CHALERMNIT ART DE MAISON

  

เฉลิมนิจ อาร์ท เดอ เมซง


ย่านทองหล่อถือเป็นย่านที่อยู่อาศัยยอดนิยมของคนต่างชาติอย่างชาวญี่ปุ่น ดังนั้นเราจึงเห็นคอนโดเกือบทุกแห่งในย่านนี้มีการออกแบบ layout ห้องและพื้นที่ส่วนกลางที่เอาใจชาวญี่ปุ่น โดยโครงการ Chalermnit Art De Maison (เฉลิมนิจ อาร์ท เดอ เมซอง) ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่มีความแปลกใหม่หวือหวากว่าด้วย

เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 29 May, 2021 เวลา 11.35 am

Prop score™: 4.0

คะแนนรีวิว: 0.0

0 รีวิว


ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา



    ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ

CHALERMNIT ART DE MAISON

บริษัทผู้สร้าง

บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

สถานที่

ซอยสุขุมวิท 53

สถานีรถไฟ BTS

BTS ทองหล่อ Distance 500 m.

สถานีรถไฟใต้ดิน

-

Airport Rail Link

-

สถานี BRT

-

พื้นที่

ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน

ชั้น

8 ชั้น

ยูนิต

122 ยูนิต

ที่จอดรถ

Automatic Parking 100%

ลิฟท์

อาคาร A มี Private Lift 2 ตัว ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว และลิฟท์บริการ 2 ตัว / อาคาร B ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว และลิฟท์บริการ 1 ตัว

สิ่งอำนวยความสดวก

Lobby, Mailbox, สวนพักผ่อน, ออนเซ็น แยกชาย-หญิง, สระว่ายน้ำสไตล์ญี่ปุ่น, ฟิตเนส, Golf Simulator Room


    ประเภทยูนิต

ประเภท

CONDO/คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่/Luxury Condo

studio

-

1 bedroom

33.4-55.0 Sq.m.

2 bedroom

82.8 - 103.75 Sq.m.

3 bedroom

-

Duplex

116.95 - 161.25 Sq.m.

Penthouse

-

ประเภทอื่นๆ

-

ความสูงจากพื้นถึงเพดาน

2.7 เมตร

ราคาเริ่มต้น / ตรม.

เฉลี่ย 235,000 บาท/ตร.ม. เริ่มต้น 192,308 บาท/ตรม.

ราคาเริ่มต้น / ยูนิต

6.9 ล้านบาท (Promotion สำหรับห้องพิเศษ ขนาด 35.88 ตรม. ณ เดือน พค. 2021)

ค่าส่วนกลาง

n/a

Sinking Fund fee

n/a

สร้างเสร็จ

2021

เว็บไซต์

https://bit.ly/3bZoR2U

1797


เพื่อนบ้าน Street View


ดีที่สุดในทุกรายละเอียด CHALERMNIT ART DE MAISON เงียบสงบเป็นส่วนตัว เหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้ใจกลางทองหล่อ พร้อมส่วนกลางใต้ดินสุดอลังการ!

 

ทองหล่อ คืออีกหนึ่งย่านไลฟ์สไตล์สำคัญบนสุขุมวิทตอนกลาง ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเคียงคู่กับการขยายตัวของย่าน CBD (Central Business District) ที่อโศกไปสู่ทำเลใกล้เคียงโดยรอบ เมื่อมีความต้องการทั้งแหล่งงานและที่อยู่อาศัย ผสมผสานอยู่ในพื้นที่ ทำให้ในปัจจุบันย่านทองหล่อมีรูปแบบโครงการอสังหาฯในลักษณะผสมผสานกันระหว่างความเป็นไลฟ์สไตล์ และวิถีการทำงานในรูปแบบใหม่ เป็นศูนย์รวมของออฟฟิศของเหล่า startup ยุคใหม่ รวมทั้งมี Shopping Destination ชั้นนำมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นย่านยอดนิยมในการพักอาศัยของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในไทย รวมทั้งจากความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพื้นที่ ทำให้มีการพัฒนาโครงการคอนโด โดยเฉพาะระดับ Luxury ขึ้นไปตั้งแต่บริเวณรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ ไปถึงพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ และซอยทองหล่อ จนหลายๆคนขนานนามว่าที่นี่เป็น Central Millennials District (CMD)

 

ถ้ากล่าวถึงทำเลทองหล่อ สามารถแบ่งลักษณะทำเลได้เป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งเลขคี่และเลขคู่ โดยเลขคี่เป็นฝั่งซอยสุขุมวิท 55 ซึ่งเป็นถนนทองหล่อ สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเพชรบุรีได้ง่าย และการเดินทางภายในซอยต่างๆ สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้โดยสะดวกแม้ว่าหลายซอยจะมีขนาดเล็กก็ตาม ในขณะที่ฝั่งเลขคู่ ก็ได้รับความนิยมไม่ต่างกันมาก เพียงแต่พื้นที่ในฝั่งนี้จะมีขนาดเล็กกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าซอยที่แยกจากถนนสุขุมวิทในฝั่งเลขคู่ส่วนใหญ่ มีความกว้างน้อยกว่าฝั่งเลขคี่แบบชัดเจน สามารถใช้เส้นทางซอยสุขุมวิท 40 และ 42 เข้า – ออกไปยังถนนพระรามสี่ได้ และถนนพระรามสี่ปัจจุบันก็มีอาคารสำนักงาน และแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ อาทิ K-Village รวมถึง The PARQ ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่

CHALERMNIT ART DE MAISON ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์พักอาศัยที่ไม่เหมือนใครในแบบ Luxurious Japanese – Inspired ใจกลางทองหล่อ

 

ซึ่งหากเราผ่านทองหล่อ เราอาจเห็นว่าฝั่งทองหล่อเลขคี่นั้น ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสีสันมากกว่าฝั่งเลขคู่ และมีการพัฒนามาอย่างหนาแน่นแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีย่าน Residential Area ที่เงียบสงบราวกับไม่ได้อยู่ที่ทองหล่อ และเป็นซอยที่เป็นย่านพักอาศัยแทรกตัวอยู่ในซอยทองหล่อฝั่งเลขคี่ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสุขุมวิท 55 คือซอยสุขุมวิท 53 ซึ่งในซอยนี้ยังไม่มีคอนโดสร้างใหม่เกิดขึ้นเลย ในขณะเดียวกันย่านทองหล่อถือเป็นย่านที่อยู่อาศัยยอดนิยมของคนต่างชาติอย่างชาวญี่ปุ่น ดังนั้นเราจึงเห็นคอนโดเกือบทุกแห่งในย่านนี้มีการออกแบบ layout ห้องและพื้นที่ส่วนกลางที่เอาใจชาวญี่ปุ่น โดยโครงการ Chalermnit Art De Maison (เฉลิมนิจ อาร์ท เดอ เมซอง) ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่มีความแปลกใหม่หวือหวากว่าด้วย สไตล์การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ลดระดับลงไปในชั้นใต้ดิน และออกแบบลวดลาย Façade ให้มีความเป็น Luxury Modern ที่แทรกความเป็นธรรมชาติลงไปด้วย Façade ลายไม้ และพื้นที่ Courtyard รวมถึงสวนแนวตั้งแทรกกลางอาคาร และด้านข้างอาคาร ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านแนวสูงที่รายล้อมด้วยสวน

6 จุดเด่นที่น่าสนใจของ Chalermnit Art De Maison

 

1. Prime Location ที่เงียบสงบที่สุดและเดินทางสะดวกที่สุดของทองหล่อ

Chalermnit Art De Maison ตั้งอยู่บนสุขุมวิท 53 ซึ่งถือว่าเป็นซอยที่ไม่พลุกพล่าน ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอดสองฝั่งถนน มีฟุตบาธที่ใหญ่สามารถเดินได้สะดวก แถมยังเงียบสงบเพราะเป็นซอยที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม และร้านอาหารชั้นดี และแวดล้อมด้วยแหล่ง lifestyle ระดับพรีเมียม เรียกว่าสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องออกไปถนนใหญ่เลย

รวมทั้งเป็นทำเลที่สะดวกในการเดินทาง สามารถทะลุไปทองหล่อได้สะดวกถึง 3 ช่องทาง ทั้งทองหล่อ 1,5,9  (มีหลายๆคนเลือกเข้าซอย 53 นี้เป็นทางลัดเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดของทองหล่อช่วงต้น) แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสถานีทองหล่อแบบเดินสบายๆ เพียง 500 เมตร เรียกว่าเป็นทำเลที่มีทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย สะดวกทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล และขนส่งสาธารณะ

2. คอนโดระดับ Luxury Low Rise ที่ออกแบบงานสถาปัตยกรรมโดย NIKKEN SEKKEI และมีทีมที่ปรึกษาโดย ดร. สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา

Chalermnit Art De Maison เป็นคอนโด Luxury Low Rise แห่งแรกของอารียาฯ ที่สร้างเสร็จใหม่แห่งเดียวบนสุขุมวิท 53 ที่มีสเปคดีที่สุดในย่านทองหล่อ ได้รับการออกแบบสถาปัตยกรรมจาก NIKKEN SEKKEI บริษัทสถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์การออกแบบตึกชั้นนำระดับโลก อาทิ ตึก TOKYO SKYTREE ที่เป็นหอคอยและจุดชมวิวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

(ที่มา https://www.nikken.co.jp )

 

ออกแบบภายในโดย PRIVATE SCALE บริษัทชาวไทยที่มีผลงานการตกแต่งภายในสไตล์ญี่ปุ่นหลากหลายโครงการ อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่น MAGURO ร้าน IPPUDO RAMEN เป็นต้น

ออกแบบ Landscape โดย TROP บริษัทภูมิสาปัตยกรรมชั้นนำของประเทศที่ได้รับรางวัลการันตีทั้งในและนอกประเทศ

(ที่มา https://www.trop.land )

 

เสริมทัพด้วยบริษัทก่อสร้างชาวญี่ปุ่น RINKAI NISSAN ที่มาควบคุมการก่อสร้าง ทำให้ได้โครงการที่พิถีพิถัน ละเมียดละไมในแบบฉบับของญี่ปุ่นในทุกขั้นตอนการก่อสร้าง

(ที่มา https://www.rncc.co.jp  )

 

รวมทั้งยังได้ที่ปรึกษาโครงการอย่าง ดร. สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ มาร่วมเป็นที่ปรึกษาโครงการ และเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบโครงการนี้ เนื่องจากที่ดินผืนที่สร้าง Chalermnit Art De Maison เดิมเป็นที่ดินของตระกูล  ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ออกแบบอาคารสวยๆระดับ landmark ประดับกรุงเทพมหานครไว้มากมาย อาทิ ตึกหุ่นยนต์,ตึกช้าง โดย ดร.สุเมธ และคุณวิศิษฏ์ รู้จักกันเมื่อครั้งไปทัวร์ชมศิลปะที่ฝรั่งเศส ด้วยรสนิยมที่คล้ายคลึง จึงถูกคอ ถูกใจ จนเป็นเพื่อนสนิท และตัดสินใจทำโครงการนี้ร่วมกันในที่สุด ให้เป็นบ้านที่ท่านละครอบครัวจะอยู่ในอนาคตเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ อีกทั้ง Chalermnit Art De Maison ยังมาจากที่มาของบิดาและมารดาของ ดร.สุเมธ คือ “เฉลิม” (Chalerm) คือเฉลิมขวัญ ชื่อมารดาของดร.สุเมธ  ส่วน “นิจ” (Nit) นั้นมาจากหม่อมหลวงเฉลิมนิจ บิดาของดร.สุเมธ  ส่วนคำว่า อาร์ท เดอ เมซอง (Art De Maison) นั้นสื่อถึง ประเทศฝรั่งเศสและงานศิลปะ มีความหมายว่าที่อยู่ของศิลปิน

3. พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่สไตล์ญี่ปุ่น ที่ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และอยู่ใต้ดิน มาพร้อมกับ facility ระดับ ultra premium ที่หลากหลาย ครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำสไตล์ญี่ปุ่น ออนเซ็น ฟิตเนส และยังมีพื้นที่ส่วนกลางอย่าง golf simulator ที่ชั้น roof top รวมทั้งพื้นที่สีเขียวที่คอร์ทกลางอาคารแทรกกลางระหว่างอาคารทั้ง 2 เป็นต้นไม้ใหญ่ เปิดต้อนรับที่ด้านหน้าโครงการ

4. เลย์เอ้าท์ห้องที่พิเศษ หลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการ

จาก Type ห้อง 3 Type หลัก คือ 1 Bedroom, 2 Bedroom และ Duplex แต่ในแต่ละ Type มีขนาดห้อง และ Layout ห้องที่แตกต่างกันในแต่ละอาคาร ตามแต่ละตำแหน่ง และแม้แต่ในแต่ละชั้นก็มีความแตกต่างกัน รวมทั้งรายละเอียดภายในห้องทั้ง 122 units  ก็มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต่างกัน อาทิ 1 Bedroom แบบไซส์ใหญ่ มีระเบียงแบบ Juliet Balcony เป็นต้น ทำให้ทุกห้องเป็นเหมือนศิลปะ master piece ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเฉพาะคุณ

5. แบ่ง Plan เป็น 2 อาคาร ที่มีจุดเด่นที่ต่างกัน และใช้ครีบระแนงอลูมิเนียมลายไม้ประดับผิวอาคารเพื่อบังสายตา เนื่องจากตัวโครงการตั้งอยู่รายล้อมด้วยอาคารอื่นๆ ภายนอก ที่ไม่สามารถควบคุมภูมิทัศน์ได้ โครงการจึงออกแบบครีบระแนงอลูมิเนียมที่มีความคงทน และเสริมลายไม้เพื่อความสวยงาม อบอุ่น สบายตา ช่วยบังสายตาทั้งจากภายในสู่ภายนอก และจากภายนอกสู่ภายใน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัย และสร้างมิติให้กับตัวอาคารสไตล์ญี่ปุ่น

6. ได้คุณ Conami Hara ศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่นมาร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะประดับทั่วทั้งโครงการ อีกทั้งมาช่วยเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับโครงการด้วยงาน Collection ศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นสไตล์ Conami Hara ที่ช่วยเสริมให้โครงการมีความเป็น Luxurious Japanese – Inspired Residences ที่มากที่สุดในย่านทองหล่อ

Chalermnit Art De Maison ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 1 ไร่ 1 งาน แบ่งอาคารออกเป็น 2 อาคาร คือ ตึก A มีจุดเด่นที่บางห้องได้ Private lift และมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้นใต้ดินตึกนี้ และตึก B มีจุดเด่นที่ใกล้ลิฟท์จอดรถ และมีความ Private กว่า ทั้งสองอาคารสูง 8 ชั้น รวม 122 ยูนิต มีที่จอดรถ Auto parking 128 Lots ที่ชั้นใต้ดิน พร้อมลิฟท์จอดรถจำนวน 2 ตัว

มีรูปแบบห้อง 3 Type คือ

1 Bedroom 33.4-55.0 Sq.m. มีทั้งหมด 85 units อยู่ที่อาคาร A และอาคาร B อย่างละเท่า ๆ กัน โดยมีรูปแบบรายละเอียดให้เลือกมากถึง 23 ขนาด (1A 36.4 Sq.m., 1B 45.51 Sq.m., 1C 46.65 Sq.m., 1D 49.65 Sq.m., 1E 50.0 Sq.m., 1F 52.80 Sq.m., 1F-M 52.80 Sq.m., 1G 53.35 Sq.m., 1H 53.67 Sq.m., 1I 99.00 Sq.m., 1J 33.40 Sq.m., 1J-M 35.65 Sq.m., 1K 36.03 Sq.m., 1L 38.30 Sq.m., 1M 39.10 Sq.m., 1M-M 39.10 Sq.m., 1N 39.45 Sq.m., 1O 41.30 Sq.m., 1O-M 41.30 Sq.m., 1P 46.80 Sq.m., 1Q 47.25 Sq.m., 1R 49.90 Sq.m., 1S 53.35 Sq.m.) แต่สามารถแบ่งเป็นรูปแบบหลักๆ ได้ 5 รูปแบบ คือ 1 Bedroom แบบครัวเปิด

1 Bedroom แบบครัวปิด

1 Bedroom แบบครัวเปิดและ 1 Powder room

1 Bedroom แบบครัวปิด + 1 Powder room และเพิ่มพื้นที่ Foyer ที่ติดทางเข้า

และสุดท้าย 1 Bedroom ครัวปิด + 1 Powder room และเพิ่มพื้นที่ Foyer ที่ติดทางเข้า พร้อม Private lift (เฉพาะตึก A)

 

2 Bedroom 82.2-103.75 Sq.m. มี 34 Units ตึก A 23 Units ตึก B 11 Units แบ่งเป็น 6 ขนาด (2A 82.80 Sq.m., 2B 86.80 Sq.m., 2C 96.90 Sq.m., 2D 103.75 Sq.m., 2E 91.90 Sq.m., 2F 99.25 Sq.m.) แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ

 

2 Bedroom ครัวปิด + 1 Powder room + Foyer

และ 2 Bedroom ครัวปิด+ 1 Powder room + Foyer พร้อมลิฟท์ส่วนตัว (เฉพาะอาคาร A)

และ Duplex 116.95-161.25 Sq.m. มี 3 units ที่ตึก A

แบ่งเป็น 3A 116.95 Sq.m., 3B 161.25 Sq.m., 3C 236.30 Sq.m.

ทั้งสองอาคารวางตัวขนานกันมีทางเข้าโครงการอยู่ระหว่างอาคารทั้งสอง เชื่อมกับคอร์ทพื้นที่สีเขียวที่แทรกกลางระหว่างอาคาร

มีลิฟท์จอดรถอัตโนมัติที่อาคาร B ที่มีกล้องให้ดูรถภายในลิฟท์จนลงไปถึงที่ที่จอดรถ รวมทั้งสามารถเห็นรถที่กำลังจะขึ้นมา

เชื่อมกับ Lobby ที่มี Lobby แยกทั้ง 2 อาคาร เป็นทั้งพื้นที่พักคอย และพื้นที่พักผ่อนที่เปิดเชื่อมกับคอร์ทสวนต้นไม้ใหญ่ และคอร์ทน้ำกลางโครงการ

ที่ Lobby มี Mail room แยกตามอาคาร พร้อมระบบรหัสล็อกเปิดปิด ไม่ต้องพกกุญแจหรือคีย์การ์ด

Lobby ทั้งสองอาคาร โดดเด่นด้วยภาพศิลปะขนาดใหญ่ ของคุณ Conami Hara ศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละ Lobby แต่เป็น Story เรื่องราวเดียวกัน เชื่อมต่อกัน

ส่วนพื้นที่ส่วนกลางหลักอื่นๆ อยู่ที่อาคาร A ชั้นใต้ดิน

มีพื้นที่เคาท์เตอร์ reception ให้บริการจองและอำนวยความสะดวกในการใช้งาน

ติดกันเป็นห้องฟิตเนส

โครงการให้เครื่องฟิตเนสของ Technogym ที่มีให้บริการครบครันทุกการออกกำลังในทุกส่วนของร่างกาย

รวมทั้งมีเครื่อง Kinesis personal ที่สามารถปรับลดน้ำหนักแบบดิจิตอลผ่านหน้าจอ

เปิดมุมมองสู่สระว่ายน้ำที่อยู่ติดกัน

ภายในมี Indoor swimming pool ทอดยาวเต็มพื้นที่ให้บรรยากาศเหมือนสระว่ายน้ำในโรงแรมที่ญี่ปุ่น เป็นสระระบบน้ำเกลือ กว้าง 1.2 เมตร ยาว 25 เมตร ให้คุณได้ใช้ออกกำลังกายได้จริง

พร้อมบ่อ ที่นั่งพักริมสระตลอดแนวสระ

แยกสระเด็กออกจากกัน เพื่อความปลอดภัยที่พื้นที่เข้ามุมด้านในสุดปลายสระ พร้อมที่นั่งใกล้ๆ ที่ให้ผู้ปกครองได้เห็นเด็กๆ เล่นในสายตาได้ตลอดเวลา

ที่ออกแบบตกแต่งเหมือนบรรยากาศโรงอาบน้ำในประเทศญี่ปุ่น ทั้งวัสดุที่เลือกใช้ ทั้งพื้น ผนัง เพดาน ที่นำไม้และหินมาออกแบบตกแต่งในทุกรายละเอียด

ที่สำคัญที่ความเป็นญี่ปุ่นจะขาดไปไม่ได้คือ onsen แยกชายหญิง ภายในห้องน้ำ ที่เป็น Traditional bath onsen

โดยฝั่งห้องผู้ชายจะใหญ่กว่าของผู้หญิง

ที่ตกแต่งบรรยากาศ Traditional แบบญี่ปุ่นแท้ๆ ประกอบกับการออกแบบ lighting ที่ให้ความรู้สึกเหมือนแสงภายนอกส่องเข้ามาภายใน

รวมทั้ง Sauna แยกชายหญิงเช่นกัน

พร้อม Locker room ภายใน แยกเป็นสัดส่วน แยกตามห้องน้ำชายหญิง

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางอย่าง golf simulator ที่ยกขึ้นไปอยู่ที่ชั้น R (Rooftop)

พร้อมพื้นที่ play room ที่สามารถเทควิวสวน

ที่ให้ได้ออกไปพักผ่อน นั่งชิว รับลม ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวโดยรอบ

ในส่วนของห้องพักอาศัย โครงการขายแบบ Fully Fitted ให้ครัว ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า ตู้ใส่ของเก็บรองเท้า แบบ Built-in

โครงการมีห้องตัวอย่างแบบตกแต่งห้องแล้ว คือห้อง 2 Bedroom 90 Sq.m. ห้อง B606 186/109 ห้องปลายสุดทางเดิน

โครงการให้ Digital door lock คีย์การ์ดและรหัสผ่าน พร้อมหน้าบานประตูลายไม้

ตัวห้องแบ่งพื้นที่เป็น 4 ส่วนคือ ส่วนโถงทางเดินของห้องที่แจกเข้าสู่ ห้องนอนเล็กที่ด้านซ้าย ห้องครัวและห้องนั่งเล่นที่ปลายสุดโถงทางเดิน และห้องนอนใหญ่ที่ด้านขวาของยูนิต

 

ที่โถงทางเดิน ติดประตูทางเข้าที่ผนังด้านขวา โครงการ built-in ตู้วางรองเท้า และงานระบบ พร้อมบานเปิด หน้าบานกระจก

โถงทางเดิน ตัวพื้นโครงการปู Engineered wood สีน้ำตาลอ่อน ทอดยาวไปจรด living area ที่ปลายสุดทางเดิน

ผนังปลายสุดก่อนเขาสู่ living area โครงการ built-in สำหรับจัดวางเครื่องซักผ้า พร้อมหน้าบานปิด กั้นเป็นสัดส่วน

Living area เปิดรับด้วยบานกระจกยาวเกือบเต็มแนวผนัง เชื่อมออกสู่ระเบียงยาวด้านนอก

พื้นที่ living สามารถแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นพื้นที่ตั้งโต๊ะทานอาหารที่ด้านซ้ายติดทางเข้าครัว สามารถวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งได้

ส่วนด้านขวา เป็นมุมนั่งพักผ่อน สามารถวางชั้นวางทีวี พร้อมชุดโซฟาสำหรับ 3-4 ที่นั่งได้

ห้อง type นี้ภายในห้องนั่งเล่นหากดูห้องเปล่าจะมีเสาและพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้งานได้ แต่หากออกแบบ ปรับหมุนการใช้งาน หรือจัดมุมเป็นตู้ built-in เชื่อมกัน ก็จะทำให้ได้พื้นที่ใช้งานที่เป็นประโยชน์ได้

ด้านในสุด เป็นทางออกระเบียงอีกทาง ที่เปิดรับวิวที่เชื่อมกับอาคาร A ด้านข้าง

ด้านซ้ายเป็นครัวปิด ติดระเบียง เพิ่มการระบายอากาศและกลิ่นจากภายในครัวได้เป็นอย่างดี

โครงการให้ครัว built-in L-shape สูงจากพื้นจรดเพดาน

แบ่งเป็นพื้นที่เคาท์เตอร์เตรียมอาหารและอ่างล้างจานที่ด้านซ้าย พร้อมที่คว่ำจานที่ด้านบน ติดตู้วางอุปกรณ์ทำครัว

ถัดมาเป็นเตาไฟฟ้า 4 หัวของ Kuppersbusch พร้อม combi oven ที่ด้านล่าง และที่ดูดควันที่ด้านบน พร้อมลิ้นชักและตู้เก็บอุปกรณ์ครัว

ปลายสุดเคาท์เตอร์เป็นตู้เย็น built-in แบบ 2 หน้าบานซ้ายขวา แยกการใช้งานบนล่าง ช่องธรรมดาและช่องฟรีซ

ห้องนอนเล็ก พร้อมห้องน้ำแยก อยู่ที่ปีกซ้ายของโถงทางเดิน เป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วน สเปซการใช้งานของตัวเอง

สามารถปรับเป็นห้องทำงาน ห้องทำงานอดิเรก สำหรับครอบครัวเดี่ยวที่ต้องการใช้พื้นที่เฉพาะ พื้นที่พิเศษของแต่ละกิจกรรม

หรือสามารถรองรับการขยายตัวของครอบครัว ปรับเป็นห้องนอนเล็ก ห้องนอนแขกก็ยังได้ รวมทั้งโครงการให้ตู้เสื้อผ้า built-in ไว้รองรับให้

ห้องนอนเล็กมีประตูออกระเบียง ที่ระเบียงเป็นราวกันตกกระจก เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในห้องได้อย่างทั่วถึง

ห้องน้ำ อยู่ติดประตูเข้าออกห้องนอนเล็ก ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า เป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์ auto washlet ที่ผนังเข้ามุม ติดกันเป็นอ่างล้างหน้าแบบลอยตัว พร้อมชั้นวางของใต้อ่างและกระจกพร้อมชั้นวางของ

พื้นที่ส่วนเปียกอยู่ด้านในสุด กั้นด้วย shower glass บานผลัก

ด้านในตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาว โครงการให้ Rain shower , hand shower พร้อมชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ

ห้องนอนใหญ่ ทางเข้าออกอยู่ติดห้อง living

ภายในแบ่งเป็นพื้นที่ห้องน้ำที่ด้านขวาของทางเข้า

ห้องน้ำโครงการให้พื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า เป็นพื้นที่วางโถสุขภัณฑ์แบบ Auto Washlet แบรนด์ TOTO ที่เป็นตัว Top ติดผนังเข้ามุม (ให้เฉพาะห้องน้ำใน Master Bedroom ทุกห้อง) ติดกันเป็นอ่างล้างหน้าแบบลอยตัว พร้อมชั้นวางของใต้อ่างและกระจกพร้อมชั้นวางของ

พื้นที่ส่วนเปียกกั้นด้วย ประตูกระจก

ด้านในโครงการให้อ่างอาบน้ำ Rain shower , hand shower พร้อมชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ

ด้านหน้าผนังห้องน้ำ เป็นตู้เสื้อผ้า built-in ยาวเต็มแนวผนัง

ส่วนด้านซ้ายของห้อง ติดระเบียงเป็นพื้นที่ตั้งเตียงนอน ที่สามารถตั้งเตียง King size พร้อมโต๊ะหัวเตียง และยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือมากพอให้ใช้งาน

สามารถวางชั้นวางทีวีได้ที่ผนังปลายเตียง

ที่ระเบียงมีครีบระแนงอลูมิเนียม บังสายตาจากอาคารด้านข้าง

ที่ระเบียงมีครีบระแนงอลูมิเนียม บังสายตาจากอาคารด้านข้าง

นอกจากนี้ ภายในห้องโครงการยังให้ VDO call phone ที่รองรับการเปิดปิดประตู lobby เมื่อมีแขกมาหาได้ โดยไม่ต้องลงไปรับถึงข้างล่าง

และยังวางระบบสวิชต์ที่สามารถเปิดปิดไฟทั้งยูนิตได้ภายในปุ่มเดียว ซึ่งโครงการวางไว้ที่ด้านหน้าติดประตูเข้าออก เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน

เป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่น่าจะเหมาะกับคนวางแผนที่จะมีครอบครัวขยาย หรือคนที่มีกิจกรรมพิเศษที่ต้องใช้ห้องทำงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งคนที่ชอบมีเพื่อนแวะเวียนมานอนพัก ก็น่าจะเหมาะกับการมีห้องสำรองไว้ และเป็นห้อง Type  ที่ดูจะมีความ private เพราะเป็นห้องมุมสุดทางเดิน ตำแหน่งห้องและการใช้งานต่าง ๆ แยกเป็นสัดส่วน จากกันชัดเจน รวมทั้งเหมาะกับครอบครัวที่ชอบทำอาหาร กับครัวปิด พร้อมพื้นที่ติดระเบียงขนาดใหญ่ ทุกห้อง กับราคาประมาณ 20 ลบ.

 

หาก 2 นอน ใหญ่ไป ห้องอีก Type ที่มีเยอะที่สุดในโครงการ ก็ต้องเป็น 1 Bedroom ที่ตอนนี้โครงการจัดโปรโมชั่น

เป็นห้อง B104 186/72 ขนาด 35.65 Sq.m. ที่ชั้น 1 ตึก B โดยที่ชั้นนี้มีเพียง 4 units

ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้าง ภายในยูนิตแบ่งพื้นที่ครัวและ living ที่ด้านซ้ายติดทางเข้า ส่วนที่ด้านขวาเป็นส่วนของห้องนอนและห้องน้ำภายในห้องนอน

 

ที่ทางเข้าโครงการให้ Digital door lock คีย์การ์ดและรหัสผ่าน พร้อมหน้าบานประตูลายไม้เช่นกัน

ด้านขวาหลังประตูทางเข้าเป็นที่วางเครื่องซักผ้า

ติดทางเข้าที่ผนังด้านซ้ายเป็น ครัว built-in L-shape สูงจากพื้นจรดเพดาน เต็มความยาวผนัง

โครงการให้เคาท์เตอร์อ่างล้างจานที่ด้านซ้าย พร้อมที่คว่ำจานที่ด้านบน ติดตู้วางอุปกรณ์ทำครัว ถัดไปเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Kuppersbusch พร้อม combi oven ที่ด้านล่าง และที่ดูดควันที่ด้านบน พร้อมลิ้นชักและตู้เก็บอุปกรณ์ครัว

ปลายสุดเคาท์เตอร์เป็นตู้เย็น built-in แบบ 1 หน้าบาน แยกการใช้งานบนล่าง ช่องธรรมดาและช่องฟรีซ

ด้านในติดประจูกระจกบานเลื่อนบานเต็มความกว้างและความสูงของห้อง เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน ตั้งชุดโซฟา และชั้นวางทีวี

ด้านขวาเป็นห้องนอน ติดริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เป็นที่ตั้งเตียง

กั้นด้วยบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน สามารถเปิดได้สุดทั้งซ้ายและขวา ทำให้เพิ่มพื้นที่ใช้งานและสามารถเปิดเชื่อมต่อ สู่ส่วน living ได้

ห้องน้ำในห้องนอน โครงการให้พื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า เป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์ Auto Washlet แบรนด์ TOTO ที่เป็นตัว Top ติดผนังเข้ามุม (ให้เฉพาะห้องน้ำใน Master Bedroom ทุกห้อง) ตรงข้ามกันเป็นอ่างล้างหน้าแบบลอยตัว พร้อมชั้นวางของใต้อ่างและกระจกพร้อมชั้นวางของ

พื้นที่ส่วนเปียกกั้นด้วย ประตูกระจก ด้านในโครงการให้อ่างอาบน้ำ Rain shower , hand shower พร้อมชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ

ด้านหน้าผนังห้องน้ำ เป็นตู้เสื้อผ้า built-in ยาวเต็มแนวผนัง

ห้องนี้เป็นระเบียงแบบ Juliet Balcony ราวกันตกกระจก ทำให้ดูเปิดโล่ง

ด้านนอกเป็นพื้นที่ทางเดิน service และโครงการมีการจัดทำสวนแนวตั้งบดบังแนวผนังคอนกรีต และมุมมองจากภายนอก

รวมทั้งโครงการให้ VDO call phone และวางระบบสวิชต์ที่สามารถเปิดปิดไฟทั้งยูนิตได้ภายในปุ่มเดียว ที่ด้านหน้าติดประตูเข้าออก เพื่อสะดวกต่อการใช้งานเช่นกัน

ห้องนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการมีที่พักผ่อน ใจกลางเมือง ไม่ได้ใช้งานในพื้นที่ห้องมากนัก แต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันเมื่อจำเป็น และน่าจะเหมาะกับคนที่ชอบอยู่ติดพื้นดิน ไม่ชอบที่สูง และใกล้พื้นที่เข้าออก ไม่ต้องเสียเวลารอลิฟท์

กับราคาโปรโมชั่นที่ 6.9 ลบ.

 

แต่ถ้า 1Bedroom 35.65 Sq.m. เล็กไป และยังไม่ Private พอ โครงการก็มีห้อง 1Bedroom 52.9 Sq.m. A502 186/28 Private lift ที่ตึก A มาพร้อมกับประตูบานไม้กั้นสัดส่วนการใช้งานระหว่าง (ได้เฉพาะห้องนี้เท่านั้น) โถงลิฟท์ส่วนตัวและภายในห้องที่ใช้งาน

ห้องนี้เนื่องจากเป็นห้องที่มีลิฟท์ส่วนตัว ภายในห้องจึงมี Foyer ด้านหน้าลิฟท์ เป็นพื้นที่เชื่อมต่อสู่ประตูที่โถงทางเดิน ห้องน้ำ (Powder room) และเข้าสู่ภายในห้อง

ห้องนี้จะเป็น 1 bedroom ที่แยกเป็นสัดส่วน ชัดเจน

ที่ living area โครงการให้ประตูบานกระจก เต็มความกว้างห้อง มาพร้อมระเบียงแบบ Juliet Balcony แทรกครีบระแนงอลูมิเนียม บังสายตาจากอาคารด้านข้างบริเวณครัวและห้องนอน

ห้องนี้โดดเด่นที่ครัวกระจกเข้ามุม เป็นครัวปิด โครงการ built-in ทรง U-shape

แบ่งเป็นพื้นที่เคาท์เตอร์เตรียมอาหารและอ่างล้างจานที่ด้านซ้าย ติดหน้าบานกระจกเชื่อม living area

ถัดไปเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Kuppersbusch พร้อม combi oven ที่ด้านล่าง และที่ดูดควันที่ด้านบน พร้อมลิ้นชักและตู้เก็บอุปกรณ์ครัว

ปลายสุดเคาท์เตอร์ด้านขวาเป็นตู้เย็น built-in แบบ 1 หน้าบาน แยกการใช้งานบนล่าง ช่องธรรมดาและช่องฟรีซ

ส่วนห้องนอนอยู่ที่ด้านซ้าย มีพื้นที่วางเตียงที่ด้านขวาของทางเข้า ติดหน้าต่างกระจกบานใหญ่

ด้านซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้า built-in ติดทางเข้าห้องน้ำ

ในห้องน้ำโครงการให้พื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้าที่ด้านซ้ายเป็นอ่างล้างหน้าแบบลอยตัว พร้อมชั้นวางของใต้อ่างและกระจกพร้อมชั้นวางของ ติดกันเป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์ Auto Washlet แบรนด์ TOTO ที่เป็นตัว Top ติดผนังเข้ามุม

พื้นที่ส่วนเปียกกั้นด้วย ประตูกระจก ด้านในโครงการให้อ่างอาบน้ำ Rain shower , hand shower พร้อมชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ

ห้องนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวในการเข้าสู่ภายในห้องด้วย private lift และชอบการใช้งานพื้นที่ต่างๆ แยกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน ตั้งแต่ประตูทางเข้ายูนิตที่แยกจากโถงลิฟท์ ครัวปิด และห้องนอนที่แยกส่วน

ราคาประมาณ 9.6 ลบ.

 

และถ้าใครถูกใจรูปแบบ layout ของ 1bedroom ข้างต้น แต่อยากได้ห้องใหญ่ขึ้นเป็น 2 bedroom ขนาด 98.20 ตรม. ได้วิวที่เปิดโล่งนอกอาคาร โครงการก็มีห้อง B602 186/105 ที่ตึก B ห้องวิวด้านหน้าทางเข้าโครงการ ที่มาพร้อมกับห้อง living หน้ากว้าง เปิดโล่งยาวจรดผนังเข้ามุม

ให้ได้ใช้งานพื้นที่ living แบบเปิดโล่ง ได้เต็มพื้นที่แบบกว้างทั้งขนาดพื้นที่และมุมมอง

ติดทางเข้าเป็น built-in ตู้รองเท้าและตู้งานระบบ

มีครัว กระจกเข้ามุม เปิดเชื่อมพื้นที่ living ที่บริเวณกลางห้อง เป็นครัวปิด L shape

แบ่งเป็นพื้นที่เคาท์เตอร์เตรียมอาหารและอ่างล้างจานที่ด้านขวา ติดหน้าบานกระจกเชื่อม living area

ถัดไปเป็นตู้เย็น built-in แบบ 1 หน้าบาน แยกการใช้งานบนล่าง ช่องธรรมดาและช่องฟรีซ

สุดเคาท์เตอร์เป็นเตาไฟฟ้า พร้อม combi oven ที่ด้านล่าง และที่ดูดควันที่ด้านบน พร้อมลิ้นชักและตู้เก็บอุปกรณ์ครัว

 

ปลายสุดเคาท์เตอร์เป็นที่ตั้งเครื่องซักผ้า

ส่วนห้องนอนอยู่ที่ด้านซ้ายของยูนิต

ห้องแรกเป็นห้องนอนเล็ก เป็นระเบียงแบบ Juliet Balcony พร้อมครีบระแนงอลูมิเนียม บังสายตาจากอาคารด้านข้าง

ติดประตูทางเข้าเป็นตู้เสื้อผ้า built-in ยาวเต็มผนัง

ตรงข้ามห้องนอนเล็กเป็นห้องน้ำ

 

สุดทางเดินปีกซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ห้องน้ำในตัว

ด้านซ้ายเป็นที่ตั้งเตียง ติดประตูออกระเบียง ส่วนที่ปลายเตียงเป็นระเบียงแบบ Juliet Balcony

ส่วนด้านขวาเป็น ตู้เสื้อผ้า built-in ยาวเต็มผนัง ติดกันเป็นทางเข้าห้องน้ำ

ในห้องน้ำโครงการให้พื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้าเป็นอ่างล้างหน้าแบบลอยตัว พร้อมชั้นวางของใต้อ่างและกระจกพร้อมชั้นวางของ ถัดไปเป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์ Auto Washlet แบรนด์ TOTO ที่เป็นตัว Top

ด้านในเป็น พื้นที่ส่วนเปียกกั้นด้วย ประตูกระจก ด้านในโครงการให้อ่างอาบน้ำ Rain shower , hand shower พร้อมชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ

ซึ่งห้องน้ำห้องนี้มาพร้อมกับบานกระจกยาวเต็มแนวผนังห้องน้ำจากส่วนแห้งสู่ส่วนเปียกด้านใน

ห้องนี้น่าจะเหมาะกับครอบครัว ที่เน้นพื้นที่ living area และครัวปิดขนาดใหญ่ สำหรับเป็นพื้นที่กลางที่ใช้เวลาร่วมกันภายในครอบครัว ที่มาพร้อมกับพื้นที่ติดอากาศ พื้นที่ระเบียงทุกห้อง โดยเฉพาะห้อง living ที่ได้พื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่

กับราคาโดยประมาณ 30 ลบ.

 

ห้องตัวอย่างสุดท้าย คือ Duplex ขนาด 117.42 ตรม. ห้องสุดท้ายของโครงการ ที่ชั้น 1 ของอาคาร A สำหรับคนที่ชอบพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ living area ที่เป็น double volume

แยกพื้นที่ห้องนอนไว้ที่ชั้น 2

เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศเหมือนอยู่บ้านใจกลางเมือง

ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นห้องเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น กับห้องภายในโครงการ Chalermnit Art De Maison ที่มีให้เลือกตามความต้องการมากกว่าห้องที่เราได้ยกตัวอย่างมาให้ชม ไม่ว่าคุณจะชอบห้องสองห้องนอนชั้นสูง ที่ได้บรรยากาศยอดต้นไม้ที่ Central Courtyard โครงการก็มีให้เลือกสรร

แม้จะไม่ใช่โครงการที่หรูที่สุดในทองหล่อ แต่พูดได้เลยว่านี่คือ Luxurious Japanese – Inspired Residences ที่กลมกล่อมมากที่สุดในย่านทองหล่อ!

 

หลังจากที่เราได้อ่านรายละเอียดของโครงการในแง่มุมต่างๆไปแล้ว ผมอยากให้คุณผู้อ่านได้ลองเดาดูครับ ว่าผมใช้เวลาอยู่ที่โครงการนี้นานแค่ไหน 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมง?  ต้องบอกว่าก่อนหน้าที่ผมจะแวะเข้าไป ตัวผมเองก็นึกว่าจะใช้เวลาอยู่ที่นี่ราวๆไม่เกิน 2 ชั่วโมงเท่านั้นครับ แต่พอได้เริ่มเข้ามาสัมผัสจริงผมกลับพบว่าบรรยากาศที่ได้รับนั้นมันช่างดึงดูดความสนใจ และความปรารถนาในการเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมของห้องรูปแบบต่างๆ รวมถึงดีเทลของพื้นที่ส่วนกลางที่มีเสน่ห์ชวนให้ค้นหาว่ามีอะไรรอเราอยู่อีกในห้องถัดไป สรุปก็คือ ผมได้ใช้เวลาเดินเข้า – เดินออกห้องต่างๆภายในโครงการ Chalermnit Art De Maison อยู่เกือบ 4 ชั่วโมง! ซึ่งก็ต้องบอกว่าในอดีตที่ผ่านมาไม่มีคอนโด Low Rise แห่งไหนเลยที่ผมเคยเดินชมได้นานจนเพลินขนาดนี้ เพราะในมุมมองของผมสิ่งที่เป็นข้อจำกัดของ Condo Low Rise ทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในเซกเมนท์ไหนก็คือขนาดของพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นแพทเทิร์นแบบเดียวกันหมด เลย์เอ้าท์ของห้องที่มักจะมีให้เลือกน้อย รวมไปถึงวิวของห้องที่ดูไม่ค่อยจะต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดนี้มันตรงกันข้ามกันกับ Chalermnit Art De Maison อย่างสิ้นเชิงครับ

 

อารียาจะทำคอนโดหรู เพื่อให้เป็นหลักไมล์ในตลาด Luxury Condo ได้ดีขนาดไหน? นี่คือคำถามที่ผมตั้งธงไว้ในใจ เพราะรู้ดีว่าตลาดคอนโดหรูนั้น ไม่ใช่ของถนัดของอารียา ดีเวลลอปเปอร์ที่สั่งสมชื่อเสียงในด้านการสร้าง City Condo เป็นเจ้าแรกๆภายใต้แบรนด์ A Space โดยโครงการที่พอจะสร้าง Awareness ในกลุ่มตลาด Luxury นั้นก็ดูจะเป็นโครงการแนวราบอย่าง The AVA Residences…แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นข้อจำกัดในการเบนเข็มเพื่อพัฒนาโครงการเพื่อบุกตลาด Luxury Condo เพียงอย่างใด ในทางตรงกันข้าม Chalermnit Art De Maison นั้นได้ถูกวางแผนพัฒนามานานมากกว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นระยะเวลาในคิดค้น ออกแบบ และก่อสร้างที่ยาวนานมาก นานกว่าเมื่อครั้งที่ตลาด Luxury Condo ในกรุงเทพฯเริ่มบูมใหม่ๆเมื่อราว 4 ปีที่แล้วซะอีก ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของทีมผู้พัฒนาที่ต้องการส่งมอบโครงการอันเป็นที่สุดตามแบบฉบับที่อยู่ในภาพร่างดั้งเดิมของทั้งดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา และอารียา ที่วางไว้ให้เป็น Luxurious Japanese – Inspired Residences โดยที่ไม่ได้ลดทอนรายละเอียดอันใดในตอนท้ายเลย

 

“สำหรับคนที่มีรสนิยมในแบบเดียวกันแล้ว เพียงแค่มองตากันก็สัมผัสได้ถึงความหมายอันลึกซึ้ง โดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยวาจาใดๆให้มากความ” ประโยคนี้น่าจะเป็นคำอธิบายถึงจุดเริ่มต้นในการพัฒนาโครงการนี้ได้ดีที่สุด หากเป็นดีเวลลอปเปอร์รายอื่นๆที่มีทุนหนากว่า การพัฒนาโครงการระดับ Luxury นั้นอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้มานั้นจะมีความหมาย และคุณค่าทางจิตใจมากแค่ไหนต่อผู้ที่เป็นเจ้าของ โดยเฉพาะ Landlord เจ้าของที่ดินที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ย่อมอยากให้ที่แปลงนั้นคงอยู่เป็นมรดกสืบทอดต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น การพบปะสนทนากันระหว่างคุณวิศิษฏ์ เลาหพูนรังษี ผู้บริหารสูงสุดของอารียา และดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา บรมครูศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะสถาปัตยกรรม เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วในฝรั่งเศส นั้นเป็นมากกว่าการพูดคุยกันเพื่อพัฒนาโครงการบนที่ดินของดร.สุเมธ เอง แต่เป็นการร่วมกันแสวงหาคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับชีวิต ผ่านแรงบันดาลใจที่ได้รับจากงานศิลปะที่มูลค่าจะมากหรือน้อยนั้นอยู่ที่การตีความของแต่ละบุคคล กล่าวอีกอย่างก็คือ อารียานั้นก็อยากที่จะพัฒนาโครงการในระดับ Luxury อยู่แล้ว แต่ข้อจำกัดก็คือจะทำอย่างไรให้ก้าวผ่านเส้นทางที่ตัวเองถนัด ในขณะที่ตัวดร.สุเมธเองก็มองหาพาร์ทเนอร์คอเดียวกันที่จะช่วยสานต่อคุณค่าให้กับที่ดินมรดกประจำตระกูลของตัวเองให้คงอยู่ตามแบบฉบับของตัวเองตลอดไป ให้สมกับเป็นบ้านอีกหนึ่งหลังข้างๆบ้านหลังปัจจุบัน ที่ท่านและลูกหลานจะอยู่ในอนาคตเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์…อาจกล่าวได้ว่าดร.สุเมธนั้นเป็น Curator คนสำคัญที่มีส่วนเป็นอย่างยิ่งในการตีกรอบ ถ่ายทอดประสบการณ์ในการสร้าง Luxury Condo ให้กับอารียาในแบบหลักสูตรเร่งรัด แต่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ผ่านโครงการ Chalermnit Art De Maison (เฉลิมนิจ อาร์ท เดอ เมซอง) ที่น่าจะพลิก Perception ของใครหลายๆคนที่มีต่อแบรนด์อารียา

ทำเลทองหล่อล้วนเป็นย่านที่มีสีสันของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอันหรูหรา ราคาแพง ดังนั้นทุกโครงการคอนโดในย่านนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโทย์กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง เมื่อมีโครงการมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คืออัตลักษณ์ของโครงการที่ดูคล้ายกันไปหมด กล่าวคือหากไม่เน้นดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวตึกเพรียวบางกระจกเยอะๆ ก็จะเป็นในสไตล์ Timeless หรือ Modern Classic โดยที่มีฟังก์ชั่นภายในโครงการที่เอาใจกลุ่มผู้พักอาศัยชาวญี่ปุ่น อันเป็นตลาดเช่าหลักของย่านนี้ แต่ Chalermnit Art De Maison นั้นเลือกที่จะนำเสนอด้วยอัตลักษณ์อันแตกต่างจากโครงการอื่นมากถึง 4 ประการ นั่นคือ

1. การออกแบบให้ทุกอณูของโครงการมีความเป็น Luxurious Modern Japanese ทั้งภายนอก ภายใน รวมถึงการก่อสร้าง ที่มาจากทีมงานญี่ปุ่นเป็นหลัก

2. การเลือกใช้งานศิลปะในการเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ เพื่อให้เกิดคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ ในหมู่กลุ่มศิลปะนิยมที่มีกำลังซื้อสูง

3. การออกแบบเลย์เอ้าท์ห้องให้มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น ชนิดที่ว่าคนที่ซื้อห้องไหนก็ต้องมีเหตุผลเฉพาะตัวในการซื้อห้องนั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลในเรื่องความเป็นส่วนตัวก็เลือกห้องที่มี Private Lift, เหตุผลในเรื่องของความใกล้ชิดธรรมชาติก็เลือกห้องชั้น 1, เหตุผลในการเป็นครอบครัวขยายก็เลือกห้อง Duplex และเหตุผลในเรื่องวิวที่เปิดโล่งก้เลือกห้อง 2 นอนหัวมุม

และ 4. การเป็น Luxury Condo เพียงหนึ่งเดียวในสุขุมวิท 53 ย่าน Residential Area ที่เงียบสงบ แต่สะดวกสบายที่สุดในย่านทองหล่อฝั่งเลขคี่ ที่ไม่สามารถหาที่ดินในการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้ได้อีกแล้ว

 

สิ่งที่ผมชอบมากและน่าจะถูกใจใครหลายคนก็คือพื้นที่ส่วนกลางที่เลือกจัดวางอยู่ในชั้นใต้ดินลึกลงไป 12 เมตรจากผิวดินแปลกและแหวกแนวจากที่อื่น ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร มีทั้ง บ่อแช่ออนเซน แยกชายหญิง ,สระว่ายน้ำในร่มสวยๆ รวมทั้งห้องฟิตเนสออกกำลังกาย แบรนด์ Techno Gym ที่ผมว่าบรรยากาศดูคล้ายกับ Onsen Hotel หรูๆที่เราคุ้นเคยกันดีที่ญี่ปุ่นเลยครับ และในแง่ของการดูแลรักษา การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางใต้ดินแบบนี้ค่อนข้างทำได้ง่ายกว่า เพราะไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศฝนตก แดดออก อันจะนำมาซึ่งปัญหาในการ Maintenance ทำความสะอาด ความทนทานของอุปกรณ์ที่มากกว่าในระยะยาว รวมถึงการเลือกใช้ลิฟท์จอดรถแบรนด์ IHI จากญี่ปุ่นที่ว่ากันว่าดีที่สุดของตลาดในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน ช่องจอดที่กว้างกว่า และทีมบำรุงรักษา นอกจากนี้ก็ยังช่วยให้โครงการมีพื้นที่ Open Space เป็น Welcome Courtyard อยู่บริเวณด้านหน้า กึ่งกลางของทั้งสองอาคาร ที่จะช่วยสร้างความรื่นรมย์ในการพักอาศัย มากกว่าการจัดเป็นอาคารพื้นที่ส่วนกลาง และจอดรถแบบโครงการ Low Rise คอนโดแห่งอื่นๆครับ นี่คือสิ่งที่ต้องชมทีมผู้พัฒนาและน่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ๆให้กับตลาดคอนโด Luxury เมืองไทยได้มากพอควรเลยครับ ว่าทำไมการพัฒนาคอนโด Low Rise ส่วนใหญ่มักจะต้องเลือกระหว่าง การมีพื้นที่จอดรถเยอะๆ การจัดวางส่วนกลางบน Rooftop หรือส่วนกลาง On Ground เพียงอย่างเดียว เลือกหมดไม่ได้

ในปัจจุบัน Chalermnit Art De Maison นั้นมีคน Move in เข้าไปอยู่เกิน 40% แล้วครับ สำหรับผมถือว่าค่อนข้าง Surprise มากนะ เพราะเห็นโครงการเงียบๆ ไม่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเลย และส่วนใหญ่ห้องที่ขายหมดก็จะเป็นห้องขนาดใหญ่ทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่น และรสนิยมของผู้อยู่อาศัยที่มองว่าโครงการนี้มอบคุณค่าทางจิตใจที่แตกต่างกว่าที่อื่นอย่างไร โดยราคาขายเฉลี่ยนั้นก็ต้องบอกว่าไม่ถูกและไม่แพง แต่ก็เป็นมาตรฐานของคอนโด Luxury ในย่านทองหล่อครับ คือเฉลี่ยราวๆตรม.ละสองแสนสาม โดยมีห้องเริ่มต้นที่ไม่ถึงตารางเมตรละสองแสนอยู่บ้างเพียงเล็กน้อย ถ้าจะเทียบในด้านทำเลผมว่าสุขุมวิท 53 นี่คือน่าอยู่มากกว่าถนนใหญ่ทองหล่อเยอะเลย อาจจะดูไม่คึกคัก ไม่มีสีสัน แต่ก็มีวิธีของการอยู่อาศัยในแบบ Slow Life ที่ชัดเจนกว่าในแบบที่ไม่ค่อยมีตัวเลือกอื่นๆเข้ามาเปรียบเทียบมากเท่าไหร่ จะมีก็แค่โครงการ RUNESU Thonglor 5 ที่เน้นความเป็นญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่พื้นที่โครงการและส่วนกลางก็จะดูไม่กว้างใหญ่ และเป็นคนละเซกเมนท์กัน นอกนั้นก็จะเป็นโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ….อยากให้ลองแวะเข้ามาชมกันครับ และก็ตั้งใจพิจารณาถึงดีเทลต่างๆที่ทางโครงการมีให้ โดยถ้าคุณชอบจริงๆก็ลองใช้ความสามารถในการเจรจาต่อรองราคาดูครับ ถ้าใครที่มีงบประมาณพร้อมและมองหาคอนโดในย่านทองหล่อผมเชียร์ที่นี่เต็มที่ครับ ส่วนตัวชอบห้องขนาด 55 ตรม.ที่มี Private Lift มากลงตัวสุดๆ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าห้องที่นี่อาจมีข้อจำกัดบ้างในเรื่องของพื้นที่เสา และสไตล์การออกแบบระเบียงที่ต้องใช้เวลาเลือกห้อง และมองภาพไกลไปถึงตอนแต่งห้องอยู่ห้องจริงครับ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมผมถึงใช้เวลาอยู่ที่นี่ถึงเกือบ 4 ชม.

 

นัดหมายเข้าชมโครงการ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ https://bit.ly/3bZoR2U



เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์


PropScore™ 4.0

SCORE:
0.0
From : 0 รีวิว


ยังไม่มีการให้คะแนนและ Comment โครงการนี้


พร้อมอยู่ พร้อมแฮปปี้กันทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยง! ที่ “Whizdom The Forestias – Petopia” คอนโดหนึ่งเดียวในไทยที่ออกแบบทุกรายละเอียดเพื่อชาว Pet Parents

หากคุณเป็นหนึ่งในคนรักสัตว์ที่จำเป็นต้องอยู่อาศัยในคอนโด แน่นอนว่าคุณย่อมต้องเจอกับสารพัดปัญหาที่พร้อมจะเกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นความพะวงจนต้องหลบๆซ่อนๆในเรื่องของการถูกเพื่อนร่วมชั้นจับได้ว่าแ... อ่านต่อ

31 October, 2024



เปิดห้องตัวอย่าง NUE EPIC ASOK – RAMA 9 คอนโดห้องใหญ่ พร้อมอาคาร Pet Friendly

อลังการคอนโดใหม่จากโนเบิล บนที่ดินกว่า 15 ไร่ ติดถนนใหญ่อโศก - ดินแดง และอาคาร Sky9 Cen... อ่านต่อ
30 October, 2024

ONE Bangkok เปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ หวังต่อยอดจาก Smart City ใจกลางเมืองสู่ “เมืองกลางใจ” ที่ใช้ใจสร้าง

ภายใต้แนวคิด The Heart of Bangkok เมืองที่ใช้ใจสร้าง โดยยึดเอา “หัวใจ” ของผู้คนเป็นศูนย... อ่านต่อ
25 October, 2024

อนันดา พลิกโฉมใหม่กับ Ashton สะท้อนการอยู่อาศัยที่เข้าใจคนเมืองยุคปัจจุบัน

"Ashton - แอชตัน" คือแบรนด์คอนโดในระดับ Top of Hierarchy ของอนันดา ที่มักจะถูกส่งลงมาเพ... อ่านต่อ
17 October, 2024

พาชมห้องตัวอย่าง SUPALAI TYME เจริญนคร

ตอนนี้เราเริ่มเห็น Trend ลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งความต้องการพื้นที่ Muiti-Purpose ซึ... อ่านต่อ
11 October, 2024

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง