เดอะ เนสท์ สุขุมวิท 22 พรีเมียมบูทีคคอนโด หน้ากว้าง 7.5 เมตร พร้อมสวนสวย

“สุขุมวิทตอนกลาง” น่าจะเป็นย่านกลางเมืองลำดับต้นๆ ที่หลายคนคงใฝ่ฝันอยากมีที่พักอาศัยอยู่ใจกลางย่านนี้ เพราะรายล้อมด้วยไลฟ์สไตล์ที่ครบครันและทันสมัย ใกล้แหล่งงาน และสะดวกกับทุกการเดินทาง แต่ทำเลนี้เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าราคาของคอนโดเปิดใหม่นั้นมีราคาแพงทะลุสองแสนกว่าบาทต่อตารางเมตรเข้าไปแล้ว โดยเฉพาะคอนโดที่อยู่ในบริเวณซอยสุขุมวิท 22,24 และ 26 ซึ่งนอกจากจะใกล้ The EM District แล้วก็ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนธุรกิจสายหลักอย่างพระรามสี่ ถนนรัชดาภิเษก จนถึงแยกอโศก-สุขุมวิท ได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ หากจะเลือกคอนโดสักแห่งในบริเวณนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นห้องเลย์เอ้าท์แบบมาตรฐานทั่วๆไป เช่น รูปแบบห้องจัตุรัส หรือห้องแนวลึก ตามที่เราพบเห็นตามคอนโดอื่นๆ แต่มาใช้ชีวิตอยู่ถึงกลางสุขุมวิททั้งที จะดีกว่าไหมถ้าเราลองเปิดมุมมองที่แตกต่างในการอยู่อาศัย กับการออกแบบห้องที่เปิดหน้ากว้าง เน้นความโปร่งสบายในการใช้ชีวิต อย่างที่ The Nest Sukhumvit 22 ที่กล้าสร้างความแตกต่างทางความคิดและการออกแบบ เพื่อให้ชีวิตคุณได้ใกล้ทั้งการใช้ชีวิตท่ามกลางแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำ และได้ใกล้กับการสัมผัสชีวิตที่มีความสุขภายในที่พักอาศัยแห่งนี้

The Nest Sukhumvit 22 ให้คุณได้ใช้ชีวิตที่ใกล้กับไลฟ์สไตล์โดยรอบ ด้วยการตั้งอยู่บนซอยสุขุมวิท 22 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์สิริกิติ์เพียง  300 เมตร ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีอโศก 1.5 กิโลเมตร และห่างจากรถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงศ์ 1.7 กิโลเมตร อีกทั้งสามารถเดินทางไปยังถนนสุขุมวิท พระรามที่ 4 รัชดาภิเษกตัดใหม่ และขึ้นลงทางด่วนได้โดยง่าย

และเพิ่มความใกล้ให้กับการใช้ชีวิตที่อยู่สบาย ด้วยการออกแบบให้ทุกห้องเปิดหน้ากว้างถึง 7.5 เมตร ให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติ และใจกลางสุขุมวิท โครงการมีทั้งหมด 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 316 ยูนิต บนเนื้อที่ขนาด 2-2-63.9 ไร่

The Nest Sukhumvit 22 เป็นโครงการภายใต้แบรนด์ The Nest โครงการที่สอง ต่อจากโครงการ The Nest เพลินจิต ซึ่งพัฒนาโดย The Nest Property บริษัทในเครือ PM-Groups ที่เปิดตลาดพรีเมียมบูทีค คอนโดใจกลางเมือง ด้วย 2 โครงการนี้ ภายใต้คอนเซปท์ “comfortable and luxurious condominium”

ตัวโครงการ The Nest Sukhumvit 22 แบ่งออกเป็น 2 อาคาร อาคารละ 8 ชั้น

*เนื่องจากวันที่ทางเราได้เข้าไปดูห้องตัวอย่าง โมเดลได้ถูกนำไปจัดแสดงโชว์งานอื่น จึงไม่มีโมเดลมาโชว์ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้*

อาคารด้านหน้าติดถนนทางเข้า ด้านทิศใต้ เป็นอาคารรูปตัว U คว่ำ คอร์ทตรงกลางเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้วิวด้านทิศใต้ เห็นพื้นที่หน้าทางเข้าโครงการพื้นที่สระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ

ส่วนอาคารด้านหลัง เป็นอาคารวางตัวแนวยาว ตามแนวออกตก ขนานไปกับอาคารตัว U ด้านหน้า

ทั้งสองอาคารเชื่อมกันด้วยที่จอดรถชั้นล่างจำนวน 105 คัน และพื้นที่ส่วนกลางอย่าง สวนหย่อม, Lobby, swimming pool, Sala และ Fitness

ด้านทิศตะวันออก มีคอนโด Aguston ตั้งบล็อกวิวอยู่

ด้านทิศตะวันตกเป็นร้านอาหารและอาคารตึกแถวสูง 4-5 ชั้น เป็นวิวมุมเปิดโล่งกว่ามุมมองอื่นๆ

รูปแบบห้องของโครงการมีทั้งหมด 3 Type คือ Studio , one bedroom และ two bedroom

Type A Studio เป็นห้อง Type เล็กสุด มี 3 แบบคือ

A1 24 Sq.m. มีชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ที่ตึกด้านหน้า

A2 24 Sq.m. มีชั้นละ 3 ห้อง ที่ตึกด้านหน้า

A3 24 Sq.m. มีชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ที่ตึกด้านหน้า

Type B One Bed Room มี 4 แบบคือ

B1-A 27.5 Sq.m. มีชั้นละ 2 ห้อง ที่ตึกด้านหน้า ตั้งแต่ชั้น 4-8

B1-B 27.5 Sq.m. มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ตึกด้านหน้า ตั้งแต่ชั้น 4-8

B2 23.5 Sq.m. มีชั้นละ 1 ห้อง เป็นห้องหัวมุม ที่ตึกด้านหน้า ตั้งแต่ชั้น 4-8

B3-A 28.5 Sq.m. เป็นห้องType ที่มีเยอะที่สุดในโครงการ คือ มี 3 ห้องที่ชั้น 2 และมีชั้นละ 4 ห้อง ที่ตึกด้านหน้า ตั้งแต่ชั้น4-8 และเกือบทั้งหมดของอาคารด้านหลังก็เป็นห้อง Type นี้

B3-B 28.5 Sq.m. มีชั้น 2 มี 3 ห้อง และตั้งแต่ชั้น4-8 มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ตึกด้านหน้า

B4 33.0 Sq.m. มีชั้น 2 มี 5 ห้อง และตั้งแต่ชั้น4-8 มีชั้นละ 8 ห้อง ที่ตึกด้านหน้า

B5 31.5 Sq.m. มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ตึกด้านหลัง เป็นห้องหัวมุม ปลายสุดของทางเดิน

B6 37.0 Sq.m. มีชั้นละ 1 ห้อง ตั้งแต่ชั้น 4-8 ที่ตึกด้านหน้า

Type C Two Bed Room มี 4 แบบคือ

C1 45.5 Sq.m. เป็นห้องหัวมุมของอาคารด้านหน้า มี 1 ห้องที่ชั้น 2 และชั้นละ 2 ห้องที่ชั้น 4-8

C2 41.0 Sq.m. มีชั้นละ 1 ห้องตั้งแต่ชั้น 4-8 ที่ตึกด้านหน้า

C3 53.0 Sq.m. มีชั้นละ 1 เป็นห้องหัวมุม ที่ตึกด้านหน้า

C4 56.5 Sq.m. มีชั้นละ 1 ห้องตั้งแต่ชั้น 4-8 ที่ตึกด้านหน้า เป็นห้องหัวมุม

ส่วนห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดตกแต่งให้ดูมี 1 ห้อง เป็นห้อง Type B3-A 28.5 Sq.m. เป็นห้องTypeที่มีเยอะที่สุดในโครงการ รวมทั้งเป็น Hi-light ของโครงการ คือ เป็นห้องที่เปิดหน้ากว้างถึง 7.5 เมตร ด้วยการวาง Lay out ของห้อง ให้ทุกพื้นที่ใช้งานเชื่อมต่อกัน และมีประตู หน้าต่างเชื่อมถึงพื้นที่ภายนอกอาคาร ห้องตัวอย่างนี้ จัดตกแต่งด้วย Earth Tone สีขาว น้ำตาล อย่าง Wallpaper ลายไม้ หรือสีขาวครีม ส่วนห้องจริงขายแบบ Fully Fitted เป็นผนังปูนทาสีขาว โครงการเลือกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่ตกแต่งในห้องตัวอย่างเกือบทั้งหมดเป็นของ Zara Home

ตัวห้อง แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำห้องครัว ตรงกลางเป็น Living area และด้านขวา เป็นส่วนของห้องนอน

ส่วนแรกเป็นส่วนของห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ระเบียง ที่ปีกห้องด้านซ้าย

เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ด้านหลังประตูห้องเป็นทางเข้าห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียก ส่วนแห้ง มี กระจกกั้นทั้งสองส่วน

ส่วนแห้ง ทางโครงการให้ อ่างล้างหน้าและตู้กระจกเก็บของได้ เก็บด้วยงานไม้สังเคราะห์ เป็น Build-in ติดผนัง ใกล้กันเป็นตำแหน่งตั้งสุขภัณฑ์ของ American Standard มีชั้นกระจกเล็กๆที่เหนือศีรษะไว้วางอุปกรณ์ต่างๆ หรือของตกแต่งภายในห้องน้ำได้

ส่วนเปียกมีแนวปูนยกสูงเป็นแนวกั้นที่พื้นห้องน้ำ โครงการให้ฝักบัวพร้อมที่วางอุปกรณ์และที่แขวนผ้า ห้องน้ำของโครงการไม่มีระบบระบายอากาศ ที่ผนังห้องน้ำจึงมีการเจาะช่องระบายอากาศ เป็นกระจกบายเลื่อนเปิดออกสู่ด้านนอกที่เชื่อมกับบริเวณห้องครัวและระเบียงไว้

ห้องครัว เป็น Build-in ติดผนังแบ่งเป็นตู้เก็บของด้านบนพร้อมฝังที่ดูดควัน ด้านล่างเป็นเคาท์เตอร์ฝังเตาไฟฟ้า 2 หัว ใต้เตาเจาะช่องสำหรับวางไมโครเวฟได้ ถัดไปเป็นอ่างล้างจาน ที่ผนังมีกระเบื้องป้องกันคราบสกปรกตามฟอร์มเคาท์เตอร์ ปลายเคาท์เตอร์ ติดกับอ่างล้างจาน และติดทางเข้าครัว มีที่ว่างกว้างพอที่วางตู้เย็นทั้งไซต์เล็กและใหญ่

ติดกับห้องครัว มีระเบียง ที่ออกแบบให้มีราวระเบียงเป็นรูปตัวแอลเข้ามุม และมีส่วนทึบของผนัง สำหรับวางเครื่องซักผ้า หรือซ่อน Compressor air ให้ดูเป็นระเบียบและเป็นสัดส่วน

มาถึงส่วนห้อง Living area เป็นพื้นที่กลางที่เชื่อมทางเข้า และส่วนต่างๆของห้องเข้าด้วยกัน มีกระจกบานใหญ่เป็นบานสไลด์ อยู่ที่ปลายผนัง สามารถเปิดรับลม รับแสงธรรมชาติได้ จึงเป็นพื้นที่ Living area ที่เหมาะสำหรับพักผ่อนเอนกาย ไม่ว่าจะนั่งดูทีวี หรือนั่งชมวิว

น่าเสียดายไปนิดที่กระจกไม่ได้ให้มาเต็มผนัง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นห้อง Living area ที่กว้างขึ้น และสามารถใกล้ธรรมชาติได้เต็มอิ่ม แต่หากดูการจัดวางห้องตัวอย่าง ก็อาจเป็นเพราะการวางตำแหน่งงานระบบอย่างแอร์ที่โครงการให้ห้องนั่งเล่น 1 ตัว ที่อยู่เหนือหน้าต่างบานใหญ่ และเก็บกรอบผ้าม่าน ทำให้ตัวบานกระจกมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร

ที่ผนังด้านทางเข้าห้องน้ำและห้องครัว โครงการฯทำ Furniture Build-in เป็นตู้เก็บของไว้ให้ ค่อนข้างเป็นระเบียบ และเรียบเนียนไปกับผนังห้อง แต่หากต้องการใช้งานจริง อาจต้องย้ายตำแหน่งที่วางทีวีเล็กน้อย เพราะหากมีทีวีตั้งหรือแขวนติดผนัง ก็จะไม่สามารถใช้งานตู้ Build-in ดังกล่าวได้

ส่วนผนังด้านขวาที่ติดกับทางเข้าห้องนอน ในห้องตัวอย่างเป็นผนังกระจก แต่จริงๆ โครงการฯให้ผนังปูนทึบ กว้างพอสำหรับวางโซฟา 2 ที่นั่ง นั่งชมวิวหรือดูทีวีเวลาพักผ่อนได้

อีกมุมนึงของห้อง Living area คือ พื้นที่ผนังติดกับประตูทางเข้าห้อง มีมุมเล็กๆสำหรับวางโต๊ะอาหาร 2 ที่นั่งได้เป็นมุมทานเข้าส่วนตัว

มาถึงส่วนสุดท้ายของห้อง คือส่วนของห้องนอน มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนอยู่ที่ผนัง ได้วิวเดียวกับห้องนั่งเล่น แต่ขนาดหน้าต่างจะสูงน้อยกว่า คือ ไม่มีฐานหน้าต่างส่วนล่างแบบในห้องนั่งเล่น เหนือหน้าต่างกระจกมีแอร์ที่ห้องนอนอีก 1 ตัว ส่วนเตียงที่ทางโครงการจัดวางเป็นตัวอย่างเป็นเตียง Queen Size หากใครชอบเตียงใหญ่ ก็ยังสามารถขยับขยายได้ เพราะมีพื้นที่เหลือพอ

ด้านขวาของห้องนอนติดประตูทางเข้า โครงการฯให้ Furniture Build-in ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ เป็น Set โทนสีขาว บานเปิดแบบ Soft close สูงจากพื้นจรดเพดาน

ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง จุดขายหนึ่งที่ดูจะแตกต่างกับโครงการฯอื่นๆ ก็คือ Glass house ที่จะใช้ตำแหน่งที่ตั้ง Sale office ที่ตกแต่ง ด้วยหน้าต่างบานสูง ทรงยุโรป โทนสีห้องเป็นขาวน้ำตาล ประดับด้วยโคมไฟกรงนก เชื่อมต่อกับพื้นที่สวน และพื้นที่ส่วนกลาง อย่างสระว่ายน้ำ

State – of – The – Fitness Centre ฟิตเนสออกกำลังกาย ที่มีทั้งอุปกรณ์ และสตูดิโอ หรือเลือก มุมพักผ่อนหลากสไตล์หลายมุม เช่น ศาลาริมสวน ลานบาร์บีคิวกลางแจ้ง เป็นต้น

เรียกได้ว่าโครงการจัด Facility มาให้ลูกบ้านครบครันแบบไม่ต้องพึ่ง neighborhood โดยรอบเลยก็ว่าได้

เพราะไม่ว่าจะเดินไปส่วนไหนของโครงการ ก็มีมุมเล็กมุมน้อยให้แวะนั่งพักผ่อน แตกต่างจากคอนโด Low Rise โดยทั่วไปที่มักจะให้พื้นที่ส่วนกลางเพียงแค่สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนนิดหน่อย โดยเฉพาะการสร้างพื้นที่เอนกประสงค์ที่สื่อตรงถึงอัตลักษณ์ในเรื่องของความเป็นธรรมชาติอย่างพื้นที่ Sala Glass House หรือร้าน Coffee Shop ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ และช่วยให้ลูกบ้านได้เต็มอิ่มกับชีวิตนอกห้องได้อย่างเต็มที่เช่นกัน

ประกอบกับการที่ The Nest Sukhumvit 22 เป็น Condo Low rise กลางใจเมือง ที่ราคาขายเฉลี่ยเริ่มต้นอยู่ที่ตารางเมตรละ 120,000 บาท ก็ถือว่าราคาไม่สูงมาก ถ้าเทียบกับราคาตลาดของคอนโดใหม่ย่านนี้ ณ ปัจจุบัน เข้าตาหลายๆคนที่ใฝ่ฝันได้อยู่กลางใจเมือง เพราะยอดขายตอนนี้ก็ปาไป 60% แล้ว(ข้อมูล ณ วันที่ 16 พ.ค. 2559) ซึ่งแน่นอนว่าห้องที่ขายดีที่สุดก็เป็นห้องหน้ากว้างที่เป็นจุดขายโครงการ

อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญก็คือในย่านซอยสุขุมวิทตั้งแต่ 18, 22, 24, 26 นั้น แทบจะไม่มีคอนโด Low rise เปิดตัวใหม่เกิดขึ้นมาสักพักแล้ว จะมีก็แต่คอนโด High Rise ราคาแพงเกินตารางเมตรละสองแสนห้าหมื่นบาท ที่กระจายตัวอยู่ตามซอยสุขุมวิท 24 และสุขุมวิท 26

โดยหากกวาดสายตามองไปที่คอนโด Low rise อื่นๆในย่านนี้ก็ล้วนแล้วแต่ขายหมดไปแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Trapezo Sukhumvit 16, Voque Sukhumvit 16 และ XVI The Sixteen Condo ที่มีราคาที่ใกล้เคียง หรือแพงกว่า The Nest Sukhumvit 22 แต่นั่นก็เป็นการซื้อห้องรีเซล และสร้างเสร็จพร้อมอยู่มานานสักพักแล้ว

The Nest Sukhumvit 22 โดยรวม ถือว่าเป็นคอนโด Low Rise ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความเป็นพรีเมียมบูทีค คอนโด ที่โดดเด่นในด้านการออกแบบและเลย์เอ้าท์ห้องหน้ากว้างถึง 7.5 เมตร มี Facility ในแบบแนบชิดธรรมชาติ ที่เหนือกว่ามาตรฐานคอนโด Low rise ทั่วไป อีกทั้งขนาดยูนิตส่วนใหญ่มีขนาดค่อนข้างเล็กจึงทำให้ง่ายต่อการเป็นเจ้าของ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่น่าจะตอบโจทย์กลุ่มผู้ที่กำลังมองหาคอนโดกลางเมือง โดยมีงบประมาณอยู่ที่ 3 ล้าน – ไม่เกิน 6 ล้านบาท (สำหรับห้องขนาด 2 ห้องนอน) ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่หาไม่ได้แล้วสำหรับคอนโดใหม่ในช่วงสุขุมวิทตอนกลาง