ถนนพระราม 3 เป็นอีกถนนสายสำคัญที่เชื่อมต่อกับเขต CBD อย่างสาทร-สีลม และอโศก ในอดีต กทม.เคยมีแนวคิดว่าจะให้พื้นที่ตามแนวถนนพระราม 3 เป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางทางการเงินของกรุงเทพมหานคร แต่ว่าก็ไม่ประสบผลสำเร็จดังที่ตั้งใจ จนกระทั่งปัจจุบัน แม้จะมีสำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยามาตั้งบนถนนนี้ก็ตาม รวมถึงมีรถ BRT แล่นผ่าน แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงดึงดูดใดๆ ได้ หรือสร้างความน่าสนใจให้กับทำเลนี้ได้มากเท่าที่ควร ซึ่งทำให้พื้นที่ตามแนวถนนพระราม 3 ดูเงียบเหงาไปบ้าง ในช่วงหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจปีพ.ศ.2540 ยิ่งมีอาคารที่สร้างไม่เสร็จอยู่หลายโครงการในพื้นที่นี้ เพราะหลายบริษัทฯประสบกับปัญหาทางการเงินในปีพ.ศ.2540 ยิ่งเพิ่มดีกรีความเปลี่ยวเหงาเข้าไปอีก

Credit ภาพ: www.google.co.th

พระราม 3 จากโกดังร้างสู่การพัฒนาโครงการริมแม่น้ำ

ก่อนหน้านี้สักประมาณ 10 กว่าปี พื้นที่ตามแนวถนนพระราม 3 มีแต่โกดัง ที่ดินรกร้าง และตึกร้างที่สร้างไม่เสร็จ พื้นที่ตามแนวถนนพระราม 3 เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาจากการที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายกันมากขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปีพ.ศ.2545 เป็นต้นมา โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวถนนนราธิวาสราชนครินทร์ และพระราม 3 ซึ่งกลายเป็นทำเลที่มีผู้ประกอบการหมายปองมากเป็นลำดับต้นๆ แม้ว่าในทำเลนี้จะไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านก็ตาม แต่ด้วยการที่ถนนพระราม 3 ทั้งเส้นวิ่งขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้พื้นที่ฝั่งหนึ่งของถนนพระราม 3 เป็นทำเลดีอีกแห่งหนึ่งสำหรับโครงการคอนโดมิเนียม และเป็นทำเลที่หาได้ยากมากขึ้นในอนาคต เพราะที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานครมีน้อยลงไปเรื่อยๆ ทำให้ปัจจุบันตึกร้างหลายตึกมีการพัฒนาต่อหรือว่าทุบทิ้งไปหมดแล้ว ที่ดินรกร้างหลายแปลงก็มีการเปลี่ยนมาสู่มือของผู้ประกอบการหรือว่ามีการเคลียร์พื้นที่ให้มีความน่าสนใจมากขึ้นเพื่อรอคนมาซื้อต่อไปพัฒนานั่นเอง

พื้นที่ริมถนนพระราม 3 และถนนนราธิวาสราชนครินทร์อาจจะเป็นทำเลยอดนิยมของคอนโดมิเนียม มีโครงการคอนโดมิเนียมวิวแม่น้ำเกิดขึ้นหลายสิบโครงการ ระดับราคามีตั้งแต่ตารางเมตรละไม่ถึงแสน จนถึงเกือบสองแสนบาท โดยปัจจุบันโครงการที่ยังเหลือขายอยู่ได้แก่ Starview, Canapaya, U Delight Residence Riverfront, The Pano, Supalai Riva Grande ฯลฯ

แหล่งรวมทาวน์โฮม – โฮมออฟฟิศดีไซน์เฉียบ

ริมถนนพระราม 3 ดูจะเป็นทำเลที่น่าสนใจในการพัฒนาโครงการคอนโด แต่ในทำเลอื่นๆ ที่เป็นชุมชนดั้งเดิมที่อยู่ตามถนนสายรอง เช่น ถนนสาธุประดิษฐ์ ถนนจันทน์ ถนนนนทรี ถนนยานนาวา หรือซอยต่างๆ ที่แยกจากถนนเหล่านี้กลับมีโครงการบ้านจัดสรรเกิดขึ้นหลายโครงการโดยเฉพาะโครงการที่เป็นทาวน์โฮม

โดยในอดีตเมื่อสักประมาณ 10 กว่าปีก่อน อาจจะมีโครงการบ้านเดี่ยวกระจายตัวอยู่ตามแนวถนนสายรองบ้าง แต่ราคาที่ดินในปัจจุบันคงไม่เหมาะที่จะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลแบบนี้สักเท่าไหร่ หรือถ้าจะพัฒนาก็ต้องขายในราคาสูงมากซึ่งก็อาจจะมีความเสี่ยงในการขายมากเกินไป ผู้ประกอบการจึงเลือกที่จะลดขนาดที่ดิน ลดขนาดบ้านลงเป็นโครงการทาวน์โฮม หรือโฮมออฟฟิศแทน เพื่อความสะดวก และง่ายในการขาย ซึ่งก็เป็นไปตามที่ผู้ประกอบการคาดคิดเพราะว่าโครงการ ทาวน์โฮม หรือโฮมออฟฟิศทั้งหลายที่เปิดขายในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้นขายหมด 100% ทุกโครงการอาจจะมีหลงเหลืออยู่บ้างแต่ก็เล็กน้อยเท่านั้น

จำนวนของบ้านจัดสรรที่เปิดขายในแต่ละปีในพื้นที่พระราม 3

ถ้าดูจากสถิติการเปิดขายโครงการใหม่ๆ ในทำเลนี้นั้นจะพบว่ามีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายมากขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปีพ.ศ.2544 เป็นต้นมา และก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีจนกระทั่งปัจจุบัน โดยในปัจจุบันนี้มีโครงการบ้านสรรเปิดขายในพื้นที่นี้รวมแล้วประมาณ 3,505 ยูนิต ซึ่งโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการทาวน์โฮมมากที่สุดจากสถิติดังต่อไปนี้

ที่มา: คุณสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

จากสถิติข้างต้นจะพบว่าสัดส่วนของ ทาวน์โฮมมีมากที่สุดคืออยู่ที่ประมาณ 76% ด้วยจำนวน 2,667 ยูนิต รองลงมาคืออาคารพาณิชย์/โฮมออฟฟิศ และบ้านแฝด โดยบ้านเดี่ยวมีสัดส่วนแค่ประมาณ 5% หรือ 166 ยูนิตเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าโครงการประเภท ทาวน์โฮมได้รับความสนใจมากจากทั้งฝั่งของผู้ซื้อ และผู้ประกอบการทำให้มีโครงการรูปแบบนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

โดยโครงการทาวน์โฮมนี้จะพบว่ามีการปรับรูปแบบในการพัฒนาทั้งการออกแบบ และขนาดให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์สูงสุดในยุคปัจจุบัน ทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะพัฒนาบ้าน 2 – 4 ชั้นหน้ากว้างเริ่มตั้งแต่ประมาณ 4 เมตรขึ้นไป แต่โครงการใหม่ๆ ที่เปิดขายในช่วง 6 – 7 ปีที่ผ่านมาจะเป็นบ้านหน้ากว้าง 5 เมตรขึ้นไปทั้งหมด ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 120 ตารางเมตร ขึ้นไปถึงมากกว่า 380 ตารางเมตรสำหรับทาวน์เฮ้าส์ 4 ชั้น

ผู้ประกอบการที่มีโครงการลักษณะนี้เปิดขายในบริเวณนี้คือ บมจ. เอพี (ประเทศไทย) ที่ในอดีตเปิดขายโครงการทาวน์โฮมโดยใช้แบรนด์บ้านกลางกรุง พระราม 3 ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงทุกโครงการขายหมดในเวลาไม่นาน อีกรายที่มีโครงการเปิดขายในบริเวณนี้หลายโครงการเช่นกัน และเป็นดีเวลลอปเปอร์ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการบริเวณพระราม 3 โดยเฉพาะ คือ บมจ. ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเมนท์ โดยโครงการที่ธนาพัฒน์ลงทุนพัฒนาก็เป็นโครงการทาวน์โฮม รวมทั้งมีโครงการโฮมออฟฟิศให้เช่าระยาวด้วยเช่นกัน

แม้ว่าชื่อเสียงของกลุ่มธนาพัฒน์อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่ากับเอพี แต่ด้วยความที่เป็นเสมือนเจ้าถิ่นทำให้โครงการต่างๆ ที่เปิดขายในบริเวณนี้ขายได้หมดเช่นกัน ในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมาอาจจะมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่เข้ามาเปิดขายโครงการมากขึ้นในบริเวณนี้แต่ก็ไม่มากนัก เช่น นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ที่เปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์ชื่อ ฟลอรา แมรีโกลด์ รวมทั้งรายใหม่ๆ อย่าง บริษัท สุพรีม ทีม จำกัด ที่เปิดโครงการ เอส คอนเซฟท์ ทาวน์เฮาส์ พระราม 3 และกลุ่มซิตี้ รีสอร์ท ที่พัฒนาโครงการ โคเต้ เมซอง พระราม 3 ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการทาวน์โฮมระดับไฮเอนท์ที่เน้นดีไซน์ และประโยชน์ใช้สอยทั้งสิ้น

โครงการทาวน์โฮมในบริเวณนี้มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 7 – 8 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไปแต่บางโครงการเปิดขายกันที่ราคา 12 – 13 ล้านบาทต่อยูนิตเลยทีเดียว แต่ว่ากลับขายหมดในเวลาอันรวดเร็วทุกโครงการ อาจจะเป็นเพราะว่าทำเลที่ไม่ไกลจากสาทร สีลม แม้จะไม่มีรถไฟฟ้าผ่านแต่ก็ยังเดินทางสะดวกพอสมควร สามารถเดินทาได้ทั้งทางรถ BRT แท็กซี่ รถประจำทาง และรถส่วนตัว ใกล้ทางด่วน ซึ่งเรื่องของทำเลนี้เองที่มีส่วนช่วยให้โครงการบ้านจัดสรรในบริเวณนี้มียอดขายเฉลี่ยในปัจจุบันเกือบ 100% และเป็นที่มั่นใจได้ว่าโครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดขายในอนาคตก็น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน เพราะความต้องการบ้านในเขตพื้นที่นี้ยังคงมีอยู่อีกมาก ผู้ประกอบการหลายรายยังคงรอโอกาสที่เหมาะสมในการเปิดขายโครงการในบริเวณนี้ รวมทั้งผู้ประกอบการอีกจำนวนหนึ่งยังคงมองหาที่ดินที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ในบริเวณนี้เช่นกัน

ทำเลเดียวที่เหมาะกับการซื้อทาวน์โฮมเพื่อลงทุน

ทาวน์โฮม หรือโฮมออฟฟิศในบริเวณนี้ ยังเป็นทรัพย์สินที่นักลงทุนจำนวนหนึ่งให้ความสนใจในการเข้ามาเก็งกำไร หรือว่าลงทุนในระยะยาว เพราะว่าราคาปรับขึ้นค่อนข้างเร็วและมากกว่าคอนโดมิเนียมในเมืองชั้นในหลายโครงการ ราคาตอนเปิดตัวกับเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะแตกต่างกันค่อนข้างมาก นอกจากนี้โครงการบ้านจัดสรรยังใช้เวลาในการก่อสร้างน้อยกว่า 1 ปีทั้งนั้น แสดงให้เห็นว่าราคาขายปรับขึ้นค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียม และโครงการทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขายแล้วบางส่วน หรือสร้างเสร็จแล้วทั้งโครงการจึงเปิดขาย ซึ่งโครงการแบบนี้ราคาขายต่อก็ขยับขึ้นรวดเร็วเช่นกัน เพราะว่าทุกโครงการขายหมดในเวลารวดเร็วอาจจะเป็นเพราะว่าจำนวนยูนิตในแต่ละโครงการไม่มากนัก ทำให้มีคนพลาดหวังจากการซื้อในรอบแรกจำนวนมาก ความต้องการยังคงมีอยู่ จึงเกิดการขายต่อในราคาที่สูงขึ้นซึ่ง ก็ยังมีคนซื้ออย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้ราคาปรับขึ้นไปอีกค่อนข้างมาก อีกทั้งการซื้อเพื่อปล่อยเช่าก็เป็นอีกทางเลือกที่นักลงทุนจำนวนหนึ่งให้ความสนใจด้วยความที่โครงการในบริเวณนี้อยู่ไม่ไกลจากเขต CBD จึงมีผู้ซื้อบางส่วนปล่อยเช่าทาวน์โฮม 3 – 4 ชั้นของตนเองในราคาที่ค่อนข้างสูงคือ ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป โดยผู้เช่าส่วนใหญ่จะเช่าเพื่อนำมาทำสำนักงานในชั้นล่าง ส่วนด้านบนก็ใช้สำหรับพักอาศัย ราคาขายต่อก็มากขึ้นเช่นกันโดยสามารถทำกำไรได้มากกว่าราคาที่ซื้อมามากกว่า 20% เลยทีเดียวในบางโครงการ

ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดแนวสูง คอนโดมิเนียม 2 ห้องนอนบริเวณนี้อาจจะมีราคาสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับทาวน์โฮมบริเวณนี้ กลุ่มผู้ซื้อจำนวนหนึ่งเลยหันมาซื้อทาวน์โฮมดีกว่า อีกอย่างคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้มีจุดขายเพียงอย่างเดียวคือวิวแม่น้ำ ซึ่งก็เทียบไม่ได้กับคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่ได้เปรียบในเรื่องของการเดินทาง ดังนั้นดีมานท์ของกลุ่มคนที่ต้องการคอนโดมิเนียม 2 ห้องนอนในทำเลพระราม 3 จึงหันมาสนใจในทาวน์โฮมแทน

แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเทา

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเทาจากวัชรพล รามอินทรา ถึงท่าพระ ระยะทางกว่า 39 กิโลเมตร จำนวนสถานีทั้งหมด 38 สถานี เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่น่าจะช่วยสร้างความคึกคักให้กับบริเวณนี้ โดยเฉพาะกับตลาดที่อยู่อาศัยที่นอกจากจะเป็นการเชื่อมต่อระบบขนส่งทางรางกับกรุงเทพมหานครชั้นในแล้วยังขยายออกไปยังพื้นที่ฝั่งธนบุรีทำให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตามแนวถนนเพชรเกษม จรัญสนิทวงศ์ หรือว่าไกลออกไปมีทางเลือกมาขึ้นในการเดินทางเข้ามทำงานในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน โดยในช่วงแรกอาจจะสิ้นสุดที่สะพานพระราม 9 ก่อนจากนั้นค่อยขยายต่อไปยังสี่แยกท่าพระ เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ซึ่งกว่าที่โครงการนี้จะเป็นรูปเป็นร่างก็อาจจะอีกหลายปีแต่อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มสีสันให้กับบริเวณนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว จากที่บริเวณนี้ไม่มีโครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐบาลมาสนับสนุน และช่วยหนุนการเจริญเติบโตสักระยะหนึ่งแล้ว

อาร์เด้น พระราม 3 ทาวน์โฮมฟังก์ชั่นบ้านเดี่ยว คุณภาพเยี่ยม โดดเด่นด้วยดีไซน์อย่างมีอัตลักษณ์

จากเรื่องราวของสวนเอเดน (Eden) ที่เคยได้ยิน และอยู่ในจินตนาการตั้งแต่เยาว์วัย คือจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจสำคัญที่สร้างสรรค์แนวคิดในการออกแบบ โครงการอาร์เด้น (Arden)

โครงการ Urban Home ภายใต้แบรนด์ใหม่ “Arden” ของอนันดาฯ มีจุดเริ่มต้นมาจากแรงบันดาลใจของสวน Eden อันร่มรื่น รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ผสมผสานกับ Art มิติทางศิลปะ ซึ่งส่งเสริมและเพิ่มสุนทรียภาพอย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยแนวคิดโครงการจะเน้นที่อยู่อาศัยที่จะสร้างบริบทใหม่ของชีวิตเมือง เน้นอัตลักษณ์ของการใช้ชีวิต และพร้อมที่จะเติมเต็มและสร้างแรงบันดาลใจให้จินตนาการของผู้อยู่อาศัยกับสโลแกน “Arden Live Imagination”

ผู้อยู่อาศัยจะสัมผัสได้ถึงพื้นที่สีเขียวที่กระจายอยู่โดยรอบบริเวณโครงการ ซึ่งเน้นการปลูกต้นไม้ประเภทยืนต้น อย่างสนฉัตร เพื่อที่จะได้เติบโตและให้ความร่มรื่นกับโครงการในระยะยาว บริเวณทางเข้าโครงการถูกออกแบบเป็นทางยาว ขนาบด้วยแนวต้นไม้สีเขียว เปรียบเสมือนอุโมงค์ที่พาข้ามผ่านความเร่งรีบและวุ่นวายของชีวิตในเมือง เข้าสู่พื้นที่ในโครงการที่มีแต่ความสงบร่มเย็นในเวลาเพียงเสี้ยวนาที สร้างความประทับใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยตั้งแต่ก้าวแรก

Arden โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียดทุกตารางนิ้ว เริ่มตั้งแต่ภายนอกตัวอาคารที่เน้นรูปทรงสี่เหลี่ยม จบมุมทรงแหลม (Taper Façade) ส่งเสริมให้เกิดเป็นรูปทรงเรียบง่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะลักษณะ (Timeless Iconic Form) มีการใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน เพิ่มความกลมกลืนเป็น หนึ่งเดียวกับธรรมชาติและยังขับสีเขียวของต้นไม้อีกด้วย ทางโครงการกำหนดให้ระบบวิศวกรรมไฟฟ้าโครงการทั้งหมดลงใต้ดิน เพื่อทัศนียภาพที่ปลอดโปร่ง ปราศจากเสาไฟ และสายไฟรกสายตา นอกจากนี้ยังปลอดภัยด้วยระบบ Smart Pass Access และระบบ CCTV รอบโครงการ

โดยโครงการ อาร์เด้น พระราม 3 แห่งนี้ มีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้ง เพียง 5 นาทีถึงถนนสีลม และ 5 กม. ถึงถนนสาทร เพียง 2.2 กม. ถึงทางด่วนเฉลิมมหานคร และ 1.5 กม. ถึงถนนวงแหวนอุตสาหกรรม พร้อมการดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในย่านนี้ โดยได้พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง และ 4 ชั้นครึ่ง ในสไตล์โมเดิร์น เพียงจำนวน 68 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,126 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 -ยานนาวา เยื้องๆกันกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ครับ

ที่พระราม 3 นี้เป็นโครงการเดียวในบรรดาอาร์เด้นทั้ง 3 โครงการ ที่มีแบบบ้านให้เลือกถึง 2 แบบ คือ Type M และ L ครับ

Type M: Mist ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ขนาด 3ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ โดดเด่นด้วยชั้นลอยด้านหน้าบ้าน สูงกว่า 3.2 เมตร พร้อมห้อง Living room ให้สัมผัสธรรมชาติอันโปร่ง โล่ง สบาย ไม่แออัด ด้วยเพดานสูงกว่า 4.7 เมตร เหมาะแก่การใช้เวลาร่วมกันของทุกคนในครอบครัว ห้อง Master Bedroom เต็มอิ่มกับการพักผ่อนในสเปซขนาดใหญ่ Style Penthouse เต็มพื้นที่บนชั้น 3 พร้อมระบบไฟฟ้า 3 เฟสเพื่อความเสถียรของกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน ในราคา 12.9 – 18.5 ล้านบาท

Type L: The Green River ทาวน์โฮม 4 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 6.6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน และ 3 ที่จอดรถ โดดเด่นด้วยพื้นที่ห้อง Living room มาพร้อมห้องเพดานสูง 5.4 ม. เพิ่มความโปร่ง โล่ง สบาย และอากาศถ่ายเทได้ พร้อมการจัดวางฟังก์ชั่นที่ลงตัว ควบคุมด้วยระบบ Home Automation ทั้งหลัง และห้อง Master Bedroom สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ยกระดับชีวิตให้พิเศษขึ้น ด้วยสเปซอันโปร่งสบาย พร้อม Walk-in Closet ห้องน้ำแบบ Private deck & pool ในตัว ในราคา 27.9 – 35 ล้านบาท

โดยวันนี้ผมจะพาไปดูบ้านตัวอย่าง Type L: The Green River กันครับ

เริ่มกันที่ Master Plan ของโครงการก่อนครับ…อาร์เด้น พระราม 3 มีพื้นที่ทั้งหมด 7-3-66.8 ไร่ ประกอบด้วยบ้านทั้งหมด 68 หลัง โดยมีบ้านขนาด 4.5 ชั้น (Type L: The Green River) จำนวน 6 หลัง โดยความพิเศษของบ้าน Type L นี้นอกจากจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่กว่า ก็ยังมีจุดเด่นคืออยู่ติดกับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการอย่างสระว่ายน้ำและคลับเฮ้าส์เลยครับ

จากแปลนจะเห็นได้ว่าเข้ามาจากประตูโครงการก็จะเจอบ้าน Type L อยู่ทางด้านซ้ายมือ โดยที่หน้าบ้านไม่บล๊อควิวกับบ้านหลังอื่น แถมหลังบ้านยังเดินออกไปสระว่ายน้ำและส่วนกลางได้อีก เป็น Double access โดยแท้

Clubhouse และสระว่ายน้ำของโครงการถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญ ด้วยความยาวสระถึง 41.5 เมตร และอาคาร Clubhouse ทรงจั่ว 5 เหลี่ยม 2 หลังคู่ สูง 2 ชั้น ที่ให้ครบทั้ง ห้องออกกำลังกาย ห้องสมุด และโซเชียลคลับ ถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่กว่ามาตรฐานโครงการทาวน์โฮมที่อื่นๆ

ด้านล่างของ Clubhouse หลังแรก ปัจจุบันเป็นสำนักงานขายของโครงการ

ชั้นสองของอาคารนี้เป็นห้องสมุดและโซเชียลคลับ

อาคาร Clubhouse อีกหลังที่อยู่ติดกัน ถูกออกแบบให้มีความเชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่สระว่ายน้ำ สวนหย่อม และฟิตเนส โดยพื้นที่ใต้อาคารจะเป็น sunken seat ลดระดับลงไปเพื่อเปิดมุมมองของสระว่ายน้ำให้กว้างขึ้น สามารถเดินขึ้นฟิตเนสที่อยู่บนชั้นสองด้วยบันไดวน

ถ้านั่งใน sunken seat ก็จะมองออกมาได้วิวนี้ครับ เห็นฉากหลังเป็นตึกแบงค์กรุงศรีฯ

มองจากส่วนของทางเข้าฟิตเนสที่อยู่บนชั้นสอง

ในฟิตเนสก็มีอุปกรณ์มาตรฐานให้ครบทั้งลู่วิ่ง จักรยาน เครื่องเดินวงรี และเวท เทรนนิ่ง

เดินลงมาดู Landscape รอบๆสระน้ำกันครับ โดยปกติแล้วโครงการแนวราบทั่วไป มักจะละเลยการออกแบบ Landscape บริเวณรอบๆพื้นที่ส่วนกลางครับ แตกต่างกับอาร์เด้น พระราม 3 ที่มองยังไงก็ดูร่มรื่น มีดีเทลสีเขียว ไม่หลุดคอนเซปท์สวนเอเดน จริงๆครับ

มี Prop เป็นลูกสนยักษ์ (Pinecone) อร้ายยย น่ารัก….ถ้ามีกระรอกยักษ์อีกตัวนี้ก็คงจะดี

ไปดูแปลนบ้านของ The Green River กันครับ…รูปแบบจะเป็น Urban Home 4.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 330 ตรม. ใช้ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เพื่อความเสถียรของกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน ขนาด 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ (รวมห้องน้ำแม่บ้าน) 1 ห้องแม่บ้าน และ 3 ที่จอดรถ โดดเด่นด้วยพื้นที่ห้อง Living room มาพร้อมห้องเพดานสูง 5.4 ม. สำหรับบ้าน Type นี้จะควบคุมด้วยระบบ Home Automation ทั้งหลัง

ชั้น Ground จะเป็นที่จอดรถได้ 3 คัน โดยช่องซ้ายสุดจะจอดได้ ลึกเข้าไปอีกคันนึงครับ พื้นที่ชั้น Ground จะเป็นส่วนของแม่บ้าน ซึ่งมีห้องแม่บ้านพร้อมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับแม่บ้านครบ ทั้งครัวไทย ห้องซักรีด และห้องน้ำในตัว โดยจะเป็น Double access เข้าทางหน้าบ้านผ่านทางห้องครัวไทยก็ได้ หรือว่าจะเดินเข้าด้านข้างผ่านห้องซักรีดก็ได้เช่นกันครับ สะดวกสบายมากมาก…ด้านหลังบ้านจะเป็นบันไดทางขึ้นไปยัง Pool Deck และออกไปสวนเล็กครับ เป็น Outdoor Space ที่สามารถเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำส่วนกลางได้เลย แจ๋วมาก!!!

ชั้น 1 จะเป็นในส่วนของห้อง Living และ Pantry L shape ขนาดใหญ่ จุดเด่นคือเป็น Double Volume เพดานส่วนนี้สูงถึง 5.4 เมตร นอกจากนี้ยังมีส่วนของ Terrace ที่เป็นพื้นที่ชานบ้านแบบ Outdoor ให้นั่งอาบแดด ดื่มด่ำกับวิวสระน้ำยามเย็นได้แบบชิลสุดๆ

ชั้น Mezzanine หรือชั้นลอย เป็นชั้นที่มีห้องเอกประสงค์ สามารถจัดเป็นห้องทำงานแบบส่วนตัวได้ กั้นห้องด้วยบานสไลด์ บนจุดนี้สามารถ Take View ในส่วนของพื้นที่ Living Area ได้ทั้งหมด เพราะเป็น Void เปิดโล่ง

ชั้น 2 เป็นพื้นที่ Master Bedroom ทั้งชั้น มี Walk in Closet และห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำที่ใหญ่มาก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ Semi Outdoor เอนกประสงค์ด้วยเช่นกัน

ชั้น 3 สุดท้ายละ…หลังจากเดินขึ้นบันไดมาจนเหนื่อย ก็จะเจอกับห้องนอน 2 ห้อง พร้อมห้องน้ำในตัวครับ เหมาะกับรุ่นลูก ที่ยังพอมีเรี่ยวแรงในการเดินขึ้นบันไดครับ ดูแล้วห้องนอนที่ 1 จะใหญ่กว่ามี Walk in Closet ในตัว และมีช่องแสงตลอดความกว้างของห้อง 6.6 เมตรครับ

ไปดูบ้านตัวอย่างกันครับ อยู่หลังแรกด้านขวามือติดกับ Clubhouse เลยครับ…อืม ผมชอบหน้าตาของ Facade ส่วนหลังบ้านมากกว่าแฮะ

ทางโครงการไม่ได้ทำถังขยะไว้หน้าบ้านเหมือนกับโครงการแนวราบอื่นๆครับ ด้วยจุดประสงค์ในเรื่องของความสวยงาม และความสะอาด โดยลูกบ้านจะต้องนำขยะไปทิ้งไว้ตามจุดต่างๆในแต่ละโซนครับ สำหรับโซนบ้าน Type L ก็จะอยู่แถวๆสุดทางโน้นล่ะครับ

ประตูรั้วหน้าบ้านเป็นอลูมิเนียม หน้ากว้าง 6.6 เมตรดูแล้วจอดรถได้ 3 คันในบ้านชัวร์ครับ…อ้อ สำหรับบ้าน Type L กันสาดที่โรงรถจะเป็นแบบ Automatic มีรีโมตเปิด-ปิด ให้ด้วยนะครับ

เวลาเราจะเดินเข้าก็ก้าวข้ามรั้ว เอ้ย เดินเข้าทางประตูซ้ายมือครับ ^^

ทางบริเวณทางเข้าประตูบ้าน ทางโครงการเว้นช่องว่างไว้ให้ทำตู้เก็บของ แบบบ้านตัวอย่างได้ครับ

ข้างๆประตูทางเข้า ออกแบบให้เป็นกระจกบาน Fix เพื่อเพิ่มความโปร่ง และให้แสงผ่านเข้ามาได้ครับ

ซ้ายมือสามารถ Build เป็นตู้เก็บรองเท้าได้ครับ

เปิดประตูเข้ามาจะเจอโถงเล็กๆ สามารถเดินเข้าไปทางห้องแม่บ้าน หรือไม่ก็เดินทะลุออกไปยังสวนหลังบ้าน และ Pool Deck ได้เลยครับ…เป็นทาวน์โฮมที่ให้พื้นที่เก็บของเยอะจริงๆครับ

ห้องแม่บ้านอยู่ติดกับห้องครัวไทย และห้องซักรีดครับ

ครัวไทยก็ได้ตามที่เห็นเลยครับ

โน่นครับ ห้องแม่บ้านอยู่เลยห้องซักรีดไป มีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ

ห้องน้ำแม่บ้านนี่อาจจะดูเล็กไปหน่อยนะครับ เวลาอาบน้ำก็คงเปียกไปทั้งห้องแหง…

ทะลุหลังบ้านไปดู Pool Deck กันครับ จากจุดนี้เราสามารถเดินออกไปยังสระว่ายน้ำได้เลยครับ

ออกมาที่สระแล้วครับ กระโดดลงสระเลยก็ได้นะครับ

หลังบ้านยังมีที่เหลือให้จัดสวนอยู่นิดหน่อยครับ

เดินขึ้นมาชั้น 1 จะเป็นส่วนของ Living area ที่เป็น Double Volume สูง 5.4 เมตร พื้นที่นี้มี 4 ฟังก์ชั่น คือ Pantry, ห้องนั่งเล่น – ทานข้าว, Outdoor terrace และห้องน้ำครับ

อุปกรณ์ครัวทั้งหมดก็ได้ตามที่เห็นครับ ตู้เย็นเป็นแบบ Build in แต่ผมว่าเล็กไปหน่อยนะครับ สำหรับบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ อาจจะต้องซื้อเพิ่มอีกตู้ครับ

ห้องน้ำชั้นนี้ก็มีส่วนของห้องอาบน้ำให้ครับ ปูพื้นและผนังด้วยแกรนิตโต้ ลายหินอ่อน ชุดสุขภัณฑ์แบรนด์ Kohler ให้ตามนี้เลยครับ

ส่วนของ Terrace บนชั้นนี้เป็นอีกส่วนที่เหมาะกับการนั่งชมวิว และจัดปาร์ตี้เล็กๆมาก ถ้าไม่มีบ้านฝั่งตรงข้ามมาบล๊อควิว (แต่ตอนบ่ายร้อนมากครับ)

ขึ้นมาชั้นลอยจะเป็นส่วนของห้องเอนกประสงค์ สามารถมองลงมาเห็นพื้นที่ Living area ได้

บริเวณชานพักชั้น 2 ก่อนเข้าห้อง Master Bedroom ที่กินพื้นที่ทั้งชั้น จะเป็นพื้นที่ Void เปิดโล่งลงไปถึงชั้นล่างครับ เรียกได้ว่าคนอยู่ข้างบนตะโกนลงมายังไงก็ได้ยินครับ และก็ยังสามารถเห็นความเคลื่อนไหวของทุกคนภายในบ้านได้ง่ายขึ้นครับ

พื้นที่ห้องนอนใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นที่วางเตียงนอน และพื้นที่ Semi outdoor โดยถูกกั้นด้วยบานสไลด์ครับ

เพดานของห้องทุกห้องจะสูงที่ 2.6 เมตร โดยที่ห้องน้ำจะถูก Drop ลงเหลือ 2.4 เมตร…มุมมองจากพื้นที่ Semi Outdoor ใครไม่ได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ก็เลื่อนชั้นวางทีวีไปจนสุดก็ได้นะครับ เพื่อที่จะได้ความ Grand ของ Master bedroom เต็มที่

Walk in Closet และห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือของเตียงนอนครับ ลูกบ้านต้องไปตกแต่งเพิ่มเอาเองนะครับ

ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ พร้อมรับวิวที่เปิดโล่งครับ..แต่ติดมู่ลี่หน่อยก็ดีนะครับ…อ่างล้างมือเป็น His & Her ใช้งานพร้อมกันได้สบาย

ขึ้นไปดูอีกสองห้องที่เหลือกันครับ…เดินขึ้นมาเจอน้องหมานอนอยู่ริมผนังกระจก ห้องนอนที่ 2 แต่ของจริงเป็นผนังปูนทึบติด Wallpaper นะครับ

เราเดินตรงเข้าไปดูห้องนอน 1 ตรงสุดทางขวามือกันก่อนครับ

ปลายเตียงทำเป็นบานสไลด์เลื่อนเปิดปิดเวลาดูทีวีหรือเก็บของได้ครับ โดยที่ด้านหลังจะเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ

บ้านจริงก็จะเป็นห้องเปล่าๆนะครับ

ห้องสุดท้ายแล้วครับ โครงการเลือกตกแต่งในสไตล์นักแข่งม้า เพราะเห็นมีทั้งเกือกม้า รองเท้าบูธ แส้ม้า หนังวัว ฯลฯ เป็น Prop อยู่เกลี่อนห้องเลยครับ…สาบานได้ว่าถ้าไม่เห็นเกือกม้านี่ผมนึกเป็นอย่างอื่นไปแล้ว ^^

ห้องน้ำก็เป็นวัสดุแบบเดียวกับห้องอื่นครับ

สำหรับราคาขายของบ้าน Type L แบบนี้นั้นคือ 27.9 ล้านบาทครับ เป็นบ้านเปล่าบนที่ดินขนาด 28.5 ตารางวา และมีพื้นที่ใช้สอย 330 ตารางเมตรโดยที่ต้องจ่ายค่าจอง 5 แสนบาทและทำสัญญาอีก 2 ล้านบาทครับ…ค่าส่วนกลางตารางวาละ 130 บาท ชำระล่วงหน้า 2 ปี

โปรโมชั่นเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากส่วนลดเงินสดก็มีดังนี้นะครับ (โปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา รบกวนสอบถามพนักงานขายหน้างานนะครับ)

Type L : แถมแอร์ ทั้งหลัง ,ชุดครัวไทย ครัวฝรั่ง , Wallpaper ทั้งหลัง , เครื่องทำน้ำร้อน 3 ห้องนอน , ฉากกั้นอาบน้ำทุกห้องนอน , กันสาด, ถังน้ำ ปั๊มน้ำ ปูหญ้า

Type M : แถมแอร์ 3 เครื่อง, เครื่องทำน้ำร้อนห้อง master bedroom ,ชุดครัวไทย, Wallpaper ทั้งหลัง , ฉากกั้นอาบน้ำทุกห้องนอน , กันสาด, ถังน้ำ ปั๊มน้ำ ปูหญ้า

สรุปเลยแล้วกันนะครับ

ตอนนี้ยอดขายโครงการอาร์เด้น พระราม 3 ถือว่ากำลังไปได้สวย ทั้งๆที่ราคาบ้านมีราคาแพงกว่าอีกสองโครงการที่เหลือเท่านึง ทั้งๆที่แบบบ้าน (Type M) เหมือนกันเป๊ะ โดยยอดขาย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ราวๆ 57% จากทั้งหมด 68 หลัง…ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงสำหรับทาวน์โฮม ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าแล้วกลุ่มคนที่ซื้อโครงการนี้คือใคร ซึ่งทางผู้รับผิดชอบโครงการก็ให้คำตอบมาว่าเป็นเจ้าของธุรกิจ อยู่แถวยานนาวา สาทร และซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง…สอดคล้องกันกับบทวิเคราะห์ในข้างต้นที่แสดงให้เห็นถึงยอดขายของโครงการทาวน์โฮม ที่ไม่ว่าจะมีดีเวลลอปเปอร์เจ้าไหนเปิดก็มักจะทำยอดขายได้ถึง 100% ในระยะเวลาอันสั้นได้ไม่ยาก และยิ่งราคาของคอนโดขนาด 2 ห้องนอนริมแม่น้ำ แบรนด์ใหม่ๆที่มีราคาต่อตรม.ค่อนข้างแพง บางแห่งก็เกิน 10 ล้านบาท ก็ยิ่งทำให้โครงการทาวน์โฮมอย่างอาร์เด้น ค่อนข้างทดแทนดีมานท์เหล่านั้นได้

ทำเลพระราม 3 อาจจะดูอ้างว้าง เนื่องจากยังขาดแสงสีของห้างขนาดใหญ่ และยังไม่มีโครงการรถไฟฟ้าแล่นผ่าน แต่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ใกล้กับ CBD อย่างสาทร-สีลม-อโศก มาก อีกทั้งคนที่ซื้อบ้านแถวนี้ก็เป็นคนแถวนี้เอง ซึ่งเป็นเจนเนอร์เรชั่นที่สองหรือสามของครอบครัว ที่ต้องการแยกบ้านออกจากครอบครัวเดิม ส่วนใหญ่คนซื้อเป็นคนเชื้อสายจีนที่ทำการค้า จึงเห็นได้ว่าทาวน์โฮมหลายๆแห่งชูจุดเด่นในเรื่องของการเอามาไฮบริดกันเป็นโฮมออฟฟิศ และกลุ่มเป้าหมายอีกส่วนคือคนที่ทำงานในย่าน CBD แต่มีครอบครัวขนาดใหญ่ และไม่ชอบที่จะอยู่ในคอนโดมิเนียมในเมืองที่ราคาห้องแบบสองนอนแพงกว่าอาร์เด้น พระราม 3 ด้วยซ้ำไป

ถามว่าราคา 29.9 ล้านสำหรับทาวน์โฮม ขนาด 330 ตรม. นี่แพงเกินไปไหม ก็ต้องตอบตามตรงล่ะครับ ว่าค่อนข้างแพง แต่ที่แพงก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนค่าที่ดินที่ถ้าเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆในละแวกนี้แล้ว อาร์เด้น พระราม 3 ก็ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด…ในด้านฟังก์ชั่นการใช้งาน ถือว่าโครงการให้ฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์โครงการไฮเอนท์ อย่างพื้นที่ Living Area ที่เปิดโล่งถึง 5.4 เมตร ลูกบ้านไม่ต้องมานั่งมองหลังคารถในชั้น 1 เหมือนกับทาวน์โฮมแห่งอื่นๆ หรือว่าจะเป็น Private Deck ที่ให้ฟังก์ชั่นเทีบเท่ากับการมีสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้าน และการจัดวาง Landscape ที่ดูดีมากๆในสายตาของใครหลายๆคน

แต่หากนำเอาระดับราคานี้ไปเทียบกับกลุ่มโครงการที่อยู่ในเซกเมนต์ Urban Home ที่มีหลายๆเจ้ากำลังทำการตลาดกันอยู่ ณ ขณะนี้…ราคาเฉียด 30 ล้าน ก็ควรที่จะเพิ่มเติม Extra benefit ให้บางอย่าง เช่น ลิฟท์ส่วนตัว ซึ่งเท่าที่ได้ลองเข้าไปสัมผัส โครงการอาร์เด้น เป็นโครงการการที่มีบันไดเยอะเหลือเกิน กว่าจะเดินไปจนถึงชั้นบนสุดได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักสำหรับกลุ่มผูัสูงอายุ ที่ยังไงก็น่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านหลังใหญ่แบบนี้แน่นอน

ซื้อปล่อยเช่าสำหรับทำเลพระราม 3 ผมว่าก็พอไปได้นะครับ เพราะตามสถิติที่เห็นตลาดทาวน์โฮมย่านพระรามสามก็ปล่อยเช่าได้ค่อนข้างดี กลุ่มดีมานท์ที่เป็นครอบครัวของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างชาติ หรือกลุ่มนักการฑูต ที่นิยมเช่าบ้านเดี่ยวอยู่กันเป็น Compound ก็น่าจะชอบพอสมควร เพราะที่ผ่านมาดูจะมีแค่ไม่กี่ Compound ที่เป็นเจ้าตลาด หากทางโครงการมีการทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ให้มาสนใจเป็น waiting list เช่าได้ ผมว่าก็น่าจะทำยอดขายได้ถึง 100% อย่างไม่ยากเย็นครับ

ปล. ปีหน้าเตรียมพบกับ อาร์เด้นโครงการใหม่ ที่พัฒนาการ 20 และ บนถนนประเสริฐมนูกิจ ติดเลียบทางด่วนเอกมัย รามอินทรา

ลากันด้วยภาพสวยๆครับ…บาย