ผ่ากลยุทธ์อนันดาปี 2022 “ANANDA NEW BLUE” เปลี่ยนแปลงทุกมิติให้ตอบรับไลฟ์สไตล์คนเมืองแบบ Hybrid Life ด้วยแบรนด์ใหม่คอนเซปท์เยี่ยม ดีไซน์หลุดโลกทะลุจักรวาล!

เกริก บุณยโยธิน 19 November, 2021 at 12.25 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


คุณผู้อ่านพอจะจำได้ไหมครับ ว่าโครงการคอนโดเปิดใหม่ล่าสุดที่ทาง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวคือโครงการอะไร? แม้คำถามนั้นอาจจะดูง่ายๆเพราะบริษัทอนันดาในความรู้สึกของใครหลายๆคนนั้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดของคอนโดติดรถไฟฟ้า ที่มีจำนวนสถานีใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆผมเองก็เกือบจะนึกไม่ออกครับว่าเป็นโครงการอะไร เพราะนับตั้งแต่โลกเราเกิดวิกฤตโรคระบาด COVID – 19 ที่กัดกินทุกภาคส่วนธุรกิจ และวิถีชีวิตของมนุษย์เราทั้งทางตรงและทางอ้อม ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 โลกทั้งใบก็แทบจะหยุดหมุน ชีวิตหลายๆชีวิตเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้ ธุรกิจอสังหาฯเริ่มจมสู่ห้วงเหวที่ไม่รู้จุดสิ้นสุด มีแค่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังพอมองหาคอนโดเพื่ออยู่อาศัยท่ามกลางวิถีใหม่ที่มีคนจำนวนมากมองหาลู่ทางที่จะหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองหลวง ไปสู่พื้นที่แห่งใหม่ที่กว้างใหญ่ และมอบความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า จนทำให้หลายคนลืมไปเลยว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น มีโครงการคอนโดอะไรเกิดขึ้นมาใหม่บ้าง ทั้งๆที่มีจำนวนโครงการเปิดใหม่น้อยเต็มที…ใช่ครับ ผมพยายามจะบอกว่าเป็นเวลา 2 ปีเต็มทีเดียวนับจากวันเปิดตัว 3 โครงการไอดีโอ จุฬา สามย่าน, ไอดีโอ สุขุมวิท พระรามสี่ และไอดีโอ จรัญ 70 ริเวอร์วิว ที่เราไม่ได้เห็นอนันดาฯเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่อีกเลย แม้ว่าจะมีที่ดินรองรับเพื่อการพัฒนาโครงการอยู่นับสิบแปลงทั่วกรุงเทพฯ! จะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจไม่เป็นใจ เพราะดีมานท์ทั้งจากไทยและต่างชาติที่ขาดหายไป เป็นเพราะความจำเป็นในการต้องเร่งโฟกัสในการระบายสต๊อคห้องพร้อมอยู่ ความพยามยามในการควบคุมต้นทุนในการบริหารองค์กร หรือจะเป็นเพราะแนวทางในการทำธุรกิจอย่างตั้งรับ เพื่อซุ่มพัฒนาโครงการใหม่ให้ตรงกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันในเวลาอันสั้นมากๆ ไม่ว่าเหตุผลจะมีนับร้อยนับพัน แต่ในวันนี้อนันดาโดยคุณโก้ และพี่ประเสริฐ พร้อมแล้วที่จะเริ่มนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่อันรุ่งโรจน์ของอนันดาอีกครั้ง ด้วยกลยุทธ์ “ANANDA NEW BLUE” ที่ทางทีมงานอนันดาทั้งหมดเชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ที่เกิดจากการตั้งการ์ดรับอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะเสาะหาความต้องการที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม เพื่อรอจังหวะที่ตลาดอสังหาฯจะกลับมา Rebound อีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนรายละเอียดของกลยุทธ์ และ Business Direction ของอนันดาในปี 2022 นั้นจะเป็นอย่างไรจะมีกี่โครงการใหม่ ? จะมีกี่แบรนด์ใหม่ ? และจะเปิดให้บริการธุรกิจใหม่อะไร?  ขอเชิญติดตามได้ในย่อหน้าถัดไปเลยครับ

เราเป็น Urban Developer เราจะเห็นว่าธุรกิจของเรานี่ Integrated กับ Rely กับธุรกิจท่องเที่ยวพอสมควร แต่เราก็อึด และถึกเล่นเกมรับมาตลอดได้ และวันนี้ถึงเวลาที่เราจะเล่นเกมรุกบ้างแล้ว ที่ผ่านมามีพี่ประเสริฐมาช่วยปัดกวาดเช็ดถู หลังบ้าน ทำให้เรา Lean ได้มาโดยตลอด วันนี้เรากำลังตระหนักและตั้งคำถามว่า วิกฤตที่ผ่านมาทำให้ Trend ของ Urbanization เปลี่ยนไหม? คนจะทำงานที่บ้านกันต่อไปเรื่อยๆไหม? สิ่งหนึ่งทีเรามองเห็นก็คือภาครัฐมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องมากถึง 300,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายที่ 320 สถานีภายในปี 2030 ถ้าเฉลี่ยต่อเดือนก็คือสร้างเดือนละ 1.77 สถานี นี่ทำให้เรายังเชื่อว่าแม้จะมีหลายๆ Disruption เข้ามา แต่โครงการ Mass Transit ก็ยังลุยต่อ ถ้าเราคิดว่า Urbanization ไม่มีแล้ว ผมว่าไอ้ที่ลงทุนไว้ 300,000 ล้านบาท เปลี่ยนไปทำอย่างอย่างอื่นดีกว่า วันนี้เราปลดล๊อคดาวน์แล้ว ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมเลย รถติด เดินทางลำบากเสียเวลาเหมือนเมื่อสองปีที่แล้ว ร้านอาหาร ห้างคนเข้าเยอะ พูดได้เลยว่า Urban Life is back ในขณะที่มองไปยังรอบตัวเรา World’s GDP มีทิศทางขึ้นไปได้ 5.9% ที่อเมริกาตอนนี้ The Back to Normal Index พุ่งไปถึง 95% แล้ว เศรษฐกิจ Rebound กลับมาเป็น V Shape ผมคิดว่าเรา Lack จาก US ประมาณ 9 เดือน เราต้องฮึกเหิมกลับมาสู้ต่อ ผู้บริโภคในประเทศเริ่มมีความเชื่อมั่นกลับมา และอนันดาในฐานะที่เป็น Urban Living Solutions เราจึง Commit ที่จะเดินหน้าสร้างเมืองต่อ แต่เป็นในรูปแบบ Hybrid Life เพราะเราเชื่อว่ายังไงมนุษย์ก็ต้องมี Social Interaction ยังไงเราต้องเจอกัน จะคุยกันหรือพบปะกันในโลกออนไลน์ หรือใน Metaverse อย่างเดียวไม่ได้”…คุณโก้ ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พูดเกริ่นนำถึงสถานการณ์ในปัจจุบันที่ผู้คนในวงการอสังหาฯต่างก็ครุ่นคิดว่าทุกวันนี้สภาพตลาดเลยจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง และตัวอุตสาหกรรมเองได้ถูก Disrupted ไปโดยสิ้นเชิงหรือไม่

ฟ้าสดใสในไตรมาสสี่! อนันดามองตลาดทยอยกลับสู่ฐานเดิม จากข้อมูลยอดขายที่โตวันโตคืน

ถ้าไปถามดีเวลลอปเปอ์หลายๆในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้เกี่ยวกับยอดขายคอนโด แน่นอนว่าทุกรายก็มักจะไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเท่าไหร่นัก เพราะเป็นช่วงที่กำลังซื้อในประเทศด่ำดิ่งสู่จุดที่ลึกสุด คอนโดขายไม่ดี สวนทางกับบ้าน ทุกอย่างถูกล็อคดาวน์ให้อยู่นิ่งๆก่อสร้างไม่ได้ ด้วยสถานการณ์การระบาดในระลอกที่สาม แต่พอเริ่มเข้าสู่ปลายไตรมาสสาม ถึงต้นไตรมาสสี่ สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นมาหลายอย่างมาก ทั้งยอดผู้ติดเชื้อที่ลดลง การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ที่สำคัญคือมีการปรับเพดาน LTV ให้สามารถกู้ได้ 100% ในแบบไม่ต้องวางดาวน์ในทุกสัญญา ทุกระดับราคา เป็นการชั่วคราวไปจนถึงสิ้นปี 2565 ส่งผลให้ภาพรวมตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากผู้บริโภคทุกคนรู้ดีว่าซื้ออสังหาช่วงปีนนี้ได้ราคาดีมาก แต่ที่ผ่านมาก็คือธนาคารปล่อยกู้ยาก และต้องใช้เงินสดส่วนหนึ่งในการวางดาวน์เพื่อซื้อบ้านหลังที่สองเป็นต้นไป ซึ่งก็แน่นอนว่าอนันดาเป็นอีกหนึ่งดีเวลลอปเปอร์ที่ได้รับผลบวกจากปัจจัยดังกล่าว โดยสะท้อนมาจากยอดขายโดยรวมที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะในส่วนของคอนโด และที่น่าสนใจก็คือยอดขายที่ได้รับจากชาวต่างชาติสูงขึ้นอย่างมีนัยถึง 280 ล้านบาทในเดือนตุลาคม

จากสถิติที่เห็นสะท้อนว่า Real Estate ผ่าน Bottomed Out มาแล้ว  เราเป็นเบอร์หนึ่งในคอนโดติดรถไฟฟ้า และยอดขายอนันดาฯกลับมา ทำไมยอดขายทั้งอุตสาหกรรมจะยังไม่กลับมา Perfect Storm ของตลาดอสังหาฯมันจบไปแล้ว เราเห็นสัญญาณในการขายดีที่สุดในรอบปีนี้ที่สัปดาห์ที่แล้ว เราปิดพื้นที่ Shop ได้ เราได้ Big Lot จากต่างประเทศ ที่ Ideo New Rama 9 โดยคอนโดมิเนียมเป็นตัวจุดประกายให้ธุรกิจอสังหาฯกลับมา และดีมานท์ต่างชาติก็กลับมา ต่างชาติไม่รู้จักหรอก รังสิต ลำลูกกา ต่างชาติรู้จักแต่ CBD สีลม สาทร สุชุมวิท รัชดา พระรามเก้า และสินค้าทุกอย่างเรามีสต๊อครองรับที่ Best Location หมด สิ่งผลให้ในเดือนตค.ได้ New High ของยอดขายจากลูกค้าต่างชาติ…”ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา  ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

อึด ถึก ทน รุกโดยการตั้งรับ คือกลยุทธ์หลักของอนันดาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา?

ถ้าถามความเห็นของผม จุดเปลี่ยนในการทำธุรกิจของอนันดา ที่นำไปสู่จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจแบบตั้งรับมาตลอด 2 ปีนั้นเริ่มมาตั้งแต่ช่วงก่อนโควิดลุกลามใหม่ๆในต้นปี 2020 เลยครับ หลายคนคงทราบกันดีว่าอนันดาเริ่มรุกตลาดเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ในช่วงกลางปี 2018 ด้วยการร่วมทุนพัฒนากับมิตซุย ฟุโดซัง และนำแบรนด์ระดับโลกอย่าง Ascott มาบริหารจัดการ ภายใต้โครงการมากถึง 5 โครงการ มูลค่ารวมเกินหมื่นล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าจนถึงบัดนี้ แม้จะสร้างเสร็จทุกโครงการแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างรายได้ให้แก่อนันดาได้ ประกอบกับช่วงตั้งแต่ปลายปี 2019 นับว่าเป็นช่วงขวบปีที่อนันดาเรียกว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยว หลังจากที่โครงการบ้านและคอนโดพร้อมอยู่หลายๆแห่งเริ่มทยอยส่งมอบโอนติดๆกัน ถึง 38 โครงการ และบริษัทฯเริ่มเห็นสัญญาณของความเชื่อมั่นในเรื่องการจับจ่ายของผู้บริโภคที่น้อยลงจากสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันเรื่องราคา ทำให้ในปีนั้นอนันดาฯตัดสินใจพับแผนการเปิดตัวโครงการไอดีโอ คิว พหลฯ-สะพานควายเดิม ที่ได้ผลตอบรับไม่ดีโดยที่ยังไม่ทันจะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯก็ได้รับทราบถึง Customer’s Voice ที่มาพร้อมกับการโอนโครงการสร้างเสร็จใหม่เพิ่มมากขึ้นในหลายๆประเด็น อาทิ

 

ดีไซน์เยี่ยมแต่คุณภาพต้องปรับปรุง, เคยฟังเสียงลูกค้าที่โอนแล้วบ้างไหม, ทำไมราคาโดดกว่าของคนอื่นขนาดนี้, แจ้งซ่อมยากเกินไป, ฝ่ายโอนเอาแต่เร่งโอน แต่ไม่แก้ Defect ให้, สร้างเร็วอย่างเดียวแต่งานไม่เนี๊ยบ นิติไม่ค่อยดูแลลูกบ้านเลย” คำพูดเหล่านี้คือเสียงสะท้อนจากลูกค้าอนันดาส่วนหนึ่งที่เราพบเห็นได้ทั่วไปบนโลกออนไลน์  ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในสายตาของผู้ซื้อโครงการอนันดา จนนำมาซึ่งโจทย์หลักที่อนันดาต้องหันมาโฟกัสก่อนที่จะเริ่มเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่สู่ตลาด นั่นก็คือการพัฒนาโครงการอย่างไรที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ ในทุกมิติ ทั้งเรื่องทำเล สินค้า ราคา และการบริการ ซึ่งการตีโจทย์นี้ให้แตกเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน ประกอบกับสถานการณ์โควิดที่คืบคลานเข้ามา ล้วนส่งผลให้ทุกโครงการไม่ว่าจะเป็นโครงการพร้อมอยู่ หรือกำลังซุ่มพัฒนาเพื่อเตรียมเปิดตัวทั้งหมดของอนันดา ต้องหยุด เพื่อทบทวน รื้อใหม่ ทำใหม่หมด เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่ถูกบังคับให้เปลี่ยนไปอย่างปัจจุบันทันด่วนมาก ไม่ใช่แค่อนันดา แต่เพราะผู้ประกอบการทุกรายรู้ดีว่าในเวลานั้น แนวทางการทำธุรกิจแบบตั้งรับเพื่อรอการเปลี่ยนแปลงคือคำตอบที่ดีที่สุด ประจวบเหมาะพอดีกับการที่อนันดาได้ผู้บริหารฝีมือดีอย่างคุณประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต เข้ามาร่วมงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมีเป้าหมายเร่งด่วนอย่างแรกก็คือ การสร้าง Operation Excellence ให้กับทุกหน่วยธุรกิจ ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานที่ไม่จำเป็น ลดทอนขั้นตอนในการทำงาน ปรับปรุงระบบการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กรให้ครบถ้วน แต่รวดเร็วฉับไว ทำงานอย่าง Seamless ไม่มี Hierarchy เหมือนเดิม พัฒนาระบบควบคุมคุณภาพการก่อสร้างและบริการหลังการขาย ตลอดจนสร้าง New Normal Working Platform ที่ใช้ Data Technology เป็นตัวขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าได้ แม้บุคคลากรส่วนใหญ่ต้องทำงานในแบบ Work from Anywhere (WFA) ซึ่งแนวทางในการสร้าง Operation Excellence ดังกล่าวถูกบ่มเพาะออกมาเป็น New Working Platform ที่ครอบคลุมทุกมิติของงานปฎิบัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็น Ananda Sure  ที่จะช่วยแก้ Pain Point ของลูกค้าในด้านบริการหลังการขาย, ในด้านการก่อสร้างและบริหารงานขายอย่าง Ananda Quick ตลอดจนในด้านกลยุทธ์การพัฒนาโครงการใหม่อย่าง Ananda PMO  

Ananda Sure: ส่งมอบความสุขด้วยความเข้าใจและใส่ใจ

ผลลัพธ์ที่เห็นเป็นรูปธรรมในวันนี้จากการเริ่มเข้ามาปัดกวาด ปรับปรุงหลังบ้านตามสไตล์ของพี่ประเสริฐ ที่นิยมเรียกตัวเองว่าเป็นพี่ใหญ่ของบ้านอนันดา ก็คือ Ananda Sure ซึ่งนอกจากจะเป็นชื่อ New Normal Working Platform ที่ใช้กันภายในแล้ว ยังถูกต่อยอดให้ออกมาเป็นเครื่องหมายที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าอนันดาว่า นี่คือโครงการพร้อมส่งมอบที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้ว โดยที่มิติของ Ananda Sure ยังครอบคลุมไปถึงการบริหารจัดการชุมชน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกครอบครัวที่อยู่ในการดูแลจากอนันดาฯจะได้รับการบริการที่ดีที่สุด และบริการหลังการขาย แจ้งซ่อม ที่อยู่ในระยะการรับประกันและบริการแพ็คเกจหลังรับประกันที่สามารถตรวจสอบได้ทุกรายการ

อนันดาฯ ยังประสบความสำเร็จในเรื่องของ  ANANDA SURE ระบบการทำงานที่พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าและบริการของอนันดาฯ  ก่อนส่งมอบให้กับลูกค้า  โดยนำมาใช้ในทุกกระบวนการตั้งแต่การเลือกซื้อคอนโดหรือบ้านตลอดไปจนถึงการเข้าอยู่อาศัย ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้ามีความสุข ความพึงพอใจสูงสุดกับการอยู่อาศัยในทุกโครงการของอนันดาจนนำไปสู่การแนะนำและบอกต่อให้กับคนใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการวัดและประเมินผลจากการนำ ANANDA SURE มาใช้ โดยสามารถวัดค่าความพึงพอใจในการให้บริการ (CSAT) เพิ่มขึ้น 5% จากเดิม 88.0% เป็น 92.3% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอนันดาฯ มุ่งมั่นให้ความใส่ใจต่อการให้บริการเพื่อความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ และจะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้ มาตรฐานของ ANANDA SURE

เตรียมปิด Job ยอดโอน 7 โครงการในปีนี้ ก่อนเปิดตัวโครงการด้วยกลยุทธ์ใหม่ในปี 2021

เมื่อหลังบ้านพร้อม และมีสต๊อคพร้อมอยู่รอโอนอยู่หลายโครงการ โดยที่ตลาดอสังหาฯแทบจะไม่มีโครงการใหม่เปิดตัวเลย ประกอบกับเหล่าผู้ซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะมองหาสินค้าที่มอบความคุ้มค่าที่มากกว่า ทำให้อนันดาทยอย Sold Out โครงการไปได้เรื่อยๆถึง 4 โครงการ และกำลังจะตามมาอีก 3 โครงการ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งล่าสุดโครงการ Ideo New Rama 9 ก็มี Big Lot ชาวต่างชาติมาเหมาซื้อห้องที่เหลือไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงน่าจะสรูปผลประกอบการในปี 2021 นี้อย่างคร่าวๆได้เลยว่าน่าจะมียอดโอนถึง 10,000 ล้านบาท โดยที่ยอดที่ต้องทำเพิ่มมีอีกแค่ 1,125 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งพี่ประเสริฐบอกว่ายอดแค่นี้ยังไงก็ถึงชัวร์ นอนมาเลย!!

 

แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในช่วงเวลาที่ท้าทาย  แต่ในส่วนของ   อนันดาฯ ก็ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ทั้งในส่วนของยอดขายและยอดโอนมีสัญญาณที่ดีขึ้นที่ชัดเจน โดยในช่วง 3 เดือน (กรกฎาคม – กันยายน) เติบโต 20% มาโดยตลอด และคาดว่าสามารถเติบโตได้ถึงดับเบิลดิจิทใน 3 เดือนสุดท้ายของปี 64 โดยมียอดขาย 4,104 ล้านบาท และยอดโอนกว่า 2,557 ล้านบาท  โดยเติบโตจากโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบ และบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog)กว่า 12,821 ล้านบาท เพื่อรองรับการโอนในระยะ 2 ปีข้างหน้าประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต

เจาะกลยุทธ์ Ananda “New Blue” 2022

Blue Ocean หรือน่านน้ำสีคราม เป็นสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ทุกแบรนด์อยากจะแล่นเรือออกไปให้ไกลกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ด้วยความหวังว่าจะเจอฝูงปลาที่กำลังแหวกว่ายให้จับนับหมื่นนับแสนตัว ในแบบที่ไม่ต้องมีใครมาแย่งให้สิ้นเปลืองต้นทุน แต่ในโลกของความเป็นจริง น่านน้ำสีครามที่ทุกคนใฝ่ฝันมักกลายเป็นสมรภูมิรบที่มีแต่เรือจับปลาขนาดใหญ่มากๆที่เป็นเจ้าถิ่นหลายลำที่ล้วนแต่แสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงพื้นที่บนน่านน้ำแห่งนี้ จนเรือขนาดเล็กต้องอัปปางลงในในแทบจะทันทีที่แล่นเข้ามา แนวทางในการใช้กลยุทธ์ Blue Ocean ในการทำธุรกิจยุคปัจจุบันจึงไม่ได้มีเพียงแค่การหาน่านน้ำใหม่ สร้างธุรกิจใหม่ หรือหากลุ่มลูกค้าใหม่เท่านั้น เพราะในที่สุดแล้ว Blue Ocean ที่หลายบริษัทเสียเวลาแล่นเรือออกไปหาซะไกลเลย จนลืม Business Positioning & Core Competency ของตัวเองหมดแล้ว ก็จะกลายเป็น Read Ocean ในที่สุด แต่กุญแจแห่งความสำเร็จก็คือการมอง คิด พิจารณา และลงไปเล่นในน่านน้ำเดิมที่ตัวเองถนัด ด้วยกรอบความคิดที่หลุดจากเดิม และดึงดูดล่อฝูงปลาที่ไม่หลงกลกับเหยื่อในแบบเดิมๆอีกแล้วด้วย Unmet Needs ใหม่ๆ ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆให้เหมาะสมกับการกลายพันธุ์ของฝูงปลา (พฤติกรรมของผู้บริโภค) และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ที่สามารถสร้างคุณค่าและความแตกต่างได้ โดยไม่ต้องจำเป็นต้องใช้ต้นทุนที่สูงในการ Educate ตลาดใหม่

 

ภายใต้กลยุทธ์ New Blue ทางอนันดาได้มีการแบ่งองค์ประกอบของการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันบนน่านน้ำเดิม ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจ Residential Property ขึ้นมาทั้งหมด 4 มิติด้วยกัน ได้แก่ 1. การมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการระดับ Luxury Segment ขึ้นไป โดยเฉพาะในกลุ่มของแนวราบ 2. การสร้างแบรนด์ใหม่ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้อยู่อาศัยในแบบ Hybrid Life โดยออกมาเป็น 2 แบรนด์คือ CULTURE และ COCO PARC 3. การใช้งานออกแบบในการแก้ปัญหา และช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์เดิม โดยที่ไม่ได้เพิ่ม Cost ในแบรนด์สร้างชื่ออย่างไอดีโอ และ 4. การรุกธุรกิจ Recurring Income ที่ทางบริษัทได้สร้างเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ทั้ง 5 เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดให้เข้าพัก

 

โดยบริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 จำนวน  7 โครงการ  มูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ

 

คลิกที่นี่ https://anan.ly/30fzIma เพื่อเพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลอัพเดทของโครงการใหม่จากอนันดาในปี 2022

1. New “Blue” Customer Segment

มาจากการที่ทางทีม Market Intelligence ของอนันดา มองว่าตลาดบ้านราคา 30 ล้านบาทขึ้นไปในเมือง ไม่ได้มียอดขายที่ตกลงเลยไม่ว่าจะผ่านสถานการณ์ใดมา แต่กลับมียอดที่สูงขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งสำหรับอนันดาเองก็มีโครงการบ้านในระดับ Luxury Segment อย่างแบรนด์ Artale อยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่ายังไม่ได้รับการตอบรับที่ดีมากเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ทางทีมอนันดามองว่า กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่ในตลาดนี้แม้จะมีงบประมาณที่สามารถซื้อได้อยู่แล้ว แต่เขาเหล่านั้นก็ต้องการที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในแบบ Incomparable ถ้าสินค้าทำมาถึง มีทั้ง Taste ทั้ง Design ทั้งคุณภาพ ที่ได้มาตรฐานเหนือความคาดหมายยังไงก็ขายได้ ซึ่งอนันดาหมายมั่นปั้นมือว่าจะนำเอาแบรนด์ Artale มาพัฒนาอีกครั้งในคอนเซปท์ Pool Villa กลางเมือง กับโครงการอาร์เทล พระราม 9 (Artale Rama9)  มูลค่าโครงการ  3,538 ล้านบาท  ด้วยจุดเริ่มต้นแนวคิด LIVE IMAGINATION นิยามใหม่ที่แตกต่างของโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Hi-End ใจกลางเมือง จนมาสู่ความสำเร็จ และผลตอบรับที่ดีของ ARTALE Phatthanakan และ ARTALE Ekkamai-Ramintra ทำให้  แบรนด์ ARTALE เป็นแบรนด์โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Hi-End ได้รับการยอมรับอย่างดี และต่อยอดสู่ ARTALE RAMA 9 โครงการบ้านระดับ Luxury ใจกลางเมืองบนทำเลใจกลางพระรามเก้า ที่มีการออกแบบและพัฒนาโครงการด้วยความเข้าใจในความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ARTALE โดดเด่นด้วย Design Concept ภายใต้แนวคิด URBAN LUXURY POOL VILLA ที่จะทำให้การอยู่อาศัยเป็นการใช้ชีวิตใน POOL VILLA หรูใจกลางเมือง

 

โครงการอยู่บนทำเล CBD พระรามเก้า บนถนนพระรามเก้าซอย 13 หน้าปากซอยมีรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานีวัดพระรามเก้าอยู่ เช่นเดียวกับแหล่งงานสำคัญอย่างอาคาร KPN และยังเดินทางไปย่านเอกมัย ทองหล่อ

2. New “Blue” Brand Concept

ต้องยอมรับว่าช่วงปี 2021 นี้ทางอนันดาประสบกับปัญหา Brand Crisis ที่มีต่อแบรนด์ ASHTON โดย ASHTON Asoke ครับ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวแน่นอนว่าส่งผลมาถึงแบรนด์หรูระดับ Luxury อย่าง Ashton โดยตรง โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์ จนทำให้เป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะในการที่จะใช้แบรนด์ ASHTON เดิมลงมาเล่นในตลาด Luxury สำหรับปี 2022 นี้ครับ อีกทั้งแบรนด์ในปัจจุบันอย่าง Ideo, Ideo Mobi ก็มี Meaning และ Persona ที่ค่อนข้างชัดในเรื่องของความสะดวกในการเดินทาง และการเป็น Gen C โดยที่ Pricing Gap ในตอนนี้ก็ไม่ได้ถูกวางให้ห่างกันมาก บางแห่งตอนนี้ขายในราคาเท่ากัน แทบจนกันเลยด้วยซ้ำ…ทั้งหมดทั้งมวลนี้หากทางอนันดาไม่ทำการแก้ไขโดยการจัดพิมพ์เขียวให้แต่ละแบรนด์ใหม่ ก็อาจจะส่งผลลุกลามไปจนต้องทำ Rebranding ได้ครับ ซึ่งในปี 2022 นี้อนันดาขอผ่าทางตันด้วยการสร้างแบรนด์ใหม่ออกมาเลย เนื่องจากทางกลุ่มผู้บริหารมองแล้วว่ามันมีโอกาสในการทำการตลาดอยู่สำหรับกลุ่ม Brand Persona ที่มีดีมานท์ในการใช้ชีวิตในแบบ Sustainable Living และ Services Residence ครับ อีกทั้งแบรนด์ Port Folio ในปัจจุบันของอนันดาก็ยังไม่มีแบรนด์ไหนเลยที่เคยพัฒนา Product Experiences แนวนี้มาก่อน

 

ผลลัพธ์จึงออกมาที่ 2 แบรนด์ ใน 3 โครงการคือ

1. แบรนด์ โคโค่ พาร์ค พัฒนาเป็นโครงการ โคโค่ พาร์ค (COCO PARC) มูลค่าโครงการ 4,622 ล้านบาท ครั้งแรกในการจับมือเพื่อสร้างสรรค์แบรนด์ใหม่ระหว่าง ANANDA X DUSIT เกิดเป็นประสบการณ์โครงการที่อยู่อาศัยพร้อมบริการสุดพิเศษจากโรงแรมดุสิตธานี ด้วยมาตรฐานระดับโรงแรมห้าดาวเฉพาะโครงการ COCO PARC Managed by DUSIT  คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ก่อนเปิดขาย ใกล้สวนขนาดใหญ่ถึง 2 สวน ทั้งสวนลุมพินี และส่วนป่าเบญจกิติ โดยเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ที่จะเปลี่ยนรูปแบบในการอยู่อาศัยให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เอกสิทธิ์เพียง 486 ครอบครัว  ซึ่งเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยสำหรับความร่วมมือครั้งนี้  ทั้งนี้เพื่อสร้างจุดแข็งในด้านมาตรฐานที่พักอาศัยเหนือระดับให้กับลูกค้าในโครงการ

เดิมเป็นโครงการ Ideo Mobi Rama 4 อยู่ติดสถานี MRT คลองเตยเพียงแค่ 0 เมตร แต่โครงการมีการปรับรูปแบบพอสมควรจนทำให้ต้องเพิ่มราคาขึ้น เหนือกว่ามาตรฐานแบรนด์ Ideo Mobi เดิม ด้วยจุดแข็งในเรื่องทำเลที่ใกล้ Dusit Central Park, สวนลุมพินี และโครงการ ONE Bangkok อยู่แล้ว อนันดาเหมือนเป็นคนผลิต Hardware และมี Software อย่าง Dusit มาช่วยในการขับเคลื่อน จึงทำให้แบรนด์ COCO PARC นี้มีจุดขาย และความโดดเด่นที่ไม่แพ้ Super Luxury Condo ที่เป็น Leasehold ในย่านพระรามสี่เลย

2. แบรนด์ คัลเจอร์ (CULTURE) ครั้งแรกกับโครงการแนวคิดใหม่ของการอยู่อาศัยในสังคมร่วมสมัย ด้วยการร่วมปลุกปั้นแบรนด์ใหม่เพื่อเปลี่ยนนิยามชีวิตเมือง ANANDA X SUSTAINABILITY CONCEPTS BY SCRATCH FIRST  FROM THE CREATOR OF WONDERFRUIT ผู้นำวิถีชีวิตเมืองที่เน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรกับธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์ CULTURE การรวมตัวกันทางความคิดของกลุ่มคนเมืองที่มีความเชื่อในการมองหาทางเลือกการใช้ชีวิตแนวใหม่ เน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ผสานความยั่งยืน สร้างแรงบันดาลใจและสะท้อนตัวตนที่โดดเด่นในการอยู่อาศัยสู่สุดยอด 2 ทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ได้แก่

2.1 โครงการ คัลเจอร์ ทองหล่อ (Culture Thonglor) มูลค่าโครงการ 3,383 ล้านบาท ทำเลใจกลางแหล่งธุรกิจและ LIFESTYLE เพียง 230 เมตรจากสถานีทองหล่อ การเดินทางสะดวกสบาย โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและประสบการณ์ร่วมของผู้อยู่อาศัย ยกระดับการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และบริการที่ได้มาตรฐานโรงแรมชั้นนำที่สามารถเลือกสรรบริการต่างๆ ได้ ตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยและการพักผ่อนภายในโครงการอย่างเต็มที่

อยู่ในซอยสุขุมวิท 59 เดิมมีแผนในการพัฒนาเป็นโครงการ ไอดีโอ ทองหล่อ สเตชั่น ซึ่งมีการเปิดเผยราคาขายออกมาว่าเริ่มต้นที่ตารางเมตรละ 150,000 บาท ต้องจับตาดูว่า Lifestyle Condo แห่งใหม่ที่ CULTURE Thonglor นี้จะได้รับผลตอบรับที่ดีมากแค่ไหน เนื่องจากในปัจจุบันมีแค่แบรนด์ XT จากแสนสิรอเพียงแบรนด์เดียวที่เป็นผู้เล่นในตลาด Lifestyle Condominium

 

2.2 โครงการ คัลเจอร์ จุฬา (Culture Chula) มูลค่าโครงการ 6,031 ล้านบาท เพียง  350 เมตร จาก MRT สามย่าน และ 240 เมตรจาก  BTS ศาลาแดง  ตั้งอยู่ใจกลางสถานศึกษาชั้นนำ เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของสามย่าน วิถีชีวิตยุคใหม่ที่เชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับแนวคิดรักษ์โลกที่สร้างสรรค์อย่างลงตัวทั้งการทำงาน และการพักผ่อนด้วย CO-WORKING SPACE พร้อมรองรับการใช้งานตลอด 24 ชม.

ที่ดินของโครงการมีทางเข้าออกติดถนนใหญ่ทั้งสองฝั่งได้แค่ พระรามสี่ และสุรวงศ์ โครงการอยู่ห่างเพียงแค่ 350 เมตรจาก MRT สามย่าน ถัดจากโครงการ Ashton Chula – Silom ไปนิดเดียว และยังนับว่าเป็นโครงการคอนโดลำดับที่ 4 ของอนันดาที่บริเวณแยกสามย่านแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นเจ้าตลาด Residential ที่ครอบครองจำนวนยูนิตในแบบ Freehold มากที่สุดในย่านนี้เลย

 

3. New “Blue” Design Concept & New Normal Lifestyle

สำหรับแบรนด์หลักอย่างไอดีโอเอง ก็ได้มีการปรับดีไซน์ เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์ Lifestyle แบบ New Normal Living ในยุคปัจจุบันมากขึ้น  ซึ่งก็แน่นอนว่ายังคงยึดเอา Brand DNA ในแบบเดิมตรงที่เป็นการคืนเวลาให้ชีวิต และเป็นแบรนด์ที่ตอบรับความสะดวกสบายของชีวิตเมืองในทุกมิติ ด้วยการเป็นคอนโดติดสถานีรถไฟฟ้าทั้งสองแห่งเลย ได้แก่

 

1. โครงการไอดีโอ พหล- สะพานควาย (Ideo Phahol-Saphan Khwai) มูลค่าโครงการ 7,521 ล้านบาท ด้วยที่สุดของทำเล ติดบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตร และรายล้อมไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของคนเมือง

เดิมคือโครงการ ไอดีโอ คิว พหล – สะพานควาย อยู่ติดบันไดรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควายเลย

2. โครงการไอดีโอ รามคำแหง – ลำสาลี สเตชั่น (Ideo Ramkhamhaeng Lam Sali Station) มูลค่าโครงการ 2,085 ล้านบาท ทำเลที่เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ให้คุณสะดวกในทุกจุดหมาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ และส่วนกลางแนวคิดใหม่เพื่อทุกโหมดของการใช้ชีวิต LIVE-WORK-PLAY-LEARN

ผมว่าโครงการนี้เปิดตัวออกมาน่าจะขายดีมากๆครับ เพราะรามคำแหงช่วงแยกลำสาลีนี้เป็นย่านชุมชนใกล้ห้างขนาดใหญ่มากๆ อีกทั้งยังเป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางไปทั้งย่านรามคำแหง ลาดพร้าว มีนบุรี ศรีนครินทร์ และกรุงเทพกรีฑา เลยครับ ได้ข่าวว่าจะทำราคาออกมาเริ่มต้นที่ตารางเมตรละ 80,000 บาทเอง

และพร้อมเปิดตัว 1 แบรนด์ใหม่ของโครงการแนวราบ ทำเล ติวานนท์ – แจ้งวัฒนะ แบรนด์โครงการบ้านใหม่ล่าสุดจากอนันดาฯ ที่มีแนวคิดที่ชัดเจนด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ มี Inspiration มาจากประเทศ “ฟินแลนด์” ที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มี “ความสุข” มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งรูปแบบการออกแบบที่อยู่อาศัยของประเทศนี้ จะมีลักษณะที่เน้นความเรียบง่าย แต่มีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน หรือที่เราเรียกกันว่า Scandinavian Design หรือ Nordic Style จึงนำเอามาพัฒนา ต่อยอดไปสู่แนวคิดของแบรนด์ ที่ต้องการให้เป็นแบรนด์ของโครงการบ้านที่มีความเรียบง่าย เป็นเจ้าของได้ง่ายเพื่อสามารถเข้าถึงความสุขของการอยู่อาศัย สำหรับชีวิตครอบครัวแต่การออกแบบ ยังคงให้ความโดดเด่นในเรื่องของ Design ตามแบบฉบับแนวคิด Scandinavian Design คงไว้อยู่ มีกลิ่นอายสไตล์ Nordic ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

อยู่แถวๆสะพานนวลฉวี เป็นทำเลกึ่งกลางระหว่าง 2 แหล่งงานสำคัญในย่านนนทบุรี ทั้งแจ้งวัฒนะ และติวานนท์ โดยที่ละแวกใกล้เคียงยังไม่ค่อยมี Supply ทาวน์โฮม และบ้านแฝดสร้างใหม่เกิดขึ้นมา จึงคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาบ้านหลังแรก หรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นชีวิตครอบครัวกับ 2 รูปแบบที่อยู่อาศัยทั้งทาวน์โฮมและบ้านแฝดในราคาเริ่มเพียง 2 ล้านต้น

ซึ่งทั้ง 7 โครงการคุณภาพเปิดใหม่ที่อนันดาฯ ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาในครั้งนี้ถือว่าเป็นการนำเสนอให้ลูกค้าเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมืองที่มีความหลากหลาย และความต้องการที่แตกต่างกัน นำเสนอรูปแบบโครงการที่สามารถตอบโจทย์ในแต่ละความต้องการนั้นได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญคือไม่ต้องรอนาน เพราะในปีหน้ามีโอนพร้อมกันถึง 2 โครงการเลยครับ

หากดีไซน์ดังกล่าวยังไม่ว้าวพอ ทางอนันดายังได้มีการเผยภาพ Conceptual ของอีก 1 โครงการใหม่ ที่มองดูแล้วเหมือนกับมาจากหนัง Sci-fi เรื่อง A Space Odyssey เลยทีเดียว เพราะมันดูคล้ายกับสถานีอวกาศ หรือไม่ก็สถานีสำรวจใต้ทะเลลึกมากกว่า โดยจุดเด่นมากๆก็คือการดีไซน์กระจกทรงกลมขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนเป็น Living Pod ที่ให้ผู้พักอาศัยสามารถ Immerse เข้าไปอยู่ในนั้นเพื่อเทควิวในแบบลอยฟ้ากลางอากาศได้ เป็นโครงการมี่ไม่คาดฝันว่าจะมีคนทำได้จริงๆ ซึ่งจะตั้งอยู่บนทำเลที่อนันดาได้มานานแล้วอย่างริมถนนพระรามสี่ ข้างๆอาคารศรีเฟื่องฟุ้ง ตรงข้ามสวนลุมพินี ที่รับประกันถึงวิวดีสุดๆไปเลย

กระจกทรงโค้งแบบนี้ทางคุณโก้บอกว่าต้องสั่งทำและนำเข้าจากเยอรมัน มีแค่ชั้นละ 1 ห้อง จำนวนไม่เกิน 20 ยูนิตแบบนี้ คุณผู้อ่านคิดว่าจะขายราคาเท่าไหร่ครับ และถ้ามีเงินจริงๆจะมีโอกาสได้ซื้อทันเขาไหม?

 

สำหรับโครงการนี้ยังมี Alternative Design อีก Option นึง ที่ทำเป็นรูปแบบ Vertical Pool Villa ยกสระน้ำไปไว้ที่ระเบียงอาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลางเป็น Passion Space ขนาดใหญ่อยู่บริเวณชั้นล่างมีจำนวนยูนิตแค่ 40 ยูนิตเท่านั้น

4. New “Blue” Recurring Income

ต้องบอกว่า 2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายสำหรับอนันดาในการทำธุรกิจครับ สำหรับใครที่อยู่ในสายอสังหาฯก็น่าจะรู้กันดีว่า ในช่วงกลางปี 2018 อนันดาทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลกว่า 12,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้ประจำ (Recurring Income) ด้วยการบุกตลาด เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ โดยเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ทั้ง มิตซุย ฟุโดซัง และ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด  (“The Ascott Limited” หรือ “Ascott”) เพื่อเปิดตัว 4 โครงการ กว่า 1,400 ยูนิต บนทำเลศักยภาพสูงใจกลางเมือง NEW CBD อาทิ Somerset Rama 9, Ascott Embassy Sathorn, Ascott Thonglor และ LYF Sukhumvit 8 บวกกับอีก 1 โครงการที่พัทยากลางอย่าง Somerset Blue Coast Pattaya  จากการที่มองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่การลงทุนที่มีรายได้ต่อเนื่องในระยะยาว และมั่นใจในดีมานท์ ณ ขณะนั้นที่ยังโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก

อัตราการเช่าเฉลี่ยของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในทุกทำเลของกรุงเทพมหานครมากกว่า 74% และสามารถขยับขึ้นไปถึงประมาณ 90% ในบางทำเล โดยพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิท เป็นทำเลยอดนิยมที่สุดสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานคร อัตราการเช่าเฉลี่ยจึงอยู่ที่ประมาณ 80% เนื่องจากความสะดวกในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรวมไปถึงการเข้าถึงที่สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS

 

แต่ตัวเลขความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจที่คุณโก้อ้างอิง กลับกลายเป็นศูนย์จากการที่ประเทศไทยอยู่ในโหมดปิดประเทศในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หลายๆโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์สร้างเสร็จพอดี เท่ากับว่าลงทุนไปกว่าหมื่นล้าน แต่กลับไม่มีรายได้เข้ามาเลยปีกว่าแล้ว!

แต่จากมาตรการในการเปิดประเทศล่าสุด และตัวเลขยอดผู้เข้าพักในกลุ่มตลาดเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ที่ไม่ค่อยจะตกลงมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มตลาดโรงแรม อีกทั้งยังมี Supply ที่น้อยกว่าโรงแรมหลายเท่าตัว ทำให้ทางอนันดาเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทมากกว่า 3,900 ล้านบาทภายใน 3 ปีนับจากนี้ไปครับ

 

Ananda Keep on Challenging ก้าวต่อไปบนเส้นทางแห่งความท้าทาย

นอกจากนี้ อนันดาฯ ยังให้ความสำคัญในการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาผสานในทุกองค์ประกอบของการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งใจนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเราและชีวิตคนเมือง ล่าสุด จับมือ COCORO (โคโคโระ) เปิดตัว COCORO  APP  แอปพลิเคชั่นที่พัฒนาจาก Tech Start Up รายใหม่ล่าสุด เพื่อการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาการบริหารจัดการด้านการดูแลลูกบ้านในวงการอสังหาริมทรัพย์ เป็นการพัฒนาด้านมาตรฐานการให้บริการ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจในการอยู่อาศัยที่สะดวกขึ้น และง่ายยิ่งขึ้น

 

COCORO  APP  เป็นแอปฯ ผู้ช่วยคนใหม่สำหรับลูกบ้านอนันดาฯ ที่ทำให้การอยู่อาศัยเป็นเรื่องง่ายขึ้น สะดวก จบ ครบทุกฟีเจอร์สำคัญภายในแอปฯ เดียว ได้แก่ ง่าย.. ในการรับบริการต่างๆ  แจ้งเตือน … เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว  สะดวก… ในการจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง  รับสิทธิพิเศษ…จากแบรนด์ชั้นนำ  ทุกเรื่องคะแนนสะสม… อยู่ที่ปลายนิ้ว และ รวดเร็ว…. กับระบบชำระเงินผ่านแอป

เช่นเดียวกับการจับมือกับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด บริษัทชั้นนำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชน พัฒนาระบบช่องทางการชำระเงินโดยเป็นการนำ คริปโทเคอเรนซี่ มาเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมของอนันดาฯ ทุกโครงการผ่านคริปโทเคอเรนซี่ แทนการชำระด้วยเงินสด ผ่านช่องทาง Wallet ของบิทคับ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในแง่ของการจ่ายเงิน ให้ลูกค้าจ่ายได้ง่าย มั่นใจและปลอดภัยในทุกขั้นตอน นับเป็นรายแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และเป็นก้าวสำคัญในการปรับตัวสู่สังคมแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี

 

โดยในช่วงวันที่ 20 – 21 พย.นี้ ผู้ที่สนใจโครงการบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด พร้อมอยู่จากอนันดา ก็เตรียมพบกับงานขายสุดยิ่งใหญ่แห่งปี Ananda Urban Pulse 2021 ที่สำนักงานขายทุกแห่งครับ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยืนยันในความพร้อมมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน มีศักยภาพในการลงทุนขยายโครงการต่างๆ ด้วยการตุนกระแสเงินสดกว่า 5,000 ล้านบาท และเมื่อเร็วๆนี้ผู้ถือหุ้นได้ให้ความเห็นชอบในการเพิ่มทุนของบริษัทฯ เพื่อรองรับจังหวะที่สำคัญในการเติบโตของบริษัทต่อไป นอกจากนี้บริษัทมีแผนในการออกหุ้นกู้มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ในเดือนมกราคม 2565 อีกด้วย ในส่วนของการสนับสนุนจากพันธมิตรทางอนันดาก็ยังคงได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากพันธมิตรชั้นนำระดับอินเตอร์เนชั่นแนล เช่น มิตซุย ฟูโดซัง, บีทีเอส กรุ๊ป, เพรซิเดนท์ ดี เวนเจอร์, ดุสิตธานี, สแครทช์ เฟิร์สท์  และดิ แอสคอทท์ เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน

หลังจากนี้ จะเห็นประเทศไทยเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งในส่วนของภาคธุรกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ซึ่งที่ผ่านมาแม้อยู่ในสถานการณ์ที่ผันผวนแต่ก็ยังคงมีดีมานด์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่เพียงแค่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสมโดยขณะนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของลูกค้าที่จะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้  ซึ่งอนันดาฯ มั่นใจ ตลาดอสังหาฯ กลับมาแน่! และตลาดอสังหาในเมืองจะกลับมาเร็วกว่าที่คิด (URBAN LIFE IS BACK) เราพร้อมมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง อย่างไม่หยุดยั้ง ในปี 2565 กับ การเปิดตัว 7 โครงการใหม่กว่า 28,000 ล้าน ด้วยกลยุทธ์  ANANDA NEW BLUE  มองหาโอกาสใหม่ๆ รับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่หลากหลาย กับแบรนด์ใหม่ เซกเม้นท์ใหม่ และการเพิ่มทุน ตุนเงินสดหมุนเวียนอีก 5,000 ล้าน ย้ำพันธมิตรสนับสนุนแกร่ง รองรับการเติบโตในอนาคตอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เพื่อให้คนเมืองมีที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ในแต่ละความต้องการของตัวเองอย่างลงตัว และไร้ขีดจำกัดมากที่สุด เราเป็นดีเวลลอปเปอร์ของเมืองหลวง เรา Commit ที่จะสร้างเมืองไปกับคนเมือง ตอนนี้ Business Model หลายๆอย่างของเรากำลังจะเริ่ม Merge เข้าด้วยกันแล้ว ฝากรอติดตามกันด้วยนะครับ คุณชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย

 

คลิกที่นี่ https://anan.ly/30fzIma เพื่อรอรับข่าวสารเพิ่มเติม และติดตามรายละเอียดโครงการใหม่ของอนันดาได้เลย

#AnandaDevelopment  #UrbanLivingSolutions #WHATWEAREMADEOF #KEEPONCHALLENGING

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม...

28 February, 2024

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง