เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 31 August, 2016 เวลา 12.06 pm
Prop score™: 3.5
คะแนนรีวิว: 0.0
0 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
เดอะ เบส การ์เดน-พระราม9
บริษัทผู้สร้าง
แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
สถานที่
ถนนพระราม 9
สถานีรถไฟ BTS
-
สถานีรถไฟใต้ดิน
-
Airport Rail Link
ARL รามคำแหง Distance 700 m.,
สถานี BRT
-
พื้นที่
ประมาณ 3 ไร่
ชั้น
อาคารพักอาศัย สูง 36 ชั้น 1 อาคาร
ยูนิต
เพื่อพักอาศัย 639 ยูนิต เพื่อการพาณิชย์ 1 ยูนิต
ที่จอดรถ
ประมาณ 40%
ลิฟท์
3 Passenger lifts +1 Service Lift
สิ่งอำนวยความสดวก
Swimming pool, Full equipped fitness centre, Garden and outdoor recreation area, Garden on 5th floor, Complimentary WiFi internet available at lobby and swimming pool area, 24-hour security service, 24-hour CCTV , Parking space
ประเภทยูนิต
ประเภท
CONDO
studio
-
1 bedroom
26.50 – 34.75 ตรม.
2 bedroom
49.75 – 55.00 ตรม. (สองห้องนอน 1 ห้องน้ำ)
3 bedroom
-
Duplex
-
Penthouse
-
ประเภทอื่นๆ
-
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
2.55 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
ประมาณ 83,000 บาท
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
2.19 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
55 บาท/ตร.ม./เดือน
Sinking Fund fee
ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
สร้างเสร็จ
2018
เว็บไซต์
http://www.sansiri.com/condominium/thebase-garden-rama9/
1685
The Base Garden Rama 9 ค้นพบมุมมองใหม่ๆ ผ่อนคลายกับสระว่ายน้ำ ในสวนขนาดใหญ่ที่ให้คุณมากกว่าการพักผ่อน
ถ้านึกถึงย่านพระราม 9 หลายคนอาจนึกถึงความหนาแน่นของอาคารสำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้าในบริเวณ แยกพระราม 9 รัชดาฯ หรือไม่ก็หมู่บ้าน ย่านที่พักอาศัยแนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ที่มักจะตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นส่วนปลายของถนนพระรามเก้า ตัดถนนกรุงเทพกรีฑา
มีดีเวลลอปเปอร์ ไม่กี่รายที่กล้าลงทุนเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม High Rise ในย่าน พระรามเก้า – รามคำแหงซึ่งแบรนด์หนึ่งที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญและเข้าใจในทำเลพระราม 9 – รามคำแหง เป็นอย่างดีก็น่าจะเป็น แสนสิริ ที่ตีโจทย์ในแต่ละทำเลตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่นี่ จนทำให้ทุกโครงการของแสนสิริในย่านนี้ Sold out ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น D Condo รามคำแหง หรือ The Base พระราม 9-รามคำแหง บริเวณถนนรามคำแหงตัดกับถนนพระราม 9 ที่รองรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้แอร์พอร์ตลิงค์ และทางด่วน เป็นทางเลือกในการเดินทาง เป็นโซนพระราม 9 ที่ค่อนข้างมีคนอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นอยู่แล้วมาช้านาน
ทำเลพระราม 9 – รามคำแหง เป็นทำเลที่แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าพร้อมใช้งาน แต่สำหรับคนที่ต้องการทางเลือกในการเดินทาง ไม่ว่าจะเข้าไปทำงานย่านอโศก ชอปปิ้งย่านพระราม 9 ขึ้นทางด่วนไปในเมือง หรือเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ ก็มีทางเลือกหลากหลาย อีกทั้งในอนาคต จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านสี่แยก เชื่อมย่านรามคำแหง ลำสาลี ไปสู่ BTS ราชเทวี และ MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ที่อยู่ใจกลางเมือง ก็จะยิ่งเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่ง่ายขึ้น และด้วยทำเลแห่งทางเลือกของการเดินทางที่หลากหลายทั้งปัจจุบันและในอนาคตแห่งนี้
แสนสิริก็ได้ตัดสินใจนำเอาประสบการณ์ที่มีจากโครงการในอดีตมาใช้ เพื่อเปิดตัวโครงการใหม่ ใกล้กับ The Base พระราม 9 – รามคำแหง เพียงข้ามถนนมาฝั่งตรงกันข้าม ก็จะพบ The Base Garden Rama 9 (เดอะ เบส การ์เดน พระรามเก้า) ซึ่งเป็นคอนโดฯภายใต้แบรนด์ The Base โครงการล่าสุดนับจาก The Base Park East ในโครงการ T77
การมาของ เดอะ เบส การ์เดน พระรามเก้า ในครั้งนี้นับว่าเป็นการพลิกโฉมแบรนด์ The Base พอสมควร เนื่องจากแสนสิริได้มีการอัพเสปคหลายๆอย่างของตัวโครงการ ซึ่งอาจพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่าสเปคสูงพอๆกับโครงการ The Line แต่มีราคาที่จับต้องได้ตามสไตล์ The Base
The Base Garden Rama 9 มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 639 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ตั้ง บนเนื้อที่ 3 ไร่ ติดถนนพระราม 9
ซึ่งบนถนนเส้นนี้มีเพียงไม่กี่คอนโดฯที่ตั้งอยู่ และใช้ทางเข้าออกบนถนนพระราม 9 โดยตรง ข้อดีนั่นก็คือ เมื่อคุณออกจาก The Base Garden Rama 9 สามารถตรงไปยัง New CBD พระราม 9 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหรือขึ้นทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ด้วยระยะทาง 800 เมตร เลี้ยวขวาไปยังถนนรามคำแหง ยูเทิร์นกลับเพื่อไปสุวรรณภูมิ หรือเลี้ยวซ้ายเพื่อไปแอร์พอร์ตลิ้งเพียง 700 เมตร 5 นาทีไปยังทองหล่อ เอกมัย สุขุมวิท และในอนาคตบริเวณแยกรามคำแหง ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นอีกทางเลือกของการเดินทาง
เนื่องจาก The Base Garden Rama 9 ตั้งอยู่บนทำเลที่เดินทางสะดวก ทำให้พื้นที่โดยรอบโครงการฯ รายล้อมด้วยถนนและทางด่วนที่ผ่านหน้าโครงการฯ แต่หากใครกำลังกังวลเรื่องเสียงและการรบกวนจากการจราจรบนท้องถนน ต้องลองมาดูการออกแบบของ The Base Garden Rama 9 ที่มาพร้อมพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ตั้งแต่ถนนทางเข้าโครงการฯจนถึงบนอาคารที่ชั้น 5 พร้อมการออกแบบที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ด้วยตัวอาคารรูปตัว Z เพื่อลดการรบกวนจากทางด่วนที่เข้าสู่ตัวอาคาร พร้อมกับ Bay Window (เฉพาะบางยูนิต) ที่ให้คุณได้สัมผัสกับวิวโดยรอบตัวแบบไม่เหมือนใคร และยังคำนึงถึงการรบกวนของเสียง ด้วยการใช้กระจก Insulated กันร้อนกันเสียงกับกระจกในห้องนอน
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า โครงการฯออกแบบมาพร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ตั้งแต่หน้าทางเข้าโครงการฯ ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จึงทำให้พื้นที่ Set Back จากถนนถึงตัวอาคาร ห่างถึง 67 เมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (ก่อสร้างและดูแลรักษาโดยกรุงเทพมหานคร) ตั้งแต่ถนนพระราม 9 ถึงที่ดินของโครงการฯเป็นระยะ 13 เมตร และจากที่ดินโครงการฯลึกไปอีก 54 เมตร จะเป็นสวนและ facilities ส่วนกลางของโครงการฯ ก่อนที่จะเป็นตำแหน่งของตัวอาคาร
บริเวณด้านหน้าโครงการ ที่เชื่อมต่อจากพื้นที่ของการทางพิเศษฯ ซึ่งแสนสิริมีการจัดทำ landscape ให้ใหม่ด้วยเช่นกัน
ด้านหลังโครงการหันไปทางฝั่งถนนเพชรบุรี และสุขุมวิทช่วงพระโขนง
ซึ่งตัวอาคารที่ออกแบบแปลนเป็นรูปตัว Z โถงทางเดินมีช่องแสงที่สุดทางเดินที่ปีกด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือและด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ช่วยการหมุนเวียนของอากาศภายใน พร้อมแสงส่องถึง ทำให้โถงทางเดินไม่อับทึบ และยังมีสวนส่วนกลางบนอาคารที่ชั้น 5 ที่ Set back เข้ามาอีก 10 เมตร เพื่อลดการรบกวนของเสียงสำหรับห้องด้านบนที่อาจตรงกับระดับของทางด่วน และเมื่อมองลงมาจากห้องหรือตำแหน่งของ Bay Window ก็จะเห็นวิวสวนแบบ Bird Eye View คือสวนจากชั้น 5 เชื่อมต่อไปยังสวนส่วนกลางที่ชั้น G ได้เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ
ภายในอาคาร ที่ชั้น 1-4 มีที่จอดรถและมีที่จอดนอกอาคารแบบกลางแจ้ง รวมแล้วคิดเป็น 40% ของจำนวนยูนิต
รูปแบบห้องที่ทางโครงการฯออกแบบมามีแค่ 2 Type คือ 1 Bedroom ขนาด 26.50-34.75 Sq.m. และ 2 Bedroom ขนาด 49.75-55 Sq.m. ซึ่งโครงการฯเน้น 1 Bedroom เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ และต้องการมีบ้านหลังที่ 2 ไว้ให้ลูกหลาน หรือกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ครอบครัวขนาดเล็ก
โดยเน้น 1 Bedroom ซึ่งแบ่งออกเป็น 15 รูปแบบ คือ
แบบ 1A ขนาด 27 Sq.m. แบ่งพื้นที่ใช้งานซ้ายขวาของห้องเป็น ด้านซ้ายเป็นส่วนของ ห้องนอน และห้องน้ำภายในห้องนอน ด้านขวาเป็นห้องรับแขก ส่วนครัว และระเบียงติดครัวพร้อมที่วางเครื่องซักผ้าที่ระเบียง มีชั้นละ 1 ห้อง ได้วิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้านข้างโครงการ
แบบ 1AM ขนาด 26.50-26.75 Sq.m. เป็นรูปแบบที่กลับข้างกับ แบบ 1A คือ แบ่งพื้นที่ใช้งานซ้ายขวาของห้องเป็น ด้านขวาเป็นส่วนของ ห้องนอน และห้องน้ำภายในห้องนอน ด้านซ้ายเป็นห้องรับแขก ส่วนครัว และระเบียงติดครัวพร้อมที่วางเครื่องซักผ้าที่ระเบียง มีชั้นละ2ห้อง ได้วิวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านข้างโครงการ และวิวด้านทิศใต้ หลังโครงการฯ
แบบ 1B ขนาด 31-31.50 Sq.m. พื้นที่ด้านซ้ายของห้องเป็นส่วนของห้องนอน ห้องน้ำที่เข้าจากห้องรับแขก ด้านขวาเป็น Living area ครัวปิดเชื่อมต่อสู่ทางออกระเบียง มีชั้นละ 2 ห้อง เฉพาะชั้น 5, 7,8,10-11,13-14,16-17,19,22,25,27,29,31,33,35 มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 6,9,12,15,18,20,23,21,24 ได้วิวหลังโครงการ
แบบ 1B-BW ขนาด 32.50-33 Sq.m. เป็น 1 Bedroomที่แปลนห้องเหมือน 1B แต่มีความพิเศษคือมี Bay Window บริเวณห้องนอน ทำให้ได้พื้นที่ Bay window เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับห้อง 1B ที่ชั้น 26,28,30,32,34,36 มีชั้นละ 2 ห้อง ที่ชั้น 6,9,12,15,18,20,23,21,24 มีชั้นละ 1 ห้อง ได้วิวหลังโครงการ
แบบ 1BM ขนาด 31-31.75 Sq.m. เป็นรูปแบบที่กลับข้างกับแบบ 1B คือ พื้นที่ด้านขวาของห้องเป็นส่วนของห้องนอน ห้องน้ำที่เข้าจากห้องรับแขก ด้านซ้ายเป็น Living area ครัวปิดเชื่อมต่อสู่ทางออกระเบียง มีชั้นละ 3 ห้องได้วิวสวนหน้าโครงการและวิวด้านชุมชนและมัสยิดด้านข้างโครงการฯ ที่ชั้น5-13,15-16,18-19,21-22,24 ชั้นละ 2 ห้องที่ชั้น 14,17,20,23,25-27,29,31,33,35 และชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 28,30,32,34,36
แบบ 1BM-BW ขนาด 32.25-32.5 Sq.m. แปลนห้องเหมือนกับ 1BM แต่บริเวณห้องนอนมี Bay Window ยื่นออกไป วิวด้านสวนหน้าโครงการฯ มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 14,17,20,23,25-27,29,31,33,35 ชั้นละ 2 ห้องที่ชั้น 28,30,32,34,36
แบบ 1B-1 ขนาด 31.25 Sq.m. เน้นพื้นที่ Living area ขนาดใหญ่ ที่ด้านซ้ายของห้อง เชื่อมต่อไปที่ห้องนอน และสามารถแจกเข้าห้องครัวที่เป็นครัวปิด ห้องน้ำ และระเบียงที่ด้านขวาของห้องได้ มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ชั้น 5-12,14-15,17-18,20-21,23-24,26,28,30,32,34,36
แบบ 1B-1-BW ขนาด 32.5 Sq.m. เป็นห้องที่แปลนเหมือนกับแบบ 1B-1 และตำแหน่งห้องอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แต่มี Bay Window บริเวณห้องนอน วิวด้านหลังโครงการฯ มีชั้นละ 1 ห้อง เฉพาะชั้น 13,16,19,22,25,27,29,31,33,35
แบบ 1BM-1ขนาด 31-31.75 Sq.m. เป็นรูปแบบกลับข้างกับ 1B-1 คือ เน้นพื้นที่ Living area ขนาดใหญ่ ที่ด้านขวาของห้อง เชื่อมต่อไปที่ห้องนอน และสามารถแจกเข้าห้องครัวที่เป็นครัวปิด ห้องน้ำ และระเบียงที่ด้านซ้ายของห้องได้ มีชั้นละ 3 ห้อง ที่ชั้น 6-20 ชั้น 22-23 ,25 มีชั้นละ 2 ห้องที่ชั้น 5 และ 26-36
แบบ 1BM-1-BW ขนาด 32.5 Sq.m. แปลนเดียวกับ 1BM-1 แต่บริเวณห้องนอนเป็น Bay Window ได้วิวสวนหน้าโครงการฯ มีชั้นละ 1 ห้อง เฉพาะชั้น 26-36
แบบ 1BM-2 ขนาด 30.75-31 Sq.m. เน้นห้อง Living area ขนาดใหญ่ เชื่อมห้องนอนที่ด้านขวาของห้อง และมีครัวปิดเชื่อมห้องน้ำและระเบียงที่ด้านซ้ายของห้อง วิวหันไปทางชุมชนและมัสยิดด้านข้างโครงการ มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 5-36
แบบ 1C ขนาด 33.5-34 Sq.m. เป็นห้องหัวมุม สุดทางเดินทั้งสองด้าน มีระเบียงที่ยาวกว่า 1Bedroom Type อื่นๆ ครัวเป็นครัวเปิด เชื่อมต่อกับ Living area และระเบียง ห้องน้ำสามารถเข้าได้จากภายในห้องนอนซึ่งภายในห้องนอนเป็นกระจกเข้ามุม มีชั้นละ 2 ห้อง
แบบ 1D ขนาด 31.5 Sq.m. เป็นห้องหัวมุม สุดทางเดิน มีชั้นละ 1 ห้อง เน้นระเบียงที่ยาวกว่า 1Bedroom Type อื่นๆ ครัวเป็นครัวเปิด เชื่อมต่อกับLiving area และระเบียง ห้องน้ำสามารถเข้าได้จากภายในห้องนอน ภายในห้องนอนเป็นกระจกเข้ามุม
แบบ 1E ขนาด 33 Sq.m. เป็นห้องกลางทางเดิน วางตัวแนวยาวขนานทางเดินในอาคาร มีชั้นละ 1 ห้อง เป็นตำแหน่งห้องที่ไม่โดนแดดโดยตรง แต่สามารถเห็นวิวสวนส่วนกลางได้จากห้องนั่งเล่นและระเบียง
และ 1Bedroom แบบสุดท้ายคือ แบบ 1F 34.75 Sq.m. เป็นห้องหัวมุมมีชั้นละ 1 ห้อง ได้วิวด้านทิศใต้ และด้านหลังโครงการฯ เน้นห้อง Living area ขนาดใหญ่ ครัวปิด ห้องน้ำเข้าออกได้จากห้องนอน และระเบียงสำหรับซักล้างเข้าออกได้จากห้องน้ำ
มาถึงในส่วน 2 Bedroom ที่มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น แต่เป็นห้องหัวมุมแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ที่มีให้เลือก 3 แบบคือ
แบบ 2A ขนาด 53.5 Sq.m. เป็นห้องที่มีระเบียงแยกเป็นระเบียงห้องLiving area และระเบียงสำหรับซักล้างและเก็บ Compressor air ที่เชื่อมออกมาจากห้องครัวแบบครัวปิด ห้องน้ำสามารถเข้าออกได้จาก Living area ห้องนอนเล็ก มีหน้าต่างชมวิวด้านข้างโครงการ และห้องนอนใหญ่มีกระจกเข้ามุม หันสู่สวนด้านหน้าโครงการ มีเฉพาะชั้น 5,6,8,9,11,12,14-15,17-18,20-21,23-24,26,28,30,32,34,36
แบบ 2A-BW ขนาด 55 Sq.m. รูปแบบห้องเป็นแปลนเดียวกับ 2A แต่ไม่มีระเบียงบริเวณห้อง Living (มีแต่ระเบียงจากครัว) และปรับเป็น Bay Window บริเวณห้องนั่งเล่นแทน ทำให้ทั้งห้องนอนใหญ่ และห้องนั่งเล่นสามารถชมวิวแบบ 180 องศาได้โดยรอบ มีเฉพาะชั้น 7,10,13,16,19,22,25,27,29,31,33,35
แบบสุดท้ายเป็นแบบ 2B ขนาด 49.75-50 Sq.m. เป็นห้องสุดทางเดิน หัวมุม ติดวิวสวนส่วนกลาง เป็นห้องที่เน้นความเป็นสัดส่วน แบ่งพื้นที่แต่ละส่วนออกอย่างชัดเจน โดยมีพื้นที่ Living area เป็นพื้นที่กลางที่เชื่อมห้องครัวแบบปิด ระเบียง ห้องน้ำ ห้องนอนเล็กมีกระจกหันสู่สวน และห้องนอนใหญ่ ที่มีกระจกเข้ามุมให้นอนชมสวนและวิวด้านหน้าโครงการฯได้เกือบทุกพื้นที่ในห้อง มีที่ชั้น 5-36
ในส่วนของห้องตัวอย่าง โครงการ ตกแต่งให้ดู Type ละ1 ห้อง คือ 1Bedroom แบบ 1B ขนาด 31-31.5 Sq.m. และ Type 2Bedroom แบบ 2A ขนาด 53.5 Sq.m.
มาเริ่มที่ห้อง 1Bedroom แบบ 1B ขนาด 31-31.5 Sq.m. ตัวห้องแบ่งพื้นที่ออกเป็น พื้นที่ด้านซ้ายเป็นส่วนของห้องนอน ห้องน้ำ ด้านขวาเป็นLiving area เชื่อมครัวแบบปิด และทางออกระเบียงจากครัว โครงการฯให้แอร์ 2 ตัว ที่ห้องนอนและ living area
ประตูห้องโครงการฯให้เป็นประตู Digital door lock ของ Samsung ที่พื้นมีขอบประตูยกจากพื้นขึ้นมา3cm กั้นระหว่างพื้นห้องและพื้นทางเดินส่วนกลาง
เปิดประตูเข้ามาจะพบพื้นที่ Living area ขนาดกะทัดรัด สามารถวางโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะรับแขกได้ 1 ชุด ที่ด้านขวาของประตู
และที่ด้านหลังประตูเป็นตำแหน่งงานระบบสำหรับวางโทรทัศน์หรือชั้นเฟอร์นิเจอร์วางของได้ ซึ่งทางโครงการตกแต่งเป็นชั้นวางทีวีแบบลอยตัว ยึดผนังและติดกับประตูเป็นตู้ Built-in สามารถเก็บรองเท้า ร่ม และของอื่นๆได้ โดยใครสนใจตอนนี้ทางโครงการฯมี Package ซื้อพร้อมเฟอร์ฯในราคาที่บวกเพิ่ม ได้เฟอร์ฯแบบห้องตัวอย่าง ก็สามารถติดต่อสอบถามราคาที่ Sale office ได้
door stopper เป็นนวัตกรรมแบบญี่ปุ่น คือเป็นระบบแม่เหล็กตัวหยุดประตูจะขึ้นมาเมื่อเปิดประตูเข้ามาใกล้ แต่ถ้าไม่มีการใช้งาน จะเป็นพืนเรียบเสมอพื้นห้อง ทำให้ไม่เกะกะ และสามารถใช้งานพื้นห้องแบบเรียบๆได้
ติดกับผนังตั้งโทรทัศน์ เป็นทางเข้าห้องน้ำ ที่ลด Step พื้นลงจากพื้นห้อง
ภายในแบ่งส่วนเปียกและแห้ง ด้วยการยกขอบพื้นและบานเลื่อน 3 ตอน ขอบบานเลื่อนสีดำ เข้ากับโทนสีของห้องน้ำ ที่ใช้กระเบื้องสีขาวและเทา พื้นเป็นกระเบื้องลายไม้แผ่นยาว
ส่วนเปียกโครงการฯให้ Hand Shower ติดผนัง ติดกันออกแบบผนังให้เป็นช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ
ส่วนพื้นที่ส่วนแห้ง มีโถสุขภัณฑ์ ที่ใส่ทิชชูและอ่างล้างมือแบบลอยตัว พร้อมกระจกติดผนังไซต์มาตรฐานติดตั้งไว้ให้ และที่มุมผนังมีงานระบบไฟ สำหรับไดร์ผม หรือใช้อุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำได้
โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดในห้องน้ำโครงการฯให้เป็นผลิตภัณฑ์ของ American Standard ทั้งหมด
ติดกับห้องน้ำ เป็นทางเข้าห้องนอนและถัดไปเป็นทางเข้าห้องครัว ที่เข้าออกจาก living area
เรามาดูในส่วนครัวกันก่อน ครัวสำหรับห้องนี้เป็นแบบครัวปิด เป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน เพื่อประหยัดพื้นที่ ภายในห้องครัว โครงการฯทำ ชุดครัว Built-in ติดผนังจากพื้นจรดเพดาน เปิดปิดแบบ Soft closed ไว้ให้ที่ด้านขวามือ Top ครัวโครงการฯเลือกปูด้วยกระเบื้อง Porcelain สีขาว เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีรูพรุนน้อย ทำให้ไม่มีคราบฝัง ทำความสะอาดง่าย สีไม่ตก และเป็นกระเบื้องแผ่นยาวไร้รอยต่อ โดยมีอ่างล้างจาน และเตาไฟฟ้า 2 หัวฝังเคาท์เตอร์ ของ MEX ด้านบนเป็นตู้เก็บอุปกรณ์ทำครัว และเก็บเครื่องดูดควัน ส่วนด้านล่างเคาท์เตอร์เป็นตู้เก็บของและเจาะช่องสำหรับวางไมโครเวฟไว้ให้ที่ด้านล่างเตาไฟฟ้า และด้านข้างยังเว้นที่ว่างไว้สำหรับตั้งตู้เย็นไซส์ใหญ่ได้
ฝั่งตรงข้ามมีที่พอสำหรับวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้โดยที่ห้องครัวไม่แคบไปนัก และยังเป็นสัดส่วนไม่ปะปนกับพื้นที่พักผ่อนภายใน Living area
ปลายสุดของห้องครัวเป็นทางออกระเบียงด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน
โดยที่ระเบียงโครงการออกออกแบบ façade กั้นที่วาง compressor air แบบแขวน และด้านล่างเว้นที่ไว้กว้างพอสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า
ในส่วนของห้องนอนสำหรับห้อง 1Bedroom แบบ 1B นี้ สามารถวางเตียง Queen size ได้ พร้อมโต๊ะหัวเตียง แต่ถ้าใหญ่กว่านี้อาจดูคับแคบไปสักหน่อย ที่ปลายเตียงสามารถติดโทรทัศน์แบบยึดติดผนังได้
และฝั่งผนังติดประตูห้องนอนสามารถวางตู้เสื้อผ้าหรือ Built-inตู้เสื้อผ้าเต็มผนังแบบห้องตัวอย่างก็ยังได้ หากใครอยากได้ตู้เสื้อผ้าแบบห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่าตอนนี้มีแพคเกจเฟอร์นิเจอร์อยู่ ก็รวมตู้เสื้อผ้าบานสไลด์ ฝาเป็นกระจกแบบนี้ด้วย
ในส่วนของห้องนอน โครงการฯให้กระจกบานใหญ่ เต็มผนัง โดยกระจก Fix เป็นกระจก Insulated ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้เป็นห้องนอนที่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ ส่วนกระจกที่หน้าต่างบานกระทุ้งเป็นกระจก Insulated เช่นกัน เนื่องจากมีน้ำหนักเบา แต่มีการเก็บขอบเพื่อป้องกันเสียงเช่นกัน ให้คุณนอนชมวิวแบบไร้เสียงรบกวนได้ตลอดทุกคืน
มาถึง Type 2 Bedroom แบบ 2A ขนาด 53.5 Sq.m. ห้องหัวมุมของโครงการฯ ที่มีพื้นที่ Living เป็นใจกลางของห้อง ที่เชื่อมห้องครัว ระเบียง ห้องน้ำ และห้องนอนทั้ง 2 ห้องเข้าไว้ด้วยกัน
ทางเข้าที่พื้นมียกพื้น 3 cm เพื่อกั้นระหว่างในห้องและนอกห้อง
ประตูเป็น Digital door lock แบบใช้ key card ของ Samsung
door stopper เป็นนวัตกรรมแบบญี่ปุ่น คือเป็นระบบแม่เหล็กตัวหยุดประตูจะขึ้นมาเมื่อเปิดประตูเข้ามาใกล้ แต่ถ้าไม่มีการใช้งาน จะเป็นพืนเรียบเสมอพื้นห้อง ทำให้ไม่เกะกะ และสามารถใช้งานพื้นห้องแบบเรียบๆได้
เข้ามาในห้องจะพบพื้นที่ Living area สูง 2.55 m พื้นห้องปูด้วยลามิเนตไม้ 8 มิล ทอดตัวยาวจากประตู ไปจรดประตูกระจกบานเลื่อนออกระเบียง
บริเวณพื้นที่ Living area ในห้องตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 ส่วน หรือด้านติดประตูเป็นที่ตั้งโต๊ะทานอาหาร หรือปรับเป็นโต๊ะทำงานในบางเวลาได้ สำหรับ 4 ที่นั่ง เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ใกล้ทางเข้าออกครัว
และอีกส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน ดูทีวี ชมวิวริมระเบียง เนื่องจากโครงการฯวางตำแหน่งงานระบบ ไว้ให้ที่ผนังด้านซ้าย สามาถติดตั้งทีวีแบบแขวน หรือตั้งชั้ยวางทีวีได้ตามใจชอบ เพราะพื้นที่ Living area ค่อนข้างกว้าง มีที่เหลือพอให้วาง ชุดโซฟา สำหรับ 4 ที่นั่งได้
ติดกันเป็นทางออกระเบียงด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเต็มบานแบบไร้ขอบผนังทำให้สามารถเห็นวิวนอกระเบียงได้ในมุมกว้าง
ในส่วนของครัว เป็นครัวแบบปิด โดยโครงการฯมีประตูสไลด์ติดผนังไว้ให้ พร้อมชุดครัว Built-in ติดผนังจากพื้นจรดเพดาน เปิดปิดแบบ Soft closed ไว้ให้ที่ด้านขวามือ Top ครัวโครงการฯปูด้วยกระเบื้อง Porcelain สีขาว เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีรูพรุนน้อย ทำให้ไม่มีคราบฝัง ทำความสะอาดง่าย สีไม่ตก และเป็นกระเบื้องแผ่นยาวไร้รอยต่อ โดยมีอ่างล้างจาน และเตาไฟฟ้า 2 หัวฝังเคาท์เตอร์ ของ MEX ด้านบนเป็นตู้เก็บอุปกรณ์ทำครัว และเก็บเครื่องดูดควัน ส่วนด้านล่างเคาท์เตอร์เป็นตู้เก็บของและเจาะช่องสำหรับวางไมโครเวฟไว้ให้ที่ด้านล่างเตาไฟฟ้า และตู้เย็นฝาหน้า ที่ตรงกลางเคาท์เตอร์ และด้านข้างยังเว้นที่ว่างไว้สำหรับตั้งตู้เย็นไซส์ใหญ่ได้
จากครัวมีระเบียงแยกอีกระเบียงหนึ่ง กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ที่ระเบียงมี facade บัง Compressor air
ด้านซ้ายสุดของห้องเป็นห้องน้ำ ที่ลดระดับพื้นลงจากพื้นห้อง Living
ภายในแบ่งส่วนเปียกและแห้ง ด้วยการยกขอบพื้นและบานเลื่อน 3 ตอน ขอบบานเลื่อนสีดำ เข้ากับโทนสีของห้องน้ำ ที่ใช้กระเบื้องสีขาวและเทา พื้นเป็นกระเบื้องลายไม้แผ่นยาว
ส่วนเปียกโครงการฯให้ Hand Shower ติดผนังด้านใน ที่ผนังด้านขวาออกแบบให้เป็นช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ
ส่วนพื้นที่ส่วนแห้ง มีโถสุขภัณฑ์ ที่ใส่ทิชชูและอ่างล้างมือแบบลอยตัว พร้อมกระจกติดผนังไซต์มาตรฐานติดตั้งไว้ให้ และที่มุมผนังมีงานระบบไฟ สำหรับใช้อุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำได้ โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดในห้องน้ำโครงการฯให้เป็นผลิตภัณฑ์ของ American Standard ทั้งหมด
มาถึงในส่วนของห้องนอน ที่ทางโครงการฯออกแบบให้เป็นห้องนอนและห้องแต่งตัว(สำหรับตำแหน่งห้องนอนเล็ก) แต่ห้องจริง จะมีผนังกั้นห้องและมีประตูเข้าออกติดกับประตูห้องนอนใหญ่
ห้องนอนเล็ก ที่ห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องแต่งตัวนี้ ที่ผนังปลายห้อง มีกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน เกือบเต็มผนัง พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้ง ไว้ให้ เผื่อนอนชมวิว และเปิดรับลม รับแสงจากภายนอก
ห้องนอนใหญ่ ค่อนข้างกว้าง สามารถวางเตียง Queen size พร้อมโต๊ะหัวเตียง ที่ริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่แบบเต็มผนัังและเป็นกระจกเข้ามุม ปลายเตียงเป็นตำแหน่งที่สามารถแขวนทีวี หรือ Built-in furniture ไว้วางของเล็กๆน้อยๆได้
ที่อีกมุมห้องสามารถวางโต๊ะตัวเล็ก เป็นมุมอ่านหนังสือ หรือไว้คิดงานก่อนนอนได้ และที่ผนังห้องด้านซ้ายห้องจริงอาจ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้ายาวเต็มผนัง ก็น่าจะพอดีกับการใช้งานส่วนต่างๆในห้องนอนใหญ่
มาถึงพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นอีกจุดเด่นของโครงการฯ มีทั้งสวนส่วนกลางและสวนที่ชั้น 5 ที่ออกแบบให้เป็นสวน Style resort ด้วยการใช้สี earth tone และรูปทรงธรรมชาติ ให้เหมาะกับการพักผ่อน โดยสามารถเลือกพักผ่อนหลากหลายรูปแบบ ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวที่โอบล้อม
พื้นที่ Lobby ที่ดึงเอาสีธรรมชาติมาเป็นหนึ่งในงานออกแบบ ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและโปร่งโล่ง ด้วยความสูงของ lobby 5.5 m ประดับด้วย chandelier ที่ดีไซน์รูปแบบให้เหมือนสายฝน เพื่อเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย
ซึ่งทางโครงการฯ ได้แยก lobby สำหรับผู้มาติดต่อไว้อีกห้องหนึ่งที่เรียกว่า ห้อง Multipurpose เพื่อความ private และความปลอดภัย โดยใช้ Concept การออกแบบเป็นอุโมงค์ค์หินอ่อน คือการนำหินอ่อนนำเข้าจากอิตาลีมาปูเป็นผนังและเพดานซึ่งปกติจะไม่สามารถนำหินอ่อนมาทำเป็นเพดานได้เพราะความหนัก แต่ทางโครงการฯใช้เทคนิคในการก่อสร้างเพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ธรรมชาติไว้ภายในตัวอาคาร
จะคล้ายกับที่เห็นในสำนักงานขาย
พื้นที่ส่วนกลางมี Free wifi ไว้ให้บริการทั้งที่ Lobby และพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องสมุดที่ออกแบบให้เปิดโล่งรับลม ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ โดยพื้นที่ Sale office ที่สูงกว่า 4.5 m จะถูกนำมาใช้เป็นฟิตเนสของโครงการฯโดยไม่มีการทุบทิ้งหรือรื้อออก
ด้านข้างของฟิตเนสเป็นสระว่ายน้ำยาวกว่า 25 m ที่ออกแบบตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน เสมือนว่ายน้ำอยู่ในสระหินอ่อน ล้อมรอบด้วยสวนและพื้นที่พักผ่อนโดยรอบ ให้รู้สึกเหมือนว่ายอยู่ในรีสอร์ทส่วนตัว
นอกจากนี้ยังมีบริการรถ Shutter bus จำนวน 2 คัน แต่ทางโครงการฯยังไม่กำหนดว่าจะไปรับส่งที่ใด
ทั้งหมดนี้คือ The Base Garden Rama 9 ซึ่งอาจมีบางจุดที่ดูแปลกๆไปบ้าง อย่างแปลนห้องบางห้องที่ห้องนอนเข้าออกจากพื้นที่ครัว หรือ Bay Window ที่อาจจะมีวิวปะทะกับพื้นที่ห้องอื่นๆบ้าง
แต่ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นเรื่องเบสิคไปเลยเมื่อหักลบกับ spec วัสดุของโครงการ และหากใครเคยดูในโครงการฯก่อนๆของ The Base หรือแม้กระทั่งทุกโครงการคอนโดในย่านนี้
จะเห็นได้ว่า The Base Garden Rama 9 เป็นโครงการระดับพรีเมียมที่สุด ที่มีการอัพเกรดวัสดุและคุณค่าของแบรนด์ขึ้นมาอีกระดับ ให้เกือบเท่าแบรนด์ The Line แต่ก็มีราคาที่จับต้องได้ในคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า จึงทำให้ The Base Garden Rama 9 เป็น Fighting Brand ที่เด่นที่สุดในย่าน พระราม 9 – รามคำแหง ที่มาอยู่ตรงกลางช่องว่างราคาระหว่าง The Base เดิม และ The Line รวมถึงคอนโด High Rise ทุกแห่งในย่านนี้ก็ได้
การออกแบบเลย์เอ้าท์ห้องที่มีประเภทยูนิตเพียงแค่ 1 นอน และ 2 นอน 1 น้ำ แต่มีรูปแบบเลย์เอ้าท์ห้องที่หลากหลาย ล้วนแต่เป็นการเสริมจุดเด่นที่แตกต่างให้กับแต่ละยูนิต โดยแน่นอนว่ายูนิตที่เพิ่มพื้นที่ Bay window เข้าไป ย่อมต้องได้รับความสนใจมากกว่ายูนิตประเภทอื่นๆ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วพื้นที่ Bay window มีขนาดมากกว่าห้องอื่นประมาณ 1 ตารางเมตร แต่ว่าผู้อยู่อาศัยได้รับความคุ้มค่าที่มากกว่า เนื่องจากรูปแบบการก่อสร้าง และสเปคของกระจกห้อง และพื้นที่ยื่นออกมานั้นมีมูลค่ามากกว่าสองแสนบาทต่อ 1 ยูนิต
การที่แสนสิริเลือกที่จะนำเอาพื้นที่ส่วนกลางหลักมาไว้ที่ชั้น Ground หลายคนอาจจะมองว่าดูไม่ privacy เนื่องจากติดถนนใหญ่ และอยู่ใต้ทางด่วน แต่หากลองมายืนในพื้นที่โครงการจริง ที่มีการจำลองเอาบรรยากาศของ landscape และห้องฟิตเนสในอนาคตมาไว้ในสำนักงานขาย (ในอนาคตสำนักงานขายจะกลายเป็นฟิตเนสของโครงการ) ก็จะพบว่ามีระยะห่างที่ค่อนข้างมากจากถนนใหญ่ และด้วยความสวยงามของการวาง Landscape จากภาพ Tive ที่เห็น ก็เชื่อแน่นอนว่า ที่นี่จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่ private ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง และยังสร้างทัศนียภาพอันสวยงามเมื่อมองจากมุมสูงให้กับผู้พักอาศัยเป็นอย่างดีเช่นกัน
จากความสำเร็จของโครงการในอดีตที่ผ่านมาของแสนสิริในย่านนี้ทั้งสองโครงการ ที่ขายหมดในระยะเวลาไม่นานหลังจากเปิดตัว และมีราคารีเซลที่พุ่งสูงขึ้น จนทำให้โครงการใหม่ๆในย่านพระราม 9 – รามคำแหง ต่างทยอยกันปรับราคาขายขึ้นจนเกือบถึงตารางเมตรละแสนบาทแล้ว ดังนั้นปัจจัยที่จะช่วยชี้วัดความคุ้มค่าของการซื้อคงจะอยู่ในตัวสเปคของโครงการ รวมไปถึงความมีชื่อเสียงของแบรนด์ ซึ่งต้องบอกว่า The Base Garden Rama 9 สอบผ่านในจุดนี้ และด้วยการที่สำนักงานขายของโครงการจะถูกนำไปใช้เป็นฟิตเนสในอนาคต ไม่ได้ถูกทุบทิ้งเหมือนกับโครงการอื่นๆ ที่กระแสการขายรีเซลจะเงียบทันทีที่ไม่มีห้องตัวอย่าง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าจะง่ายต่อการขายรีเซลในอนาคต เนื่องจากลูกค้าสามารถเข้ามาสัมผัสบรรยากาศของโครงการจริงได้ตลอดเวลา
โดยถ้าเทียบกับราคาที่เฉลี่ยอยู่ที่ 8-9 หมื่นบาทต่อตารางเมตร โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 2.19 ล้านบาท หากเทียบกับโครงการอื่นๆ อย่าง The Base พระราม 9 – รามคำแหง ฝั่งตรงข้ามราคา Resale ตอนนี้ก็อยู่ที่ 75,000-90,000 บาท ต่อตารางเมตร Than Living ตารางเมตรละ 90,000 บาท พลัมคอนโด ก็อยู่ที่ 75,000-80,000 บาท ซึ่งเทียบกับคู่แข่งรอบๆ ก็ราคาอยู่ในเกณฑ์ใกล้ๆกัน แต่ได้ห้องใหม่ และวัสดุ ส่วนกลางที่ดีกว่า มีการสร้าง Value ให้กับการอยู่อาศัยบนทำเลใกล้การเดินทางและรายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเหมาะกับกลุ่มคนทำงานย่านสุวรรณภูมิ พระราม 9 อโศก เอกมัย หรือแม้แต่คนในย่าน ที่ติดถิ่นที่อยู่ อยากอยู่ในละแวกบ้านเดิม อย่างกลุ่มคนมุสลิมในย่านรามคำแหง-พระราม 9 ที่เป็นทางเลือกของบ้านหลังที่ 2 หรือเป็นพื้นที่สำหรับการลงทุนในอนาคต เพราะใกล้กับ New CBD พระราม 9 ที่เดินทางได้ไม่ไกลมากนัก (ได้ข่าวว่าห้องฝั่งมัสยิดเป็นที่นิยมของชาวมุสลิมมากโดยเฉพาะชั้นล่างๆ จนทำให้ตอนนี้แสนสิริไม่ได้มองว่าห้องทางฝั่งนี้จะมีปัญหาด้านการขายแต่อย่างใด) มีทางเลือกที่หลากหลายทั้งเข้าและออกเมือง ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์เพียง 700 เมตร และทางด่วน 800 เมตร อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงแหล่งไลฟ์สไตล์อย่างทองหล่อ-เอกมัยได้ในเวลาเพียง 5 นาที เท่านั้น The Base Garden Rama 9 จึงน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าซื้อมากบนทำเลใหม่ถนนพระราม 9 – รามคำแหง แห่งนี้
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
จะเห็นได้ว่า The Base Garden Rama 9 เป็นโครงการระดับพรีเมียมที่สุด ที่มีการอัพเกรดวัสดุและคุณค่าของแบรนด์ขึ้นมาอีกระดับ ให้เกือบเท่าแบรนด์ The Line แต่ก็มีราคาที่จับต้องได้ในคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า จึงทำให้ The Base Garden Rama 9 เป็น Fighting Brand ที่เด่นที่สุดในย่าน พระราม 9 - รามคำแหง ที่มาอยู่ตรงกลางช่องว่างราคาระหว่าง The Base เดิม และ The Line รวมถึงคอนโด High Rise ทุกแห่งในย่านนี้ก็ได้
PROPSCORE™ 3.5
0
0 รีวิว รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
12 ปี กรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปแค่ไหน?
EURO ยกระดับ Design District ใจกลางทองหล่อ เปิดตัว Poltrona Frau Monobrand Store แห่งใหม่! ส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า
สโคป หลังสวน เผยโฉมครั้งแรกกับยูนิตพิเศษ “The Debonair Edition” 2-bedroom เลย์เอาต์ใหม่ ที่จะมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่า
นิว อีโว พัฒนาการ คอนโดฟีลบ้าน สเปซกว้าง เลี้ยงสัตว์ได้* ใกล้ทองหล่อ และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 2.95 ล้าน*
โครงการ MARU CHULA โดย บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ เตรียมจัดงาน Open Sales Gallery 1-2 ก.พ.นี้ เปิดชมห้องตัวอย่าง-สำนักงานครั้งแรก ตั้งเป้ายอดจองกว่า 60% ชูจุดขายทำเลฮิต เดินทางสะดวก ใกล้จุฬาฯ-สตรีทฟู้ดสุดฮิต “บรรทัดทอง”