The Reserve Kasemsan 3 บูทีคเรสซิเดนซ์ เงียบสงบท่ามกลางสยาม ใจกลางกรุงเทพ อภิสิทธิ์พิเศษของชีวิตที่คัดสรรค์อย่างดีที่สุดเพื่อการส่งต่อที่ไม่รู้จบ

เหตุผลที่เราซื้อคอนโดมิเนียมมีหลายเหตุผล แต่เหตุผลหนึ่งที่เรามักใช้ตัดสินใจคือ การได้อยู่อาศัยในเมือง ใกล้ที่ทำงาน ที่เรียน ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกสบายที่ทันสมัย ยิ่งใจกลางเมืองเลยยิ่งน่าอยู่เพราะเป็นศูนย์รวมมีครบทุกอย่าง ใครๆ หลายคนก็ฝันอยากมีบ้าน อยากมีที่ดินอยู่ใจกลางเมือง ทุกคนฝันได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับสิทธิ์นั้น เพราะความจริงคือที่ดินศูนย์กลางของเมืองมีจำนวนจำกัดและราคาสูง ดังนั้นที่อยู่อาศัยแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียมจึงเป็นคำตอบที่เป็นจริงได้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตใจกลางเมือง

การได้ครอบครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ใจกลางเมืองซึ่งเป็นทรัพย์ที่ไม่เคยเสื่อมถอยมูลค่าและนับวันยิ่งจะเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นนั้นถือเป็นกำไรชีวิตที่ทำให้เรามีความสุขได้หลายต่อ มีคำบอกเล่าจากบุคคลในวงการอสังหาริมทรัพย์เค้าว่ากันว่า “คนอสังหาฯ มักจะเป็นคนที่มีความสุข” ไม่ว่าจะเป็นความสุขเริ่มต้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สิทธิ์มาครอบครอง ความสุขที่ได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินนั้นทั้งจากการอยู่อาศัยหรือได้รับผลตอบแทนจากการอนุญาตให้ผู้อื่นเข้ามาใช้สิทธิ์พักอาศัยผ่านการเช่า และความสุขอีกครั้งเมื่อเราขายกรรมสิทธิ์ออกไปแถมได้กำไรกลับมา แบบนี้ไม่เรียกว่าความสุขแล้วเราจะเรียกว่าอะไรละครับ

อสังหาริมทรัพย์แห่งความสุขอีกหนึ่งแห่งที่จะขอแนะนำในครั้งนี้คือ The Reserve Kasemsan 3 (เดอะ รีเสิร์ฟ เกษมสันต์ 3) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุงเทพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงทำเลที่ตั้งอยู่สุดซอยเงียบสงบนั่นคือซอยเกษมสันต์ 3 ซึ่งเป็นซอยตันและโครงการไม่ได้ติดริมถนนแต่กลับซ่อนตัวอยู่ภายในอีกชั้นนึง จึงทำให้ The Reserve Kasemsan 3 เป็นโครงการกลางเมืองที่มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด เสมือนเป็นพื้นที่สงวนสิทธิ์เฉพาะบุคคลที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีสิทธิ์ได้เข้า เหตุผลนี้เองอาจทำให้โครงการนี้มีชื่อว่า The Reserve ที่แปลว่า พื้นที่สงวนสิทธิ์เฉพาะ นั่นเอง

จากมุมมองคนที่ไม่ได้คุ้นเคยหรือไม่ค่อยได้ยินชื่อซอยเกษมสันต์มาก่อนอาจคิดว่าซอยเกษมสันต์นี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดูเหมือนจะเงียบสงบ ไร้ความวุ่นวาย ที่ไม่ค่อยมีอะไรรายล้อม แต่เราก็ต้องแปลกใจว่าจริงๆ แล้วเกษมสันต์เป็นเสมือนหมู่บ้านเล็กๆ ที่แอบซ่อนตัวอยู่หลังม่านเมืองใหญ่ที่แค่เดินก้าวออกมาพ้นกำแพงก็พบกับสีสันแสนฉูดฉาดแห่งมหานครได้ทันที นับว่าเป็นย่านที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการความเงียบสงบที่ไม่เงียบเหงา ปรารถนาชีวิตปลีกตัวจากความวุ่นวายแต่ก็มิอาจพรากห่างจากความเจริญ

ผมจะขออนุญาตเริ่มบรรยายพาชมโดยรอบนอก เริ่มจากรถไฟฟ้าสถานีสนามกีฬาแห่งชาติกันก่อน แล้วจะพาเดินเท้าเข้าไปยัง The Reserve Kasemsan 3 กันครับ

ถ้าเราออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ทางออกที่ 1

แล้วเราจะพบกับโรงแรม IBIS Hotel และ 7-ELEVEN ด้านล่างของโรงแรม สามารถแวะซื้อของเล็กๆ น้อยก่อนเดินกลับ The Reserve Kasemsan 3 ได้ครับ

ภาพนี้คือปากซอยเกษมสันต์ 3 บริเวณปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์จอดคอยให้บริการสำหรับทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่ต้องการเดินทางแบบเร่งด่วนไปเรียนสถาบันการศึกษาย่านถนนพญาไท

ต้นซอยมีโรงแรม SIAM@SIAM ตั้งอยู่จึงทำให้ซอยนี้ไม่เปลี่ยวในเวลากลางคืนเพราะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมประจำอยู่แถวนั้นเปรียบเสมือนเป็นตำรวจหน้าบ้านของเราเอง

ต้นซอยมีร้านค้าแผงลอยตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ทำงานโรงแรมย่านนี้ทั้งหมดในช่วงกลางวัน

เดินจากปากซอยเข้ามา 250 เมตรหรือประมาณ 3 นาทีก็จะพบกับประตูทางเข้าหลักของ The Reserve Kasemsan 3 ซึ่งระหว่างทางที่เดินมาตลอดนี้จะมีโครงการอพาร์ทเมนต์ โรงแรม คอนโดมิเนียมทั้งซ้ายขวามาตลอดทาง และทุกโครงการมีไฟส่องสว่างและมีรปภ. ดูแลจึงทำให้ซอยเล็กๆ ซอยนี้ปลอดภัยในการเดินเท้าของทุกคน

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นของ The Reserve Kasemsan 3 จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Condo One Siam

ระหว่างที่เดินผ่านก่อนถึงทางเข้าหลัก ถ้าเรามองซ้ายจะเห็นทางลัด Sub Entrance ของ The Reserve Kasemsan 3 ซึ่งจะได้ใช้ก็ต่อเมื่อเป็นลูกบ้านของ The Reserve Kasemsan 3 แล้วเท่านั้น ทางลัดนี้สามารถช่วยลดระยะการเดินแล้วมีเส้นทางเดินเข้าโครงการได้สะดวก แต่ถ้าต้องการเข้าเส้นทางหลักทักทายรปภ.ก็ไม่ว่ากันครับ

ทางเข้าหลักของโครงการเป็นทางเข้าลึกซ่อนตัวเข้าไปประมาณ 50 เมตรครับ

บริเวณลานก่อนเข้า Elegant Lobby ความรู้สึกครั้งแรกที่สัมผัสคือเหมือนเราเข้าไปในดินแดนลึกลับแล้วพบกับหมู่บ้านที่สวยงามหรูหราซ่อนตัวในกลางป่าลึกเลยทีเดียว ประมาณว่าผ่านที่แคบแล้วมาเจอพื้นที่กว้างขวางก็เลยรู้สึกดีไปอีกแบบครับ

ขอฉายภาพรวมของโครงการนี้ก่อนเดินเข้า Lobby นะครับ

The Reserve Kasemsan 3 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนจำกัดสงวนไว้ให้ผู้ถือครอง 237 ยูนิตเท่านั้น มีทั้งหมด 2 อาคาร คือตึก A ฝั่งซ้าย และ ตึก B ฝั่งขวา อาคารสูง 7 ชั้น ซึ่งปกติโครงการประเภท Low-rise จะมี 8 ชั้น แต่เนื่องจากเพื่อความสุขในการพักอาศัยที่มากขึ้นจึงเพิ่มความสูงจากพื้นถึงเพดานให้สูงถึง 2.65 เมตร ซึ่งสูงกว่าคอนโด Low-rise มาตรฐานทั่วไปเล็กน้อยที่มักจะสูงแค่ 2.4-2.5 เมตรเท่านั้น ทำให้จำนวนชั้นลดลงจาก 8 กลายเป็น 7 ชั้น ทำให้ได้ปริมาตรห้องมากขึ้น โล่ง โปร่งสบายและส่งผลให้จำนวนลูกบ้านไม่หนาแน่นจนเกินไปทำให้รักษาคอนเซปต์ความเป็นส่วนตัวได้อย่างเหนียวแน่นครับ

จากภาพ Project Plan ถ้าเรายืนหันเข้าหาโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้าหลักรถวิ่งเข้าได้จะอยู่ทางขวา และทางเข้ารองเฉพาะคนเดินจะอยู่ทางซ้าย เดินผ่าน Lobby จะกลายเป็นสระบัวและสระว่ายน้ำตั้งเด่นกลางโครงการ ปลายสระว่ายน้ำมีศาลาพักผ่อนและที่นั่งพัก Outdoor ถ้าเดินหลบเข้ามาใต้อาคาร A จะพบกับฟิตเนส Steam Room และห้อง Tea Room ถ้าเดินกลับเข้ามาที่ Lobby แล้วผ่านออกไปยังอาคาร B ทิศเหนือ (ในภาพคือด้านขวา) จะมีลานเล็กๆ มีสวนริมคลองซึ่งทิศนี้โครงการจะติดกับคลองแสนแสบและวิวชุมชนบ้านครัว ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีความผูกพันกับย่านนี้และยังเกี่ยวข้องกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของย่านเกษมสันต์นั่นคือ The Jim Thompson House ชุมชนบ้านครัวเป็นชุมชนดั้งเดิมที่ ชาวกัมพูชาที่นับถือศาสนาอิสลามย้ายเข้ามาอยู่อาศัยและได้นำทักษะการทอผ้าไหมที่สวยงามติดตัวมาด้วย

คุณ Jim Thompson นักธุรกิจผู้หลงไหลในผ้าอาภรณ์จึงตัดสินใจปลูกเรือนแถบบริเวณนี้เพื่อทำงานร่วมกับชาวชุมชนบ้านครัวนั่นเอง และปัจจุบันหลังจากที่เกิดเหตุการณ์การหายตัวไปของ Jim Thompson เรือนหลังนั้นจึงได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับชีวิตของเจ้าของเรือนนั่นเอง ทำให้ย่านนี้ดูมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ใครว่างๆ ลองเข้าไปเยี่ยมชม The Jim Thompson House กันได้ครับ อาจจะทำให้ทราบเรื่องราวที่มาที่ไปและเริ่มหลงรักอยากอยู่ย่านนี้ขึ้นมาก็ได้ครับ

หลังจากแวะออกนอกเรื่องไปเสียนาน ขอแวะกลับมานั่งพักสายตาที่ Elegant Lobby ของ The Reserve Kasemsan 3 สักครู่นะครับ ถ้ามีชาดีๆ สักถ้วยก็น่าจะดี

หลังจากแตะคีย์การ์ดเดินผ่านประตู Lobby ออกมาแล้วจะพบกับพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวนสไตล์กึ่งฝรั่งเศสที่ค่อนข้างมีระบบระเบียบแบบแผนแต่ก็ไม่ Formal ดูเป็นทางการมากเท่าสวนสไตล์ฝรั่งเศสแท้ที่ทุกอย่างต้องสมดุลแบบสมมาตรกันซะทีเดียว สวนและ Landscape ของโครงการ The Reserve Kasemsan 3 เป็นสวนที่ประยุกต์ใช้พืชพรรณต่างๆ ที่เลือกมาปรับตัวได้กับสภาพอากาศและบรรยากาศของไทย และมีการจัดวางที่ทำให้เกิดความรู้สึกกึ่งกลางระหว่างความสงบภูมิฐานจากความมีแบบแผนผสมผสานกับความสมดุลแบบอสมมาตร ชวนให้เรารู้สึกจิตใจสงบผ่อนคลายทุกครั้งที่สัมผัส

เดี๋ยวเรามาเริ่มดูลักษณะของยูนิตที่พักอาศัยแต่ละรูปแบบก่อนนะครับ แล้วตอนท้ายเราจะแวะไปดูพื้นที่ส่วนกลางทีเดียวอีกครั้งครับ หลังจากที่เดินผ่านสวนมาแล้ว จะขอเริ่มที่อาคาร A ก่อนนะครับ หน้าตาทางเข้าและโถงทางเดินจะเป็นแบบนี้ครับ

ด้านหน้าโถงลิฟท์มีวัสดุแบบนี้ช่วยเพิ่มความหรูหราภายในอาคารได้อีกครับ

หลังจากขึ้นลิฟท์มาแล้ว โถงลิฟท์จะมีพื้นที่เปิดโล่งมีแสงธรรมชาติส่องลงมาแบบนี้ครับ ทำให้มีลักษณะคล้ายๆกึ่ง Single Corridor ช่วยให้บรรยากาศระหว่างเดินในอาคารไม่อับทึบครับ

โถง Corridor ทางเดิน โครงการตั้งใจให้เป็นพื้นที่กึ่งปิดกึ่งเปิดโล่ง (Semi-outdoor) ทำให้บรรยากาศคล้ายรีสอร์ทตากอากาศ สำหรับบางยูนิตในอาคาร A จะได้เป็น single corridor

มองไปด้านบนเป็นช่องแสงธรรมชาติ

ก่อนเข้าไปสำรวจยูนิตแต่ละรูปแบบ จะขอพูดลักษณะร่วมของแต่ละยูนิตกันก่อนครับ

1. ทุกยูนิตตกแต่งเต็มยศแบบ Fully Furnished มาเลย ทางโครงการไม่ได้ให้แค่ห้องเปล่าๆ ที่เราต้องไปเสียเวลาจ้างหรือจินตนาการออกแบบเอาเอง แต่ทางโครงการจัด Bulit-in furniture ให้พร้อมแล้วเรียบร้อยซึ่งผ่านการออกแบบฟังก์ชั่นให้ทุกตารางเมตรมีความหมายและใช้งานได้จริง
2. ติดวอลเปเปอร์ให้ทุกห้อง
3. มีบัวฝ้าเพดาน ทำให้ห้องดูพิถีพิถันในการออกแบบและก่อสร้าง
4. กระจกมีดีไซน์กรอบ แสงเข้าเยอะกว่าปกติ
5. กระจกระเบียงเก็บเสียงมากพอสมควร

เอาละครับ ยูนิตรูปแบบแรกที่จะพามาชมคือ

Studio 27.88 ตร.ม.

• เป็นยูนิตขนาดเล็กที่สุดของโครงการครับ แนวคิดการออกแบบห้องรูปแบบนี้คือ Space Efficiency สถาปนิกพิถีพิถันออกแบบพื้นที่ขนาดเล็กให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มทุกตารางเมตรได้ดีเหนือกว่า Studio Type แนวลึกแบบนี้ของโครงการอื่นๆ ครับ

• ประตูสีแบบนี้ครับ สไตล์นี้ครับ คลาสสิกทีเดียว
  ส่วนตัวผมชอบบ้านเลขที่นำหน้าของโครงการนี้ครับ เป็นเลข 8 ซึ่งคือเลขมงคล สื่อถึงเทพเจ้าทั้งแปดองค์ที่มีความเป็นศิริมงคลตามความเชื่อของชาวจีน สื่อถึงความร่ำรวย มั่นคง นอกจากนี้เลข 8 ยังคล้ายเครื่องหมาย Infinity มีความหมายว่า ร่ำรวยอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเอง ลูกบ้านในโครงการนี้ทั้งหมดล้วนแต่ได้รับความโชคดีครับ อยู่แล้วเฮง อันนี้ความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ

มือจับแบบก้านโยก

เมื่อเดินเปิดประตูเข้าทาง ปกติแล้วพื้นที่ส่วนนี้มักจะเป็นทางเดินเฉยๆ แต่โครงการไม่ปล่อยให้เป็นทางเดินโล่งๆ ให้เสียประโยชน์เปล่าๆ จึงออกแบบให้มี Built-in ชุดครัวที่มีเคาน์เตอร์กว้าง ใช้งานได้จริง เตายี่ห้อ MEX มีตู้ใต้เคาน์เตอร์ และตู้ลอยเพื่อเก็บของได้อย่างเต็มที่ ทางด้านขวาเมื่อเข้าประตูมาจะมีตู้เก็บรองเท้าด้วย ใช้งานสะดวกมากๆ

การออกแบบให้ครัวอยู่หน้าห้อง บางคนอาจจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ข้อดีของรูปแบบห้องนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เมื่อเปิดประตูไว้ ถ้ามีคนอื่นหรือแม่บ้านเดินผ่านมาพอดีก็จะไม่สามารถมองเข้ามาในส่วนเตียงนอนได้และห้องน้ำ ทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น 50% นอกจากนี้เวลาที่เราซื้อของกินเข้าบ้านก็ไม่ต้องถือไกลให้หนักอีกด้วยครับ

ข้อเสียของรูปแบบนี้คือทำให้ Living Area ส่วนพักอาศัยมีน้อยลง แต่โครงการจึงเพิ่มเติมฟีเจอร์อีกอย่างเข้ามาให้คือ Day Bed ริมหน้าต่างที่คล้ายๆ Bay Window ทำให้เรามีพื้นที่นั่งเล่นติดอากาศเพิ่มเติมขึ้นมาครับ

มุมมองจาก Day Bed ครับ

จุดเด่นอีกอันคือมี Walk-in Closet ให้ตู้เสื้อผ้ามาถึง 2 ตู้ เก็บเสื้อผ้าได้จุใจสำหรับ 1 คนได้เลยครับ ประตูห้องน้ำเป็นบานเลื่อน 2 บาน ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำมากขึ้นครับ และไม่ต้องหงุดหงิดกับการเปิดบานประตูแล้วต้องเขยิบตัวหลบประตูสำหรับพื้นที่จำกัดแบบนี้ครับ

ภายในห้องน้ำเลือกใช้สุขภัณฑ์ดีไซน์คลาสสิกของ Kohler และ อ่างล้างหน้า American Standard มีตู้ใต้อ่างล้างหน้าด้วยเอาไว้เก็บของ กระจกเงาบานใหญ่ขนาดครึ่งตัวสามารถถ่ายภาพ Selfie ได้ พื้นกระเบื้องเลือกใช้สีโทนขาวสว่างซึ่งพื้นสีนี้ดี ทำให้เวลาใช้งานห้องไปนานเป็นหลายๆ ปี แม้อาบน้ำแต่คราบสบู่ต่างๆ จะไม่ไปเกาะพื้นให้มองเห็นเป็นคราบขาวดูสกปรกได้เหมือนพื้นโทนเข้ม

เตียงขนาด 5 ฟุตครับ มีหัวเตียงให้พร้อมสรรพ นอกจากนี้สังเกตไหมครับว่าทุกห้องในโครงการนี้จะติดบัวฝ้าเพดานสีน้ำตาลมาให้รอบห้องด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศความหรูหราและช่วยลดทอนความเหลี่ยมคมของห้องให้น้อยลง เพิ่มสุนทรียภาพในการอยู่อาศัยขึ้นมาเหนือระดับมากขึ้น

หน้าต่างสูงครับ ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้มากขึ้น ช่วยให้ห้องดูไม่อับ ดูสะอาดครับ

ตรงข้ามเตียงมีโต๊ะทำงานและตู้วางทีวีได้ครับ พร้อมเก้าอี้ 1 ตัว และมีที่นั่ง Built-in ให้นั่งอีก 1 ที่นั่ง

ระเบียง ข้างใน Grill มีคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ ด้านล่างเอาไว้วางเครื่องซักผ้าฝาหน้าครับ

ยูนิตรูปแบบ Studio นี้ถ้าจะให้พูดตรงๆ คือเหมาะกับการอยู่อาศัยแค่ 1 คนครับ ถ้าคนที่ 2 มาพักก็อาจจะเป็นเพื่อนหรือคนสนิทหน่อยที่สามารถนอนเตียงเดียวกันได้

ห้องรูปแบบนี้เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ปกครองซื้อเอาไว้ให้ลูกหลานพักใกล้ที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยครับ หรือกลุ่มคนโสดยังไม่แต่งงานหรือคนทำงานที่ต้องการซื้อไว้เป็นที่พักสำรองใจกลางเมืองแบบกลางเมืองจริงๆ

ยูนิตรูปแบบนี้มีโปรโมชั่นราคาพิเศษลดจากเดิม 4.5 ล้านบาทเหลือ 3.89 ล้านบาท Fully Furnished แต่งให้ครบตามที่เห็นในภาพเลยครับ (ยกเว้นของตกแต่งนะครับ) ซึ่งคาดว่าจะมีว่าที่ผู้ถือครองเข้ามาจองและอาจจะหมดในเร็ววันนี้ และถ้าทางโครงการสามารถเสนอราคาพิเศษให้ได้ตารางเมตรละประมาณ 140,000 บาท ละก็ยิ่งดีมากๆ และคาดว่าโครงการนี้ก็จะ Sold out ได้ไม่ยากเพราะจุดเด่นของทำเลใจกลางเมืองขนาดนี้ครับ ตอนนี้มียูนิตที่ชั้น 2-7 ฝั่งทิศใต้ ติดกับอาคารใกล้เคียง ตารางเมตรละประมาณ 138,000 บาท (ถือว่าถูกกว่าโครงการใหม่อื่นๆ ในละแวกเดียวกันนี้ครับ)

ขอส่งท้ายห้อง Studio ด้วยภาพประตูทางออกครับ

1 Bedroom 38.55 ตารางเมตร

ห้องประเภท 1 Bedroom ก็ยังเป็นที่นิยมของผู้ซื้อคอนโดมิเนียมชาวไทยในยุคนี้ครับ เพราะเป็นห้องรูปแบบที่มีการแยกสัดส่วนชัดเจน มีความเป็นส่วนตัว และขนาดที่ไม่เล็กคับแคบและไม่ใหญ่เกินความจำเป็น ยังสามารถดูแลจัดการทำความสะอาดได้ด้วยคนเดียว

ยูนิตแบบนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 2 คนครับ เหมาะกับคู่ครองที่ทำงานในย่านใจกลางเมืองตามแนวรถไฟฟ้า แถวย่านพญาไท สามย่าน สายสุขุมวิทแถวพร้อมพงศ์หรือสายสีลมที่สถานีสุรศักดิ์ครับ

รูปแบบของห้องจะนำส่วนครัวมาไว้ที่ด้านหน้าประตูทางเข้าเลย เนื่องจากสาเหตุเดิมครับคือ เพิ่มความเป็นส่วนตัวในบริเวณ Living Area ให้มีมากขึ้น เปิดประตูที่ไม่ให้เห็นกันทั้งห้องครับ การเอาครัวไว้บริเวณเดียวกับห้องนั่งเล่นมีข้อดีตรงที่สามารถทำอาหารที่ค่อนข้างกลิ่นแรงได้ เพราะเราสามารถปิดประตูห้องนอนเอาไว้ แล้วเปิดบานหน้าต่างที่ระเบียงเพื่อระบายกลิ่นได้ง่าย

บางคนอาจคิดว่าแล้วทำไมไม่ทำประตูบานเลื่อนกั้นระหว่างครัวและห้องนั่งเล่นไปเลย จริงๆ ก็ทำได้ครับ สามารถติดบานกั้นเพิ่มเองได้ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าแบบตามแปลนนี้ออกแบบดีแล้ว เพราะเมื่อเราทำอาหารกินเอง จริงๆ เราก็มักจะยกอาหารมารับประทานที่ห้องนั่งเล่น บางทีก็ยกไปกินที่โซฟานั่งดูทีวีไปด้วยเพื่อความเพลิดเพลิน ดังนั้นกลิ่นอาหารจะอยู่ในบริเวณทั้งครัวและ Living Area ไปพร้อมกัน จึงไม่จำเป็นต้องกั้นห้องอีก เพราะถ้ามีบานกั้นกลิ่นอาหารยิ่งระบายออกยาก และในทางปฏิบัติแล้วการติด Hood เพื่อช่วยดูดกลิ่นนั้นช่วยลดกลิ่นได้เล็กน้อยเท่านั้น แต่การระบายที่เร็วและมีประสิทธิภาพสูงคือใช้พัดลมตั้งโต๊ะวางหันหน้าออกไปทางระเบียงแล้วกดปุ่มเปิดครับ กลิ่นในห้องจะระบายออกได้เร็วที่สุด

ชั้นวางของ Built-in เปิดออกมาเป็นแบบนี้ วางถ้วยชามหรือของแห้งได้เยอะ

หันหลังจากเตา จะพบกับตู้รองเท้า

เมื่อเดินเข้ามาห้องนั่งเล่นแล้วกลับหลังหันมองไปที่ประตูทางเข้า จัดเฟอร์นิเจอร์สำหรับนั่งทานอาหารได้ จะประยุกต์เป็นโต๊ะทำงานชั่วคราวก็ยังได้

หันซ้ายเป็น Built-in ชั้นวางทีวีและเก็บของสารพัดอย่าง มีเครื่องปรับอากาศอยู่เยื้องกับโซฟา ช่วยให้ลมแอร์ไม่พัดเข้าหน้าเราโดยตรง

โซฟาให้แบบนี้เลยครับ ขนาด 2 ที่นั่ง สำหรับคู่รักหรือคนสนิทกัน แต่จะแอบงีบนอนไม่ได้นะครับ ต้องนั่งอย่างสุภาพเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะเอนตัวก็อาจจจะซื้อ Stool ไว้พาดขาก็ได้ครับ

แอร์ที่แถมให้เป็นยี่ห้อ Daikin

ยูนิตต่างๆ ของโครงการนี้ เราจะสังเกตได้ว่าจะมีช่องสำหรับแสงธรรมชาติเข้าที่เล็กกว่าบานหน้าต่าง จึงทำให้อาจจะมีแสงลอดเข้ามาจำกัด แต่สิ่งที่ได้ทดแทนกลับมาคือเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น คนที่เดินข้างนอกบริเวณส่วนกลางหรือห้องฝั่งตรงข้ามก็มองเข้าเห็นด้านในได้ยากขึ้น จึงยิ่งเพิ่มดีกรี Privacy เพิ่มขึ้นอีกตอกย้ำคอนเซปต์ของโครงการ

มุมมองจากทีวี

ระเบียงกว้างพอที่จะเอาเก้าอี้วางพักผ่อนได้ชิลๆ

เข้ามาห้องนอน มีเตียงพร้อมหัวเตียง ชั้นวางทีวี แอร์ โต๊ะหัวเตียง

มุมมองจากเตียงนอนหันหน้าไปทางชั้นวางทีวี

มุมมองจากหน้าต่างในห้องนอน มองเข้าไปห้องน้ำ

ด้านหน้าเป็นประตูบานเลื่อนห้องน้ำเข้าห้องน้ำ ด้านขวาเป็นตู้เสื้อผ้า 3 บาน เพียงพอสำหรับ 2 คน

เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าเป็นแบบนี้ครับ มีชั้นวางของด้านบน ตู้ซ้ายสุดมีแบ่งเป็นสัดส่วน

ห้องน้ำแยกส่วนเปียก ส่วนแห้ง

เคาน์เตอร์วางของอ่างล้างหน้ากว้าง

ฝากรูปห้อง 1 Bedroom ด้วยภาพห้องนั่งเล่นกันอีกครั้งครับ

ยูนิตอีก 2 แบบต่อไปจะเป็นประเภท 2 ห้องนอนครับ

2 Bedroom 57.25 ตร.ม. 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ

จุดเด่นคือห้องนอนทุกห้องและห้องนั่งเล่นได้วิวสระว่ายน้ำทุกห้อง แต่ละห้องจะแยกเป็นสัดส่วน มีห้องน้ำรวมห้องเดียว ยูนิตแบบนี้เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่มีลูกอายุไม่เกิน 18 ปี หรือเหมาะกับครอบครัว ที่มี Single Dad, Single Mom หรือผู้ปกครองซื้อให้ลูก 2 คนอยู่คอนโดที่เดียวกัน คนโตอยู่ห้องใหญ่ คนเล็กอยู่ห้องเล็ก เป็นต้น

โถงทางเดินกลาง

เลี้ยวขวาเป็นห้องนอนเล็ก เตียง 3.5 ฟุต โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า

เดินเลยห้องนอนเล็ก เลี้ยวขวาเป็นห้องนอนใหญ่ ได้วิวสระน้ำ

ห้องน้ำมี Shower Box และอ่างอาบน้ำ

ตอนอาบน้ำด้วยอ่างอาบน้ำอาจจะต้องระวังไม่ให้น้ำเลอะฝาผนังเพราะอาจจะทำให้ผนังขึ้นราได้ง่าย ถ้าเป็นไปได้อาจจะเปลี่ยนผนังเป็นกระเบื้องก็ดีครับ

พื้นที่วางเครื่องซักผ้าพร้อมท่อระบายน้ำซ่อนตัวอยู่ในตู้ใกล้ประตูทางเข้า ช่วยให้เราไม่ต้องเอาเครื่องซักผ้าไปวางที่ระเบียงให้เสียบรรยากาศ

บริเวณครัวตกแต่งมาให้แบบนี้เลยครับ เก็บของได้เยอะจุใจจริงๆ น่าจะถูกใจคนชอบทำครัว

บริเวณครัวไม่ได้กั้นประตูนะครับ เพราะต้องการให้กลิ่นระบายออกห้องนั่งเล่นแล้วออกนอกระเบียงไปได้ง่าย

ต่อไปเป็นรูปแบบห้องสุดท้ายที่จะพาไปดูครับ

2 Bedroom 68.54 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ

รูปแบบห้องนี้ขอเรียกว่าเป็นบ้านขนาดย่อมๆ เลยทีเดียวครับ เพราะมีห้องครบทุกความต้องการ

Master bedroom มีเตียงขนาด 6 ฟุต ตู้วางทีวี ที่ริมหน้าต่างมีโต๊ะทำงานและ Day Bed มีตู้เสื้อผ้าขนาด 3 บาน มีห้องน้ำภายในห้องนอน มีอ่างอาบน้ำและ Shower Box ด้วย จัดได้ว่าเป็นห้องน้ำที่เต็มรูปแบบ full function ครบ

ห้องนอนเล็กวางเตียง 5 ฟุต และสามารถเชื่อมต่อกับห้องน้ำได้ด้วยเพราะห้องน้ำมี double access เข้าได้ 2 ทางคือทางห้องนั่งเล่นและห้องนอนเล็ก ครัวเชื่อมต่อออกสู่ห้องนั่งเล่นและห้องกินข้าว

ยูนิตรูปแบบนี้กลุ่มผู้ซื้อมักจะเป็นครอบครัวอยู่ประมาณ 3-4 คนครับ

ภาพโถงทางเข้า

ห้องนั่งเล่น ตู้วางทีวี โซฟานั่งนอนได้ และ Coffee Table

มุมมองจากระเบียงมองไปยังมุมกินข้าว ทางซ้ายเป็นประตูทางเข้า ตรงกลางเป็นทางเข้าไปครัว ขวาสุดคือประตูเข้าห้องน้ำเล็กครับ

ห้องครัวมี hob และ hood พื้นที่ทางซ้ายเอาไว้วางตู้เย็นครับ

ภาพห้องน้ำเล็ก Shower Box เข้ามุม ถ้าดูจากกระจกเงาจะเห็นว่าห้องน้ำมีทางเข้า 2 ทางครับ

ใต้อ่างล่างหน้ามีตู้เก็บของ

ทางเข้า Double Access

เดินเข้าห้องนอนเล็ก

มุมมองจากหน้าต่างห้องนอนเล็ก

เดินออกมาห้องนั่งเล่น กว้างทีเดียวครับ

เดินมาห้องนอนใหญ่ เตียงขนาด 6 ฟุต ตู้วางทีวี โต๊ะทำงานและ Day Bed

มุมมองจากหัวเตียง

ตู้เสื้อผ้าแนวยาว ทางซ้ายเป็นห้องน้ำใหญ่

ตู้เสื้อผ้า 4 บานใหญ่จุใจ

ภาพห้องน้ำแบบ full function

ด้านหน้าประตูทางเข้ามีบานเปิดออกมาเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า เป็นรูปแบบที่ดีเพราะซ่อนเครื่องและเก็บเสียงไว้ได

หมดแล้วครับกับห้องตัวอย่าง 4 รูปแบบ ต่อไปเราจะเดินออกไปดูพื้นที่ส่วนกลางว่ามีอะไรอำนวยความสะดวกให้เราบ้าง

พื้นที่ส่วนกลาง

Elegance Lobby เป็นที่นั่งพัก นั่งทำงาน ติดแอร์ครับ

บริเวณ Lobby ออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ มี Armchair สำหรับนั่งพัก 1-2 คน มี Sofa คู่นั่งได้ 4 ที่นั่งสำหรับมาเป็นกลุ่มคุยประชุมกันได้ และยังมีรูปแบบโต๊ะเก้าอี้ที่สามารถนั่งทำงานคอมพิวเตอร์ได้ด้วย ถือว่าเอนกประสงค์ครบทุกความต้องการทีเดียวครับ

ที่ Lobby มี Concierge คอยให้บริการ แต่ว่าตอนนี้จัดเป็นสำนักงานขายย่อมๆ มีเจ้าหน้าที่จากพฤกษาเรียลเอสเตทคอยให้ข้อมูลอยู่ครับ

Underground Car Park ที่จอดรถ 50% จอดแยกตึก

โครงการออกแบบให้ลานจอดรถซึ่งมักเป็นทัศนียภาพที่ดูไม่สวยงามตาแถมมีควันจากรถยนต์แอบซ่อนลงไปยังชั้นใต้ดินแล้วตัดสินใจนำพื้นที่ส่วนกลางสวยๆงามๆ มาวางไว้ที่ชั้น 1 แทน จึงเป็นอีกวิธีคิดที่ตั้งใจทำให้คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยมีความสุขมากขึ้นและแนวคิดนี้ส่งผลให้โครงการ The Reserve Kasemsan 3 แตกต่างไปจากคอนโด Low-rise ทั่วไปและโครงการอื่นๆ รอบข้างอีกด้วยครับ

ชั้นใต้ดิน มีไฟสว่าง

Tea room พื้นที่นั่งชิลล์ อ่านหนังสือ สามารถใช้เป็นสถานที่ติวหนังสือได้

สระว่ายน้ำสไตล์รีสอร์ท และ Outdoor Pool Gazebo ศาลาพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ

Fitness Gym เครื่องเล่นหลากลาย และมี Steam room แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมาเพราะมีผู้ใช้บริการอยู่

The Reserve Secret Garden มี Natural Foot Massager

Sub entrance ทางเดินลัดพิเศษ

Mailbox

ความแตกต่างที่โดดเด่นของโครงการ The Reserve

เรื่องเด่นๆ ที่แตกต่างมี 3 เรื่องได้แก่

1. ทำเลที่ตั้งเงียบสงบ แต่ใกล้รถไฟฟ้าห้างสรรพสินค้าย่านสยามเช่น Siam Discovery, Siam Center, Siam Paragon, MBK ทั้งหมดอยู่ในระยะเดินได้บนทาง Sky Walk สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
2. สไตล์ในการออกแบบทั้งหมดของโครงการนี้รังสรรค์ภายใต้คอนเซปต์ Boutique Resort  ที่มีกลิ่นอายของความเป็น Classic, Vintage, Colonial  ให้บรรยากาศผ่อนคลายคล้ายอยู่รีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจริงๆ
3. ราคาต่อตารางเมตรที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ที่เปิดใหม่เวลาใกล้เคียงกัน

เพื่อนบ้านร่วมโครงการเป็นใครบ้าง

• ข้าราชการระดับสูง
• ผู้บริหารองค์กรเอกชน
• นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาชั้นนำระดับประเทศ
• ดารานักแสดง
• นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ เป็นต้น

The Reserve เหมาะกับใคร

• กลุ่มครอบครัว ต้องการที่พักอาศัยใกล้สยาม จุุดศูนย์กลางของกรุงเทพ
• กลุ่มเศรษฐีที่มีบ้านชานเมืองและต่างจังหวัดอยู่แล้ว แต่ต้องการที่พักใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ซื้อไว้ทดแทนการเช่าโรงแรมเมื่อต้องการเข้ามาทำธุระต่างๆ
• กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องการจัดหาที่พักดีๆ ให้บุตรหลานเพราะใกล้สถานศึกษาชั้นนำย่านถนนพญาไท เช่น สาธิตปทุมวัน สาธิตจุฬาฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
• กลุ่มผู้บริหารระดับสูงองค์กรเอกชน ข้าราชการระดับสูงที่ทำงานในย่าน Edubiz District เช่น สถานีสามย่าน, สถานีพญาไท หรือย่านหรูอย่างราชประสงค์ สถานีชิดลม สถานีเพลินจิต สถานีราชดำริและสถานีศาลาแดง
• กลุ่มผู้ที่ต้องการที่พักสำรอง บางคนอาจซื้อเก็บไว้เป็นสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปร่วมงานราตรี
• กลุ่มนักสะสม (Collector) ผู้ที่ต้องการเก็บสะสมอสังหาริมทรัพย์ที่มีสไตล์แตกต่างจากที่เคยสะสมมา
• ชาวต่างชาติที่ต้องการลงทุนหรือซื้อเก็บสะสม เพราะทำเลนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวต่างชาติทั่วโลก ไม่ว่าใครก็ต้องมาสยาม MBK
• นักลงทุน Landlord สไตล์ปล่อยเช่าที่ต้องการลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวสิงคโปร์ผู้มีรายได้สูงที่ต้องการพักใจกลางเมืองใกล้ออฟฟิศ Grade A ต่างๆ

เปรียบเทียบโครงการคอนโดมิเนียมในย่านเดียวกัน

ย่านสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ เคยเป็นทำเลที่นิยมมาก่อนระยะหนึ่ง แต่หลังจากการกลับมาของทำเลสามย่านมาด้วยโครงการใหม่ๆ เช่นจามจุรีสแควร์ และล่าสุดคือสามย่านมิตรทาวน์ (Samyan Mitr Town) จึงทำให้ย่านสนามกีฬาแห่งชาติได้รับความสนใจน้อยลงไป แต่แท้จริงแล้วย่านเกษมสันต์บริเวณ BTS สนามกีฬาแห่งชาตินี้เป็นทำเลที่ชาวต่างชาตินิยมเนื่องจากมีโรงแรมทั้ง High-rise, Low-rise มี Hostel ที่พักระยะสั้นหลายรูปแบบให้เลือกและเป็นที่ตั้งของ The Jim Thompson และใกล้ศูนย์การค้าต่างๆ ทำให้มีคนต่างถิ่นมาแวะเวียนเดินไปมาย่านนี้อยู่เป็นประจำ

ส่วนย่านราชเทวีใกล้เคียงนั้นก็เป็นย่านที่คนต่างชาติมักจะไม่เคยรู้จักกับชื่อคำว่า Ratchathewi มากนัก เพราะส่วนใหญ่ราชเทวีจะเป็นแค่ทางเดินผ่านเพื่อไปยังย่านประตูน้ำที่คนต่างชาติคุ้นเคยมากกว่า ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบด้านชื่อเสียงของระหว่างย่านสนามกีฬาแห่งชาติ ราชเทวี และสามย่านแล้ว ชาวต่างชาติจะคุ้นเคยสนามกีฬาแห่งชาติมากกว่า

จาก infographic ด้านล่างจะเห็นว่า Supply ของคอนโดมิเนียมย่านสนามกีฬาแห่งชาติมีค่อนข้างจำกัด โครงการใหม่ๆ ก็มักจะมีราคาใกล้เคียงกันที่ 170,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ The Reserve Kasemsan 3 ณ ปัจจุบันเคยมีสถิติลดราคาให้ดีลพิเศษที่ 138,000 บาทต่อตารางเมตรก็มีให้เห็นมาแล้ว คาดการณ์ว่าราคาขายอาจจะขยับขึ้นไปที่ 180,000 บาทต่อตารางเมตรในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเมื่อเทียบกับโครงการใหม่ๆ รอบข้างแล้วก็ถือว่า The Reserve Kasemsan 3 ราคาดูน่าสนใจมากทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ซื้อและความพึงพอใจในการแลกเปลี่ยนด้วยครับ ของแบบนี้ก็อาจจะเปรียบเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ครับ

ราคาและเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการ The Reserve Kasemsan 3 (ข้อมูลเมื่อ 1 มิถุนายน 2559)

• ค่าส่วนกลางตารางเมตรละ 65 บาท จ่ายล่วงหน้า 2 ปี
• ค่ากองทุน (Sinking Fund) 500 บาทต่อตารางเมตร
• ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2% ออกคนละครึ่ง
• ฟรีเฟอร์นิเจอร์หรู, เครื่องปรับอากาศ, วอลเปเปอร์

ราคาของแต่ละยูนิตที่นำเสนอในบทความนี้

• Studio 27-28 ตร.ม. ทิศใต้ ระเบียงวิวอาคารอื่น ราคาพิเศษ One Price ที่ 3.89 ล้านบาท (ลดมากกว่า 800,000 บาท เพราะราคาก่อนโปรโมชั่นอยู่ที่ 4.7 ล้านบาท)
• 1 Bedroom ขนาด 38.64 ตร.ม. ราคาประมาณ 7.3 ล้านบาท
• 2 Bedroom 57.25 ตร.ม. ราคาประมาณ 10.5 ล้านบาท
• 2 Bedroom 68.72 ตร.ม. ราคาประมาณ 12.4 ล้านบาท ยูนิตแบบนี้มีส่วนลด 6%
  ราคาชั้น 2 และชั้น 7 อยู่ที่ 12,464,000 บาท ตกตารางเมตรละประมาณ 181,000 บาท ยูนิตแบบ 2 Bedroom 68 ตร.ม.นี้มีให้ถือครองอีกไม่มากนัก

โครงการ The Reserve Kasemsan 3 แห่งนี้ผมมองเห็นข้อดีตรงที่ทางดีเวลลอปเปอร์ยังไม่ค่อยโหมทำการตลาดให้มีคนรู้จักมากนัก และที่ตั้งของโครงการก็อยู่ในซอยตันซึ่งไม่มีรถเข้าออกผ่านไปมา จึงทำให้เป็นเหมือนดั่ง Secret Gem เป็นเพชรที่ซ่อนอยู่กลางใจเมืองที่รอให้ผู้แสวงหามาค้นพบ ส่งผลดีคือทำให้ยูนิตดีๆ ยังมีให้โอกาสให้ถือครองกันอีกหลากหลายรูปแบบครบทั้ง Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom

โครงการ The Reserve Kasemsan 3 ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชื่นชอบอสังหาฯ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในทำเลที่่หาใหม่ได้ยากมากเต็มที สามารถขอนัดหมายและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1739

GPS Location ของโครงการและสำนักงานขาย คลิก Google Map https://goo.gl/maps/GC9oEuJzq3k