
เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 20 August, 2015 เวลา 23.58 pm
Prop score™: 3.2
คะแนนรีวิว: 0.0
0 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ Chewathai Residence Bang Pho
บริษัทผู้สร้าง
ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)
สถานที่
ถ.ประชาราษฏร์ สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
สถานีรถไฟ BTS
-
สถานีรถไฟใต้ดิน
MRT เตาปูน Distance 900 เมตร m./MRT บางโพ Distance 80 เมตร m.
Airport Rail Link
-
สถานี BRT
-
พื้นที่
1-1-94.3 ไร่
ชั้น
คอนโด High Rise 24 ชั้นจำนวน 1 อาคาร
ยูนิต
172 ยูนิต
ที่จอดรถ
ประมาณ 80% รวมจอดซ้อนคัน
ลิฟท์
ลิฟต์โดยสารมี 2 ตัว และลิฟต์ขนของ 1
สิ่งอำนวยความสดวก
River View Sky Lap Pool, Panoramic Fitness,Steam Room Business Lounge ,Sky & Pocket Garden
ประเภทยูนิต
ประเภท
CONDO
studio
-
1 bedroom
1 Bed Small : Type A1-A5 ขนาด 33.5-36 ตร.ม. / 1 Bed Big :Type B1-B5 ขนาด 42.5-49 ตร.ม.
2 bedroom
68-78.5 ตร.ม.
3 bedroom
-
Duplex
-
Penthouse
3 Bed – Penthouse : Type P1-P2 ขนาด 95.5-117 ตร.ม.
ประเภทอื่นๆ
-
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
2.8 เมตร ส่วนห้อง Penthouse ฝ้าจะอยู่ที่ 3 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
117,500 – 125,000
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
3.9 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
50 บาท/ตร.ม./เดือน
Sinking Fund fee
500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
สร้างเสร็จ
ปี 2560
เว็บไซต์
http://residencebangpho.com/register
02-9128808
เมื่อราวๆต้นปี 2557 ชาวบางโพ – บางซื่อ ล้วนแล้วแต่ตื่นตะลึงกับการปรากฎตัวของโครงการดังริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่าง333 Riverside จากค่าย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (ผมว่าคนใน CBD ก็ยังตกใจว่าทำไมราคาคอนโดย่านนี้มันช่างสูงเช่นนี้) ถึงแม้ว่าโครงการนี้จะไม่ได้เป็นตึกสูงโครงการแรกของย่านนี้ แต่ด้วยความที่เป็นตึกสูงเพียงแค่โครงการเดียวที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถมยังอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าบางโพ และในอนาคตก็น่าจะมี mall เล็กๆสร้างเพิ่มขึ้นมาในบริเวณพื้นที่โครงการอีก ก็ยิ่งเพิ่มมูลค่า ราคาขายให้กับ 333 Riverside ได้โดยง่าย
ย่านบางโพในอดีตเคยเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ และของ antique ต่างๆ…แต่มาวันนี้ย่านบางโพกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ด้วยปัจจัยในด้านการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานหลายๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ที่ตัดผ่านถนนประชาราษฎร์สาย 2 เพื่อข้ามไปยังฝั่งธนบุรีในช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์…และสถานีเตาปูนที่เป็นสถานี Interchange เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีม่วงเข้าไว้ด้วยกัน
ความเปลี่ยนแปลงในย่านบางโพไม่ได้มีเฉพาะเพียงแค่การมาของรถไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่มีชื่อว่า “สัปปายะสภาสถาน” ที่ใช้งบประมาณการก่อสร้างสูงถึง 12,000 ล้านบาท…แน่นอนว่าพื้นที่บริเวณละแวกเกียกกาย จนถึงบางโพย่อมได้รับอานิสงค์มากมายจากโครงการนี้ครับ เพราะรัฐภาแห่งใหม่นั้นนำมาซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ “สะพานเกียกกาย” ที่น่าจะสร้างเสร็จในปี 2562… โดย สะพานเกียกกายนี้จะมีทั้งสะพานและถนนยกระดับ 4-6 เลนที่เชื่อมต่อจากปลายถนนจรัญสนิทวงศ์ ผ่านบริเวณรัฐสภาใหม่ และยาวไปลงไกลถึงถนนพหลโยธินด้านกรมการขนส่งทางบกโน้นเลยครับ…นอก จากนี้ก็จะมีการขยายช่องทางการจราจร และก่อสร้างถนนเพิ่มเติมในอนาคต ได้แก่ ขยายถนนทหาร ขยายถนนสามเสน-ถนนประชาราษฎร์สาย 1 และก่อสร้างถนนคู่ขนานถนนสามเสน เป็นต้น
ความเจริญดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นสิ่งล่อตาล่อใจ developer ทั้งหลายให้เข้ามาลงทุนพัฒนาคอนโดในย่าน เตาปูน – บางโพครับ ไม่เว้นแม้แต่ developer ลูกครึ่งไทย-สิงค์โปร์ อย่าง บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อโครงการว่า “ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ (Chewathai Residence Bang Pho)”
บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ชื่อนี้ไม่ได้เป็นหน้าใหม่ในวงการแต่อย่างใดครับ ถึงแม้จะไม่ได้เป็น developer ที่ติดอันดับท้อป 10 ในกลุ่มอสังหาฯ แต่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีข่าวที่น่าตื่นเต้นกับบริษัทฯนี้ครับ นั่นคือ บริษัทฯได้ยื่นแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟล์ลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นจำนวน 232 ล้านหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ใน ราคาพาร์หุ้นละ 1.00 บาท โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ก่อนที่จะเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อไปครับ
ปัจจุบันชีวาทัยมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งหมด 9 โครงการ ได้แก่ โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย 6 โครงการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 5,830 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ปิดการขายแล้วได้แก่ โครงการ ชีวาทัย ราชปรารถ ส่วนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างจำหน่ายจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ เดอะสุรวงศ์ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 52 ยูนิต และโครงการ ชีวาทัย รามคำแหง ความสูง 33 ชั้น จำนวน 535 ยูนิต
และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ความสูง 26 ชั้น รวม 279 ยูนิต โครงการฮอลล์มาร์ค แจ้งวัฒนะ ความสูง 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 427 ยูนิต โครงการฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วาน เป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร รวม 792 ยูนิต
ส่วนธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่านั้น บริษัท ได้พัฒนาโครงการเรียบร้อยแล้ว 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 300 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารโรงงานสำเร็จรูปจำนวน 10 หลัง บนพื้นที่ 26 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวม 17,120 ตารางเมตร ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง (ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ทันหุ้น ฉบับวันที่ 12 พฤษภาคม 2558)
ที่ผมบอกข้างต้นว่าชีวาทัยนั้นเป็นบริษัทลูกครึ่งนั้น ก็เพราะว่าจำนวนหุ้นในสัดส่วน 51% นั้นเป็นของ ชาติชาย พานิชชีวะ ที่ใช้บริษัท ชาติชีวะ จำกัด เข้ามาถือหุ้นในชีวาทัยฯ โดยหุ้นอีก 49% นั้นเป็นของบริษัท ทีอีอี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในเครือของTEE Land Limited บริษัทพัฒนาอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ และเป็นเจ้าของโครงการดังอย่าง The Peak@Cairnhill I และ II
Credit ภาพ: hwww.teeland.com.sg
The Peak@Cairnhill I
The Peak@Cairnhill II
การร่วมทุนกันระหว่างสองบริษัทฯดังกล่าวก็มีเป้าหมายเพื่อที่จะดันให้ชีวาทัยฯ ผงาดขึ้นเป็น developer อันดับต้นๆในเมืองไทยให้ได้… โดยแนวทางการพัฒนาโครงการของชีวาทัยฯ นอกจากจะมีการซื้อที่ดินใหม่แล้ว ก็ยังมีการซื้อกิจการจากบริษัทอื่น อย่างเช่น ซื้อโครงการ Cross Point คอนโด จากบริษัท โรจน์ธัช ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อมาพัฒนาต่อเป็นโครงการชีวาทัย Interchange หรือจะเป็นการร่วมทุนกันกับเจ้าของที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการ เช่น โครงการ The Surawong ที่ร่วมทุนกับ บริษัท ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิร์ค (สยาม) จำกัด (มหาชน) ในเครือบริษัท ฮัพซูน โกลบอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากสิงคโปร์
ผมทราบมาว่าทางชีวาทัยฯยังมี landbank เหลืออยู่หลายแปลงที่รอพัฒนาครับ โดยปีนี้ก็จะไปให้น้ำหนักกับการพัฒนาโครงการในแนวราบเป็นพิเศษ เช่น ย่านพระราม 3 เย็นอากาศ ซอยแบร์ริ่ง รังสิต ฯลฯ…รายละเอียดเพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะครับ ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจในแบรนด์ ชีวาทัยฯ ให้กับผู้บริโภคอย่างเราได้
ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ นั้นตั้งอยู่บริเวณแยกบางโพตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 โดยอยู่ห่างจากทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า MRT บางโพเพียงแค่ประมาณ 80 เมตร เท่านั้นครับ อย่างที่ผมบอกในตอนต้นครับ ว่าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตอนนี้นั้นมีคอนโดหลายโครงการมากที่กำลังก่อสร้างอยู่ และเปิดตัวใหม่ครับ…ยิ่งหากนับรวมไปถึงทำเลใกล้เคียงอย่างบริเวณ ถนนกรุงเทพ – นนทบุรี และถนนประชาชื่น ตั้งแต่สถานีบางซ่อน ยันวงศ์สว่างไปด้วยแล้ว มองภาพได้เลยว่าในระยะเวลาภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ จะมี supply เพื่อนบ้านทะลุเกิน 10,000 ยูนิตแน่นอนครับ…แต่ผมเชื่อแน่นอนครับว่าทำเลที่เกาะบริเวณสถานี บางโพ นั้นมีความได้เปรียบในเชิงกายภาพมากที่สุดครับ เนื่องจากใกล้ทั้งรถไฟฟ้าและสามารถมองวิวแม่น้ำ รวมถึงรัฐสภาใหม่ได้อย่างเต็มตา แถมยังดึงดูด demand จากผู้ที่อยู่อาศัยในละแวกฝั่งธน ที่ต้องการขยายครอบครัว หรือบังเอิญต้องทำงานแถวนนทบุรี – บางซื่อ ได้อย่างง่ายดายครับ เพราะว่ามีทั้งรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อไปสู่ฝั่งธนได้ แค่สถานีเดียวก็ไปลงบางอ้อได้เลย หากเดินทางด้วยรถยนต์ก็เลือกใช้ได้ทางสะพานพระราม 7 และสะพานเกียกกายในอนาคต…ผมคนฝั่งธนยังตาลุกวาวเลยครับ!!!!
ในแผนที่ด้านบนจะเห็นว่าโครงการละแวกนี้มีเยอะแบบจริงจังครับ นี่ขนาดเอาพื้นที่แค่ระยะ 4 สถานี คือบางโพ-เตาปูน-บางซ่อน และวงศ์สว่าง เท่านั้นนะครับ หากนับรวมยาวไปแถวจตุจักร หมอชิต สะพานควายนี่ยิ่งไปกันใหญ่ครับ (แต่ก็ไม่ควรจะเอามา benchmark กันครับ เพราะมันอยู่คนละทำเลกันเลย) โครงการที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวใหม่ในอีกเดือน-สองเดือนข้างหน้า นอกจากชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ แล้วก็จะมีแบรนด์เรือธงจากสองค่ายยักษ์ อย่างแสนสิริ และอนันดา เข้ามากินส่วนแบ่งบริเวณนี้ด้วยครับ โดยแสนสิริเตรียมส่ง The Line วงศ์สว่าง 1,287 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 120K ต่อตรม. เข้าไปลงที่แยกวงศ์สว่าง และอนันดาเตรียมส่งแบรนด์อย่าง ไอดีโอ โมบิ เตาปูน – บางซื่อ (ชื่อยังไม่ชัวร์นะครับ) เข้าไปประจำการ ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนตรงข้าม Tesco Lotus…แปลงเดิมคือ ตลาดเตาปูน (ศูนย์การค้ามณีพิมาน) หรือที่คนแถวนั้นเรียกว่าศูนย์การค้าคุณหญิงจี๊ดราญรอนอริราช นั่นเองครับ ซึ่งแปลงนี้มีข่าวหนาหูว่าที่ดินที่อยู่หลังตลาดอีกกว่า 20 ไร่ จะสร้างเป็นศูนย์การค้าในอนาคตครับ
บริเวณหน้าโครงการ ไอดีโอ โมบิ เตาปูน – บางซื่อ ณ ปัจจุบัน
ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ นั้นมีคอนเซปท์ว่า “The Ultimate Selection” ครับ เพราะว่าเจ้าของโครงการหมายมั่นปั้นมือว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการที่สมบูรณ์แบบที่สุด และหรูหราที่สุดใน Portfolio ของชีวาทัยครับ…นิยามของ The Ultimate Selection คือการเลือกสรรค์องค์ประกอบหลักทั้ง 7 ประการของโครงการ นั่นก็คือ
โครงการมี 24 ชั้น พื้นที่ 1-1-91 ไร่ และมียูนิตทั้งหมด 172 ยูนิตครับ ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวและ Service Lift 1 ตัว
มาที่ Design ของโครงการกันบ้างครับ…ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ออกแบบในสไตล์ Modern Contemporary แต่ผสานไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็นไทย เนื่องจากย่านบางโพเป็นเมืองเก่า และมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ครับ ดังนั้นเราจึงเห็นลวดลายไม้ฝาปะกนที่ทางทีมออกแบบ ตั้งใจนำมาร้อยเรียงลงบนงานสถาปัตยกรรมทั้งภายนอก และภายในตัวอาคาร
ลายไม้ฝาปะกนที่นำมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบสไตล์ไทยประยุกต์ Credit ภาพจาก: tenfacebangkok
เราจึงได้เห็นลายแบบนี้ตั้งแต่งานผนังภายนอกอาคาร และภายในล้อบบี้ รวมถึงส่วนกลางครับ…สำนักงานขายจำลองสไตล์ของล้อบบี้จริงมาครับ สามารถเข้าไปดูได้เลย อยู่เยื้องๆกับที่ตั้งโครงการครับ
ใช้วัสดุคล้ายๆหนังมาสร้างเป็นลวดลายครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะใช้เป็นไม้จริงจะได้กลิ่นอายความเป็นไทยมากกว่านี้ครับ
หน้าตาของ Facade สำนักงานขาย
รูป perspective ของล้อบบี้
Business Lounge
ไปดูที่ตัวโครงการบ้างครับ…อย่างที่บอกไปโครงการตั้งอยู่ใกล้แยกบางโพ และอยู่ติดกับไปรษณีย์บางโพเลย ถ้าวัดระยะห่างจากบันไดรถไฟฟ้าสถานีบางโพก็จะห่างเพียงแค่ 80 เมตรเท่านั้นครับ (ทางขึ้นลงบันไดอยู่ทางด้านถนนประชาราษฎร์สาย 1)
รูปหน้าโครงการ ซ้ายมือคือร้านขายอุปกรณ์สังฆภัณฑ์ ถัดไปก็เป็นพื้นที่โครงการแล้วครับ
การเดินทางมายังโครงการวันนี้ผมเลือกมาทาง ถนนประดิพัทธ์ครับ เริ่มจากหน้าโรงพยาบาลรามาธิบดี
ตรงอย่างเดียวผ่านหน้าโรงพยาบาลวิชัยยุทธ เพื่อไปเลี้ยวซ้ายเข้าแยกสะพานแดง
ข้ามสะพานแดงไปแล้วก็ตรงเข้าถนนทหาร เพื่อที่จะเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 1 ที่แยกเกียกกายครับ
ตรงมาอีกนิดพอถึงแยกบางโพก็เลี้ยวขวา เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ถนนเส้นนี้เป็นย่านอาคารพาณิชย์ มีทั้งร้านอาหารเก่าแก่ รวมถึงธนาคารอยู่เต็มไปหมด… โครงการอยู่ทางขวามือครับ ต้องไปกลับรถและอยู่ติดกับไปรษณีย์บางโพเลย
แต่วันนี้ผมมาที่สำนักงานขายชั่วคราวครับ ต้องขับตรงไปเลยโรงพยาบาลบางโพไปอีกนิด
จุดสังเกตคือป้ายบิลบอร์ดของโครงการแปะอยู่ที่ผนังตึกแถวข้างๆสำนักงานขายครับ
ก่อนที่ผมจะพาไปดูห้องตัวอย่าง เราไปดูแปลนของโครงการกันดีกว่าครับ…หน้าโครงการหันไปทางทิศเหนือ ทางเข้าออกอยู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ครับ และเห็น The Tree บางโพ อยู่ในระยะ 180 เมตร
ดูแล้วโครงการอยู่ห่างจาก The Tree Interchange กำแพงบางโพ ในระยะ 200 เมตร ทางด้านทิศตะวันออกครับ
ขณะเดียวกันในด้านทิศตะวันตกก็จะห่างจากแม่น้ำประมาณ 380 เมตร สามารถเห็นวิวแม่น้ำได้อย่างสบายๆ สำหรับประมาณชั้น 10 ปลายๆ ขึ้นไป…ส่วนทิศใต้มีแต่หลังคาบ้านคน พื้นที่ทหาร หน่วยงานราชการ และรัฐสภาใหม่ครับ
Floor Plan ของชั้นที่พักอาศัยที่นี่แบ่งเป็น 4 โซนครับ โดยพื้นที่อยู่อาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 7…ชั้นนี้จะมี Pocket Garden เล็กๆไว้ให้ห้องเบอร์ 10,11,12 เทควิวสวนสวยไปเต็มๆครับ
มาดู Typical Floor Plan กันบ้าง ชั้น 8 – 15 จะมียูนิตทั้งหมด 12 ยูนิต ฝั่งที่วิวดีที่สุดจะเป็นฝั่งทิศตะวันตกเพราะเป็นวิวแม่น้ำ ซึ่งตกเป็นของห้องเบอร์ 8,9,11,12..แต่ห้องเบอร์ 8-9 เป็นขนาด 2 ห้องนอน ดังนั้นผมฟันธงไปเลยครับว่าถ้ามีกลุ่มนักเก็งกำไรมาซื้อที่นี่ ห้องเบอร์ 12 จะต้องหมดก่อนแน่นอนครับ เพราะเป็นห้อง 1 นอนที่อยู่หัวมุม แถมมีหน้าต่างบานเล็กๆไว้ตรงอ่างอาบน้ำอีกต่างหาก…แต่ถ้าใครใจถึงและอึดทนนาน ผมแนะนำว่าซื้อห้องสองนอนไปดีกว่าครับ เผื่อไว้เกิดโอนขึ้นมาจะได้ห้องน้ำที่ใหญ่มากเป็นกระจกเข้ามุม ไว้นอนชิลดูวิวแม่น้ำสุดฟินครับ
ชั้น 17 – 20 จะมีแค่ 11 ห้องครับ
ชั้นที่พิเศษกว่าชาวบ้านคือชั้น 21 -22 ครับ เพราะว่าชั้นอื่นระยะจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.8 เมตร แต่สองชั้นนี้จะสูงถึง 3 เมตรครับ!!! และมีห้อง Penthouse ถึงสองห้อง ขนาด 95.5 ตรม. และ 117 ตรม. ครับ สองห้องนี้แอร์จะเป็นระบบฝังฝ้าทั้งหมด มีที่จอดรถให้สองคัน โดย 1 คันเป็นแบบ Fix ที่จอดครับ
ชั้น 23 เป็นสระน้ำที่สามารถ take view ได้ 180 องศา โดยที่หันหน้าสระไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา และมีสวนลอยฟ้าอยู่ทางทิศเหนือ
ชั้น 24 เป็นฟิตเนสครับ วิ่งไป take view ทั้งสระ และแม่น้ำครับ
มาดูห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ที่โครงการมี 2 แบบให้ดู โดยแบบแรกเป็นห้อง 1 นอน ขนาด 42.5 ตรม. Type B1 ครับ อยู่ทางฝั่งทิศใต้ของโครงการ…น่าเสียดายที่ห้องนี้มีวิวให้ดูได้แค่ด้านเดียว ไม่สามารถเห็นวิวทางฝั่งบางซื้อได้ครับ แต่จะเห็นไปทำไมในเมื่อก็คงจะเห็นได้แค่ The Tree Interchange
เลย์เอ้าท์ห้องก็ดูธรรมดาสามัญครับ แบบที่เราเห็นมามากมาย แต่จุดเด่นก็คงอยู่ที่ห้องน้ำที่สามารถเข้าออกได้สองทาง และมีอ่างอาบน้ำให้ครับ (ห้องขนาด 33.5 – 36 ตรม. ไม่มีอ่างให้ ห้องขนาด 42.5 – 49 ตรม.มีอ่างให้ ห้องขนาด 68 – 117 ตรม.เป็นอ่างจากุซซีครับ)…สิ่งที่ต้องทำให้ร้องว้าวก็คือที่นี่ขายเป็นแบบ Fully Furnished นะครับ ให้ครบตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์บิวด์อิน ยันฟูก ครับ โดยเฟอร์ทั้งหมดสั่งทำพิเศษโดยชีวาทัย ภายใต้แบรนด์ Starmark ครับ
ประตูทางเข้าได้ Digital Doorlock ของ Yale
บานประตูเป็นแบบนี้เลยครับ ถึงแม้บานจะไม่สูงจรดเพดาน แต่ก็ให้ Top ลายไม้จนเต็ม วงกบด้านในอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแบบนิดหน่อยให้เป็นสีเดียวกัน วันที่ผมเข้าไปกับรายละเอียดนั้นงานยังไม่เสร็จเรียบร้อยครับ
เปิดมาเจอครัว Hi Gross รูปตัว U เซาะร่องทำ texture เล็กน้อยที่หน้าบาน แลดู Vintage Style…คุ้นๆไหมครับว่าคล้ายกับที่ไหน
เตาอบก็แถมให้แบบในภาพครับ พื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับโต๊ะทานข้าวไปเลย ใช้วัสดุหินสังเคราะห์สีขาวเหมือนกัน
จะเห็นว่ามีช่องให้ใส่เครื่องซักผ้า แต่จะดีมากถ้าทำพื้นโซนนี้ให้เป็นแกรนิตโต้ครับ เพราะพื้นลามิเนตหนา 12 มิล.มันดูแล้วไม่น่าจะเหมาะสมทนทานกับบริเวณนี้เท่าไหร่
ที่ดูดควันและเตาไฟฟ้าสองหัวแบรนด์ Teka
โคมไฟโต๊ะกินข้าว และตู้เย็นไม่ได้ให้นะครับ
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือที่นี่ให้พื้นที่เก็บของเยอะมากครับ เป็น Built in ทั้งหมดด้วย ซึ่งผมดูแล้วก็แปลกใจครับว่านี่คือพื้นที่ขนาด 42 ตรม. จริงๆ แต่มันก็จริงครับ…อ้อ โครงการแถม wallpaper ให้ด้วยครับ แต่เป็นลายสีขาวปกติ
บริเวณข้างๆตู้เย็นจะพบทางลัดไปห้องน้ำได้ครับ แยกกันระหว่างส่วนห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ด้วยบานเลื่อน
มาดูส่วนอาบน้ำบ้างครับ เดินเข้าจากทางห้องนอนก็ได้
Rain Shower แนว Sci-fi มากครับ!!! ยี่ห้อ Cotto แต่ไม่ได้ให้เครื่องทำน้ำร้อนมาให้ครับ (รายละเอียดของแถมอาจมีการเปลี่ยนแปลงรบกวนเช็คกับเจ้าหน้าที่หน้างานอีกครั้งนะครับ)
ซ่อนไฟ LED สีม่วงให้ด้วยครับ!! ผมว่าถ้าจะให้ดีลายกระเบื้องโมเสคควรแปะให้สุดฝ้าไปเลยครับ แต่ชอบตรงที่มีช่องเก็บของเยอะดีครับ
ออกมาดูโซน Living อีกครั้ง ระยะห่างจากทีวีค่อนข้างมากครับ Built ชั้นวางทีวีพร้อมซ่อนไฟมาให้ด้วย โซฟาสวยดีครับ
ผมว่าเฟรมบานเลื่อนไประเบียงที่นี่ดูมันเตี้ยไปหน่อยครับ กะๆดูน่าจะแค่ประมาณ 2 เมตรเท่านั้น น่าจะทำให้สูงหน่อยนะครับ เฟรมเป็นสีดำไม่ได้ powder coated
ระเบียงยังเก็บงานไม่หมดครับ ก็เลยยังไม่รู้ว่าคอมแอร์จะตั้งทางด้านไหน แต่ดูจากทรงแล้วน่าจะแขวนเพดานครับ แต่ราวกันตกได้เป็นราวเหล็กทาสีดำ ดูธรรมดาสากล
เข้าไปดูห้องนอนกันครับ วางเตียง King Size ได้เลย ที่นี่แถมฟูกให้ครับ หัวเตียงให้ตามรูปเลยครับ Vintage Style อีกแล้ว ผมว่าก็น่าจะ built หัวเตียงให้ถึงฝ้าไปเลยนะครับ…ทำผนังแขวนทีวีให้ด้วยครับ หน้าต่างซอยเฟรมไม่ถี่ พร้อมบานกระทุ้งสองบาน ใช้ได้!
ได้ walk in closet ตรงหน้าห้องอาบน้ำครับ
ไปดูสองห้องนอนขนาด 78.5 ตรม. กันบ้างครับ Type C2 ห้องนี้เป็นห้องเบอร์ 9 ทางทิศตะวันตกครับ จุดเด่นคือกระจกเข้ามุมต่อเนื่องที่ห้องอาบน้ำ ซึ่งมีขนาดใหญ่มากมาย พอๆกับห้องรับแขกครับ!!!
เข้ามาในห้องก็จะเห็นว่าครัว รับแขก ทานข้าว ระเบียง อยู่รวมกัน เป็นโซน Living ที่กว้างมากครับ สังเกตดีๆที่นี่ให้พื้นลามิเนตคนละสีกับห้อง 1 นอน ถามทางโครงการดูทราบว่าห้องแต่ละแบบก็จะมีสีพื้นที่ต่างกัน แนวดีแท้!!!
ไปดูครัวกันก่อน เป็น L shape มี Top เป็นหินสังเคราะห์แต่มีลวดลายแบบหินอ่อน..ได้เตาไฟฟ้า 4 หัว ซิงค์ล้างจาน 2 ซิงค์ ให้เตาไมโครเวฟและเตาอบแบบฝังทั้งคู่ แต่ตู้เย็น side by side นั้นไม่ได้นะครับ
แยกโต๊ะทานข้าวออกมาเป็น Island โดยมี Top เป็นวัสดุเดียวกับครัว…อ้อ เครื่องซักผ้าก็ต้องเอาไปไว้บริเวณนี้เหมือนกันครับ
จุดเด่นของโซน Living ก็คือได้พื้นที่เก็บของยาวต่อเนื่อง เป็นชั้นวางทีวีไปเลยครับ ชอบตรงนี้หละ
จริงๆห้องสองนอนน่าจะให้แอร์แบบฝังฝ้านะครับ น่าเสียดาย อ้อ.. ยี่ห้อแอร์ที่ได้ยังไม่ระบุครับ
ไปดูห้องนอนเล็กกันบ้างครับ หัวนอนมีซ่อนไฟด้วยนะนิ
ตู้เสื้อผ้าใหญ่ใช้ได้ครับ มีลิ้นชักครบ
ตรงข้ามห้องนอนเล็กคือห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับโซนรับแขกครับ หน้าตาก็เหมือนกันกับห้อง 1 นอนครับ
เดินไปดูห้องนอนใหญ่กันครับ ห้องนี้มีห้องน้ำในตัวที่ใหญ่ราวกับห้องนั่งเล่นอยู่ด้วยครับ
สิงโตตัวนี้เป็น Prop เฉยๆนะครับ ผมนึกถึงตราประทับราชวงศ์ในหนังจีนยังไงไม่รู้ครับ ^^
ห้องน้ำขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็นโซนขับถ่าย โซนอาบน้ำ โซนล้างหน้า ที่แบ่งออกเป็น His & Her และอ่างอาบน้ำจากุซซี ครับ แบบนี้ก็เข้าไปใช้งานได้พร้อมกันเลย
ไฮไลท์คือกระจกเข้ามุมตรงอ่างจากุซซี่ครับ กระจกบานใหญ่กว่าห้องนอนหลักอีกครับ แถมมีพื้นที่พอให้ไปนั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาบนขอบอ่างได้อีกด้วย ใครอยู่ชั้นสูงคงฟินครับ
สรุปเลยแล้วกันครับ
ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ สำหรับผมนั้นเป็นโครงการที่มีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องปรับปรุงครับ ข้อดีที่จำเป็นต้องพูดถึงเลยก็น่าจะเป็นในเรื่องของทำเล ที่มีครบสองปัจจัยที่ช่วยสร้างมูลค่าให้กับคอนโดได้ก็คือ ติดรถไฟฟ้าสถานีบางโพ และได้วิวแม่น้ำในระยะใกล้ครับ (ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ติดริมแม่น้ำเลยก็ตาม)…333 Riverside ณ ปัจจุบันมียอดขาย 90% โดยอีก 10% ที่เหลือคือห้องฝั่ง City View ครับ จากข้อมูลดังกล่าวทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ราคาของโครงการ ที่ตอนนี้ห้องรีเซลวิวแม่น้ำไปแตะหลักตรม.ละ 140K แล้ว (เดิมเริ่มแสนนิดๆ) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมายที่อยากซื้อจริงๆเลยครับ และห้อง City View ที่มีราคามือหนึ่งเพียงแค่ 90K ต่อให้เซลล์พูดจนปากเปียกปากแฉะแค่ไหน ก็ขายยากมากถึงมากที่สุดครับ ถึงแม้ว่าจะแชร์ facility ร่วมกันทุกอย่างก็ตาม… เข้าตำราที่ว่าถ้าซื้อคอนโดริมน้ำจะเลือกห้องที่ไม่เห็นวิวแม่น้ำไปทำไม…สิ่งนี้เป็นดาบสองคมของโครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ครับ เพราะว่าถ้าพิจารณาดูแล้วห้องที่ดูจะมี Value ที่สุดก็ดูจะมีเพียงแค่ 4 ยูนิตต่อชั้นทางด้านทิศตะวันตก จากจำนวนเฉลี่ยยูนิตต่อชั้นที่ 12 ยูนิต เท่านั้นเองจริงๆครับ!
ราคาของโครงการอยู่ที่เฉลี่ย 125,198 บาท/ตรม. ราคาถูกสุดที่ชั้น 7 คือตรม.ละ 117K และแพงสุดที่ชั้น 22 ในราคาตรม.ละ 137K …ผมไม่แน่ใจว่าห้องทางฝั่งทิศตะวันออกจะมีราคาแตกต่างกับทางฝั่งแม่น้ำมากน้อยแค่ไหน แต่บอกเลยว่าถ้าไม่ต่างก็คงยากที่จะสร้างแรงดึงดูด ถึงแม้ว่าห้องทางด้านทิศตะวันตกจะถูกวางให้เฉพาะสำหรับห้อง 1 นอนไซส์เล็ก 33.5 – 35 ตรม. สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด แต่ก็อย่าลืมว่าราคาต่อห้องก็อยู่ราวๆสามล้านปลายๆ-สี่ล้านกลางๆ ก่อนหักส่วนลดนะครับ (สอบถามส่วนลดที่แน่นอนได้จากพนักงานขายครับ) ด้วยราคานี้ก็อยากจะให้คุณผู้อ่านลองกวาดสายตาไปที่สมรภูมิคอนโดอันเดือดพล่านในละแวกนี้ทางด้านบนครับ ขอบอกว่ามีโครงการรุ่นพี่อย่างชีวาทัย Interchange ที่อยู่ติดสถานีเตาปูน ในราคาขายที่ไล่เลี่ยกันอยู่ด้วยครับ เข้าตำรา Market Cannibalization โดยแท้
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบก็คือการให้เฟอร์นิเจอร์มาแบบครบเซ็ทนี่หละครับ (จริงๆน่าจะให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วยนะครับ) ยิ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ในแบบ Built in + ซ่อนไฟ และก็ทำออกมาดูดีหรูเรียบ แลดูเข้ากับรสนิยมของกลุ่มเป้าหมายในละแวกบางโพมาก มันก็ช่วยสร้าง value add ที่จับต้องได้ชัดเจนให้กับโครงการมากครับ…แต่ในทางกลับกัน ถ้าเรามองชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพให้อยู่ในกลุ่มตลาด High End ผมว่าก็จำเป็นต้องปรับปรุงในหลายเรื่องครับ ไม่ว่าจะเป็น การให้แอร์ฝังฝ้า ให้พื้นแกรนิตโตที่โซนทำอาหาร ให้เฟรมกระจกที่สูงเกือบเท่าฝ้า และระเบียงที่น่าจะให้เป็นระเบียงกระจกใสเพื่อ Take View ได้อย่างเต็มตาครับ รวมถึงน่าจะ Bold ความเป็นไทยจากลายไม้ฝาปะกนมากกว่านี้ครับ ถ้าจะให้พูดคำจำกัดความในหนึ่งประโยคก็น่าจะเป็น “สวยไม่สุด” ครับ…แต่ผมเชื่อว่าทางชีวาทัยก้ไม่ได้มองว่าโครงการนี้จะทำมาเพื่อจับกลุ่ม High End ในตลาดคอนโดแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะเป็นแบรนด์ที่ถูกจัดวางอยู่ในระดับที่สูงที่สุดของชีวาทัยก็ตาม
ในส่วนของห้องสองนอนนั้นผมชอบในเลย์เอ้าท์ของห้องนั่งเล่น แต่กลับรู้สึกแปลกๆกับห้องนอนใหญ่ + ห้องน้ำ (จริงๆผมก็ชอบการมีห้องน้ำใหญ่และได้ Take view เต็มๆแบบนี้นะ) ผมรู้สึกเสียดายพื้นที่ห้องน้ำ ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนน่าจะทำให้เป็น walk in closet ที่เชื่อมต่อกับโซนห้องน้ำได้เลย เพื่อสร้างความ Grand ให้กับห้องนอนใหญ่ และบางทีผมก็รู้สึกว่าลายกระเบื้องห้องน้ำมันดูทึมๆ เหมือนสีเทาๆ ตัดกับสี Hi Gross แนวสีทองหม่นๆ ซึ่งผมไม่อินกับสไตล์นี้จริงๆครับ (แต่คนหลายๆคนก็อาจจะชอบ)
ถ้าใครคิดจะลงทุน ผมว่าด้วยสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ ต่อให้ซื้อคอนโดใน CBD ก็คงไม่เหมาะที่จะทำกำไรในระยะสั้นนะครับ ถึงแม้ว่ารูปแบบการจ่ายเงินของโครงการนี้จะทำออกมาได้ล่อตาล่อใจเหล่าเม่าเฝ้าดอยมาก คือสำหรับ 1 นอนจ่ายจองเพียงแค่ 30,000 บาท ทำสัญญา 70,000 บาท และ 2 นอนจ่ายจอง 50,000 บาท ทำสัญญา 150,000 บาท ผ่อนดาวน์ 22 เดือนตั้งแต่ 15,000 – 60,000 บาท รวมเป็น 15% ของราคาขายเท่านั้น…ส่วนในระยะยาวนั้นผมว่าต้องรอดูสถานการณ์ว่าโครงการ big brand ใหม่ๆที่จะเปิดอย่าง The Line และ Ideo Mobi ใหม่จะช่วยกระตุ้นตลาดด้วยการปูพรมสื่อแบบระเบิดภูเขา เผากระท่อมมากน้อยแค่ไหน ถ้ามากชีวาทัยก็มีโอกาสในการเกาะกระแสได้เช่นกัน…ถามว่า demand แถวนี้มาจากไหน และมีจริงหรือ ผมว่าแถวบางโพมี demand ที่จำเป็นต้องอยู่เยอะครับ ด้วยสาเหตุที่ที่ดินส่วนใหญ่ถูกขายไปให้กับ developer บ้างก็ถูกเวนคืนไปทำโครงการของรัฐ แถมพื้นที่บริเวณเกียกกายก็เป็นพื้นที่ทหารซะส่วนใหญ่ ทำให้หาที่อยู่อาศัยใหม่ยากพอสมควรครับ ประกอบกับราคาคอนโดแถวแยกเตาปูน บางซื่อ จตุจักร ก็มีราคาที่แพงเกิน 130K ต่อตรม. ไปแล้ว ชีวาทัยก็น่าจะเป็น substitute product สำหรับ demand เหล่านี้ได้ครับ เช่นเดียวกับคนที่พลาดจอง 333 ห้องใหญ่วิวแม่น้ำไม่ทัน และไม่อยากโดนบวกรีเซลแบบเกินล้าน เปลี่ยนใจลองมามองที่นี่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีครับ
ใครที่ชอบทำเลนี้ ผูกพันกับบางโพ ซื้ออยู่เองไปเลยดูจะเหมาะที่สุดครับ โดยเฉพาะห้องวิวแม่น้ำ ส่วนใครที่หลงใหลในแสงสีของ CBD ผมไม่แนะนำให้อยู่เองครับ
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
เมื่อราวๆต้นปี 2557 ชาวบางโพ – บางซื่อ ล้วนแล้วแต่ตื่นตะลึงกับการปรากฎตัวของโครงการดังริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่าง 333 Riverside จากค่าย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (ผมว่าคนใน CBD ก็ยังตกใจว่าทำไมราคาคอนโดย่านนี้มันช่างสูงเช่นนี้)
PROPSCORE™
3.2
0
0 รีวิว
รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
Ultra - Luxury Real Estate ที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ในแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร คือหนึ่งใน Top Collectible Asset List ที่กลุ่มลูกค้า HNWI ทั่วโลกนิยมซื้อสะสม ไม่แพ้ Asset ประเภทอื่นครับ อ่านต่อ
14 May, 2025
RASA ONE พลิกโฉมครั้งสำคัญ สู่อาคารสำนักงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานยุคใหม่ ด้วยแนวคิด Workplace redefined
เผยชื่อพร้อมราคาแล้ว! WIDEN by Sansiri คอนโดใหม่ เลี้ยงสัตว์ได้ แห่งแรกบนถนนนางลิ้นจี่ จากแสนสิริ และ บริษัท โตคิว ดีเวลลอปเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด
IRA Residences Ngamwongwan เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในทุกมิติ แห่งแรกในย่านงามวงศ์วานจาก NYE ESTATE
ค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ ผ่านประสบการณ์แห่งมิติสีสันล้ำอนาคต ไปกับ “Nippon Paint Thematic Pavilion : The Future City” ที่งานสถาปนิก’68
กลุ่มบริษัททรัพย์สถาพร หรือ SHL Group ฉลองครบรอบ 70 ปี แห่งการดำเนินธุรกิจ ชู 3 ปรัชญาองค์กร ได้แก่ ความซื่อสัตย์, ความพยายามพัฒนาตนเอง และความสามัคคีทํางานเป็นทีม สู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน