เสน่ห์ธนบุรี…ความรุ่มรวยในอดีตสู่พื้นที่ทางด้านพาณิชยกรรมที่มีเอกลักษณ์ในเชิงวัฒนธรรม

ในอดีต ‘ธนบุรี’ หรือที่เราเรียกขานกันว่า ‘ฝั่งธนฯ’ ในปัจจุบันนี้ คือที่ตั้งเมืองหลวงของประเทศไทย จนกาลผันผ่านจากชัยสมรภูมิอันโดดเด่น กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงที่ถูกลดทอนความสำคัญลงไป เป็นพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ถึงแม้ไม่ใช่ที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมายเท่ากับฝั่งพระนคร ไม่ใช่ย่านธุรกิจที่คึกคักและมีสำนักงานของบริษัทนานาชาติตั้งรากฐานกันอย่างเหนียวแน่น แต่ฝั่งธนฯก็ยังเป็นย่านที่น่าสนใจและทวีความสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะศักยภาพในการรองรับการขยายตัวของเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เป็นที่ทราบกันดีว่าฝั่งธนฯมีของดีและสถานที่ที่น่าสนใจมากมายที่หาไม่ได้ในฝั่งพระนคร โดยเฉพาะของดีในอดีตที่ยังคงสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยากจะหาย่านใดเสมอเหมือน ทั้งยังมีเสน่ห์ล้นเหลือในการดึงดูดให้ทั้งผู้ที่ลงหลักปักฐานที่นี่มาแต่ครั้งบรรพบุรุษไม่ละทิ้งถิ่นฐานไปไหน และเชื้อเชิญผู้ที่แสวงหาถิ่นที่อยู่อาศัยหน้าใหม่ให้เข้ามาเป็นสมาชิกของฝั่งธนฯ

เสน่ห์ของฝั่งธนที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ เป็นย่านที่คลาคล่ำไปด้วยร้านอาหารต้นตำรับแสนอร่อย ที่เจ้าของผู้บุกเบิกได้ถ่ายทอดรสมือจากรุ่นสู่รุ่น ควรค่าแก่การตระเวนชิมอย่างยิ่ง เช่น ร้านหมี่กรอบจีนหลี หรือ ร้านเต็กเฮง ที่เก่าแก่จริงจัง เพราะเปิดขายที่ตลาดพลูมาอย่างยาวนานเป็นร้อยๆ ปี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เลยทีเดียว ด้านร้านเจริญไทยสุกี้คลองสาน ที่นอกจากจะมีสุกี้หมู ไก่ และทะเลสดใหม่ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดแล้ว ยังมีหอยแมลงภู่ตัวโตๆ อบหม้อดิน ที่ต้องลอง ส่วนร้านสมศักดิ์ปูอบ ก็จัดเต็มกับกุ้งและปูสดๆ นำมาสร้างสรรค์สารพัดเมนูให้คุณได้ลิ้มลอง ร้านนี้อยู่ที่คลองสาน หรือจะเป็นร้านเตี้ยเย็นตาโฟ ที่เสิร์ฟเย็นตาโฟโบราณมานานกว่า 50 ปี ริมชานชาลาสถานีรถไฟย่านตลาดพลูท่ามกลางบรรยากาศของวันวาน ส่วนใครที่ชอบซาลาเปาต้องดิ่งไปที่นิวส์เหลียงสุน ร้านซาลาเปาแต้จิ๋วสูตรโบราณที่ขายสารพัดไส้ รวมถึงบะจ่างและขนมจีบกุ้งเต็มๆ คำ ขณะที่คนที่โปรดปรานการรับประทานเนื้อตุ๋น ต้องไม่พลาด ร้านเนื้อตุ๋นน้ำแดง 5 ดาว วัดท่าพระ ที่เปื่อยนุ่มเข้ารสกันดีกับน้ำจิ้มสูตรเข้มข้น จะบอกว่าฟินยังน้อยไป

ร้านหมี่กรอบจีนหลี เครดิตรูปจาก www.google.co.th

ร้านสมศักดิ์ปูอบ เครดิตรูปจาก SomsakPuOb

ส่วนนักช้อปที่มองหาวัสดุอุปกรณ์มาตัดเย็บเครื่องหนังและเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นซิป หนัง พีวีซี ผ้ายีนส์ ไหมพรม ด้าย โซ่ ห่วง กระดุม รวมถึงสารพันอะไหล่ตกแต่งกระเป๋าและรองเท้า ฝั่งธนฯ ก็มีย่านเก่าแก่แถบวงเวียนใหญ่อย่างตลาดเจริญรัถ ที่เปิดขายกันให้พรึ่บพรั่บ เรียงรายอยู่สองข้างทาง นับเป็นอีกตัวอย่างของการพาณิชยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของย่านนี้

ตลาดเจริญรัถ เครดิตรูปจาก www.google.co.th

ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ฝั่งธนฯ ก็ไม่น้อยหน้าใคร เพราะมีตลาดน้ำเลื่องชื่อหลายแห่งของกรุงเทพฯ ก็ตั้งอยู่ในฝั่งธนฯ เช่น ตลาดน้ำตลิ่งชัน ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต่างแวะเวียนมาชิมอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย จานเด็ดอย่างไม่ขาดสาย นอกจากนี้วิถีชีวิตริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดคลองเล็กคลองน้อยที่ลัดเลาะไปตามชุมชนเก่าแก่ต่างๆ ก็ล้วนน่าชม การล่องเรือโดยสารท่องเที่ยวไปตามลำคลองย่านฝั่งธนฯ จึงเป็นอีกกิจกรรมโปรดปรานของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกันเราคนไทยก็ควรหาโอกาสไปสัมผัสกิจกรรมดีๆ นี้บ้าง แล้วคุณจะรู้ว่าฝั่งธนฯ ยังมีเรื่องดีๆ ให้ค้นหาอีกเยอะ โดยเฉพาะใครเป็นที่ ‘สายธรรม’ สามารถล่องเรือไหว้พระวัดดังได้แบบสบายๆ ภายในวันเดียว ไม่ว่าจะเป็น วัดสุวรรณารามวรวิหาร วัดอรุณราชวราราม วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดหงส์รัตนาราม วัดอินทรารามวรวิหาร วัดปากน้ำภาษีเจริญ สักการะหลวงพ่อวัดปากน้ำ และวัดกำแพงบางจาก เป็นต้น

และสำหรับในยุคที่การปั่นจักรยานคือหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ฝั่งธนฯ ก็เป็นหนึ่งในหมุดหมายของพลพรรคนักปั่น เพราะที่นี่มีเส้นทางปั่นจักรยานที่น่าสนใจมากมาย ที่โดดเด่นที่สุดคือ เส้นทางจักรยานเลียบเจ้าพระยาที่เปิดรับวิวและลมเย็นๆ แบบเต็มที่ นักปั่นจะรื่นรมกับการชม ชุมชนกุฎีจีน ชุมชนเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี เป็นชุมชนที่ผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรมทั้งไทย จีน และโปรตุเกส คนในชุมชนนี้อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้จะนับถือศาสนาที่ต่างกันถึง 3 ศาสนา คือ พุทธ คริสต์ และอิสลาม

หรือหากใครใคร่เดินทอดน่องชมเมือง ฝั่งธนฯ ก็มีกิจกรรม Walking Bangkok ที่จัดโดย ททท. มานำเสนอ ด้วยการเดินเที่ยวเส้นทางกุฎีขาว-กุฎีจีน-คลองสาน ที่ทุกก้าวที่เปลี่ยนผ่านจะทำให้เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างผ่านศาสนสถานทั้งวัดพุธ (วัดอรุณฯ ,วัดกัลยาณมิตร) โบสถ์คริสต์ ศาลเจ้าเกียนอันเกง (กุฎีจีน) ศาสเจ้าของชาวจีนฮกเกี้ยนที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 และมัสยิดบางหลวง (กุฎีขาว) มัสยิดแห่งเดียวในไทยที่สร้างเป็นอาคารแบบโบสถ์ในพุทธศาสนา รวมถึงโบสถ์ซางตาครู้สริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นต้น

นอกจากนี้สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็คือ ฝั่งธนฯ เป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญ มีพื้นที่เพาะปลูกอันเขียวชะอุ่มกว่า 4,000 ไร่ และมีสวนเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสานหลายแห่ง ทั้งไม้ผล ไม้ยืนต้น ไร่นาสวนผสม และไม้ประดับ ที่เป็นต้นแบบของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตทวีวัฒนา ตลิ่งชัน หนองแขม และทุ่งครุ ส่วนพื้นที่บ่อปลา นากุ้ง อยู่ในเขตบางขุนเทียน หากขับรถเพลินๆ ไปย่านนั้น เผลอๆ อาจจะหลงนึกไปว่าหลุดออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ ไปซะแล้ว

หากคุณเป็นคนฝั่งธนฯ หรือมีโอกาสสัมผัส หรือเคยเดินทางไปฝั่งธนฯ จะเห็นประจักษ์ด้วยตนเองว่าพื้นที่ฝั่งธนบางส่วนยังคงรักษาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เก่าแก่ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น วิถีชีวิตที่สุดแสนจะเทรนดี้ในยุคสมัยนี้อย่าง ‘สโลวไลฟ์’ ยังคงมีให้เห็นในบางพื้นที่ของย่านนี้ เป็นความสโลวไลฟ์อย่างแท้จริง ที่ไม่ต้องประดิษฐ์ให้ดูประดักประเดิดแต่อย่างใด

การวิวัฒน์ของย่านเก่าแก่ สู่สีสันแห่งนวัตกรรมเมือง

สิ่งที่เห็นได้เด่นชัดในช่วงสามสี่ปีมานี้คือฝั่งธนฯ มีส่วนผสมที่ชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งภาพของชนบท พื้นที่พาณิชยกรรม พื้นที่เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัย

อย่าลืมว่าแม้ฝั่งธนฯ จะถูกแยกออกจากฝั่งพระนครด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ยังคงมีการไปมาหาสู่และการเคลื่อนไหวของประชากรจากทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นการโดยสารทางเรือ รถ กระทั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที ยิ่งเมืองขยายตัวมากขึ้น ฝั่งธนฯ มักจะเป็นด่านแรกที่ถูกเลือกในการลงหลักปักฐาน หรือการต่อยอดขยายธุรกิจให้เติบโต ด้วยที่ตั้งอันเป็นจุดยุทธศาสตร์เพราะอยู่ไม่ใกล้จากฝั่งพระนคร

เมื่อนับจำนวนสิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์สมัยใหม่ ฝั่งธนฯ ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก และมีมานาน 20 กว่าปีแล้ว ทั้งศูนย์การค้าจากค่ายยักษ์อย่าง เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ที่เพิ่งลงทุนรีโนเวทปรับโฉมใหม่ไปไม่นานมานี้ ,เดอะมอลล์ ท่าพระ ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2532 และเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกของประเทศไทยที่มีสวนน้ำลอยฟ้า,เดอะมอลล์ บางแค ที่ทราฟฟิกหนาแน่นนับตั้งแต่วันแรกตั้งแต่ปี 2537 ส่วน ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค ที่แปลงร่างเป็นซีคอน สแควร์ บางแค เมื่อปีก็ยังคงคึกคัก ขณะเดียวกันพื้นที่เชิงไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ‘เดอะ แจม แฟคทอรี่’ ก็ราวกับยกคาแรกเตอร์แบบชิคๆ ของย่านทองหล่อมาไว้ที่คลองสานกันเลยทีเดียว ด้าน ‘ดราก้อนมอลล์’ ที่สร้างขึ้นภายใต้แนวคิดจิตวิญญาณของคนธนบุรี (Sprit of Thonburi) โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Contemporary Chinese ที่ดึงดูดทุกสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมาย่านเพชรเกษม ไหนจะ ‘เสนาเฟสท์’ ย่านเจริญนคร ส่วน ‘วิคตอเรีย การ์เด้นท์’ คอมมูนิตี้มอลล์สไตล์สวนอังกฤษแถบหนองแขม เป็นต้น

เดอะ แจม แฟคทอรี่ เครดิตรูปจาก TheJamFactoryBangkok

เห็นไหมล่ะว่า ไลฟ์สไตล์แบบคนฝั่งธนฯ ในยุคนี้ ไม่ได้น้อยหน้าคนกรุงฝั่งพระนครแต่อย่างใด

เชื่อมต่อทุกเส้นทางรอบกรุงเทพฯด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

ที่สำคัญการมาถึงของรถเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงิน และรถไฟฟ้าสายสีทอง ทำให้เกิดพัฒนาการของฝั่งธนในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เกิดระบบขนส่งทางรางที่มีประสิทธิภาพขึ้น เชื่อมต่อพื้นที่ต่างๆ ในฝั่งธนฯ เข้ากับฝั่งพระนครได้สะดวกและรวดเร็ว ตามแนวคิด รางเชื่อมเมือง (Connected track) ซึ่งจะกลายเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯในอนาคต

สถานีท่าพระ สถานี Interchange ที่สำคัญที่สุดของฝั่งธน

ท่าพระสี่แยกใหญ่ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝั่งกรุงธนบุรีที่ผู้คนใช้เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางต่อไปยังจุดหมาย ปลายทางในเขตฝั่งธนฯ บริเวณสี่แยกท่าพระนั้นเป็นจุดตัดผ่านระหว่างถนนเพชรเกษม, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนจรัญสนิทวงศ์ ทั้งยังเชื่อมต่อไปยังถนนราชพฤกษ์ ด้วยความสำคัญดังกล่าว การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ง- ประเทศไทย (รฟม.) จึงได้ปักหมุดให้ท่าพระเป็นสถานีสำคัญของรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายเฉลิมรัชมงคล สายสีน้ำเงิน เพื่อให้บริการสำหรับประชาชนในช่วงเส้นทางระหว่าง หัวลำโพง-ท่าพระ-บางแค และช่วง บางซื่อ-ท่าพระ โดยทั้งสองเส้นทางมีจุดบรรจบกันที่สี่แยกท่าพระ นอกจากนี้ สถานีดังกล่าวยังถูกใช้ เป็นสถานีร่วมบริเวณ กลางสี่แยก ยกระดับทอดตัวไปทุกด้านถนน ได้แก่ แนวถนนจรัญสนิทวงศ์-รัชดาภิเษก, แนวถนนเพชรเกษมมุ่งหน้า บางแค

ทำให้สี่แยกและสถานีรถไฟฟ้าท่าพระ เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าวงแหวนและ เป็นศูนย์รวมการเปลี่ยนเส้นทาง (Interchange) ที่ใหญ่ที่สุดของรถไฟฟ้าย่านธนบุรีในอนาคตอันใกล้ โดยมีทางเข้า ออกสถานีถึง 10 จุด และยังเป็น The Infinite Interchange and Connection ที่สามารถพาทุกชีวิตเข้าสู่ใจ- กลางกรุงเทพฯ และจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้อย่าง รวดเร็ว อาทิ สีลม, เยาวราช และสาทร นอกจากนี้ยัง ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดง, สีส้ม, สีม่วง, และสีเขียว ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนที่รวดเร็วอย่างแท้จริง

ภาพและรายละเอียดของสถานีท่าพระ ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพบางส่วนจากคุณ Chuthaphong Saetang

นอกจากนี้ไม่ไกลกันนักยังมี รถไฟฟ้าสายสีทอง (โครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง สถานีรถไฟฟ้าธนบุรี-เขตคลองสาน-ประชาธิปก) มีระยะทางรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.7 กม. แบ่งออกเป็น 2 ระยะ 5 สถานี ดังนี้ ระยะที่ 1 กำหนดเปิดให้บริการปี 2560 มีระยะทาง 1.5 กม. จำนวน 3 สถานี โดยสถานีแรกจะเชื่อมต่อกับสถานีกรุงธนบุรี และตรงเข้าสู่โครงการไอคอนสยามที่สถานีที่สอง และไปสิ้นสุดที่สี่แยกคลองสาน มีโรงจอดและศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง , ระยะที่ 2 กำหนดเปิดให้บริการปี 2562 มีระยะทาง 1.2 กม. จำนวน 2 สถานี เริ่มต้นจากสถานีดับเพลิงคลองสาน สิ้นสุดที่ถนนสมเด็จเจ้าพระยา-ประชาธิปก

เพราะเมื่อสาธารณูปโภคด้านคมนาคมส่งตรงถึงคนฝั่งธนฯ นักธุรกิจและนักลงทุนก็ต่างเล็งเห็นโอกาสทองที่จะเร่งรุดผุดโปรเจคท์ขึ้นมาดักกำลังซื้อของคนแถบนี้ รวมถึงผู้บริโภคหน้าใหม่ที่จะเดินทางมาเยือนฝั่งธนฯ ในฐานะที่เป็น Tourist destination รับทรัพย์คูณสองแบบนี้ ใครล่ะจะไม่อยากร่วมสมรภูมิชิงชัย

หนึ่งในโครงการค้าปลีกและที่อยู่อาศัยหรูหรา ขนาดยักษ์ที่จะถือกำเนิดเป็นเพชรเม็ดงามประดับฝั่งธนฯ ก็คือ ‘ไอคอน สยาม’ จากการร่วมทุนกันของสยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น โดยกำหนดเปิดให้บริการภายใน 2 ปีนี้ หรือปี 2560 นั่นเอง งบลงทุนกว่า 50,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ จึงไม่ใช่แค่การสร้างศูนย์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทยเท่านั้น แต่นับเป็นการสร้าง ‘เมืองใหม่’ เลยทีเดียว

สอดรับกับ โครงการพัฒนาพื้นที่ย่านกุฎีจีน-คลองสานของกรุงเทพฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อพลิกฟื้นพื้นที่ย่านเมืองเก่าให้น่าอยู่ มีประสิทธิภาพ เป็นมหานครระดับโลก ในวาระครบ 250 ปี ในปี 2575

ซึ่งจัดทำโดย ‘กรุงเทพฯ250’ ที่มีการปรับปรุงทัศนียภาพของย่านนั้น โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้สวยงาม สะอาด และรื่นรมย์ เหมาะกับการมานั่งเล่น พักผ่อน หย่อนใจ รวมถึงการจัดทำทางเดิน และเส้นทางจักรยาน นับเป็นการสรรค์สร้างพื้นที่เพื่อสาธารณะประโยชน์อย่างแท้จริง เพื่อปลุกความมีชีวิตชีวาของเมืองเก่าให้กลับคืนมาอีกครั้ง

ที่มา: bangkok250

นอกจากนี้ยังใช้การออกแบบเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูอาคารที่มีคุณค่าให้เป็นที่อยู่อาศัย และมีการใช้ประโยชน์ใหม่ มีการฟื้นฟูบูรณะอาคารเดิมให้มีการใช้ประโยชน์ผสมผสาน รวมถึงพัฒนาที่อยู่อาศัยความหนาแน่นสูงในย่านเก่าให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ด้านการท่องเที่ยวก็จะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายการท่องเที่ยวมรดกเชิงวัฒนธรรม รวมถึงเพิ่มเติม ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้ารการท่องเที่ยว และอนุรักษ์ ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็มีการปรับปรุง เพิ่มเติมพื้นที่แสดงงาน และพบปะของกลุ่มคนในเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างพลวัตรให้กับชุมชน

เหล่านี้นับเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงสีสันนวัตกรรมเมืองของฝั่งธนได้เป็นอย่างดี และปฏิเสธไม่ได้ว่าความวิวัฒน์ดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ของฝั่งธนฯ ดีดตัวขึ้นมาใกล้เคียงกับฝั่งนคร หรืออีกนัยหนึ่งคือช่องว่างของความเจริญได้ถูกลดแคบลงทุกที

ส่องภาพรวมตลาดคอนโด บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์จากแยกท่าพระ-ปิ่นเกล้า

จำนวนประชากรที่หนาแน่นจากฝั่งพระนครส่วนหนึ่งถูกผ่องถ่ายมาสู่ฝั่งธนฯ พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของฝั่งธนมีสนนราคาแพงไม่แพ้ฝั่งพระนครเลยทีเดียว แต่ฝั่งธนฯก็ไม่ได้มีดีแค่วิวแม่น้ำเจ้าพระยา คอนโดส่วนใหญ่มักจะเกาะอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีเขียวเป็นหลัก

ขณะที่ภาพรวมคอนโดที่เปิดใหม่ และกำลังขายอยู่บริเวณแยกท่าพระ-ปิ่นเกล้า และ แยกตลาดพลู ก็พบว่ามีบริษัทดีเวลลอปเปอร์ทุกระดับลงเล่นกันอย่างจริงจัง ปัจจุบัน มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายอยู่ 12 แห่ง ราคาเริ่มต้นเมื่อครั้งเปิดตัวอยู่ที่ตั้งแต่ 35,710 – 118,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาปัจจุบันและราคาขายต่ออยู่ที่ตั้งแต่ 35,710- 123,000 บาทต่อตารางเมตร เปลี่ยนแปลง 0-45% นับเป็นตัวเลขการเปลี่ยนแปลงราคาที่ไม่เลว สำหรับนักลงทุน

สำหรับโครงการที่เปิดขายในระหว่างปีพ.ศ.2556 – 2558 จะพบว่ามีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 73% โดยโครงการที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกปิ่นเกล้าจะมีอัตราการขายค่อนข้างสูงคือเกือบจะ 100% ส่วนโครงการที่อยู่ในช่วงกลางของถนนจรัญสนิทวงศ์ (ซอยจรัญสนิทวงศ์ 25 – คลองบางกอกน้อย หรือจรัญสนิทวงศ์ 39) จะมีอัตราการขายที่ประมาณ 88% ขณะที่โครงการที่อยู่รอบสี่แยกท่าพระจะมีอัตราการขายที่ประมาณ 78%

ทุกโครงการมีจุดขายคือทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะทางตั้งแต่ 30-400 เมตรโดยประมาณ กลายเป็นหนึ่งในทำเลสุดฮอตที่เทียบชั้นหลายทำเลในฝั่งพระนครเลยทีเดียว ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมที่มีสไตล์เฉพาะตัวดูดีและทันสมัย

แนวโน้มในอนาคตเชื่อแน่ว่าจะมีดีเวลลอปเปอร์คอนโดหลายรายหันมาสร้างโครงการที่บริเวณแยกท่าพระ เนื่องจาก สถานีท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ นับเป็นศูนย์รวมการเปลี่ยนเส้นทางที่ใหญ่ที่สุดของรถไฟฟ้าย่านธนบุรี และยังอยู่ใกล้กับสถานีสายสีน้ำเงินอีก 4 สาย คือ สถานีวัดมังกรกมลาวาส สถานีวังบูรพา สถานีสนามไชย และสถานีอิสรภาพ โดย 3 ใน 4 สถานี ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาก ขณะที่สถานีสนามไชยซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพระบรมมหาราชวัง มิวเซียมสยามและปากคลองตลาด ก็โดดเด่นด้วยตัวมันเอง เพราะได้รับการออกแบบให้คล้ายกับท้องพระโรงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอาจารย์ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ทำให้สถานีแห่งนี้กลายเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่สวยที่สุดในประเทศ ส่วนสถานีมังกรกมลาวาส วังบูรพา และอิสรภาพ ก็ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชนด้วย แต่เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นติดข้อบังคับเรื่องผังเมือง และที่ดินส่วนหนึ่งเป็นของสำนักงานทรัพย์สินฯ พื้นที่โดยรอบสถานีเหล่านี้จึงไม่สามารถสร้างตึกสูงได้เลย

เป็นเหตุให้คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มาเปิดโครงการที่สถานีท่าพระ อินเตอร์เชนจ์แทน เท่ากับว่าเป็นการดึงดูดดีมานด์บริเวณสถานีนี้ให้สูงขึ้น ขณะเดียวกันสี่แยกท่าพระก็เป็นแยกใหญ่ที่มีความสำคัญต่อการคมนาคมของคนฝั่งธนฯ มาช้านาน เพราะเป็นเส้นทางที่ผู้คนใช้เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางต่อไปยังจุดหมาย ปลายทางในเขตฝั่งธนฯ เป็นจุดตัดผ่านของถนนสายสำคัญหลายสาย คือ ถนนเพชรเกษม, ถนนรัชดาภิเษก และถนนจรัญสนิทวงศ์ ทั้งยังเชื่อมต่อไปยังถนนราชพฤกษ์อีกด้วย แถมยังเดินทางสะดวกรวดเร็วในการเข้าสู่ใจกลางย่านธุรกิจ (Central Business District) อย่าง สีลม สาทร สุรวงศ์ และสี่พระยา จึงนับเป็นความยอดเยี่ยมของทำเลทองที่น่าสนใจสำหรับซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือลงทุนเพื่อปล่อยเช่า

ไอดีโอ ท่าพระ-อินเตอร์เช้นจ์

อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำทางด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย เล็งเห็นคุณค่าและ การเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดบนทำเลแห่งอดีตและประวัติศาสตร์ จึงได้จับจองผืนทำเลย่าน “ท่าพระ” ซึ่งเป็นย่าน สำคัญของฝั่งธนฯ และได้สร้างสรรค์ “ไอดีโอ ท่าพระ-อินเตอร์เช้นจ์” ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียม สำหรับผู้คนที่หลง-ใหลในคุณค่าของวัฒนธรรมเก่า ผสมผสานกับรอยต่อแห่งวัฒนธรรมและความศิวิไลซ์ของเมืองใหม่ได้อย่างลงตัว ก่อนใคร

ไอดีโอ ท่าพระ-อินเตอร์เช้นจ์ ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและทัศนียภาพที่ไม่ทำให้สิ่งแวดล้อม ถูกบดบัง ด้วยอาคารคอนโดมิเนียมขนาดสูง สามารถมองเห็นวิวเมืองและฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างสบายตา มาพร้อมกับ “Cloud Garden” พื้นที่สีเขียวขนาดกลางที่อยู่ ณ ชั้นสูงสุดของอาคารเพื่อการพักผ่อนและสัมผัส กับทัศนียภาพของ City View ได้รอบทิศทาง บวกกับการใส่ใจในสุขภาพของผู้พักอาศัย สวนลอยฟ้าแห่งนี้จึงมี ลู่วิ่งและลานโยคะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายกลางแจ้ง นอกจากนี้ ยังมี “Panoramic White Cloud Pool and Amenities” ที่รวบรวมสระว่ายน้ำ, ห้องสมุด และฟิตเนสเล้านจ์ไว้ ณ ชั้นบนสุดของอาคารทางด้าน ทิศตะวันออก และยังเป็นจุดที่มองเห็นทัศนีภาพของฝั่งธนฯ ได้อย่างชัดเจนและสวยงามที่สุด โดยเฉพาะในส่วน ของฟิตเนสที่ให้พื้นที่กว้างมากเป็นพิเศษรับกับผนังกระจกที่ยื่นออกไปจากระนาบเดียวกันกับผนัง ทั้งยังเปิดมุมมอง แบบ City View ทำให้เหมือนกับกำลังออกกำลังกายในอากาศ จากอาคารดังกล่าว เพียงย่างก้าวสู่ “Scenic Bridge and Observation Deck” และข้ามสะพานที่ได้รับการดีไซน์ในรูปแบบ Sculpture Form เชื่อมต่อ ระหว่างส่วนของ Cloud Garden และ White Cloud Pool ท่านจะได้สัมผัสกับสระว่ายน้ำลอยฟ้าที่เปิด มุมมองแบบ 360 องศา เสมือนกับกำลังว่ายน้ำอยู่บนท้องฟ้า และง่ายต่อการไปออกกำลังกายที่ Fitness in the Air ด้านล่างของสระว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วสะดวกสบาย

และนี่คือที่สุดของความสะดวกสบายแห่งการใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ ในย่านท่าพระ ธนบุรี…ที่ คอนโดมิเนียม “ไอดิโอ ท่าพระ-อินเตอร์เช้นจ์”

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ Ideo Thaphra-Interchange
โทร 02 312 6666