The Teak Phattanakarn-Thonglor ใกล้ทุกที่ที่คุณอยากไป…

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบการใช้ชีวิตในย่านที่แออัดจอแจใจกลางเมือง อย่างสุขุมวิท สีลม สาทร แต่ก็ยังหลงใหลในไลฟ์สไตล์แบบคอนโด… ถ้ามีที่หนึ่งที่ทำให้คุณเดินทางสู่กลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ไปทองหล่อได้อย่างสะดวก ขึ้น-ลงทางด่วนได้ โดยไม่ต้องอ้อมไปไกล หรือไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปสนามบินทีละหลายๆชั่วโมง อีกทั้งยังมีทางเลือกการเดินทางที่หลากหลาย ที่แห่งนั้นคุณจะนึกถึงที่ไหน…?

ซึ่งคงจะดีไม่น้อย เพราะคงทำให้ทุกที่ที่คุณอยากไป อยู่ใกล้แค่นิดเดียว…
ที่สุดของความใกล้เมือง ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ นั่นก็คือ… “แยกพัฒนาการ หรือที่รู้จักกันว่า แยกคลองตัน”… จริงๆก็ตามชื่อเลยว่า มีพัฒนาการของการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่การขุดคลองเชื่อมเมืองชั้นในกับเขตชานเมือง อย่างคลองตัน ที่ปัจจุบันกลายเป็นคลองสายสำคัญที่เชื่อมคลองแสนแสบและคลองพระโขนงเข้าด้วยกัน แต่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างคอนโดบนถนนเส้นนี้ ต้องถือว่านับจำนวนได้ เพราะมี ดีเวลลอปเปอร์คอนโดเพียงไม่กี่ราย ที่จะยอมทุ่มทุนสร้างคอนโดแข่งกับชุมชนเก่า บ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ และหอพักเก่าที่ครองตลาดย่านนี้มาอย่างยาวนาน

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย ท่ามกลางความเหมือน ย่อมมีผู้ที่จะกล้าต่าง อย่าง The Teak Phattanakarn-Thonglor (เดอะ ทีค พัฒนาการ-ทองหล่อ) คอนโด Low rise สไตล์ Urban Loft จาก LKH Development ที่เป็น Local developer ที่มีผลงานทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิต และคอนโด หลายโครงการ ในย่านบางนา-สุวรรณภูมิมาก่อน

คราวนี้ LKH Development เลือกพื้นที่ย่านคลองตันนี้เป็นที่ตั้งของ Condo Low rise ตามความถนัด แต่เปี่ยมด้วยทำเลคุณภาพบนถนนพัฒนาการ ที่สามารถเชื่อมถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี นำคุณสู่ย่านออฟฟิต แหล่งบันเทิง และชอปปิ้งกลางเมืองได้เพียง 5 นาที หรือสามารถขึ้นลงทางด่วนเพื่อไปยังจุดหมายของคุณได้เพียงเลี้ยวออกจากคอนโด รวมทั้งการเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ใกล้ จนคุณไม่ต้องเผื่อการเดินทางนานเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว

นอกจากทำเลที่เป็นต่อด้านการเดินทาง โดยรอบโครงการก็ยังรายล้อมด้วย facility ครบครัน ทั้งทางเลือกการเดินทางอย่าง Airport rail link สถานีรามคำแหง ซึ่งห่างจากคอนโดเพียง 400 เมตร ก็สามารถเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิได้อีกเส้นทาง หรือไม่ว่าจะเดินทางเข้าสู่ย่านพญาไท เปลี่ยนถ่ายการเดินทางด้วย MRT หรือ BTS รวมทั้งการเชื่อมต่อสู่ย่านพระรามเก้า หรือรามคำแหง ก็ถือว่าสะดวกอยู่ระดับหนึ่ง

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งการเดินทางและการใช้ชีวิตครบครันโดยรอบโครงการแล้ว เราลองมาดูภายในพื้นที่โครงการกันบ้าง เพราะถึงแม้จะเป็น Low Rise Condo แต่ Facility ก็ครบครันและเต็มเปี่ยมไม่แพ้ High rise condo เลยทีเดียว เพราะมาพร้อมสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือยาวกว่า 12 เมตร ห้องฟิตเนต หรือแม้แต่ที่จอดรถที่มีให้ถึง 50% เรียกได้ว่า ทำเลดี Facility เยี่ยมเลยทีเดียว

คราวนี้เราลองมาดูตำแหน่ง Site โครงการกันบ้าง เป็นที่น่าเสียดายไปหน่อย ที่ทางดีเวลลอปเปอร์ มีที่ดิน 2 ผืน คือที่สร้างคอนโดและอีกผืนเล็กๆติดถนนพัฒนาการ แต่เลือกที่จะขยับคอนโดมาไว้แปลงด้านหลัง ถึงแม้จะห่างจากถนนพัฒนาการเพียง 15 เมตร แต่ก็ทำให้ตัวคอนโดต้องเข้ามาอยู่ในซอยพัฒนาการ 10/1 ส่วนที่ดินแปลงติดถนนที่ปัจจุบันเป็น Sale office ทางดีเวลลอปเปอร์ จะพัฒนาเป็นออฟฟิสของทางบริษัท มีความสูง 3 ชั้น

พื้นที่โครงการ ขนาด 2 งาน 85 ตารางวา เป็นแปลงที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางตัวตามซอยพัฒนาการ 10/1 ทำให้การออกแบบจัดวางตัวอาคารเป็นรูปตัว L ตามทิศเหนือใต้ ซึ่งทางเข้าอยู่ด้านทิศเหนือติดซอยพัฒนาการ10/1

ด้านขวาของทางเข้าเป็นทิศตะวันตก ติดที่ดินที่ไม่สามารถพัฒนาได้เพราะเป็นที่ดินตาบอด ปัจจุบันเป็นพื้นที่สีเขียว ห่างออกไปเป็นคอนโด U Delight Residence พัฒนาการ ทองหล่อ

ด้านทิศใต้ของโครงการ ติดพื้นที่พักอาศัย หอพัก อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า

ส่วนด้านทิศตะวันออก ติดซอยพัฒนาการ10/1 ฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโด The Leaf พัฒนาการ และได้วิวสระว่ายน้ำของโครงการ

ภายนอกอาคารถูกออกแบบให้มีความโดดเด่นของ Urban Loft แต่เป็น Loft ที่ไม่หนักเกินไป มีการปรับให้เหมาะกับในเมืองมากขึ้น ด้วยการโชว์พื้นผิววัสดุ อย่างไม้ เหล็ก กระจก ปูนเปลือย แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Loft ที่ดูหนักแน่นและโชว์งานโครงสร้าง ด้วยการโชว์ facade ระแนงไม้และเหล็กแนวตั้ง

ตัวอาคารประกอบด้วยที่จอดรถที่ชั้น 1

ชั้น2-8เป็นที่พักอาศัย จำนวน 79 ยูนิต

ภายในโครงการมีห้อง 4 Type
Type A ขนาด 27 ตร.ม. มีอยู่เพียงชั้นละ 1 ห้อง ขายหมดไปแล้ว บริเวณทิศตะวันออก

Type B ขนาด 31 ตร.ม. มี 6 แบบ ประกอบด้วย B1,B2,B3,B4 เป็นยูนิตที่มีปริมาณเยอะที่สุด จุดเด่นคือมีกระจกเข้ามุมต่อเนื่องบานสูงที่บริเวณห้องนอนเชื่อมต่อกับระเบียง มีอยู่ทุกชั้น B1,B2,B3 มีแบบละ 2 ห้องต่อชั้น B4 มีชั้นละ 1 ห้อง บริเวณหัวมุม ทั้งหมดอยู่ด้านทิศตะวันตก

B5 ขนาด 31 ตร.ม. มีอยู่ที่ชั้น3-8 ชั้นละ 1 ห้อง เป็นห้องหน้าลึกได้วิวสระว่ายน้ำ บริเวณหัวมุม ติดโถงลิฟท์ ด้านทิศตะวันออก

B6,B7 มีเฉพาะที่ชั้น 2-4 มีอยู่ชั้นละ 1 แบบ ส่วน B7 จะได้เป็นห้องหัวมุมด้านทิศตะวันออก

Type C ขนาด 45 ตร.ม. มีอยู่ชั้นละ 1 ห้อง บริเวณทิศตะวันออก ได้วิวสระว่ายน้ำ

Type D ขนาด 60 ตร.ม. มีอยู่ที่ชั้น 5-8 ชั้นละ 1 ห้อง เป็นรูปแบบ 2 ห้องนอนบริเวณหัวมุม ด้านทิศตะวันออก

ส่วนห้องตัวอย่างที่ Sale office มีอยู่เพียงรูปแบบเดียว คือ Type B 1-4 ขนาด 31 ตร.ม. ที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดในโครงการ

ต้องบอกก่อนว่าห้องตัวอย่างที่จะพาไปชมห้องขายจริง มาพร้อมเฟอร์ Built in จาก ACME ที่เป็น Supplier ให้กับแบรนด์ Muji ส่วนผนังห้องของจริงจะเป็นปูนฉาบเรียบ

เรามาเริ่มดูห้องกันเลยดีกว่า

เมื่อเปิดประตูเข้ามา จะเจอห้องนั่งเล่น ที่ด้านขวาเตรียมพื้นที่ที่สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้แบบเต็มผนัง(ขนาดใหญ่สุดน่าจะได้ถึง70นิ้ว) ส่วนด้านซ้ายสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ 1 ชุด ซึ่งห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่กลางที่สามารถเชื่อมไปยังห้องนอนด้านขวามือ และเชื่อมโยงห้องครัวผ่านบานกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานทำให้ห้องนั่งเล่นดูกว้างขึ้น และสามารถเชื่อมต่อไปถึงระเบียงได้

ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวมีประตูเลื่อนบานกระจกแบบบานเลื่อน 3 ตอน สูงจากพื้นจรดเพดาน กั้นการใช้งานพื้นที่ และกันกลิ่น ควันจากห้องครัวเข้าสู่พื้นที่ใช้งานได้ รวมทั้งทำให้แสงจากภายนอกผ่านบานกระจกทำให้ห้องครัวแทบจะไม่ต้องเปิดไฟ ถือว่าถูกสุขลักษณะเบื้องต้นเลยทีเดียว และยังทำให้ภายในห้องนั่งเล่นดูสว่างขึ้น อีกด้วย

ภายในห้องครัว เป็นลักษณะครัวปิด ด้านซ้ายเป็นชุดครัว Built in สามารถวางตู้เย็นบานเปิดเดียวได้ด้านซ้าย ถัดมาเป็นซิ้งค์ และเตาไฟฟ้า ที่ด้านบนมาพร้อมตู้สำหรับเก็บเครื่องดูดควันและอุปกรณ์ต่างๆ ด้านล่างเตาไฟฟ้ามีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้าได้และเชื่อมต่อไปกับระเบียง ที่กว้างพอสำหรับตากผ้า ออกมาสูดอากาศ หรือนั่งชิวๆรับลม

ด้านขวาของห้องครัว สามารถวางโต๊ะทานข้าวเล็กๆได้สำหรับ 2 ท่าน

ที่เชื่อมต่อกับระเบียงที่สามารถมองเห็นห้องนอนได้จากด้านนอก เรียกได้ว่าไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของห้องก็สามารถเชื่อมโยงพื้นที่ส่วนต่างๆเข้าด้วยกันได้

ถัดมาเป็นพื้นที่ห้องนอน
ด้านขวาเป็นทางเข้าห้องน้ำ แบ่งส่วนเปียกส่วนแห้ง อุปกรณ์ในห้องน้ำเป็นของ American Standard เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องน้ำเพิ่มดีเทลของที่เก็บของแบบ Loft ที่โชว์วัสดุไม้อยู่ด้านล่างที่ล้างหน้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ของ MOGEN ฉากกั้นอาบน้ำมีแถมให้แต่เราไม่เห็นในห้องตัวอย่างนะครับ

ภายในห้องนอนเป็นเตียง King size Built in สีไม้เนื้ออ่อน เข้าชุดกับชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้า…ในหัองตัวอย่างโครงการทำเป็นบานเปิดครับ แต่ของจริงจะได้เป็นบานเลื่อนครับ เห็นด้วยเลยครับ เพราะบานเปิดแบบนี้ผมว่ามันใช้งานยากเวลาเปิดพร้อมกันมันติดข้างเตียงครับ

ปลายเตียงแบ่งผนังทึบสามารถติดแอร์ด้านบนและวางทีวีปลายเตียงได้ และมีการออกแบบหัวมุมห้องด้วยกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้ขณะนอนอยู่บนเตียง และมีการออกแบบช่องเก็บผ้าม่านสำหรับเปิดปิดหากต้องการความส่วนตัว

มาถึงพื้นที่ส่วนกลางกันบ้าง ทั้งหมดของพื้นที่โครงการ ใช้ textureไม้ และเหล็กมาเป็นองค์ประกอบหลัก
ปราการด่านแรกเมื่อเข้าสู่โครงการก็คือส่วนของล็อบบี้ ที่ชั้น1 ออกแบบเป็น Modern Loft ที่ไม่ดูหนักเกินไป เน้นการโชว์พื้นผิวของวัสดุอย่างไม้ เหล็ก และกระจก รวมทั้งดึงธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่

ห้องฟิตเนตบริเวณชั้น 2 ก็ใช้เหล็ก ไม้ กระจก ที่มีลูกเล่นของการออกแบบใช้ลายเส้นของไม้และเหล็ก ที่เชื่อมจากภายในอาคารสู่ภายนอกอาคาร

ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือที่ทอดตัวยาว 12 เมตรผ่านหน้าห้องฟิตเนต และถูกโอบล้อมด้วยตัวอาคารทั้ง 2 ด้าน

ภาพรวมของโครงการ ถ้าตัดเรื่องทำเลที่คงหาคู่แข่งยากออกไป (เพราะคอนโดทั้งหมดแถวนี้ขายหมด sold out ทุกแท่งแล้ว) การเลือกพัฒนาโครงการขนาดเล็ก โดยมีจำนวนยูนิตเพียง 79 ยูนิต + ที่จอดรถประมาณ 50% ถือว่าเป็นคอนโด Low rise อยู่เกือบติดถนนใหญ่ ที่มียูนิตน้อย Privacy สุดๆ ต่างกับคอนโด Low rise ขนาดไม่เกิน 79 ยูนิต ทื่อื่นที่มักจะเข้าซอยไปหลายกิโลเมตร

ภายในโครงการถือว่าแบ่งสัดส่วนการใช้งานได้ตามสัดส่วน มีเสน่ห์ในแง่การออกแบบที่มีลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ ทำให้แต่ละส่วนของห้องและโครงการเชื่อมถึงกัน รวมทั้งการใช้วัสดุส่วนใหญ่เป็นไม้และกระจกทำให้ดูอบอุ่น และสามารถเห็นทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกห้องถึงกันได้ ทำให้ทุกที่ภายในโครงการดูใกล้กันมากขึ้นอีกด้วย

เมื่อเทียบขนาดพื้นที่กับราคาแล้ว การตั้งราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 2.5 ลบ. หรือราวๆ ตร.ม. ละ 81,000 บาท (สอบถามส่วนลดหรือโปรโมชั่นเพิ่มเติมอื่นๆได้กับพนักงานขายนะครับ เพราะโปรโมชั่นอาจจะเปลี่ยนแปลงได้) ก็ถือว่าสูงอยู่พอสมควร ถ้าไปเทียบกับราคาของโครงการใกล้เคียงเมื่อตอนเปิดตัวเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วครับ

เพราะถ้าเทียบกับ คอนโด High rise โดยรอบ อย่าง The Leaf ที่อยู่ติดกัน หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ในเริ่มต้นแค่ล้านกว่าๆ หรือราวๆตรม.ละ 56,000 บาท หรือ U Delight Residence พัฒนาการ ทองหล่อ โครงการถัดไปอีก 1 ซอย ก็มีราคาขายเมือ 4 ปีที่แล้วอยู่ที่ ตรม.ละ 60,000 บาท แต่นั่นมันคืออดีตกาลหลายปีแล้วครับ!!

โดยปัจจุบัน ในยุคที่ราคาที่ดินพุ่งเอาๆ ส่งผลให้ราคาของคอนโดมือสองในทำเลนี้พุ่งสูงขึ้นไม่แพ้ราคาที่ดิน ถึงแม้ The Leaf ณ ปัจจุบันจะมีราคาขายต่อที่เฉลี่ยตรม.ละ 76,000 บาท ถูกกว่า The Teak นิดหน่อย แต่ผู้ซื้อก็ต้องยอมซื้อของมือสองตามสภาพ เช่นเดียวกับ U Delight Residence พัฒนาการ ทองหล่อ ที่ราคาขายต่อ ตรม.ละ 85,000 ก็ดูแล้วซื้อของใหม่น่าจะคุ้มกว่า เพราะถ้ามองในแง่การได้ห้องใหม่ และชอบคนที่ไม่พลุกพล่านภายในโครงการ ก็อาจจะตอบสนองความต้องการสำหรับคนรักความสงบ ไม่ต้องแย่งใช้งานพื้นที่ส่วนกลางแบบใน High rise

นี่ยังไม่นับรวมถึงกลุ่มคอนโดเกิดใหม่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ – เอกมัย – ทองหล่อ ที่ราคาขายพุ่งขึ้นไปแตะหลักแสนบาทต่อตรม.แล้ว อย่าง The Capital เอกมัย ทองหล่อ และ The Niche Pride

ซึ่งกลุ่มลูกค้าเท่าที่สอบถามดูก็เป็นคนทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีอายุประมาณ 25 – 45 ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า location นี้เป็น location ที่สะดวกในการเดินทางไปสุวรรณภูมิโดยใช้รถ และพื้นที่โดยรอบ ยังตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มทำงานสายการบินอีกด้วย นอกจากนั้นก็จะเป็นกลุ่มคนที่เช่าอยู่ที่คอนโดและหอพักใกล้เคียง ที่มีความฝันในการเป็นเจ้าของคอนโดใหม่ เพียงแค่แห่งเดียวในย่านนี้… ราคาค่าเช่าห้องขนาด 1 นอนของ The Leaf ประมาณ 11,000 บาท และ U Delight ประมาณ 14,000 บาท คาดว่าห้อง 1 นอนของ The Teak ก็คงอยู่ราวๆ 14,000 – 15,000 บาท เป็น yield ราวๆ 7% ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าจะดีกว่าการไปไล่ซื้อของมือสองเพื่อมาปล่อยเช่าอีกต่อ

ส่วนห้องแบบสองห้องนอน สองห้องน้ำขนาด 60 ตรม. ดูแล้วน่าจะต้องแข่งกับโครงการแนวราบสักหน่อย เนื่องจากราคาที่ขึ้นไปแตะหลักห้าล้านนั้น ก็สามารถขยับขยายไปซื้อโครงการแนวราบแถวพัฒนาการ-ศรีนครินทร์ได้เช่นกัน ซึ่งโครงการก็น่าจะรู้ดีถึงข้อนี้จึงจัดมาแค่ 4 ห้องจากหมด 79 ยูนิต

The Teak Phattanakarn-Thonglor เหมาะสำหรับคนที่อยากอยู่ ใกล้ ทั้งในและนอกเมือง อยากใช้ชีวิต ใช้พื้นที่ แบบคนไม่มาก หลงใหลในไลฟ์สไตล์คอนโดแต่ไม่ต้องแย่งกันใช้ส่วนกลางภายในโครงการ

ความ Privacy ในทำเลที่ไม่น่าจะทำได้ และดีไซน์ ที่ผมเชื่อว่าถ้าทำเป็นตึกสูงได้ ก็จะดูโดดเด่นมากที่สุดในเส้นพัฒนาการ ดูจะเป็นจุดขายที่กลุ่มลูกค้าของโครงการน่าจะยอมจ่ายได้สำหรับ The Teak Phattanakarn-Thonglor แห่งนี้ครับ