
เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 19 August, 2015 เวลา 13.29 pm
Prop score™: 3.1
คะแนนรีวิว: 0.0
0 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น Centric Tiwanon Station
บริษัทผู้สร้าง
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น – SC ASSET
สถานที่
ถนนกรุงเทพฯ – นนทบุรี
สถานีรถไฟ BTS
-
สถานีรถไฟใต้ดิน
MRT แยกติวานนท์ Distance 200 เมตร m.
Airport Rail Link
-
สถานี BRT
-
พื้นที่
4-2-59.1 ไร่
ชั้น
คอนโด High Rise 41 ชั้น (อาคาร A) และ 37 ชั้น (อาคาร B) 2 อาคาร
ยูนิต
1,063 ยูนิต +ร้านค้า 17 ยูนิต
ที่จอดรถ
423 คัน
ลิฟท์
ลิฟท์โดยสาร 3 ตัวต่อหนึ่งอาคาร+Service Lift 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร
สิ่งอำนวยความสดวก
สระว่ายน้ำ 2 สระเด็กกับผู้ใหญ่,ห้องออกกำลังกาย,Steam & Sauna Room,Sky Lounge 2 ห้อง,ห้องสมุดแบบ Floating Library พร้อม wifi ใช้ได้ที่ห้องสมุด,สวนหย่อม
ประเภทยูนิต
ประเภท
CONDO
studio
-
1 bedroom
31.80 – 42.20 ตร.ม.
2 bedroom
56.40 – 67.40 ตร.ม.
3 bedroom
-
Duplex
-
Penthouse
-
ประเภทอื่นๆ
-
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
2.6 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
74,945
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
2.39 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
35 บาท/ตร.ม./เดือน
Sinking Fund fee
500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
สร้างเสร็จ
ปี 2557
เว็บไซต์
http://www.scasset.com/House/Centric-Tiwanon-Station
1749
ที่ดินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหนึ่งที่เป็นแรงผลักราคาอย่างมีนัยสำคัญคงหนีไม่พ้นโปรเจครถไฟฟ้าสารพัดสี เพราะแค่เกริ่นถึงโปรเจคราคาที่ดินทำเลนั้นๆ ก็ทยอยปรับขึ้น ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมราคาคอนโดติดถนนใหญ่ตามแนวรถไฟฟ้านับวันจะยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ ราคาเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต่ำกว่า 8-9 หมื่นบาท/ตร.ม. ไปแล้ว ขณะที่ไซส์ห้องก็หดมินิลงเหลือพื้นที่ใช้สอยแค่ 21-22 ตร.ม. เท่านั้นเพื่อคุมราคาต่อยูนิตให้ไม่เกิน 2-3 ล้านบาทซึ่งเป็นราคาที่คนชั้นกลางเอื้อมถึง
ไม่เว้นแม้แต่ทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่ดีเวลลอปเปอร์หลายค่ายทยอยขึ้นโครงการรองรับรถไฟฟ้าที่จะมีขึ้นในอนาคต ส่วนทำเลที่ฮอตและน่าจับตามองที่สุดในตอนนี้ต้องยกให้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ที่มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในปีหน้านี้ สถานีที่มาแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นบางซื่อ-เตาปูนเพราะเป็นสถานีใหญ่และเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์หรือจุดตัดเปลี่ยนขบวนรถหลายสายนั่นเอง
โซนบางซื่อไม่ต้องพูดถึงเพราะที่ดินหายากมาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของการรถไฟฯ ดังนั้นโอกาสที่จะมีคอนโดมิเนียมในโซนนี้น้อยมากยกเว้นการรถไฟฯจะใจดีแบ่งที่ให้เอกชนพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีกลางบางซื่อ แต่แน่นอนว่ารูปแบบการขายจะต้องเป็น Lease Hold หรือขายสิทธิการเช่าระยะยาวแทนการขายขาดหรือ Free Hold ส่วนทำเลสถานีเตาปูนขณะนี้มีดีเวลอปเปอร์หลายค่ายเข้าไปพัฒนาโครงการค่อนข้างมาก แต่ละโครงการเรียกว่าขายดิบขายดีแม้ราคาคอนโดในโซนนี้จะพุ่งทะลุ 1.2 แสนบาทต่อตารางเมตรไปแล้ว ไม่ต่างกับโซนสถานีบางซ่อนและสถานีวงศ์สว่างที่ราคาขายโครงการคอนโดมิเนียมก็มาแรงไม่แพ้กันที่เห็นๆ ก็ไม่น้อยกว่า 9 หมื่น-1 แสนบาทต่อตารางเมตรกันแล้ว
สำหรับคนที่มีงบประมาณไม่เกิน 2.5 ล้านบาท แต่อยากอยู่ทำเลเหล่านี้คงจะลำบากหน่อย ดังนั้นถ้ามีงบจำกัดแต่ยังอยากอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าที่ไม่ห่างจากรถไฟฟ้าสายปัจจุบันที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว ทำเลถนนกรุงเทพ-นนทบุรีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เป็นถนนที่เชื่อมแยกวงศ์สว่างเข้ากับแยกติวานนท์ เป็นทำเลที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงตัดผ่าน สถานีหลักของย่านนี้อยู่ที่สถานีแยกติวานนท์ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีอินเตอร์เชนจ์ทั้งบางซื่อและเตาปูนในระยะ 3-4 สถานีเท่านั้น ขณะที่ราคาคอนโดมิเนียมที่อยู่รอบสถานีก็ต่ำกว่าราคาคอนโดรอบสถานีเตาปูน บางซ่อนและวงศ์สว่างทำเลถนนกรุงเทพ-นนท์จึงเป็นทำเลที่รองรับดีมานด์ที่อยู่อาศัยของคนที่มีบัดเจ็ตจำกัดแต่อยากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า แถมยังมีโอกาสเป็นเจ้าของคอนโดไซส์ 30 ตารางเมตรได้ในราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท… อย่างเช่น เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น (Centric Tiwanon Station)
เดินทางโดยรถยนต์ก็สามารถขึ้นทางด่วน และไปตามป้ายแจ้งวัฒนะครับ
ลงตรงป้ายที่เขียนว่าถนนรัชดาภิเษกครับ
ลงมาก็เจอ The Niche Mono กำลังสร้างอยู่ ก็ให้เลี้ยวซ้าย เพื่อไปแยกวงศ์สว่างครับ
พอเห็น The Parkland รัชดา วงศ์สว่าง แล้วก็เตรียมเลี้ยวขวาตรงแยกวงศ์สว่าง เข้าถนนกรุงเทพ – นนทบุรี
เลี้ยวขวามาแล้ว ก็ขับตรงมาจากสถานีรถไฟฟ้าวงศ์สว่าง แค่สถานีเดียวก็ถึงสถานีแยกติวานนท์แล้วครับ
Centric Tiwanon Station อยู่เลยทางขึ้นสถานีไปนิดเดียวครับ เห็นตัวตีกเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกลครับ
รอบสถานีแยกติวานนท์มีโครงการให้เลือกซื้อเลือกอยู่เพียบ ส่วนใหญ่เป็นโครงการเปิดตัวใหม่ต้องรอก่อสร้าง 2-3 ปี กว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ จะมีเฉพาะโครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่นของค่าย SC Asset เท่านั้นที่เป็นโครงการพร้อมเข้าอยู่ โดยโครงการสร้างเสร็จเมื่อประมาณกลางปี 2557
โครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น ออกแบบเป็นคอนโดไฮไรส์ 2 อาคาร ตึก A สูง 41 ชั้นและตึก B สูง 37 ชั้น มีห้องชุดรวม 1,063 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 17 ยูนิต มีพื้นที่ทั้งหมด 4-2-59.1 ไร่ ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้แยกติวานนท์และอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีแยกติวานนท์ประมาณ 100 เมตร ปัจจุบันโครงการมีห้องเหลือขายประมาณ 11% โดยส่วนใหญ่เป็นห้องฝั่งตึก A
ห้องเหลือขายมีทั้งแบบ 1 นอนและ 2 ห้องนอนเริ่มต้นที่ชั้น 10 เป็นต้นไป ทุกยูนิตมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินแบรนด์โมเดิร์น ฟอร์มและเครื่องใช้ไฟฟ้า (แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ) ครบเซ็ท โดยโครงการแบ่งแพคเกจราคาออกเป็น 3 แบบ คือ 1.ห้องตกแต่งพิเศษ เป็นห้องตกแต่งครบมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่งครบเซ็ท (ได้ครบอย่างที่เห็น) 2. ห้อง One price เป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด มีจำนวนจำกัดเพียง 8 ห้อง ราคาเริ่มต้นที่ 2.39 ล้านบาท และ 3. ห้องหลุดดาวน์ ราคาพิเศษ โปรนี้มีเฉพาะห้องแบบ 2 ห้องนอนเท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่ 4.34 ล้านบาท
ทุกยูนิตที่ขาย (ยกเว้นแพคเกจ One price) จะมีโปรโมชั่นฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนซึ่งครอบคลุมค่าธรรมเนียมการโอน เงินกองทุนส่วนกลางและค่าส่วนกลาง (1 ปี) ด้วย
ห้องไฮไลท์ของโครงการ ณ เวลานี้เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนตกแต่งพิเศษ (ได้ครบอย่างที่เห็น) คือนอกจากจะมีเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินและเครื่องใข้ไฟฟ้าให้แล้วยังมาพร้อมกับของตกแต่งอื่นๆ แบบที่เรียกได้ว่ามาแต่ตัว+กระเป๋าเสื้อผ้าก็เข้าอยู่ได้ทันที ห้องที่โครงการพาเข้าชมวันนี้คือห้องมุมชั้น 22 ของตึก A (โดยห้องแบบ 2 นอนที่นี่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นห้องมุมทุกยูนิต)
ห้องที่ว่าเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 66.59 ตารางเมตร ราคาพร้อมตกแต่งครบเซ็ตอยู่ที่ 5 ล้านนิดๆ หรือตกตารางเมตรละ 75,200 บาท เทียบราคากับพื้นที่ใช้สอยแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก การวางเลย์เอาท์ห้องก็ถือว่าลงตัวเหมาะกับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดเล็ก
โถงลิฟท์ตึก A สามารถมองทะลุหน้าต่างไปยังห้องทางตึก B ได้
เริ่มกันตั้งแต่ทางเข้าห้อง ประตูทางเข้าของที่นี่สูง 2.20 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร ที่ประตูติดตาแมวและมือจับแบบก้านโยกจาก Hafele เมื่อเปิดประตู้เข้ามาจะพบกับพื้นที่นั่งเล่นเป็นส่วนแรก ตัวห้องให้ความรู้สึกโปร่งสบายด้วยเพดานที่สูงถึง 2.6 เมตร ขณะที่พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. พื้นที่โซนนั่งเล่นตกแต่งด้วยชั้นวางทีวีและโซฟาตามแบบมาตรฐานของโครงการแต่ห้องตกแต่งพิเศษจะมีการจัดวางพรมและวางโคมไฟเพิ่มลูกเล่นให้พื้นที่ ตรงมุมของห้องนั่งเล่นมีมุมขนาดใหญ่ตรงนี้สามารถวางชั้นวางของหรือจะบิลด์อินตู้เก็บของเพิ่มก็ยังได้ บริเวณห้องยังมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับออกไปยืนรับลมชมวิวสวยๆ ด้วย
ขณะที่ห้องน้ำอยู่บริเวณทางเดินที่เชื่อมส่วนของห้องนั่งเล่นไปสู่ห้องนอนทั้งสองห้อง โครงการออกแบบห้องน้ำแบบแยกส่วนคือแยกส่วนห้องน้ำและพื้นที่อาบน้ำออกจากกันและวางอ่างล้างหน้าอะคริลิคไว้ตรงกลางระหว่างทั้งสองห้อง การออกแบบถือว่าคิดเผื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของคนหลายคนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จุดนี้ถือว่าช่วยเพิ่มความคล่องตัวของการใช้ห้องน้ำในเวลาเร่งด่วนโดยเฉพาะช่วงเช้าวันทำงานได้ดีทีเดียว ทั้งห้องน้ำและห้องอาบน้ำปูกระเบื้องพื้นกันลื่นและปูกระเบื้องเต็มผนัง สุขภัณฑ์ ก็อกน้ำและราวแขวนใช้แบรนด์ COTTO ทั้งหมด ส่วนของอาบน้ำไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นแถมให้แต่โครงการเดินไฟสำหรับรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว
ขณะที่ห้องนอนหลักก็มีห้องน้ำในตัว (สเปคสุขภัณฑ์ ก็อกน้ำและกระเบื้องตกแต่งเป็นแบบเดียวกันกับห้องน้ำโซน living แต่มีกั้นบานสไลด์แยกโซนเปียก-แห้งไว้ให้เรียบร้อย) ตัวมาสเตอร์เบดรูมตกแต่งแบบเรียบๆ ตัวห้องออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าถึงได้ด้วยการกรุกระจกบานใหญ่ ตัวกระจกเป็นแบบเข้ามุมช่วยเพิ่มความโปร่งให้ห้องและมีบานกระทุ้ง 2 บานสำหรับเปิดให้อากาศหมุนเวียนเข้ามาบ้าง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ในห้องเป็นแบบบิลด์อินมีให้ครบทั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าพร้อมชั้นวางของรวมถึงโต๊เครื่องแป้งและชั้นวางทีวีด้วย… แต่ผมว่าตู้เสื้อผ้าบิลด์อินขนาดค่อนข้างเล็กสำหรับการอยู่อาศัย 2 คน ตรงนี้น่าจะบิลด์อินตู้เสื้อผ้าให้เต็มพื้นที่ผนังเลยมากกว่า ส่วนชั้นวางของที่อยู่ตรงมุมห้องนั้นก็น่าจะย้ายมาบิลด์อินไว้ตรงด้านข้างประตูทางเข้าเพราะจะได้ใช้ประโยชน์ทั้งวางของทั่วๆ ไปและตั้งโชว์กรอบรูปหรือของตกแต่งสวยๆ เพิ่มบรรยากาศในห้องนอนได้อีก
ส่วนห้องนอนเล็กถือว่าออกแบบได้ลงตัวบิลด์อินเตียงขนาด 3.5 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างเตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊เครื่องแป้ง ขณะที่กระจกเป็นบานใหญ่ไม่เข้ามุมและให้บานกระทุ้ง 2 บานเหมือนกันกับมาสเตอร์เบดรูม
โซนครัวกั้นห้องเป็นสัดส่วนด้วยบานเลื่อนอลูมิเนียมสีขาว บริเวณห้องครัวไม่มีระเบียงแต่ติดตั้งบานกระทุ้งไว้สำหรับระบายอากาศแทน ใกล้ๆ บานกระทุ้งจะมีบานเปิดขนาดพอเหมาะสำหรับเปิดออกไปเพื่อตากผ้า โดยโครงการติดตั้งราวตากผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แต่ผมว่าคงไม่เหมาะกับการตากผ้าจำนวนมากสักเท่าไหร่ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวบิลด์อินท็อปหินสังเคราะห์สีขาวจากค่ายโมเดิร์นฟอร์มมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและฮู้ดดูดควันของ Teka และอ่างล้างจาน-ก็อกน้ำจาก Hafele ในห้องครัว ให้ครบทั้งตู้เย็น ไมโครเวฟและเครื่องซักผ้าฝาหน้าจาก Electrolux
โซนรับประทานอาหารก็อยู่บริเวณด้านหน้าของห้องครัวพอดิบพอดี โต๊ะกินข้าวถือว่าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พอดีสำหรับ 4 ที่ พื้นที่ตรงนี้ออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับโซนนั่งเล่น ซึ่งถือว่าตอบโจทย์กับการใช้งานจริงเพราะสามารถดูทีวีร่วมกับห้องนั่งเล่นได้เลย
นอกจากนี้โครงการยังพาไปชมห้องแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 31.89 ตารางเมตร ที่อยู่บนชั้น 14 ของตึก A ด้วย โดยห้องแบบ 1 ห้องนอนนี้โครงการก็มีโปรโมชั่น One price ราคาเริ่มที่ 2.39 ล้านบาทหรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 74,900 บาท (จำนวนจำกัดเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น) ส่วนห้องที่ไม่ได้ร่วมโปรโมชั่นก็จะได้สเปคเดียวกันแต่มุมอาจจะสวยกว่าและอยู่ชั้นสูงกว่า ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.6 ล้านบาทหรือตกตารางเมตรละ 81,250 บาท เข้าใจว่าที่ราคาที่โดดเว่อร์นี่ นอกจากมุมและชั้นแล้วยังมีเรื่องพื้นที่ใช้สอยของห้องมาเป็นปัจจัยสำคัญด้วยเพราะโครงการก็มีห้องหลายเลย์เอาท์ให้เลือกอยู่พอสมควรแม้จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันก็ตาม อีกอย่างคือราคาของห้องที่ไม่ใช่ One price จะรวมค่าใช้จ่ายวันโอนไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถ้าจะตัดสินใจซื้อจริงก็ต้องคำนวนดูให้ดีว่ายูนิตแบบไหนจะคุ้มค่ามากที่สุด
เข้ามาดูฟังก์ชั่นห้องกันบ้าง เลย์เอาท์ของห้องเริ่มจากโซนนั่งเล่น ส่วนนี้บิลด์อินชั้นวางทีวี ตู้ก็บรองเท้าและตู้ครอบกล่องไฟมาให้และตั้งโซฟาลอยให้ 1 ตัว ถัดจากโซนนั่งเล่นจะเป็นห้องครัวที่กันด้วยบานสไลด์ พื้นที่ค่อนข้างกว้างเพราะโครงการจับโต๊ะกินข้าวสำหรับ 2 ที่เข้ามาไว้ในห้องครัวด้วย ส่วนเคานต์เตอร์ครัวสเปคเดียวกับแบบ 2 ห้องนอน มาพร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งไมโครเวฟ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า มีบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศและช่องเปิดสำหรับยื่นมือออกไปตากผ้าได้
ส่วนห้องนอนกั้นผนังออกเป็นสัดส่วนชัดเจน บิลด์อินเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า โต๊เครื่องแป้งและชั้นวางของให้ครบ ตัวห้องนอนกรุกระจกบานใหญ่พร้อมบานกระทุ้ง 2 บาน ส่วนห้องน้ำอยู่เยื้องกับห้องนอน ตกแต่งด้วยการปูพื้นกระเบื้องกันลื่น ปูกระเบื้องผนังสีครีมจากพื้นจรดฝ้าเพดาน สุขภัณฑ์และก็อกน้ำใช้แบรนด์ของคอตโต้ มีบานสไลด์กั้นแบ่งโซนเปียกและแห้งให้เสร็จสรรพ
ห้องแบบ 1 ห้องนอนเป็นห้องแบบที่ไม่มีระเบียงเพราะเอาพื้นที่ระเบียงเข้ามาใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยจริง บวกกับรีเสิร์ชของเอสซีพบว่าเป็นพื้นที่ที่คนอยู่อาศัยไม่ค่อยได้ออกมาใช้งานสักเท่าไหร่ อีกเหตุผลหนึ่งคือ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโครงการด้วยเพราะถ้ามีระเบียงลูกบ้านก็จะตากผ้ากันที่ระเบียงก็คงไม่สวยงามเท่าไหร่ โครงการเลยทำช่องเปิดจากโซนครัวและติดตั้งราวตากผ้าไว้ให้ลูกบ้านเรียบร้อยแล้ว ส่วนใครที่กลัวว่าไม่มีระเบียงแล้วจะอึดอัดไม่ต้องกังวลไปเพราะโครงการเน้นการติดตั้งกระจกบานใหญ่ที่ช่วยให้เทควิวได้เหมือนออกไปยืนที่ระเบียงอยู่แล้ว
ส่วนกลางฟินๆ สไตล์เซ็นทริค
อีกอย่างหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่จัดเต็มให้ลูกบ้านสุดๆ เริ่มกันตั้งแต่บริเวณล็อบบี้ตัวล็อบบี้เป็นแบบโอเพ่นแอร์ตกแต่งในสไตล์เรียบหรูด้วยการปูกระเบื้องลายหินแผ่นใหญ่ มีเคาน์เตอร์สำหรับรับแขกตั้งอยู่ให้ความรู้สึกเหมือนล็อบบี้โรงแรมนิดๆ บริเวณโดยรอบก็ตั้งชุดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับแขกหรือนั่งพักคอยไว้ให้ แถมติดพัดลมสไตล์วินเทจเพื่อเพิ่มบรรยากาศและคลายร้อนให้ผู้ใช้ด้วย โถงทางขึ้นอาคาร A และอาคาร B ออกแบบเป็นสัดส่วนชัดเจนโดยกั้นบานกระจกขนาดใหญ่และควบคุมการผ่านเข้าออกด้วย Keycard Access บริเวณล็อบบี้ยังมีห้องสมุดอยู่ใกล้ๆ กับทางขึ้นตึก A ด้วย
ลานน้ำพุหน้าห้องสมุดตึก A
จากล้อบบี้เดินไปทางซ้ายจะเป็นทางขึ้นโถงลิฟท์ตึก A ด้านขวาจะเป็นโถงลิฟท์ตึก B
มาดูภายในห้องสมุดกันบ้าง
ภายในโถงลิฟต์ของแต่ละตึกติดแอร์เย็นฉ่ำ แต่ละตึกมีลิฟต์สำหรับใช้งาน 3 ตัวและเซอร์วิสลิฟต์อีก 1 ตัว โครงการใช้ลิฟต์ของมิตซูบิชิ ระบบลิฟต์เป็นแบบล็อกชั้น ลูกบ้านเข้าถึงได้แต่ชั้นที่ตนเองอยู่อาศัยและชั้นที่มีส่วนกลางสำหรับใช้ร่วมกันเท่านั้น เลยจากโถงลิฟต์ก็จะเป็นห้องจดหมาย บริเวณห้องจดหมายทางนิติบุคคลก็จัดหารถเข็นต่างๆ ไว้ให้บริการลูกบ้านสำหรับขนของจำนวนมากด้วย
ขณะที่ชั้น 6 เป็นสวนพักผ่อนของโครงการ พื้นที่ค่อนข้างใหญ่เพราะเป็น Common Area ที่ลูกบ้านทั้งสองตึกใช้ร่วมกัน มีการจัดพื้นที่สำหรับนั่งเล่นรับลมสบายๆ ไว้ให้ค่อนข้างเยอะ บริเวณนี้จะเน้นการปลูกต้นลีลาวดีและเพิ่มลูกเล่นที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายด้วยน้ำพุและทางน้ำที่ไหลด้านล่าง สำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆ วัยกำลังซนก็มีพื้นที่ที่เป็นสนามหญ้าโล่งๆ ไว้ให้วิ่งเล่นและมีหลุมทรายซี่งในอนาคตจะเอาเครื่องเล่นต่างๆ เข้ามาติดตั้งและจัดพื้นที่ให้เป็นสนามเด็กเล่นขนาดเล็กด้วย
ส่วนสระว่ายน้ำและฟิตเนส โครงการออกแบบไว้ที่ชั้นบนสุดของแต่ละตึกโดยตั้งอยู่บนชั้นที่ 41 ของตึก A และชั้นที่ 37 ของตึก B สระว่ายน้ำของที่นี่เป็น Infinity Edge Pool กว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตรและลึก 1.5 เมตร ขนาดถือว่าโอเคสำหรับคนที่เน้นออกกำลังการด้วยการว่ายน้ำ ตัวสระยังออกแบบให้มีส่วนนั่งเล่นชิลๆ สำหรับเทควิวสวยๆ จากภายในสระว่ายน้ำด้วย
ขณะที่ฟิตเนสเป็น Sky Fitness กรุกระจกใสจากพื้นถึงเพดานเพื่อให้ผู้เล่นสามารถเทควิวสวยๆ ได้ขณะออกกำลังกาย แม้ว่าขนาดของห้องฟิตเนสถือว่าเล็กไปนิดแต่ก็มีเครื่องออกกำลังการหลักๆ อย่างลู่วิ่ง จักรยานและเครื่องครอสเทรนนิ่งให้ครบ ส่วนเครื่องเทรนกล้ามเนื้ออื่นๆ ที่นี่ไม่ได้จัดไว้ให้แต่มีมุมเล็กๆ ที่มีเวทบางขนาด เสื่อและลูกบอลโยคะตั้งไว้ให้
นอกจากบนดาดฟ้าจะมีสระว่ายน้ำ ฟิตเนสและสวนดาดฟ้าแล้วก็ยังมีพื้นที่ไฮไลท์ที่เรียกว่า Sky Lounge อีกด้วย สกายเลาจ์ถือเป็นห้องเอนกประสงค์ที่เป็นไฮไลท์ของโครงการ (มีทั้งบนตึก A และตึก B) วันนี้โครงการพามาชมสกายเลาจ์บนตึก A ตัวห้องออกแบบให้โปร่ง โล่งแต่มีฉากกั้นเป็นระยะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านที่ขึ้นมาใช้บริการ ตัวห้องตกแต่งสไตล์ Modern Contemporary เน้นโทนสีน้ำตาล กรุกระจกโดยรอบและติดม่านม้วนบังแดดไว้ให้ ความพิเศษของห้องนี้อยู่ที่สามารถเทควิวได้เกือบ 360 องศา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ฟินเว่อร์ของโครงการนี้
เพดานสูงมว้ากกกครับ
เมื่อขึ้นมาชมวิวจากพื้นที่สกายเลาจ์ของตึก A จะเห็นได้ว่าโครงการไม่ติดบล็อกวิวเลยแถมยังมองเห็นวิวได้ไกลแบบสุดลูกหูลูก ตาอีกต่างหาก ตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของโครงการเลยก็ว่าได้
โครงการหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ฝั่งนี้ระยะใกล้จะเห็
วิวทางฝั่งทิศใต้เห็นสถานีแยกติวานนท์อยู่แค่เอื้อมครับ มองไกลๆเห็น Parkland ในอนาคตฝั่งนี้ก็น่าจะมีเพื่อนบ้านใหม่อย่าง Amber, Bangkok Horizon, Aspire และ The Line
ฝั่งตะวันออกก็จะเห็นพื้นที่สวนของกระทรวงสาธารณสุขครับ
ฝั่งทิศตะวันตกวิวแม่น้ำแฮะ
ฝั่งทิศเหนือมองไกลไปย่านแคราย – รัตนาธิเบศร์
จุดเด่นของโครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น อีกอย่างหนึ่งคือ การออกแบบพื้นที่ที่เรียกว่า Pocket Garden หรือสวนขนาดมินิที่อยู่บริเวณทางเชื่อมระหว่างตึก A และตึก B โดย Pocket Garden จะอยู่บริเวณทางเชื่อมของชั้นที่ 6, 12, 18, 24, 30 และ 37 (แต่บริเวณชั้น 6 ทำเป็นส่วนส่วนกลางขนาดใหญ่ ขณะที่ชั้น 37 จะเป็นสวนที่เป็นทางเชื่อมไปสู่ Facility บนดาดฟ้าของตึก B) ตัว Pocket Garden ก็ดีไซน์เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดพอประมาณและก่อพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนรับลมให้ลูกบ้าน (ลมที่นี่แรงมาก) รอบที่นั่งก็ปลูกไม้ประดับที่ดูแลไม่ยากไว้สร้างความสดชื่นให้ลูกบ้านอีกทางหนึ่ง
ความครบครันของโครงการยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะโครงการยังออกแบบ Shop หรือพื้นที่สำหรับร้านค้าไว้มากถึง 17 ยูนิต เนื่องจากพื้นที่โดยรอบโครงการที่อยู่ในระยะเดินไม่เกิน 500 เมตรค่อนข้างแห้งแม้จะเป็นย่านชุมชนและมีตึกแถวอยู่โดยรอบแต่ไม่มีร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่มีแต่ร้านขายของชำเล็กๆ ขณะเดียวกันร้านอาหารกับร้านกาแฟในละแวกดังกล่าวก็มีแค่ไม่กี่ร้านเท่านั้น จะมีก็แต่บิ๊กซี ติวานนท์ที่อยู่เลยแยกติวานนท์ไปนิดนึง ถ้าจะซื้อของกินของใช้จำนวนมากก็ถือว่าสะดวกมากแต่ถ้าจะเดินไปคงไม่สะดวกเท่าไหร่ โครงการจึงออกแบบพื้นที่เช่าไว้ ในอนาคตเชื่อว่าถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จเมื่อไหร่พื้นที่เช่าก็น่าจะมีผู้เช่าเต็มและโซนร้านค้าที่อยู่หน้าโครงการนี้ก็จะถือว่าสะดวกสบายมาก ตอนนี้ผู้เช่ารายใหญ่ของโครงการคือร้าน Family Mart ข้างในขายของครบและสะดวกมาก เร็วๆ นี้จะมีร้านซักผ้ามาเปิดให้บริการด้วย
การเดินทางเข้า-ออกโครงการสะดวกมากทั้งสำหรับคนที่ใช้รถยนต์เพราะโครงการมีที่จอดรถให้ 40% (ลานจอดรถอยู่บริเวณชั้น 2-5) แต่การจราจรถือว่าหนาแน่นพอสมควร แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะส่วนใหญ่คนที่เลือกอยู่ที่เซ็นทริค ติวานนท์ก็เป็นคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้อยู่แล้ว หลายๆ คนก็ทำงานในละแวกนี้ ส่วนคนที่ไม่ได้มีรถส่วนตัวก็เดินทางได้สะดวกเพราะมีรถเมล์หลายสายวิ่งผ่าน จะนั่งรถต่อเรือที่ท่าน้ำนนท์ฯ หรือจะไปขึ้นรถตู้จากเดอะมอลล์งามวงศ์วานก็สะดวก ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดให้บริการลูกบ้านคอนโดนี้ก็จะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
เปรียบเทียบกับโครงการข้างเคียง
ถ้าถามว่าซื้อที่นี่แล้วคุ้มค่าไหม? ขอให้ลองคิดถึง 3 เรื่องหลักๆ เรื่องแรกคือทำเล นอกจากโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่แล้วก็ยังอยู่ในระยะเดินจากสถานีรถไฟฟ้าแยกติวานนท์ชนิดที่เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโครงการแล้ว เรื่องที่ 2 คือโปรดักส์ดีไซน์ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จแล้ว มีลูกบ้านเข้าอยู่ เริ่มเห็นสังคมและพื้นที่การอยู่อาศัยจริง สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการก็ครบครัน มีร้านสะดวกซื้อและร้านค้าต่างๆ รองรับความต้องการเชิงไลฟ์สไตล์อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าชอบฟังก์ชั่นห้องของที่นี่ก็เชียร์ให้ซื้อเต็มที่
เรื่องสุดท้ายคือราคาที่เมื่อเทียบกับโครงการข้างเคียงแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะที่เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น ราคาต่อตารางเมตรจะอยู่ประมาณ 75,000-80,000 นิดๆ เท่านั้น ราคานี้อย่าลืมว่ารวมเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินครบเซ็ทและเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหลายรายการแล้ว ขณะที่โครงการข้างเคียงอย่างศุภาลัย วิสต้า แยกติวานนท์ ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง ยูนิตที่เหลือขายตอนนี้มีแค่ 2 ยูนิตแม้ราคาต่อตารางเมตรจะถูกกว่าเฉลี่ยตารางเมตรละ 51,000-58,000 บาทตามสไตล์ศุภาลัย แต่ราคานี้เป็นราคาของห้องเปล่านะครับ
ขณะที่โครงการบางกอก ฮอไรซอน ติวานนท์ ของค่ายเจ้าพระยามหานคร ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเช่นเดียวกันก็ยูนิตเหลือขายเฉพาะแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 69 ตารางเมตรเท่านั้น ส่วนราคาขายอยู่ที่7 ล้านบาทต่อยูนิตหรือตกตารางเมตรละแสนนิดๆ แล้ว
ส่วนโครงการเปิดตัวใหม่ละแวกนี้ก็มี แอมเบอร์ ของบริษัทอีสเทิร์นสตาร์ ที่อยู่บริเวณตัวสถานีรถไฟฟ้าแยกติวานนท์เลย โครงการนี้เป็นไฮไรส์ตกแต่งครบพร้อมเข้าอยู่ก็จริง แต่ราคาขายก็ถือว่าล้ำกว่าเซ็นทริคไปมาก เพราะห้องแบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร ราคาโปรโมชั่นอยู่ที่ 2.49 ล้านบาทแล้ว ส่วนราคาเต็มก็สตาร์ทที่ 2.79 ล้านบาท (เฉลี่ยตารางเมตรละประมาณ 71,000-79,000 บาท) ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอน ให้พื้นที่ 55 ตารางเมตร ราคาเริ่มที่ 4.3 ล้านบาท (ตกตารางเมตรละ 78,000 บาท)
ถัดไปยังสถานีกระทรวงสาธารณสุขมีโครงการเปิดตัวใหม่อีกโครงการหนึ่งคือ The Posh 12 ของบริษัท แปซิฟิค สตาร์ ประเทศไทย จำกัดหลังจากเปิดพรีเซลล์ขายให้กลุ่มลูกค้าเก่ากับลูกค้าขาประจำของโบรกเกอร์อย่างซีบีริชาร์ดและเซ็นจูรี่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้วก็หยุดการขายชั่วคราวเพื่อปรับสเปคห้องใหม่เตรียมเปิดขายรอบแกรนด์โอเพ่นนิ่งอีกครั้งปลายปีนี้เหตุผลหลักก็มาจากขอดูแนวโน้มความชัดเจนของการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีกที สำหรับราคาขายโครงการนี้เฉลี่ยแล้วจะสตาร์ทที่ 80,000 บาทต่อตารางเมตร
ส่วนโครงการที่เซลล์บอกว่าลูกค้ามักจะเปรียบเทียบด้วยมากที่สุดเห็นทีจะหนีไม่พ้นโครงการเดอะ พาร์คแลนด์ รัชดา วงศ์สว่างของค่ายนารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ตัวโครงการตั้งอยู่ตรงแยกวงศ์สว่างและติดรถไฟฟ้าสถานีวงศ์สว่างเลย ทำเลถือว่าได้เปรียบโครงการเซ็นทริคอยู่นิดหน่อยเพราะยังอยู่ในเขตการบริหารของ กทม. ทั้งยังเป็นโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จไปหมาดๆ กำลังทยอยโอน ตัวโครงการปิดการขายไปนานแล้ว ถ้าใครสนใจก็ต้องรอซื้อยูนิตหลุดดาวน์หรือไม่ก็ยูนิตรีเซลเอา เท่าที่เห็นราคาขายห้องรีเซลตอนนี้ก็สตาร์ทที่ 90,000 บาทต่อตารางเมตรอัพ
โดยรวมแล้วถ้าดูในแง่ราคาโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่อย่างเซ็นทริคก็ถือว่าสูสีกับคู่แข่งที่อยู่รอบๆ แถมตอนนี้โครงการยังจัด โปรโมชั่นให้ลูกค้าด้วย ได้แก่
1) โปรจอง 999 บาททุกยูนิต
2) โปร One Price ห้องราคาเดียว 2.39 ล้านบาท สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน 31 ตารางเมตร (จำกัดเพียง 8 ห้องเท่านั้น) สำหรับคนที่ซื้อห้องชุดโดยใช้โปรนี้จะไม่ได้รับโปรฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนที่ประกอบด้วย 1) ค่าธรรมเนียมการโอน 2) เงินกองทุนส่วนกลางหรือ Sinking fund500 บาท/ตร.ม. และ3) ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน (1 ปี)
3) โปรสำหรับ 2 ห้องนอนทั้งห้องตกแต่งพิเศษและห้องทั่วไป มีส่วนลดพิเศษให้อยู่แล้ว (ตามที่โครงการกำหนด) แต่ที่ได้แน่ๆ คือโปรฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน (ค่าธรรมเนียมการโอน ค่ากองทุนส่วนกลางและค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 1ปี)
สรุปสุดท้ายจริงๆ ขอบอกเลยว่าถ้าจะซื้ออยู่เองนี่ถือว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มเพราะส่วนกลางจัดเต็มมาก ฟังก์ชั่นห้องก็โอเคตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ ส่วนใครคิดจะซื้อลงทุนปล่อยเช่าก็ดีเพราะทำเลเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งงานทั้งกระทรวงสาธาณสุข ศูนย์ราชการเมืองนนท์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯลฯ แถมทำเลยังติดรถไฟฟ้าที่มีกำหนดเปิดใช้เร็วๆ นี้ด้วย คงดึงดูดผู้เช่าได้พอสมควร ปัจจุบันอัตราค่าเช่าสำหรับห้อง 31 ตารางเมตรขั้นต่ำอยู่ที่ 12,000 บาท/เดือน แต่ถ้าใครกะซื้อลงทุนขายต่อ ตอนนี้ไม่แนะนำเพราะราคาไปไกลมากแล้วถ้าเทียบกับตอนเปิดตัว ตอนเปิดตัวราคาห้อง 1 นอน (ชั้น 6) เริ่มที่ 1.89 ล้าน แต่ราคาเริ่มต้นสำหรับ 1 นอน (ชั้น 14) ตอนนี้ก็อยู่ที่ 2.39 แล้ว ดังนั้นคงทำกำไรจากการขายต่อระยะสั้นได้ไม่มากสักเท่าไหร่ ต้องรอสักโอนไปแล้วสักพักครับ
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
ที่ดินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหนึ่งที่เป็นแรงผลักราคาอย่างมีนัยสำคัญคงหนีไม่พ้นโปรเจครถไฟฟ้าสารพัดสี เพราะแค่เกริ่นถึงโปรเจคราคาที่ดินทำเลนั้นๆ ก็ทยอยปรับขึ้น
PROPSCORE™
3.1
0
0 รีวิว
รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
Ultra - Luxury Real Estate ที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ในแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร คือหนึ่งใน Top Collectible Asset List ที่กลุ่มลูกค้า HNWI ทั่วโลกนิยมซื้อสะสม ไม่แพ้ Asset ประเภทอื่นครับ อ่านต่อ
14 May, 2025
RASA ONE พลิกโฉมครั้งสำคัญ สู่อาคารสำนักงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานยุคใหม่ ด้วยแนวคิด Workplace redefined
เผยชื่อพร้อมราคาแล้ว! WIDEN by Sansiri คอนโดใหม่ เลี้ยงสัตว์ได้ แห่งแรกบนถนนนางลิ้นจี่ จากแสนสิริ และ บริษัท โตคิว ดีเวลลอปเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด
IRA Residences Ngamwongwan เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในทุกมิติ แห่งแรกในย่านงามวงศ์วานจาก NYE ESTATE
ค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ ผ่านประสบการณ์แห่งมิติสีสันล้ำอนาคต ไปกับ “Nippon Paint Thematic Pavilion : The Future City” ที่งานสถาปนิก’68
ออริจิ้น เวอร์ติเคิล อัดโปรโมชัน “Hello ดีลเด็ด” รับส่วนลดสูงสุด 3 ล้านบาท* อยู่ฟรี! นาน 2 ปี* ลงทะเบียนรับส่วนลดเพิ่มอีก 100,000 บาท* กับ 34 โครงการคอนโดฯ พร้อมอยู่ ตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 2568