เป็น 1 Bedroomที่แปลนห้องเหมือน 1B แต่มีความพิเศษคือมี Bay Window บริเวณห้องนอน ทำให้ได้พื้นที่ Bay window เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับห้อง 1B ที่ชั้น 26,28,30,32,34,36 มีชั้นละ 2 ห้อง ที่ชั้น 6,9,12,15,18,20,23,21,24 มีชั้นละ 1 ห้อง ได้วิวหลังโครงการ
แบบ 1BM ขนาด 31-31.75 Sq.m. เป็นรูปแบบที่กลับข้างกับแบบ 1B คือ พื้นที่ด้านขวาของห้องเป็นส่วนของห้องนอน ห้องน้ำที่เข้าจากห้องรับแขก ด้านซ้ายเป็น Living area ครัวปิดเชื่อมต่อสู่ทางออกระเบียง มีชั้นละ 3 ห้องได้วิวสวนหน้าโครงการและวิวด้านชุมชนและมัสยิดด้านข้างโครงการฯ ที่ชั้น5-13,15-16,18-19,21-22,24 ชั้นละ 2 ห้องที่ชั้น 14,17,20,23,25-27,29,31,33,35 และชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 28,30,32,34,36
แบบ 1BM-BW ขนาด 32.25-32.5 Sq.m. แปลนห้องเหมือนกับ 1BM แต่บริเวณห้องนอนมี Bay Window ยื่นออกไป วิวด้านสวนหน้าโครงการฯ มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 14,17,20,23,25-27,29,31,33,35 ชั้นละ 2 ห้องที่ชั้น 28,30,32,34,36
แบบ 1B-1 ขนาด 31.25 Sq.m. เน้นพื้นที่ Living area ขนาดใหญ่ ที่ด้านซ้ายของห้อง เชื่อมต่อไปที่ห้องนอน และสามารถแจกเข้าห้องครัวที่เป็นครัวปิด ห้องน้ำ และระเบียงที่ด้านขวาของห้องได้ มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ชั้น 5-12,14-15,17-18,20-21,23-24,26,28,30,32,34,36
แบบ 1B-1-BW ขนาด 32.5 Sq.m. เป็นห้องที่แปลนเหมือนกับแบบ 1B-1 และตำแหน่งห้องอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แต่มี Bay Window บริเวณห้องนอน วิวด้านหลังโครงการฯ มีชั้นละ 1 ห้อง เฉพาะชั้น 13,16,19,22,25,27,29,31,33,35
แบบ 1BM-1ขนาด 31-31.75 Sq.m. เป็นรูปแบบกลับข้างกับ 1B-1 คือ เน้นพื้นที่ Living area ขนาดใหญ่ ที่ด้านขวาของห้อง เชื่อมต่อไปที่ห้องนอน และสามารถแจกเข้าห้องครัวที่เป็นครัวปิด ห้องน้ำ และระเบียงที่ด้านซ้ายของห้องได้ มีชั้นละ 3 ห้อง ที่ชั้น 6-20 ชั้น 22-23 ,25 มีชั้นละ 2 ห้องที่ชั้น 5 และ 26-36
แบบ 1BM-1-BW ขนาด 32.5 Sq.m. แปลนเดียวกับ 1BM-1 แต่บริเวณห้องนอนเป็น Bay Window ได้วิวสวนหน้าโครงการฯ มีชั้นละ 1 ห้อง เฉพาะชั้น 26-36
แบบ 1BM-2 ขนาด 30.75-31 Sq.m. เน้นห้อง Living area ขนาดใหญ่ เชื่อมห้องนอนที่ด้านขวาของห้อง และมีครัวปิดเชื่อมห้องน้ำและระเบียงที่ด้านซ้ายของห้อง วิวหันไปทางชุมชนและมัสยิดด้านข้างโครงการ มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 5-36
แบบ 1C ขนาด 33.5-34 Sq.m. เป็นห้องหัวมุม สุดทางเดินทั้งสองด้าน มีระเบียงที่ยาวกว่า 1Bedroom Type อื่นๆ ครัวเป็นครัวเปิด เชื่อมต่อกับ Living area และระเบียง ห้องน้ำสามารถเข้าได้จากภายในห้องนอนซึ่งภายในห้องนอนเป็นกระจกเข้ามุม มีชั้นละ 2 ห้อง
แบบ 1D ขนาด 31.5 Sq.m. เป็นห้องหัวมุม สุดทางเดิน มีชั้นละ 1 ห้อง เน้นระเบียงที่ยาวกว่า 1Bedroom Type อื่นๆ ครัวเป็นครัวเปิด เชื่อมต่อกับLiving area และระเบียง ห้องน้ำสามารถเข้าได้จากภายในห้องนอน ภายในห้องนอนเป็นกระจกเข้ามุม
แบบ 1E ขนาด 33 Sq.m. เป็นห้องกลางทางเดิน วางตัวแนวยาวขนานทางเดินในอาคาร มีชั้นละ 1 ห้อง เป็นตำแหน่งห้องที่ไม่โดนแดดโดยตรง แต่สามารถเห็นวิวสวนส่วนกลางได้จากห้องนั่งเล่นและระเบียง
และ 1Bedroom แบบสุดท้ายคือ แบบ 1F 34.75 Sq.m. เป็นห้องหัวมุมมีชั้นละ 1 ห้อง ได้วิวด้านทิศใต้ และด้านหลังโครงการฯ เน้นห้อง Living area ขนาดใหญ่ ครัวปิด ห้องน้ำเข้าออกได้จากห้องนอน และระเบียงสำหรับซักล้างเข้าออกได้จากห้องน้ำ
มาถึงในส่วน 2 Bedroom ที่มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น แต่เป็นห้องหัวมุมแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ที่มีให้เลือก 3 แบบคือ
แบบ 2A ขนาด 53.5 Sq.m. เป็นห้องที่มีระเบียงแยกเป็นระเบียงห้องLiving area และระเบียงสำหรับซักล้างและเก็บ Compressor air ที่เชื่อมออกมาจากห้องครัวแบบครัวปิด ห้องน้ำสามารถเข้าออกได้จาก Living area ห้องนอนเล็ก มีหน้าต่างชมวิวด้านข้างโครงการ และห้องนอนใหญ่มีกระจกเข้ามุม หันสู่สวนด้านหน้าโครงการ มีเฉพาะชั้น 5,6,8,9,11,12,14-15,17-18,20-21,23-24,26,28,30,32,34,36
แบบ 2A-BW ขนาด 55 Sq.m. รูปแบบห้องเป็นแปลนเดียวกับ 2A แต่ไม่มีระเบียงบริเวณห้อง Living (มีแต่ระเบียงจากครัว) และปรับเป็น Bay Window บริเวณห้องนั่งเล่นแทน ทำให้ทั้งห้องนอนใหญ่ และห้องนั่งเล่นสามารถชมวิวแบบ 180 องศาได้โดยรอบ มีเฉพาะชั้น 7,10,13,16,19,22,25,27,29,31,33,35
แบบสุดท้ายเป็นแบบ 2B ขนาด 49.75-50 Sq.m. เป็นห้องสุดทางเดิน หัวมุม ติดวิวสวนส่วนกลาง เป็นห้องที่เน้นความเป็นสัดส่วน แบ่งพื้นที่แต่ละส่วนออกอย่างชัดเจน โดยมีพื้นที่ Living area เป็นพื้นที่กลางที่เชื่อมห้องครัวแบบปิด ระเบียง ห้องน้ำ ห้องนอนเล็กมีกระจกหันสู่สวน และห้องนอนใหญ่ ที่มีกระจกเข้ามุมให้นอนชมสวนและวิวด้านหน้าโครงการฯได้เกือบทุกพื้นที่ในห้อง มีที่ชั้น 5-36
ในส่วนของห้องตัวอย่าง โครงการ ตกแต่งให้ดู Type ละ1 ห้อง คือ 1Bedroom แบบ 1B ขนาด 31-31.5 Sq.m. และ Type 2Bedroom แบบ 2A ขนาด 53.5 Sq.m.
มาเริ่มที่ห้อง 1Bedroom แบบ 1B ขนาด 31-31.5 Sq.m. ตัวห้องแบ่งพื้นที่ออกเป็น พื้นที่ด้านซ้ายเป็นส่วนของห้องนอน ห้องน้ำ ด้านขวาเป็นLiving area เชื่อมครัวแบบปิด และทางออกระเบียงจากครัว โครงการฯให้แอร์ 2 ตัว ที่ห้องนอนและ living area
ประตูห้องโครงการฯให้เป็นประตู Digital door lock ของ Samsung ที่พื้นมีขอบประตูยกจากพื้นขึ้นมา3cm กั้นระหว่างพื้นห้องและพื้นทางเดินส่วนกลาง
เปิดประตูเข้ามาจะพบพื้นที่ Living area ขนาดกะทัดรัด สามารถวางโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะรับแขกได้ 1 ชุด ที่ด้านขวาของประตู
และที่ด้านหลังประตูเป็นตำแหน่งงานระบบสำหรับวางโทรทัศน์หรือชั้นเฟอร์นิเจอร์วางของได้ ซึ่งทางโครงการตกแต่งเป็นชั้นวางทีวีแบบลอยตัว ยึดผนังและติดกับประตูเป็นตู้ Built-in สามารถเก็บรองเท้า ร่ม และของอื่นๆได้ โดยใครสนใจตอนนี้ทางโครงการฯมี Package ซื้อพร้อมเฟอร์ฯในราคาที่บวกเพิ่ม ได้เฟอร์ฯแบบห้องตัวอย่าง ก็สามารถติดต่อสอบถามราคาที่ Sale office ได้
door stopper เป็นนวัตกรรมแบบญี่ปุ่น คือเป็นระบบแม่เหล็กตัวหยุดประตูจะขึ้นมาเมื่อเปิดประตูเข้ามาใกล้ แต่ถ้าไม่มีการใช้งาน จะเป็นพืนเรียบเสมอพื้นห้อง ทำให้ไม่เกะกะ และสามารถใช้งานพื้นห้องแบบเรียบๆได้
ติดกับผนังตั้งโทรทัศน์ เป็นทางเข้าห้องน้ำ ที่ลด Step พื้นลงจากพื้นห้อง
ภายในแบ่งส่วนเปียกและแห้ง ด้วยการยกขอบพื้นและบานเลื่อน 3 ตอน ขอบบานเลื่อนสีดำ เข้ากับโทนสีของห้องน้ำ ที่ใช้กระเบื้องสีขาวและเทา พื้นเป็นกระเบื้องลายไม้แผ่นยาว
ส่วนเปียกโครงการฯให้ Hand Shower ติดผนัง ติดกันออกแบบผนังให้เป็นช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ
ส่วนพื้นที่ส่วนแห้ง มีโถสุขภัณฑ์ ที่ใส่ทิชชูและอ่างล้างมือแบบลอยตัว พร้อมกระจกติดผนังไซต์มาตรฐานติดตั้งไว้ให้ และที่มุมผนังมีงานระบบไฟ สำหรับไดร์ผม หรือใช้อุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำได้
โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดในห้องน้ำโครงการฯให้เป็นผลิตภัณฑ์ของ American Standard ทั้งหมด
ติดกับห้องน้ำ เป็นทางเข้าห้องนอนและถัดไปเป็นทางเข้าห้องครัว ที่เข้าออกจาก living area
เรามาดูในส่วนครัวกันก่อน ครัวสำหรับห้องนี้เป็นแบบครัวปิด เป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน เพื่อประหยัดพื้นที่ ภายในห้องครัว โครงการฯทำ ชุดครัว Built-in ติดผนังจากพื้นจรดเพดาน เปิดปิดแบบ Soft closed ไว้ให้ที่ด้านขวามือ Top ครัวโครงการฯเลือกปูด้วยกระเบื้อง Porcelain สีขาว เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีรูพรุนน้อย ทำให้ไม่มีคราบฝัง ทำความสะอาดง่าย สีไม่ตก และเป็นกระเบื้องแผ่นยาวไร้รอยต่อ โดยมีอ่างล้างจาน และเตาไฟฟ้า 2 หัวฝังเคาท์เตอร์ ของ MEX ด้านบนเป็นตู้เก็บอุปกรณ์ทำครัว และเก็บเครื่องดูดควัน ส่วนด้านล่างเคาท์เตอร์เป็นตู้เก็บของและเจาะช่องสำหรับวางไมโครเวฟไว้ให้ที่ด้านล่างเตาไฟฟ้า และด้านข้างยังเว้นที่ว่างไว้สำหรับตั้งตู้เย็นไซส์ใหญ่ได้
ฝั่งตรงข้ามมีที่พอสำหรับวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้โดยที่ห้องครัวไม่แคบไปนัก และยังเป็นสัดส่วนไม่ปะปนกับพื้นที่พักผ่อนภายใน Living area
ปลายสุดของห้องครัวเป็นทางออกระเบียงด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน
โดยที่ระเบียงโครงการออกออกแบบ façade กั้นที่วาง compressor air แบบแขวน และด้านล่างเว้นที่ไว้กว้างพอสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า
ในส่วนของห้องนอนสำหรับห้อง 1Bedroom แบบ 1B นี้ สามารถวางเตียง Queen size ได้ พร้อมโต๊ะหัวเตียง แต่ถ้าใหญ่กว่านี้อาจดูคับแคบไปสักหน่อย ที่ปลายเตียงสามารถติดโทรทัศน์แบบยึดติดผนังได้
และฝั่งผนังติดประตูห้องนอนสามารถวางตู้เสื้อผ้าหรือ Built-inตู้เสื้อผ้าเต็มผนังแบบห้องตัวอย่างก็ยังได้ หากใครอยากได้ตู้เสื้อผ้าแบบห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่าตอนนี้มีแพคเกจเฟอร์นิเจอร์อยู่ ก็รวมตู้เสื้อผ้าบานสไลด์ ฝาเป็นกระจกแบบนี้ด้วย
ในส่วนของห้องนอน โครงการฯให้กระจกบานใหญ่ เต็มผนัง โดยกระจก Fix เป็นกระจก Insulated ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้เป็นห้องนอนที่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ ส่วนกระจกที่หน้าต่างบานกระทุ้งเป็นกระจก Insulated เช่นกัน เนื่องจากมีน้ำหนักเบา แต่มีการเก็บขอบเพื่อป้องกันเสียงเช่นกัน ให้คุณนอนชมวิวแบบไร้เสียงรบกวนได้ตลอดทุกคืน
มาถึง Type 2 Bedroom แบบ 2A ขนาด 53.5 Sq.m. ห้องหัวมุมของโครงการฯ ที่มีพื้นที่ Living เป็นใจกลางของห้อง ที่เชื่อมห้องครัว ระเบียง ห้องน้ำ และห้องนอนทั้ง 2 ห้องเข้าไว้ด้วยกัน
ทางเข้าที่พื้นมียกพื้น 3 cm เพื่อกั้นระหว่างในห้องและนอกห้อง
ประตูเป็น Digital door lock แบบใช้ key card ของ Samsung
door stopper เป็นนวัตกรรมแบบญี่ปุ่น คือเป็นระบบแม่เหล็กตัวหยุดประตูจะขึ้นมาเมื่อเปิดประตูเข้ามาใกล้ แต่ถ้าไม่มีการใช้งาน จะเป็นพืนเรียบเสมอพื้นห้อง ทำให้ไม่เกะกะ และสามารถใช้งานพื้นห้องแบบเรียบๆได้
เข้ามาในห้องจะพบพื้นที่ Living area สูง 2.55 m พื้นห้องปูด้วยลามิเนตไม้ 8 มิล ทอดตัวยาวจากประตู ไปจรดประตูกระจกบานเลื่อนออกระเบียง
บริเวณพื้นที่ Living area ในห้องตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 ส่วน หรือด้านติดประตูเป็นที่ตั้งโต๊ะทานอาหาร หรือปรับเป็นโต๊ะทำงานในบางเวลาได้ สำหรับ 4 ที่นั่ง เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ใกล้ทางเข้าออกครัว
และอีกส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน ดูทีวี ชมวิวริมระเบียง เนื่องจากโครงการฯวางตำแหน่งงานระบบ ไว้ให้ที่ผนังด้านซ้าย สามาถติดตั้งทีวีแบบแขวน หรือตั้งชั้ยวางทีวีได้ตามใจชอบ เพราะพื้นที่ Living area ค่อนข้างกว้าง มีที่เหลือพอให้วาง ชุดโซฟา สำหรับ 4 ที่นั่งได้
ติดกันเป็นทางออกระเบียงด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเต็มบานแบบไร้ขอบผนังทำให้สามารถเห็นวิวนอกระเบียงได้ในมุมกว้าง
ในส่วนของครัว เป็นครัวแบบปิด โดยโครงการฯมีประตูสไลด์ติดผนังไว้ให้ พร้อมชุดครัว Built-in ติดผนังจากพื้นจรดเพดาน เปิดปิดแบบ Soft closed ไว้ให้ที่ด้านขวามือ Top ครัวโครงการฯปูด้วยกระเบื้อง Porcelain สีขาว เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีรูพรุนน้อย ทำให้ไม่มีคราบฝัง ทำความสะอาดง่าย สีไม่ตก และเป็นกระเบื้องแผ่นยาวไร้รอยต่อ โดยมีอ่างล้างจาน และเตาไฟฟ้า 2 หัวฝังเคาท์เตอร์ ของ MEX ด้านบนเป็นตู้เก็บอุปกรณ์ทำครัว และเก็บเครื่องดูดควัน ส่วนด้านล่างเคาท์เตอร์เป็นตู้เก็บของและเจาะช่องสำหรับวางไมโครเวฟไว้ให้ที่ด้านล่างเตาไฟฟ้า และตู้เย็นฝาหน้า ที่ตรงกลางเคาท์เตอร์ และด้านข้างยังเว้นที่ว่างไว้สำหรับตั้งตู้เย็นไซส์ใหญ่ได้
จากครัวมีระเบียงแยกอีกระเบียงหนึ่ง กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ที่ระเบียงมี facade บัง Compressor air
ด้านซ้ายสุดของห้องเป็นห้องน้ำ ที่ลดระดับพื้นลงจากพื้นห้อง Living
ภายในแบ่งส่วนเปียกและแห้ง ด้วยการยกขอบพื้นและบานเลื่อน 3 ตอน ขอบบานเลื่อนสีดำ เข้ากับโทนสีของห้องน้ำ ที่ใช้กระเบื้องสีขาวและเทา พื้นเป็นกระเบื้องลายไม้แผ่นยาว
ส่วนเปียกโครงการฯให้ Hand Shower ติดผนังด้านใน ที่ผนังด้านขวาออกแบบให้เป็นช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ
ส่วนพื้นที่ส่วนแห้ง มีโถสุขภัณฑ์ ที่ใส่ทิชชูและอ่างล้างมือแบบลอยตัว พร้อมกระจกติดผนังไซต์มาตรฐานติดตั้งไว้ให้ และที่มุมผนังมีงานระบบไฟ สำหรับใช้อุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำได้ โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดในห้องน้ำโครงการฯให้เป็นผลิตภัณฑ์ของ American Standard ทั้งหมด
มาถึงในส่วนของห้องนอน ที่ทางโครงการฯออกแบบให้เป็นห้องนอนและห้องแต่งตัว(สำหรับตำแหน่งห้องนอนเล็ก) แต่ห้องจริง จะมีผนังกั้นห้องและมีประตูเข้าออกติดกับประตูห้องนอนใหญ่
ห้องนอนเล็ก ที่ห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องแต่งตัวนี้ ที่ผนังปลายห้อง มีกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน เกือบเต็มผนัง พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้ง ไว้ให้ เผื่อนอนชมวิว และเปิดรับลม รับแสงจากภายนอก
ห้องนอนใหญ่ ค่อนข้างกว้าง สามารถวางเตียง Queen size พร้อมโต๊ะหัวเตียง ที่ริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่แบบเต็มผนัังและเป็นกระจกเข้ามุม ปลายเตียงเป็นตำแหน่งที่สามารถแขวนทีวี หรือ Built-in furniture ไว้วางของเล็กๆน้อยๆได้
ที่อีกมุมห้องสามารถวางโต๊ะตัวเล็ก เป็นมุมอ่านหนังสือ หรือไว้คิดงานก่อนนอนได้ และที่ผนังห้องด้านซ้ายห้องจริงอาจ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้ายาวเต็มผนัง ก็น่าจะพอดีกับการใช้งานส่วนต่างๆในห้องนอนใหญ่
มาถึงพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นอีกจุดเด่นของโครงการฯ มีทั้งสวนส่วนกลางและสวนที่ชั้น 5 ที่ออกแบบให้เป็นสวน Style resort ด้วยการใช้สี earth tone และรูปทรงธรรมชาติ ให้เหมาะกับการพักผ่อน โดยสามารถเลือกพักผ่อนหลากหลายรูปแบบ ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวที่โอบล้อม
พื้นที่ Lobby ที่ดึงเอาสีธรรมชาติมาเป็นหนึ่งในงานออกแบบ ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและโปร่งโล่ง ด้วยความสูงของ lobby 5.5 m ประดับด้วย chandelier ที่ดีไซน์รูปแบบให้เหมือนสายฝน เพื่อเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย
ซึ่งทางโครงการฯ ได้แยก lobby สำหรับผู้มาติดต่อไว้อีกห้องหนึ่งที่เรียกว่า ห้อง Multipurpose เพื่อความ private และความปลอดภัย โดยใช้ Concept การออกแบบเป็นอุโมงค์ค์หินอ่อน คือการนำหินอ่อนนำเข้าจากอิตาลีมาปูเป็นผนังและเพดานซึ่งปกติจะไม่สามารถนำหินอ่อนมาทำเป็นเพดานได้เพราะความหนัก แต่ทางโครงการฯใช้เทคนิคในการก่อสร้างเพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ธรรมชาติไว้ภายในตัวอาคาร
จะคล้ายกับที่เห็นในสำนักงานขาย
พื้นที่ส่วนกลางมี Free wifi ไว้ให้บริการทั้งที่ Lobby และพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องสมุดที่ออกแบบให้เปิดโล่งรับลม ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ โดยพื้นที่ Sale office ที่สูงกว่า 4.5 m จะถูกนำมาใช้เป็นฟิตเนสของโครงการฯโดยไม่มีการทุบทิ้งหรือรื้อออก
ด้านข้างของฟิตเนสเป็นสระว่ายน้ำยาวกว่า 25 m ที่ออกแบบตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน เสมือนว่ายน้ำอยู่ในสระหินอ่อน ล้อมรอบด้วยสวนและพื้นที่พักผ่อนโดยรอบ ให้รู้สึกเหมือนว่ายอยู่ในรีสอร์ทส่วนตัว
นอกจากนี้ยังมีบริการรถ Shutter bus จำนวน 2 คัน แต่ทางโครงการฯยังไม่กำหนดว่าจะไปรับส่งที่ใด
ทั้งหมดนี้คือ The Base Garden Rama 9 ซึ่งอาจมีบางจุดที่ดูแปลกๆไปบ้าง อย่างแปลนห้องบางห้องที่ห้องนอนเข้าออกจากพื้นที่ครัว หรือ Bay Window ที่อาจจะมีวิวปะทะกับพื้นที่ห้องอื่นๆบ้าง
แต่ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นเรื่องเบสิคไปเลยเมื่อหักลบกับ spec วัสดุของโครงการ และหากใครเคยดูในโครงการฯก่อนๆของ The Base หรือแม้กระทั่งทุกโครงการคอนโดในย่านนี้
จะเห็นได้ว่า The Base Garden Rama 9 เป็นโครงการระดับพรีเมียมที่สุด ที่มีการอัพเกรดวัสดุและคุณค่าของแบรนด์ขึ้นมาอีกระดับ ให้เกือบเท่าแบรนด์ The Line แต่ก็มีราคาที่จับต้องได้ในคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า จึงทำให้ The Base Garden Rama 9 เป็น Fighting Brand ที่เด่นที่สุดในย่าน พระราม 9 – รามคำแหง ที่มาอยู่ตรงกลางช่องว่างราคาระหว่าง The Base เดิม และ The Line รวมถึงคอนโด High Rise ทุกแห่งในย่านนี้ก็ได้
การออกแบบเลย์เอ้าท์ห้องที่มีประเภทยูนิตเพียงแค่ 1 นอน และ 2 นอน 1 น้ำ แต่มีรูปแบบเลย์เอ้าท์ห้องที่หลากหลาย ล้วนแต่เป็นการเสริมจุดเด่นที่แตกต่างให้กับแต่ละยูนิต โดยแน่นอนว่ายูนิตที่เพิ่มพื้นที่ Bay window เข้าไป ย่อมต้องได้รับความสนใจมากกว่ายูนิตประเภทอื่นๆ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วพื้นที่ Bay window มีขนาดมากกว่าห้องอื่นประมาณ 1 ตารางเมตร แต่ว่าผู้อยู่อาศัยได้รับความคุ้มค่าที่มากกว่า เนื่องจากรูปแบบการก่อสร้าง และสเปคของกระจกห้อง และพื้นที่ยื่นออกมานั้นมีมูลค่ามากกว่าสองแสนบาทต่อ 1 ยูนิต
การที่แสนสิริเลือกที่จะนำเอาพื้นที่ส่วนกลางหลักมาไว้ที่ชั้น Ground หลายคนอาจจะมองว่าดูไม่ privacy เนื่องจากติดถนนใหญ่ และอยู่ใต้ทางด่วน แต่หากลองมายืนในพื้นที่โครงการจริง ที่มีการจำลองเอาบรรยากาศของ landscape และห้องฟิตเนสในอนาคตมาไว้ในสำนักงานขาย (ในอนาคตสำนักงานขายจะกลายเป็นฟิตเนสของโครงการ) ก็จะพบว่ามีระยะห่างที่ค่อนข้างมากจากถนนใหญ่ และด้วยความสวยงามของการวาง Landscape จากภาพ Tive ที่เห็น ก็เชื่อแน่นอนว่า ที่นี่จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่ private ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง และยังสร้างทัศนียภาพอันสวยงามเมื่อมองจากมุมสูงให้กับผู้พักอาศัยเป็นอย่างดีเช่นกัน
จากความสำเร็จของโครงการในอดีตที่ผ่านมาของแสนสิริในย่านนี้ทั้งสองโครงการ ที่ขายหมดในระยะเวลาไม่นานหลังจากเปิดตัว และมีราคารีเซลที่พุ่งสูงขึ้น จนทำให้โครงการใหม่ๆในย่านพระราม 9 – รามคำแหง ต่างทยอยกันปรับราคาขายขึ้นจนเกือบถึงตารางเมตรละแสนบาทแล้ว ดังนั้นปัจจัยที่จะช่วยชี้วัดความคุ้มค่าของการซื้อคงจะอยู่ในตัวสเปคของโครงการ รวมไปถึงความมีชื่อเสียงของแบรนด์ ซึ่งต้องบอกว่า The Base Garden Rama 9 สอบผ่านในจุดนี้ และด้วยการที่สำนักงานขายของโครงการจะถูกนำไปใช้เป็นฟิตเนสในอนาคต ไม่ได้ถูกทุบทิ้งเหมือนกับโครงการอื่นๆ ที่กระแสการขายรีเซลจะเงียบทันทีที่ไม่มีห้องตัวอย่าง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าจะง่ายต่อการขายรีเซลในอนาคต เนื่องจากลูกค้าสามารถเข้ามาสัมผัสบรรยากาศของโครงการจริงได้ตลอดเวลา
โดยถ้าเทียบกับราคาที่เฉลี่ยอยู่ที่ 8-9 หมื่นบาทต่อตารางเมตร โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 2.19 ล้านบาท หากเทียบกับโครงการอื่นๆ อย่าง The Base พระราม 9 – รามคำแหง ฝั่งตรงข้ามราคา Resale ตอนนี้ก็อยู่ที่ 75,000-90,000 บาท ต่อตารางเมตร Than Living ตารางเมตรละ 90,000 บาท พลัมคอนโด ก็อยู่ที่ 75,000-80,000 บาท ซึ่งเทียบกับคู่แข่งรอบๆ ก็ราคาอยู่ในเกณฑ์ใกล้ๆกัน แต่ได้ห้องใหม่ และวัสดุ ส่วนกลางที่ดีกว่า มีการสร้าง Value ให้กับการอยู่อาศัยบนทำเลใกล้การเดินทางและรายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเหมาะกับกลุ่มคนทำงานย่านสุวรรณภูมิ พระราม 9 อโศก เอกมัย หรือแม้แต่คนในย่าน ที่ติดถิ่นที่อยู่ อยากอยู่ในละแวกบ้านเดิม อย่างกลุ่มคนมุสลิมในย่านรามคำแหง-พระราม 9 ที่เป็นทางเลือกของบ้านหลังที่ 2 หรือเป็นพื้นที่สำหรับการลงทุนในอนาคต เพราะใกล้กับ New CBD พระราม 9 ที่เดินทางได้ไม่ไกลมากนัก (ได้ข่าวว่าห้องฝั่งมัสยิดเป็นที่นิยมของชาวมุสลิมมากโดยเฉพาะชั้นล่างๆ จนทำให้ตอนนี้แสนสิริไม่ได้มองว่าห้องทางฝั่งนี้จะมีปัญหาด้านการขายแต่อย่างใด) มีทางเลือกที่หลากหลายทั้งเข้าและออกเมือง ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์เพียง 700 เมตร และทางด่วน 800 เมตร อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงแหล่งไลฟ์สไตล์อย่างทองหล่อ-เอกมัยได้ในเวลาเพียง 5 นาที เท่านั้น The Base Garden Rama 9 จึงน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าซื้อมากบนทำเลใหม่ถนนพระราม 9 – รามคำแหง แห่งนี้
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
จะเห็นได้ว่า The Base Garden Rama 9 เป็นโครงการระดับพรีเมียมที่สุด ที่มีการอัพเกรดวัสดุและคุณค่าของแบรนด์ขึ้นมาอีกระดับ ให้เกือบเท่าแบรนด์ The Line แต่ก็มีราคาที่จับต้องได้ในคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า จึงทำให้ The Base Garden Rama 9 เป็น Fighting Brand ที่เด่นที่สุดในย่าน พระราม 9 - รามคำแหง ที่มาอยู่ตรงกลางช่องว่างราคาระหว่าง The Base เดิม และ The Line รวมถึงคอนโด High Rise ทุกแห่งในย่านนี้ก็ได้
PROPSCORE™
3.5
0
0 รีวิว
รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
สวรรค์ของนักช้อปทั่วโลก! เปรียบเทียบขนาด 12 ห้างดังในย่าน CBD บนพื้นที่รวมกว่า 1 ล้านตรม.
ในช่วงปี 2024 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2025 นี้ ตลาดอสังหาฯประเภท Retail นับว่าเป็นเซกเตอร์ที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องจากภาคเอกชน จากอานิสงค์ในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มปริมาณมากขึ้น อ่านต่อ
21 February, 2025
บางตัวฟุบ บางตัวฟื้น! CBRE เผยแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯปี 2568
ดร.โสภณ แย้ง! บ้านราคาแพงขึ้นไม่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างขึ้นราคา
แสนสิริ ประกาศแผนปี 68 “Dynamic Growth” เปิดตัว 29 โครงการใหม่ เป้ายอดขาย 53,000 ลบ. ยอดโอน 46,000 ลบ.
แอสเซทไวส์ ก้าวข้ามปีที่ 20 อย่างยั่งยืน บนกลยุทธ์ “Growing Success, Growing Happiness” ขยายพอร์ตธุรกิจใหม่เชื่อมไลฟ์สไตล์ทุก Gen พร้อมลุยภูเก็ตต่อเนื่อง
RASA ONE โดย รสา กรุ๊ป ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญในฐานะอาคารสำนักงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด Workplace redefined ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย