ทีมงาน Propholic.com มีความเห็นว่าในขณะที่คนอสังหาหลายคนยังจับตาจีน รัสเซียในฐานะผู้ซื้ออสังหาต่างชาติรายใหญ่ของไทย มีอีกประเทศหนึ่งที่กำลังขยับขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ แต่น่าใส่ใจมากขึ้นทุกปีนั่นคือ “เวียดนาม”

และที่สำคัญ การเติบโตนี้ไม่ได้เกิดจากกระแสชั่วคราว แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของแรงงานและเศรษฐกิจเวียดนามที่กำลังผลักดันให้ผู้คนรุ่นใหม่มองไทยเป็นจุดหมายในการอยู่อาศัยและลงทุนมากขึ้นกว่าเดิม

จากความสามารถภาษาอังกฤษสู่กำลังซื้อที่แข็งแรงขึ้น

รายงานล่าสุดของ EF Education First ระบุว่าเวียดนามเลื่อนขึ้นสู่ระดับ “Moderate Proficiency” พร้อมค่าเฉลี่ยที่สูงกว่ามาตรฐานโลก แรงงานรุ่นใหม่อายุ 26–30 ปีเป็นกลุ่มที่มีคะแนนสูงที่สุด

สะท้อนว่ากำลังแรงงานเวียดนามที่เข้าสู่ตลาดในวันนี้มีความพร้อมทั้งภาษาอังกฤษ ความรู้ดิจิทัล และโอกาสเข้าถึงงานรายได้ดีในบริษัทต่างชาติและอุตสาหกรรมเทคมากกว่ารุ่นก่อน

เมื่อรายได้สูงขึ้น การเคลื่อนย้ายข้ามประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และไทยคือหนึ่งในประเทศที่พวกเขามองว่า “อยู่ได้จริง ใช้ชีวิตง่าย และน่าลงทุน”

ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มแรงงานเวียดนามทักษะสูงเริ่มเข้ามาทำงานในบริษัทเทค สตาร์ทอัป โลจิสติกส์ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง และองค์กรข้ามชาติในกรุงเทพฯ และอีอีซีมากขึ้น คนกลุ่มนี้มีรายได้ระดับกลาง–สูง สามารถซื้อคอนโดราคา 2–5 ล้านบาทได้อย่างไม่ลำบาก

และพวกเขาไม่ได้อยู่แค่ชั่วคราว แต่ต้องการวางรากฐานของชีวิตในไทย

ทำเลที่แรงงานเวียดนามชอบ ไม่ต่างจาก expat คุณภาพสูงทั่วโลก

ข้อมูลภาคสนามชี้ว่าแรงงานทักษะสูงชาวเวียดนามเลือกอยู่ในโซนที่มีคุณภาพชีวิตดี มีการเดินทางสะดวก และมีไลฟ์สไตล์ที่คล้ายกับฮานอยหรือโฮจิมินห์:

สุขุมวิท ที่รายล้อมด้วยออฟฟิศ ร้านอาหารนานาชาติ และชุมชน expat

สาทร/สีลม ศูนย์กลางซีบีดีที่เต็มไปด้วยบริษัทข้ามชาติ

อารีย์–พหลโยธิน โซนใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่มีเสน่ห์ทางไลฟ์สไตล์แต่ราคาไม่แรงเท่าย่านพรีเมียม

ทำเลเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตแบบมืออาชีพระดับสากล ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมของคนเวียดนามรุ่นใหม่ที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตเมื่อก้าวออกจากบ้านเกิด

นักลงทุนเวียดนามเองก็เริ่มมองไทยอย่างจริงจัง

ไม่ใช่แค่แรงงาน แต่ “นักลงทุนรายย่อยและรายกลาง” ของเวียดนามก็เริ่มสนใจตลาดไทยมากขึ้น ช่อง YouTube “Bất Động Sản Thái Lan” ซึ่งเป็นช่องที่ทำคอนเทนต์อสังหาไทยโดยตรงให้คนเวียดนาม มียอดผู้ชมเพิ่มขึ้นเร็วมากในปีที่ผ่านมา (ปี 2025 มียอดผู้ติดตาม 16200 ราย) และพฤติกรรมผู้ชมสะท้อนมุมมองสำคัญหลายประการ

หนึ่ง คือ นักลงทุนเวียดนามมองว่าคอนโดไทยเป็นสินทรัพย์ต่างประเทศที่ซื้อได้จริงตามกฎหมายเพราะระบบ Freehold 49% ทำให้รู้สึกมั่นคงและโปร่งใส

สอง คือ พวกเขามีความสนใจในสินค้าระดับพรีเมียมมากกว่าที่หลายคนคาดเห็นได้จากยอดชมสูงสุดคือทัวร์เพนท์เฮาส์ราคา 300 ล้านบาทในกรุงเทพฯ

สาม คือ ความต้องการข้อมูลเชิงลึก เช่น ขั้นตอนการซื้อขาย กฎหมายการโอนเงิน และวิธีปล่อยเช่า สะท้อนว่านี่ไม่ใช่ความสนใจแบบผิวเผิน แต่เป็นกลุ่มที่ “กำลังศึกษาเพื่อซื้อจริง”

กล่าวได้ว่าตลาดผู้ซื้อชาวเวียดนามวันนี้มีทั้งนักลงทุนกำลังซื้อสูง และแรงงานทักษะสูงที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อใช้ชีวิตจริงในไทย

ไทยคือ Luxury ที่เอื้อมถึงได้สำหรับคนเวียดนาม

ในมุมของนักลงทุนเวียดนาม อสังหาไทยคือความหรูหราที่จับต้องได้ง่ายกว่าหลายประเทศ

ถ้าเทียบราคาคอนโดในโฮจิมินห์หรือฮานอยที่พุ่งสูงขึ้นไปทุกปี คอนโดไทย โดยเฉพาะในทำเลระดับโลกอย่างสุขุมวิท สาทร หรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา กลับดูคุ้มค่าอย่างมากทั้งด้านราคา ขนาดห้อง และคุณภาพงานออกแบบ

สำหรับคนเวียดนามจำนวนไม่น้อย ไทยจึงเป็นภาพผสมระหว่างคุณภาพชีวิตที่ดี การเดินทางสะดวก อาหารอร่อย ความใกล้เคียงทางวัฒนธรรม และราคาที่สมเหตุสมผล

นี่คือเวลาที่ developer อสังหาฯ ไทยควรเริ่มจับตาตลาดเวียดนามมากขึ้น

เมื่อพิจารณาทุกปัจจัยร่วมกัน ทักษะแรงงานที่พัฒนาขึ้น รายได้ที่สูงขึ้น กระแสแรงงานทักษะสูงย้ายมาทำงานในไทย ทำเลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมนักลงทุนที่กำลังศึกษาอย่างจริงจัง จะเห็นชัดว่าตลาดเวียดนามกำลัง “ก่อตัวแบบเงียบ ๆ แต่มั่นคง”

วันนี้อาจยังไม่ใช่ตลาดใหญ่เท่าจีน แต่กำลังเป็นตลาดที่มีสัญญาณเติบโต และมีคุณภาพของผู้ซื้อที่น่าสนใจอย่างมากทั้งในเชิงกำลังซื้อและความต่อเนื่องของดีมานด์

สำหรับนักพัฒนาโครงการและทีมขาย วันนี้จึงเป็นเวลาเหมาะที่สุดในการเริ่มสร้าง Brand Presence กับตลาดเวียดนาม เพราะเมื่อความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนที่ลงมือก่อนจะได้เปรียบมหาศาล

ชอบบทความแบบนี้ ฝากกดติดตาม Propholic.com และชวนเพื่อนๆ มาร่วมชุมชนนี้เพิ่ม