AWC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2564 เน้นกลยุทธ์บริหารความแข็งแกร่งทางการเงิน พร้อมขยายการลงทุนเพิ่มคุณค่าธุรกิจ
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 ยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์ COVID–19 เชื่อมั่นปลายปีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้น เร่งแผนเชิงรุกในการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าลงทุนในธุรกิจที่สร้างโอกาสในการทำรายได้ เจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ สร้างผลกำไรเเละกระเเสเงินสดในการดำเนินงาน
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ซึ่งบริษัทได้เปลี่ยนเเปลงนโยบายบัญชี ในการวัดมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เป็นวิธีมูลค่ายุติธรรม เพื่อสะท้อนมูลค่าที่เเท้จริงยิ่งขึ้น โดยไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้รวม 1,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 94.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขาดทุน 198 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 2 ปีนี้ ภาครัฐอนุญาตให้เดินทางช่วงสงกรานต์ได้ ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ต่างจากช่วงเทศกาลปีก่อนที่รัฐจำกัดการเดินทาง
โดยในครึ่งปีเเรก กลุ่มธุรกิจบริการเเละโรงเเรม (Hospitality) ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้ อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถรักษาระดับอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ได้ในระดับน่าพอใจ เท่ากับ 15.91% ในไตรมาส 2/2564 ซึ่งสูงกว่าไตรมาส 2/2563 ที่ระดับ 5.71% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RGI index) อยู่ที่ 125.3 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในระดับเดียวกันได้ โดยเฉพาะอย่างเช่น โรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ มีค่า RGI อยู่ที่ 322.4 โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ มีค่า RGI อยู่ที่ 249.6 โรงแรม บันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI อยู่ที่ 217.3 และโรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ ซึ่งมีค่า RGI เท่ากับ 216.3 ในขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ประกอบไปด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเเละธุรกิจอาคารสำนักงาน (Retail & Commercial) อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของอาคารสำนักงานเกรด A ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Retail & Commercial ในไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 1,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 101.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 ทำให้บริษัทสามารถสร้างโอกาส และรักษาการเติบโตของ EBITDA ได้อย่างมั่นคง ตอกย้ำกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงของพอร์ททรัพย์สิน ลดความผันผวนของระดับรายได้ นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการเพิ่มมูลค่าและพัฒนามาตรฐานทรัพย์สิน พร้อมให้ความสำคัญกับ “ความแข็งแกร่งทางการเงินเเละการลงทุน” ทั้งการจัดวงเงินสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเสริมสภาพคล่องอย่างเพียงพอ การกำหนดนโยบายและ