หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตในโลกของการทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมงในแต่ละวัน เชื่อว่าเมื่อเหนื่อยล้าจากการทำงาน และการประชุมที่เคร่งเครียด ก็อยากที่จะเดินทางถึงที่พักใกล้ๆที่ทำงาน เพื่อเอนกายพักความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาทั้งวัน กับใช้เวลาที่เหลืออย่างมีคุณภาพกับครอบครัวที่แสนพิเศษ แต่การจะเลือกที่พักท่ามกลางย่าน CBD ก็มีแต่อาคารสำนักงานที่หนาแน่น และวุ่นวาย ดูจะไม่ใช่ที่สำหรับการพักผ่อนในฝันของใครอีกหลายคน คงจะดีไม่น้อยหากเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ท่ามกลางธรรมชาติ และสวนขนาดใหญ่ โดยที่ยังสามารถเดินทางไปทำงานได้เพียงแค่ชั่วอึดใจ

ในท่ามกลางย่าน CBD อย่างสีลมสาทร ยังมีพื้นที่หนึ่ง ที่เป็นย่าน Residential area ที่มีคุณภาพ ซ่อนตัวอยู่ไม่ห่างจากศูนย์กลางทางธุรกิจแห่งนี้  … ย่านถนนนางลิ้นจี่ – พระราม 3 ถือว่าเป็นย่านเก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่มีทุนเดิมของพื้นที่ คือ การเป็นย่านที่อยู่อาศัยคุณภาพดี มีสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่น สมบูรณ์ แต่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นชิน หรือนึกทำเลแถวนี้ไม่ค่อยออก ถนนนางลิ้นจี่ คือถนนที่เชื่อมถนนสาทรใต้ และถนนพระราม 3 เข้าด้วยกัน นั่นก็คือพื้นที่ใจกลางที่รายล้อมด้วยถนนเส้นหลักอย่าง ถนนนราธิวาส ถนนสาทร ถนนพระราม 3 และ ถนนพระราม 4 ทำให้สามารถเดินทางสู่ถนนหลักไปยังที่ต่างๆได้ง่าย และรวดเร็วในการเดินทางออกนอกเมืองด้วยทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 นอกจากนี้ยังรายล้อมด้วย neighborhood facilities ที่พร้อมใช้งานทั้ง Top Supermarket ,Central Rama III, Tesco Lotus, De Forest Community mall , The Up Rama 3, Crescent International school, Garden International school, โรงเรียนอนุบาลบ้านสานฝัน, โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน, โรงพยาบาล BNH และยังเป็นที่ตั้งของ สถานฑูตออสเตรีย เดนมาร์ค ฯลฯ ที่ตั้งเรียงราย สามารถเดินทางได้จากซอยลัดต่างๆอย่างสะดวก

รวมทั้งเป็นย่านที่พักอาศัยของผู้ดีเก่า เรียกได้ว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยลำดับแรกๆของย่านสาทร เลยก็ว่าได้ แต่ด้วยทำเลที่ไม่ได้ติดรถไฟฟ้า ทำให้การพัฒนาของคอนโดขนาดใหญ่ ไม่ค่อยมี และที่สำคัญที่ดินว่างเพื่อพัฒนาในพื้นที่นี้มีจำกัด ทำให้ส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาอพาร์ทเมนต์ หรือโครงการบ้านที่พักอาศัยตามความต้องการของคนละแวกนี้ ที่เป็นคนติดถิ่น อยู่อาศัยกันเป็นครอบครัว… จึงทำให้ย่านนี้ยังคงความเป็นย่านที่พักอาศัยทุกภาพดีที่สั่งสมจากอดีตสู่ปัจจุบัน หลายๆดีเวลลอปเปอร์จึงเลือกที่จะพัฒนาโครงการคอนโดที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบเป็นครอบครัว เน้นห้องที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อรองรับให้กับทุกๆคนในครอบครัว

โครงการ  Supreme Legend (สุพรีม เลเจ้นด์) เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพ ที่จะทำให้คุณได้ใช้ชีวิตการพักผ่อนแบบเงียบสงบ บนพื้นที่กว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยให้กับทุกคนในครอบครัวอย่างปลอดภัย มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ที่จอดรถที่เพียงพอ และรายล้อมด้วยธรรมชาติดั้งเดิม  ที่สำคัญยังสามารถเดินทางสู่ใจกลาง CBD ได้รวดเร็ว

จากโจทย์ของการสร้างคอนโดที่มุ่งตอบสนองความต้องการการอยู่อาศัยแบบเป็นครอบครัว ถูกถอดรหัสออกมาเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และมีจำนวนยูนิตไม่ค่อยเยอะ ผสานสิ่งแวดล้อมดั้งเดิมเชื่อมโยงกับสวนขนาดใหญ่ โดยที่มีการออกแบบที่คำนึงถึงอนาคตของผู้อยู่อาศัย

โครงการ Supreme Legend ถูกพัฒนาขึ้นโดย  บริษัท สุพรีม ทีม จำกัด ที่มีแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพใจกลางกรุงเทพฯ ตาม concept ของทางบริษัทฯ คือ Good quality living with convenient location จึงถือว่า บริษัท สุพรีม ทีม จำกัด เป็นดีเวลลอปเปอร์ท้องถิ่น ที่มีความชำนาญในพื้นที่ย่านเย็นอากาศ พระราม 3 นางลิ้นจี่ เป็นอย่างมาก และโครงการทั้งหมดของ บริษัท สุพรีม ทีม จำกัด ก็อยู่ในพื้นที่นี้ ทั้ง Parco Condo ย่านนางลิ้นจี่ , S Concept Townhouse ย่านพระรามสาม, และ Supreme Garden คอนโดโลว์ไรส์ ย่านเย็นอากาศ จึงเป็น Local Developer ที่มุ่งมั่นอยากพัฒนาคุณภาพชีวิตทื่ยั่งยืนใจกลางเมือง ด้วยความเข้าใจพื้นที่อย่างแท้จริง

โครงการ Parco Condo

ภายใต้แบรนด์คอนเซปท์ “Endless Legacy” โครงการ Supreme Legend เปรียบดั่งการส่งต่อความสุขที่ยั่งยืนไปจากรุ่นสู่รุ่น ความสุขที่ยั่งยืน คือชีวิตที่ดีคือ องค์ประกอบของการมีความรัก การเติบโตกลางธรรมชาติที่ รื่นรมย์แวดล้อม ด้วยวิถีมุมมอง ที่เจียระไนจนบริสุทธิ์งดงาม โดยบริษัท สุพรีม ทีม

ในส่วนของงานดีไซน์ มาจากความต้องการให้โครงการมีความร่มเย็น และเชื่อมต่อกับธรรมชาติแม้จะอยู่ในใจกลางเมือง ดังนั้นผู้ออกแบบจึงได้กำหนดนิยามของโครงการให้เป็น “Shade of Living”: you can feel the presence of the big tree in every bit of space – ที่ไม่ว่าจะอยู่ในมุมไหนของโครงการก็ยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่

รวมไปถึงต้นไม้เดิมในพื้นที่โครงการก็เป็น Inspiration และเป็นส่วนสําคัญของการออกแบบโครงการ ทางโครงการให้ความสําคัญกับต้นไม้เดิมในพื้นที่โครงการ โดยให้นําต้นไม้เดิมมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบโครงการด้วย

โดยต้นไม้เดิมนั้นได้แก่ ต้นไทร ต้นโพธิ์ ต้นไม้เดิมเหล่านี้และความเป็นธรรมชาติ ความเป็นต้นไม้ใหญ่จะสอดแทรกอยู่ในทุกพื้นที่ของโครงการไม่ว่าจะเป็นงานสถาปัตย์ การตกแต่งภายใน วัสดุที่ใช้ สวนแบบ Urban Garden พื้นที่สีเขียว หรือระเบียง

นอกจากการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นธรรมชาติและต้นไม้เดิมในพื้นที่แล้วและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ โครงการยังคำนึงถึงการอยู่อาศัย ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงามในปัจจุบัน แต่รวมไปถึงการดูแลและการใช้งานในอนาคตสําหรับลูกบ้าน ทั้งการคัดเลือกวัสดุที่มีคุณภาพนำมาใช้ในโครงการ เช่น ไฟในอาคารใช้ ระบบ LED ทั้งหมด, ระบบปรับอากาศแบบ VRF, ไฟส่วนกลาง support โดยแผงโซล่า หรือระบบ Electronic door lock แบบ Hands-free entry ที่สามารถเปิดประตูได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจหรือคีย์การ์ดขึ้นมาให้ยุ่งยาก

โครงการยังให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว โดยการวางรูปแบบอาคารเป็น อาคาร Low rise 7 ชั้น 2 อาคาร ทั้งสองอาคารเชื่อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง และสวนต้นไม้ใหญ่ จำนวนยูนิตรวมเพียง 71 ยูนิต พร้อมที่จอดรถ 178% แบบ fix สําหรับทุกยูนิต บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ ทำให้แต่ละชั้นมีจำนวนยูนิตน้อย เพื่อความเป็นส่วนตัวที่เหมือนบ้าน และยังเน้นการออกแบบให้แต่ละยูนิตมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ เริ่มต้นที่ 121 ตารางเมตร เน้นห้องหน้ากว้างถึง 14-15 เมตร สูง 2.65 เมตร ทำให้ทุกๆพื้นที่ในห้องโปร่ง โล่ง สามารถรับแสง ลม เกิดการหมุนเวียนของอากาศภายในยูนิต ด้วย ประตูบานหน้าแบบสองชั้น โดยบานหน้าเป็นบานโปร่ง และเชื่อมโยงธรรมชาติ อย่างต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ที่ยังเก็บและออกแบบให้เป็นสวนที่ร่มรื่นส่วนหนึ่งของโครงการแบบ Urban Garden พร้อมสิ่งอํานวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ํา ฟิตเนส ให้ลูกบ้านได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างมีคุณภาพบน Luxury Condominium ที่เข้าใจและคำนึงถึง Lifestyle ของผู้อยู่อาศัยจริงๆ

ตัวอาคารทั้ง 2 อาคาร มีรูปแบบห้อง จำนวนห้องที่ต่างกัน โดยมีรูปแบบห้องคือ 2 Bedrooms ขนาด 121-157 Sq.m. , 3 Bedrooms ขนาด 301 Sq.m. และ 3 Bedrooms Duplex ขนาด 208 Sq.m.

โดย Building A เน้น Standard Type 2

ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 130 Sq.m. มีห้อง 6 ยูนิตต่อชั้น

ส่วน Building B มีชั้นละ 8 ห้อง มีทั้งห้อง 3 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แบบ Typical และแบบห้องหัวมุม ขนาด 131 Sq.m. ซึ่งเป็นห้องตัวอย่างที่ทางโครงการตกแต่งให้ชม

การออกแบบห้องอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Supreme Legend เน้นห้องหน้ากว้าง จึงทำให้ทุกห้องใกล้ชิดธรรมชาติ และนำธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ อย่างการใช้พื้นหน้าไม้ White Oak จากประตูทางเข้ามีโถงทางเดินยาวแบ่งพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนและพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องครัว ห้องนั่งเล่น

สุดทางเดินด้านขวา เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่สำหรับทุกคนในครอบครัว เป็นพื้นที่กลางในการพักผ่อนร่วมกัน ไม่ว่าจะทานข้าว นั่งดูทีวี หรือเอนหลังพักผ่อน ก็สามารถเปิดประตูริมระเบียงรับแสงลมจากธรรมชาติได้โดยรอบ

หรือหาโต๊ะ Out door ไปตั้งที่ระเบียง ไว้นั่งสูดอากาศ จิบกาแฟยามเช้า ท่ามกลางสวนและต้นไม้ พื้นที่ระเบียงก็กว้างเพียงพอ

ถัดออกมาเป็นพื้นที่ครัว ที่ออกแบบให้ส่วนทำครัว เป็นครัวปิด มาพร้อม Furniture ครัว Built-in เชื่อมต่อที่ระเบียงครัว ช่วยในการระบายอากาศเวลาทำครัวได้

และยังมีเคาท์เตอร์บาร์ ที่ด้านหน้าทางเข้าครัว เชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น สำหรับชงเครื่องดื่ม หรือปรุงอาหารเบาๆ

โถงทางเดินเชื่อมยาวจากห้องนั่งเล่น ผ่านห้องครัว ไปยังปีกซ้ายของห้อง ที่เป็นส่วนของ Bedroom และ Master Bedroom

ห้องนอนแรก ด้านหน้าทางเข้ามีห้องน้ำ แบ่งส่วนเปียกและแห้ง สำหรับใช้ทั้งห้องนอนและพื้นที่ห้องนั่งเล่น

ส่วนห้องนอน มีหน้าต่างบานใหญ่นำแสงมาด้านนอกส่องเข้ามาทั่วพื้นที่ห้อง และน่าจะนอนชมวิวยามค่ำคืนได้แบบเต็มอิ่ม

ส่วนห้องนอนใหญ่ มีระเบียงห้องให้เปิดประตูรับลมเย็นๆ หรือนอนดูวิวผ่านประตูกระจกเต็มบาน

ออกแบบพื้นที่แต่งตัวเชื่อมกับห้องน้ำภายในห้อง ทำให้เกิดการใช้งานพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน

และที่ชั้น 2 ของตึก A ก็มี facility อย่าง สระว่ายน้ำ Sauna & Steam Fitness ไว้ให้บริการแบบครบวงจร

Supreme Legend มีราคาขาย เริ่มต้นที่ 14,900,000 บาท หรือประมาณตรม.ละ 120,000 บาท เมื่อคิดเป็นราคาต่อยูนิตแล้วอาจจะดูค่อนข้างแพง เพราะเป็นห้องขนาดใหญ่ แต่หากลองคิดเปรียบเทียบดูกับการหาซื้อบ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮมที่อยู่ในย่านนี้ ที่หากมีขายก็น่าจะเป็นราคาที่แพงพอสมควร การมองหาตัวเลือกอย่าง คอนโดสไตล์บ้านที่เน้นคุณภาพของการอยู่อาศัย ก็ดูแล้วน่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

เพราะนอกจากมีต้นทุนเป็นทำเลที่อยู่อาศัยคุณภาพกลางเมืองที่เดินทางสะดวกสบายแล้ว การจัดแปลนห้องยังถือว่าเป็นการแบ่งพื้นที่พักผ่อนแยกเป็นสัดส่วน ไม่ปะปน เหมือนเราอยู่บ้านที่แบ่งพื้นที่ห้องนอนอยู่ในพื้นที่ที่ Private และพื้นที่นั่งเล่น ครัว เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน หรือสำหรับรับแขกที่มาเยือน ประกอบกับการที่ทุกพื้นที่ในห้อง มีระเบียงห้อง ประตูหน้าต่างบานใหญ่ เปิดรับลม รับแสง ยิ่งทำให้เหมือนการอยู่บ้าน และเป็นบ้านที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ทั้งชีวิตที่ดีในการเดินทางและการอยู่อาศัยตาม Concept ของบริษัทฯ ที่ว่า Good quality living with convenient location

ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูล และสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ http://supremelegendcondo.com

หรือโทร 02-679-8128

สำนักงานขายตั้งอยู่ที่ซอยเย็นอากาศนะครับ