HOF UDOMSUK โดดเด่นมากฟังก์ชั่น ที่จอดรถเยอะ ใจกลางอุดมสุข

ในบรรดาพื้นที่ใช้สอยในส่วนต่างๆ ของบ้าน เชื่อได้เลยว่าบริเวณพื้นที่อย่างชานบ้าน น่าจะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ถูกใช้งานมากที่สุดสำหรับใครหลายๆ คน เนื่องจากสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้ตามความต้องการในแต่ละโอกาส ไม่ว่าจะเป็นส่วนต้อนรับแขก จัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ และครอบครัว ตกแต่งให้เป็นสวนขนาดย่อม หรือการเลี้ยงสัตว์ โดยส่วนของชานบ้านจะช่วยแยกพื้นที่ส่วนรวมออกจากพื้นที่ส่วนตัวได้อย่างอิสระ ให้รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว ซึ่งพื้นที่แบบนี้ส่วนใหญ่แล้วเราไม่สามารถพบเจอได้บนอาคารคอนโดสูง และอาคารพาณิชย์ทั้งหลายที่อยู่โดยรอบทำเลกลางเมืองอย่างอุดมสุข

ซึ่งคลิปนี้เราจะพามาพบกับโครงการโฮมออฟฟิศ แนวใหม่ ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ แบ่งโซนออฟฟิศ โซนพักอาศัยได้อย่างลงตัว และทางเจ้าของโครงการยังได้สร้าง Signature พิเศษให้กับโครงการ โดยหยิบเอารูปแบบการใช้พื้นที่ของเรือนไทยมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบสถาปัตยกรรม โครงการตั้งอยู่ใจกลางอุดมสุข อยู่ใกล้ว่าที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียของ เดอะ มอลล์ กรุ๊ป กับโปรเจค Bangkok Mall เพียง 100 เมตร นี้เอง กับโครงการ HOF UDOMSUK (ฮอฟ อุดมสุข)

HOF Udomsuk (ฮอฟ อุดมสุข) เป็นโครงการโฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น พร้อมลิฟต์ส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอย 388 ตารางเมตร ที่จอดรถ 5-8 คัน มีจำนวนเพียง 7 ยูนิตเท่านั้น โครงการห่างจากรถไฟฟ้าสถานีอุดมสุข เพียง 600 เมตร ถูกพัฒนาโดยบริษัท UNI-Living ซึ่ง HOF UDOMSUK เป็นโครงการที่เน้นในเรื่องของการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาสภาพความเป็นอยู่ของคนเมืองในปัจจุบันให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โดยหากใครที่คุ้นเคยกับย่านอุดมสุขก็จะพบว่าเป็นย่านที่เต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ทั้งสมัยเก่าและใหม่เรียงรายอยู่เต็มสองฝั่งถนน ซึ่งแม้จะรองรับในเรื่องการค้าขายและการอยู่อาศัยได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัดมากในเรื่องของที่จอดรถ และทิศทางแสง ลม การระบายอากาศ และการดีไซน์อาคารที่เน้นความลึกเพียงอย่างเดียว ดังนั้น โครงการจึงเน้นในเรื่องของการนำงานดีไซน์มาใช้ในการแก้ปัญหาของความอับทึบ และมืดของอาคารตึกแถว โดยพื้นที่ภายในจะสามารถเปิดรับแสงแดดและลมประจำทิศให้สามารถเข้า-ออก และหมุนเวียนในปริมาณที่เพียงพอได้ทั่วทั้งอาคาร อันส่งผลต่อเนื่องไปสู่การช่วยลดปริมาณพลังงานในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในอาคารด้วยเช่นกัน

และสิ่งที่ทำให้โครงการ HOF UDOMSUK แตกต่างไปจากอาคารทาวน์โฮมทั่วไป ก็คือลักษณะการออกแบบของพื้นที่ภายในให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบการออกแบบส่วนโครงสร้างและงานระบบให้สามารถรองรับการขยับขยายและการต่อเติมในอนาคต ซึ่งเป็นการรับประกันได้ว่าผู้ใช้งานจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และตอบสนองกับวิถีชีวิตในปัจจุบันที่มีความต้องการเชื่อมโยงของพื้นที่อาศัย และพื้นที่ทำงานให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว

อย่างที่บอกไปว่าโครงการตั้งอยู่ในย่านอุดมสุข ใกล้กับบางนาที่เป็นย่านธุรกิจของช่วงสุขุมวิทตอนปลาย และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังสมุทรปราการ และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ได้โดยง่าย และยังเป็นย่านที่เติบโตเร็วขึ้นอย่างมาก ได้รับอานิสงค์ตามมาด้วยเพราะการขยายตัวความเจริญของเมืองเริ่มค่อยๆ ไหลออกมาตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นย่านที่มีคนเช่าอยู่เยอะ ย่านรวมของกิน มีแหล่งงาน มีเส้นทางเชื่อมกับถนนศรีนครินทร์ และรถไฟฟ้าผ่าน แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตลาดอุดมสุข, ตลาดมหาสิน, Udomsuk Walk, 101 True Digital Park, Bitec บางนา,  เซนทรัล บางนา, ตึก Bhiraj, สำนักงาน 66Tower, โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์ และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับโลกอย่าง The Bangkok Mall

โครงการ HOF UDOMSUK ตั้งอยู่ในซอยอุดมสุข 18 แต่จริงๆ แล้วโครงการสามารถเข้า-ออก ได้ 3 ทาง ทั้งจากฝั่งถนนอุดมสุข เข้าซอยอุดมสุข 18 ได้เลย สังเกตได้จาก Makro Food Serviceและร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่อยู่บริเวณปากซอย  จากปากซอยมาถึงโครงการประมาณ 400 เมตร หรือจะเข้าจากเส้นฝั่งถนนสุขุมวิท เข้าซอยสุขุมวิท 103/2 สังเกตหน้าปากซอยฝั่งขวามือมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 เข้ามาจนสุดซอยก็ตัดกับซอยอุดมสุข 18 ได้เช่นกัน และอีกฝั่งจากถนนเส้นถนน บางนา-ตราด เข้าซอยบางนา – ตราด 1 ขับมาเจอทางแยกเลี้ยวซ้าย และเลี้ยวซ้ายอีกที จะตัดกับซอยที่จะออกไปซอยสุขุมวิท103/2 กันพอดี อีกทั้งด้านหลังโครงการยังมองเห็น The Bangkok Mall ได้อีกด้วย ห่างเพียง 100 เมตร เท่านั้น

มาดู Detail ของโครงการกันครับ ว่าเราจะสามารถตกแต่งแต่ละชั้นให้สามารถเป็นห้องประชุม วางโต๊ะทำงาน หรือทำอะไรได้เลยบ้าง ใครที่กำลังมองหาออฟฟิศพร้อมกับมีชั้นพักอาศัยไปในตัว และจะทำให้เจ้าของบ้านรู้สึก Privacy เป็นอย่างมาก ห้ามพลาด!

โดยโครงการมีทางเข้า – ออก ทางเดียว ไม่มีประตูหลัก แต่ปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิดด้านหน้าโครงการ ถนนโครงการกว้าง 6.5 – 8 เมตร รถขับสวนเลนได้สบาย และรั้วรอบโครงการสูง 2.4 เมตร โครงการไม่มีส่วนกลางให้จึงไม่มีการเก็บค่าส่วนกลางและค่ากองทุนด้วย

บริเวณหน้าบ้านกว้าง 5.7 เมตร ตัวบ้านจะเท่ากันทุกหลัง จะต่างกันตรงที่ดิน โดยที่ดินเริ่มต้นที่ 25.7 – 45.2 ตารางวา หลังริมสุดจะได้พื้นที่ข้างบ้านไว้จอดรถเพิ่มได้อีก 2-3 คัน

เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยประตูที่จอดรถเลือกใช้เป็นแบบ  Shutter Door พร้อมรีโมท มีช่องแสงด้านบน เพราะเมื่อปิดประตูแล้วจะทำให้ชั้นจอดรถไม่มืดจนเกินไป

HOF UDOMSUK นั้นมีความแตกต่างในเชิงสถาปัตยกรรมที่ชัดเจน นั่นคือการแบ่งสัดส่วนของพื้นที่สำนักงานและพื้นที่พักอาศัยออกจากกันอย่างเป็นสัดเป็นส่วนตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบ โดยโครงการซึ่งมีขนาดรวม 3 ชั้น กับอีกหนึ่งชั้นลอยและหนึ่งชั้นใต้ดิน ได้มีการเพิ่มขนาดหน้ากว้างให้มากกว่าอาคารตึกแถวทั่วไป พร้อมๆ ไปกับขยายขอบเขตพื้นที่ชั้นล่างด้วยการกดพื้นให้มีระดับต่ำกว่าพื้นดินลงไป 0.9 เมตร และยกพื้นชั้นหนึ่งขึ้นสูงขึ้นไป 2 เมตร เพื่อให้ทั้งชั้นสามารถใช้เป็นส่วนจอดรถได้ทั้งหมด

ในส่วนของแนวทางการตกแต่งภายในจะเน้นความเรียบง่าย มีการใช้โทนสีขาวเป็นหลัก ทั้งในส่วนผนังและฝ้าเพดาน การนำกระเบื้องและเอนจิเนียริ่งวูด มาเป็นวัสดุในส่วนของพื้นห้อง ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มความอบอุ่นให้บรรยากาศโดยรวมด้วยการนำไม้มาเป็นองค์ประกอบสำคัญ อาทิ บันไดไม้ สำหรับการตกแต่งภายนอกอาคาร จะเน้นการเปิดเผยให้เห็นพื้นผิวธรรมชาติของวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นเหล็กที่ถูกใช้ในส่วนหน้าอาคาร ราวกันตก ครีบอาคาร รวมทั้งการใช้ตะแกรงเหล็กในส่วนพื้น ไปจนถึงกระถางต้นไม้ที่ทำจากหินกรวดล้างสร้าง Texture ให้ดูเป็นธรรมชาติ เป็นต้น

นี่คือบริเวณของลานจอดรถทั้งหมด กว้างมากๆ เพดานสูง 2.2 เมตร ตัวบ้านลึก 14 เมตร จอดได้ทั้งหมด 5 คัน ด้านในจอดแบบ 4 คัน ซ้อนอยู่ลานด้านหลัง และอีก 1 คัน จอดตรงหน้าลิฟต์ฝั่งนี้ หรือเจ้าของบ้านจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้เป็นห้องแม่บ้าน หรือห้องเก็บของ ก็ยังได้

อย่างที่บอกไปว่าโครงการนี้ให้ลิฟต์มาด้วย ซึ่งเป็นลิฟต์ที่ขึ้นตรงไปยังส่วนพักอาศัยของเจ้าของบ้านได้เลย โดยไม่ต้องผ่านชั้นทำงาน เป็นลิฟต์แบบล็อคชั้นและเซ็ตด้วยระบบคีย์การ์ดได้อีกด้วย ทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวอย่างมาก

ทางขึ้นบ้านอยู่ตรงนี้ครับ มีประตูอีก 1 ชั้น แบบ Magnet Lock ที่ควบคุมการเปิด-ปิด ด้วยระบบ Intercom สามารถกดกริ่งเลือกเปิดประตูได้จาก ชั้นบ้าน และชั้นออฟฟิศ โดยจะมีกล้องที่สามารถดูผ่านหน้าจอ intercom พร้อมพูดคุยสื่อสารแบบเห็นหน้ากันได้ และสั่งเปิด-ปิดประตูได้ผ่านหน้าจอ สะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัยด้วย

เดินขึ้นมาที่บันไดด้านบนก็จะเจอกับ Foyer ตู้เก็บรองเท้า, ชั้นเก็บของ มีที่นั่งคอยสำหรับผู้มาติดต่อ

และก็มาถึงบริเวณชั้น 1 โดยพื้นที่ในชั้นแรกซึ่งถูกออกแบบมาให้เข้าถึงได้ง่ายและมีความเป็นสาธารณะ เป็นที่ตั้งของสำนักงานขนาดกลางที่สามารถรองรับพนักงานได้จำนวน 15-20 คน

มองขึ้นมาด้านบน จะเห็นได้ว่าเป็นพื้นที่แบบโอเพ่นสเปซ เพดานสูงถึง 5.5 เมตร ขึ้นไปถึงชั้นลอย โดยผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยน หรือต่อเติมโครงเหล็กได้ตามลักษณะงานและความต้องการ ให้เป็นชั้นปิดเพื่อสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

ตรงนี้จะมีห้องน้ำที่แยกห้องชาย – หญิง อย่างละ 1 ห้อง ไว้ข้างในอย่างอย่างชัดเจน

เดินออกมาที่ชานฝั่งหน้าบ้าน ซึ่งทางโครงการยังทำการเพิ่มชานด้านหน้าเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ด้านในและด้านนอกเข้าด้วยกัน มีการใส่รายละเอียดอย่างกระถางต้นไม้พร้อมติดตั้งระบบ Timer ตั้งเวลารดน้ำต้นไม้ได้ ให้พื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่เพื่อสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นให้แก่ผู้อยู่อาศัย สามารถเดินออกมารับลม รับแสงแดดยามเช้าที่มุมนี้ได้

ชั้นนี้ทางโครงการเรียกว่า Mezzanine Floor หรือชั้นลอยนั่นแหละครับ จริงๆ ชั้นนี้จะใช้พื้นที่ได้แค่ครึ่งเดียว เพราะมีโอเพ่นสเปซตรงนี้ ที่มองลงไปยังชั้น 1 ได้ ใครอยากต่อเติมเตรียมไว้เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคตก็ได้เช่นกัน โดยโครงการได้มีการวางระบบที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการวางระบบไฟ จุดเชื่อมต่อปลั๊กไฟ ระบบการใช้งานคอมพิวเตอร์ ท่อแอร์ ตำแหน่งเสา คาน และงานระบบอื่นๆ ที่เอื้อให้เกิดความสะดวกสบายกับผู้อยู่อาศัย

มีพื้นที่ส่วนหลังบ้านตรงนี้ให้สามารถใช้เป็นห้องประชุม ห้องผู้บริหาร หรือพื้นที่นั่งทำงานก็ได้เช่นกัน

เดินมายังส่วนหน้าบ้านตรงนี้ มีมุมเตรียมอาหารและเครื่องดื่มที่พนักงานสามารถมาใช้บริการส่วนนี้ได้ อยู่ติดกับระเบียงด้านหน้า เป็นพื้นที่เปิดโล่งให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีต้นไม้สูงขึ้นมาถึงชั้นนี้ด้วย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ที่เป็นส่วนของชั้นพักอาศัยครับ ทางโครงการมีความตั้งใจที่ต้องการจะแยกโซนทำงานและการอยู่อาศัยออกจากกันอย่างชัดเจน ชั้นนี้จึงสัมผัสได้ถึงการไล่ระดับความเป็นส่วนตัว ด้วยการออกแบบลิฟต์ที่สามารถขึ้นตรงมาจากลานจอดรถเพื่อเข้าถึงส่วนพักอาศัยที่ชั้น 2 ได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านชั้นทำงานด้านล่าง

ส่วนพักอาศัยในชั้น 2 นี้ ทีมออกแบบได้นำเอารูปแบบการใช้พื้นที่ของ “เรือนไทย” มาประยุกต์ใช้ โดยถ่ายทอดออกมาเป็นพื้นที่ ‘ชานบ้าน’ ที่เมื่อผู้ใช้งานเดินทางออกมาจากลิฟต์แล้วจะได้พบกับพื้นที่นี้ก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งชานบ้านนี้จะเป็นพื้นที่แบบ Semi – Outdoor เสมือนพื้นที่เปลี่ยนถ่ายสเปซก่อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน อีกทั้งยังมีการนำประตูบานเลื่อนมาใช้เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถปรับเปลี่ยนที่ใช้สอยได้ตามความต้องการ ยังทำหน้าที่เป็นส่วนต่อเชื่อมไปยังห้องนั่งเล่นแบบ Double Space ด้านในที่ให้บรรยากาศแบบโล่ง โปร่ง สบาย พร้อมการจัดผังแบบโอเพ่นสเปซเพื่อให้ยืดหยุ่นไปกับการใช้งานที่แตกต่างและเฉพาะตัวของผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ภายในบ้านยังมีระบบ Home Automation ติดตั้งมาให้ด้วย

ที่ชานบ้านเป็นประตูเลื่อนบานกระจกแบบเต็มความสูง เปิดได้กว้างมาก มองทัศนียภาพด้านนอกได้สุดลูกหูลูกตา และมีมุมเก็บบานประตูอยู่ด้านหลังตรงนี้

มีส่วนของครัวไทยอยู่ตรงนี้ด้วยครับ โครงการให้ Hood, Sink และเตาไฟฟ้ามาด้วย ใช้เป็นครัวหลักของเจ้าของบ้าน โดยพนักงานหรือผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต จะไม่ได้สามารถขึ้นมาใช้ยังส่วนนี้ได้ มีช่องวางตู้เย็นขนาดใหญ่ไว้ด้านนี้ด้วย วัสดุที่เห็นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น  ชุดบิ้วอินชั้นครัว, พื้นกระเบื้อง, ผนังไม้, ฝ้าไม้, ไฟ, ดวงโคม  ทุกดีเทลรายละเอียดต่างๆ ที่เห็น โครงการคิดและออกแบบมาให้ครบแล้วทั้งหมด บ้านจริงทุกหลังจะเป็นแบบที่เห็นเลย ต่างกันแค่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น

เดินเข้ามายัง Living Area ที่มีเพดานสูงถึง 5.5 เมตร มีการติดตั้งบันไดไม้ให้ยื่นออกมาจากผนัง และมีการวางบันไดไว้ในตำแหน่งเดียวกันทุกชั้นเพื่อให้เจ้าของบ้านใช้พื้นที่ภายในบ้านได้อย่างเต็มที่ พื้นปูด้วยเอ็นจิเนียริ่งวูด ผนังบ้านฉาบเรียบทาสีขาว

อีกทั้งติดตั้งสกายไลท์เพื่อนำอินไดเร็คไลท์จากแสงแดดเข้าสู่พื้นที่ในอาคาร เพิ่มช่องทางรับแสงจากด้านบนเพื่อแก้ปัญหาความอับทึบที่มักพบได้ในอาคารห้องแถวหรือทาวน์โฮม โดยส่งผลให้แสงธรรมชาติสามารถตกกระทบและไหลเข้ามายังตัวบ้านได้อย่างเพียงพอ และมีการเจาะช่องหน้าต่างทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้าน เพื่อเกิดการไหลเวียนของลมที่เหมาะสม

ติดกับ Living Area ตรงนี้ เป็น Multipurpose Area สามารถกั้นทำเป็นห้องนอนเพิ่มได้และยังมีห้องน้ำในตัวด้วย หรือจะทำเป็นห้อง Hobby Room, Fitness ก็ยังได้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนภายในบ้าน ส่วนระเบียงด้านนอกกว้างมาก ดีไซน์ไว้เพื่อกันตกและใช้แขวนต้นไม้ได้

และก็มาถึงชั้นบนสุด ที่เป็นส่วนของที่พักอาศัยทั้งชั้น มีพื้นที่กว้าง แบ่งเป็นสัดส่วน อารมณ์แบบ Penthouse โดยโซนพักอาศัย ชั้น 2 และชั้น 3 มีขนาดพื้นที่ถึง 150 ตารางเมตร เดินเข้ามาก็จะเจอกับ Master Bedroom กว้างถึง 5.7 เมตร กับดีไซน์ฝ้าเพดานทรงจั่วสูงถึง 3.7 เมตร บานกระจกสูงชิดเพดานเพื่อให้รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่

โดยโครงสร้างจั่วดังกล่าวเกิดจากการนำข้อจำกัดในเรื่องของกฎหมายควบคุมความสูงอาคารมาเป็นโจทย์หลักในการออกแบบ เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้รู้สึกโปร่งโล่งและสูงที่สุด โดยพื้นที่ส่วนนี้ยังสะท้อนออกมาเป็นหน้าตาของตัวโครงการด้วยในตัว

ถัดจาก Master Bedroom คือห้องแต่งตัวที่มีความยาวถึง 5 เมตร ทำเป็นห้อง Walk-in Closet ถูกใจผู้ที่รักในการแต่งตัวเป็นอย่างมาก ฝั่งนี้เป็นกระจกที่มองลงไปยัง Living Area ได้ เพดานสูงตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นมาถึงโซนนี้

ห้องน้ำในชั้นพักอาศัยเป็นห้องน้ำมาสเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีความโปร่งและถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 คน ให้อ่างล้างหน้าแบบ His & Her พร้อมช่องเก็บของด้านล่าง และส่วนอาบน้ำกั้นด้วย Shower Screen ขนาดใหญ่สูงเกือบติดเพดาน

ด้านข้างขวามือตรงนี้จะมีการกั้นพื้นที่ขนาดย่อม ซึ่งมีการเจาะช่องสกายไลท์ไว้ด้านบน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้เป็นสวนส่วนตัว พร้อมๆ ไปกับการเพิ่มความสว่างให้แก่ห้องน้ำ

อีกฝั่งสามารถใช้เป็นโซนซักล้างได้ ทางโครงการติดตั้งก๊อกน้ำสำหรับเครื่องซักผ้าไว้ให้ตรงนี้ ทั้งยังตากผ้าแห้งเร็วอีกด้วย เพราะเป็นพื้นที่โล่งให้ระแนงเหล็กด้านบนแบบนี้ด้วย

HOF UDOMSUK ขายในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 18.9 ลบ. เฉพาะพิเศษหลังโปรโมชั่นเท่านั้น! ใครอยากได้ต้องรีบตัดสินใจแล้วนะ

ตอนนี้สามารถเข้าชมบ้านตัวอย่างของโครงการ HOF UDOMSUK ได้แล้ว หากใครสนใจหรืออยากเข้ามาชมบ้านตัวอย่าง สามารถติดต่อนัดหมายเข้าชมได้ที่เบอร์ตามด้านล่างนี้ 09-8283-8787