ทำเลสุขุมวิทตอนต้น อย่างบริเวณสถานี บีทีเอสนานา นั้น ถูกยอมรับว่าเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ ทั้งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ยามค่ำคืน และเหล่าบรรดา expat ที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯมาหลายสิบปีแล้วครับ ด้วยการที่ย่านนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก และมีเส้นทางลัดเลาะเชื่อมต่อไปได้หลายทาง จึงก่อให้เกิด Landmark ที่น่าสนใจในบริเวณใกล้เคียงนี้หลายแห่งครับ ไม่ว่าจะเป็น ช้อปปิ้งมอลล์ อย่าง Terminal 21, ไลฟ์สไตล์มอลล์เก่าแก่ จุดกำเนิดของเทรนด์เกาหลีอย่าง Korean Town, ร้านอาหาร ผับ บาร์ชื่อดังระดับโลก, โรงพยาบาล, สถาบันการศึกษา, อาคารสำนักงาน หรือแม้กระทั่งสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนชูวิทย์ สวนเบญจกิตติ และสวนเบญจศิริ

นอกจากนี้ย่านนานายังตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง Shopping District ชั้นนำของโลกถึง 2 แห่งได้แก่ Ploenchit City โครงการมูลค่า 50,000 ล้านบาท ที่เกิดจากความร่วมมือกันของผู้ประกอบการย่านเพลินจิตนำโดยกลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มนายเลิศ กลุ่มโนเบิล และแบงค์กรุงศรี ส่วนอีกแห่งนึงที่กำลังอยู่ในกระแส The World Extraordinaire ก็คือ The Em District นั้นเองครับ

คอนโดไฮด์ สุขุมวิท 11 (Hyde Sukhumvit 11) เป็นคอนโดใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในช่วงต้นปี 2558 ที่ผ่านมาครับ โดยบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ดีเวลลอปเปอร์โรงแรมแบรนด์ดังไฮเอนด์ อย่าง ไฮแอท รีเจนซี กรุงเทพฯ, เชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า, โรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา, เดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท (ซึ่งปัจจุบันนี้บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ก็ได้ควบรวมกิจการกับบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)

ภายใต้พื้นที่โครงการขนาด 2-1-58 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 ตึก 478 ยูนิต (มี Retail shop 2 ยูนิต) ที่จอดรถ 276 คัน:

ตึก A สูง 39 ชั้น (ชั้น 2-36 เป็นยูนิตพักอาศัย และชั้น 37 เป็นพื้นที่ส่วนกลางพร้อมห้อง Duplex Penthouse Villa ชั้น 38 เป็นสระว่ายน้ำ และชั้น 39 เป็นฟิตเนส)

ส่วนตึก B สูง 9 ชั้น (ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น เป็นที่จอดรถแบบวนจอด ชั้น 2-7 เป็น Automatic Parking และชั้น 8-9 เป็นยูนิตพักอาศัย)

ตึก A (453 ยูนิต) มี Unit Type ดังนี้

Studio            27-28 ตรม.

1 Bedroom    33-34.5 ตรม.

2 Bedroom    53-63 ตรม.

3 Bedroom    85-88 ตรม.

Duplex           60 ตรม.

Penthouse     132-160 ตรม.

ตึก B (23 ยูนิต และ Retail Shop 2 ยูนิต) มี Unit Type ดังนี้

Studio             26 ตรม.

1 Bedroom     34-38.5 ตรม.

Retail Shop   95-150 ตรม.

ในแง่ของการออกแบบ ไฮด์ สุขุมวิท 11 ออกแบบโดยบริษัท A49 ที่มีผลงานคอนโดแบรนด์ดังในกรุงเทพฯมากมาย โดยตัวโครงการ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรูปทรงของโครงสร้างผลึกคริสตัล (Crystal Shape) สังเกตุได้จากส่วนยอดแหลม 9 ยอดของตึก ที่เน้นเหลี่ยมมุม และการตกกระทบของแสง อันมีเอกลักษณ์ เมื่อผสานกับลวดลาย facade ที่เป็นอลูมิเนียมคอมโพสิทสีเงิน พร้อมซ่อนไฟ และกระจกที่สูงจากพื้นสู่ฝ้าของแต่ละห้องแล้ว ยิ่งทำให้ ไฮด์ สุขุมวิท 11 ดูโดดเด่นกว่าตึกใดๆในย่านนานาครับ

โครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งมีระยะห่างจากบีทีเอสนานาประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เดินไม่ไกลเลยสำหรับย่านที่รายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ผับ บาร์ ครับ เรียกได้ว่าจะกลับคอนโดเวลาไหนก็มีคนเดินเป็นเพื่อนตลอดสองข้างทางครับ

ลงบีทีเอสนานา แล้วก็ออกทางออก 3 ครับ

ซอยสุขุมวิท 11 เดินลงมาก็เจอเป็นซอยแรกเลยครับ เป็นซอยที่คึกคักมาก รถสวนกันได้ และเป็นทางลัดออกได้หลายเส้นทาง

ป้ายจากร้านตัดสูทหน้าปากซอยบอกว่าตรงไปอีก 400 เมตรครับ

อยู่ในซอยนี้ไม่ต้องกลัวอดตายครับ มีของกินตลอด 24 ชั่วโมง ^^

โครงการจะอยู่เยื้องๆกับโรงแรม President Palace ครับ เดินเลย Ambassador มาหน่อย และอยู่ติดกับคอนโด The Prime 11 ครับ

สำนักงานขายตกแต่งในสไตล์เดียวกับล้อบบี้โครงการเลยครับ เน้นโทนสีขาว-เทา-แทรกด้วยโลหะสีทอง… ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับความสงบ บนย่านที่ไม่เคยหลับไหลอย่างนานา

มาดูภาพรวมของโครงการพร้อมโมเดลตึกกันครับ

ด้านหน้าโครงการหันไปทางทิศตะวันออก ทางซอยสุขุมวิท 11 และหมู่ตึกในย่านอโศก

ถ้าอยู่ชั้นสูงจะได้วิวประมาณแบบนี้ครับ

ด้านฝั่งทิศเหนือจะหันไปทางคอนโด The Prime 11 ที่สูง 31 ชั้นครับ

ภาพนี้เป็นภาพของชั้น 30 ก็ยังมองเห็นยอดแหลมของตึก และหลังคาโรงแรม Aloft Bangkok อยู่บ้าง

แต่ถ้าเป็นชั้นเตี้ยก็จะเป็นแบบนี้ครับ

ทางด้านทิศเหนือของชั้น 2 – 15 นั้น มีห้องจำนวน 3 ยูนิตครับ โดยยูนิตที่จะประจันหน้ากับ The Prime 11 โดยตรงน่าจะเป็น 1 ห้องนอน Type E ขนาด 34.5 ตรม. ครับ (ห้องเบอร์ 10) แต่โครงการก็ทำระยะร่นลงมาหน่อยนึง และออกแบบห้องให้เป็นเลย์เอ้าท์แบบหน้ากว้าง พร้อมทำเป็นหน้าต่างบานใหญ่แทนพื้นที่ระเบียง ก็นับว่าพอจะชดเชยกับความ Privacy ไปได้นิดหน่อยครับ…ส่วนตั้งแต่ชั้น 16 – 30 ก็จะมี 4 ยูนิตในด้านนี้ โดยคู่กลางจะเป็นห้องสตูดิโอขนาด 28 ตรม. ครับ

ทิศใต้หันออกไปทางถนนใหญ่สุขุมวิท บีทีเอสนานา ถ้าชั้นสูงก็จะได้เห็นวิวทะเลสาปที่สวนเบญจกิตติด้วยครับ

ส่วนทิศตะวันตกหันเข้าไปทางเพลินจิตครับ เห็นวิวทั้ง Central Embassy และ Noble Ploenchit ที่กำลังสร้างอยู่

อาคารด้านหน้าสูง 9 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ไว้เป็นชั้นจอดรถแบบขับไปจอดในซองปกติ ชั้น 2-7 เป็นที่จอดรถอัตโนมัติ ชั้น 1 เป็นร้านค้า  ชั้น 8-9 เป็นที่พักอาศัย แบบ single corridor มีสวนเป็นศูนย์กลางในชั้น 8 และปล่อง void ขนาดใหญ่ที่ชั้น 9 รับแสงจากด้านบนดาดฟ้าส่องลงมาถึงสวนชั้น8

อาคาร ด้านหลังสูง 39 ชั้น จากพื้นถึงยอดบนสุดมีความสูง 165.7 เมตร ชั้น 37-39 เป็นชั้น facility หมุนวนไล่ระดับเป็นขั้นบันได ซึ่งประกอบด้วย

ชั้น 37 – multi purpose room / golf simulator room และห้อง Duplex Penthouse Villa

ชั้น 38 – สระว่ายน้ำและจากุซซี่ / สตีมและซาวน่า

ชั้น 39 – sky fitness

ระยะห่างระหว่าง 2 อาคาร ประมาณ 20 เมตร  ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ถูกออกแบบมาให้เป็น กำแพงม่านน้ำตกขนาดใหญ่พร้อมสวนพักผ่อน ห้องพักอาศัย ชั้น 2 ถึงชั้น 7 ของอาคารหลักฝั่งหันออกด้านหน้าถนน จะสูงไม่พ้นอาคาร 9 ชั้นด้านหน้า  กำแพงม่านน้ำตกที่สวยงาม และระยะห่าง 20 เมตร จะช่วยชดเชยวิวที่บล็อกสนิทให้ไม่อึดอัดเกินไปนัก โดยสิ่งที่แลกเปลี่ยนคือราคาห้องที่ถูกกว่าห้องอื่นอย่างมีนัยยะ

ที่จอดรถอัตโนมัติ ไม่ใช่เรื่องใหม่ของคอนโดอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นสิ่งที่เพิ่ม value ให้โครงการนั้นๆ เพียงนำรถเข้าช่องจอด ลงจากรถมาแตะ keycard ระบบกลไก จะจัดการงานส่วนที่เหลือให้เองประหยัดเวลาและ ลดความอ่อนล้าจากการวนหาที่จอด

Credit: ข้อมูลและรูปภาพทั้งหมดจากรายงาน EIA

ที่จอดรถของที่นี่ รวมแบบปกติและอัตโนมัติ ได้เท่ากับ 276 คัน คิดเป็น 57% ไม่รวมซ้อนคัน ออกจะน้อยไปซักนิดกับคอนโดระดับนี้

เมื่อคอนโดสร้างเสร็จด้วยสีอลูมิเนียมเฉดขาว + เงิน ที่เป็นสีหลักของอาคาร ตั้งแต่พื้นจรดปลายยอดจะทำให้ตัวตึกโดดเด่น อย่างมากเมื่อมองจากสถานี BTS นานา

ทิศทางของลมแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาในรอบปี หนาวและร้อน

ตัวอาคารพยายามแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามาในหลายชั้น มีสวนแทรกไปในชั้นบนๆ มีต้นไม้เติมความเขียวให้ภาพลักษณ์อาคารดูอ่อนโยน แซมไปในระหว่างชั้น

Lobby double volume มองออกไปเป็นกำแพงน้ำตก

ไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ มีอยู่สองแบบ…ตอนนี้โครงการขายแบบ Fully Furnished สำหรับห้องขนาด 1 นอน (ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน) และสำหรับ 2 นอนขายแบบ Fully Fitted ครับ… งานออกแบบภายในโดย PIA และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้เป็นแบรนด์ SEASONS ครับ

ห้องแรกเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 34 ตรม. Type 1C ครับ ห้อง Type นี้จะอยู่ในด้านทิศตะวันออกและตะวันตกครับ

พื้นที่ส่วนครัวเปิดทางด้านซ้ายมือของประตู Living area และ Dining & working ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกันเป็นแนวยาวไปเลยครับ

ทุกห้องจะได้ VDO Phone เอาไว้ติดต่อกับแขกผู้มาเยือนด้านล่างครับ

ครัวได้ตามนี้เลยครับเป็นของ RCD อ่างล้างจานแบรนด์ Teka เครื่องดูดควันและเตาไฟฟ้าเป็นของ Electrolux ครับ

ฝั่งตรงข้ามกับเค้านเตอร์ครัวมีช่องเก็บของและไมโครเวฟครับ

ถึงจะเป็นห้องแนวลึกและไม่มีระเบียง แต่ก็ดูไม่อึดอัดเพราะว่ากระจกส่วนห้องรับแขกเป็นแบบเข้ามุม ได้สูงจากพื้นถึงฝ้า (สูง 2.7 เมตร แต่ไม่ได้ drop ฝ้าให้นะครับ) ผ้าม่านไม่ได้ให้แต่ก็ทำเป็นรางผ้าม่านมาให้นะครับ

เข้าไปดูห้องนอนกันครับ จุดเด่นคือพื้นที่ห้องนอนสามารถเลือกเปิด-ปิดบานเลื่อนที่กั้นระหว่างโซน Living ได้ ทำให้ได้ space ที่มากขึ้น และระยะดูทีวีที่เป็นมิตรต่อสายตามากขึ้นครับ…พื้นเป็นกระเบื้อง Homogeneous ทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นครับ

แอร์แบบฝังฝ้าแต่ไม่ได้ระบุยี่ห้อ (รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาเช็คกับพนักงานอีกครั้งนะครับ)

ห้องนอนไม่มีระเบียง แต่ถูกทดแทนด้วยกระจกบานใหญ่ซึ่งลดทอนลงครึ่งความสูงห้องเหตุที่ลดความสูงกระจกในโซนนี้เพื่อนำไปใช้แขวนคอมเพสเซอร์แอร์ที่ภายนอก ซึ่งพื้นที่ด้านล่างเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ไว้จัดสวนปลูกต้นไม้ได้ตามใจ ที่พิเศษคือ พื้นที่ตรงนอกอาคารกึ่งๆระเบียงเอนกประสงค์นี่ไม่ได้คิดรวมในราคาขายแต่อย่างใด

ตู้เสื้อผ้าของที่โครงการให้ไม่ได้มีกระจกเงาครับ แต่เป็นหน้าบานไฮกรอสสีขาวธรรมดา วัสดุข้างในปิดผิวด้วยเมลามีน

โต๊ะเครื่องแป้งไม่ได้แถมให้นะครับ

ห้องน้ำสามารถเข้าออกได้ทั้งจากทางครัว และห้องนอนครับ…ได้ตามห้องตัวอย่างยกเว้นชั้นวางสแตนเลสตรงอ่างล้างมือครับ

ไปดูห้องแบบสองนอนกันบ้างครับ เป็น Type 2C ขนาด 63 ตรม. ห้อง Type นี้จะวางอยู่ทางทิศใต้ เป็นห้องมุมมีระเบียงหันไปทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกครับ

ห้องนี้ก็ได้เป็นครัวเปิดนะครับ จุดเด่นก็คือทั้งห้องรับแขก ห้องนอน 2 ห้องได้รับแสงแดด และ Take view ได้เต็มๆจากกระจกที่สูงจรดฝ้าครับ…อ้อ ห้องนี้ปัจจุบันขายแบบ Fully Fitted ครับ เฟอร์ฯที่ได้จะแตกต่างจากห้องตัวอย่างพอสมควร อย่างเช่น โต๊ะทานข้าวตรงกลางห้องนี้ก็ไม่ได้ครับ

เปิดประตูเข้ามามีตู้เก็บของอยู่ทางขวามือ เอาไว้ใส่เครื่องซักผ้า รองเท้า และสารพัดอุปกรณ์ได้ครับ

อุปกรณ์ครัวเหมือนกับห้อง 1 นอนครับ แต่เตาไฟฟ้าได้เป็น 4 หัว และมีเตาไมโครเวฟแบบฝังอยู่ด้านล่าง

ห้องนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 4 ที่นั่งได้ครับ

มีชุดตกแต่งมาโชว์ในห้องเยอะเลยครับ แต่ห้องสองนอน ไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์นะครับ

กระจกบานเลื่อนระเบียงไม่ได้ Floor to ceiling แบบห้อง 1 นอนครับ แต่แบบนี้ก็สูงมากพอควรแล้วครับ

โครงการแขวนทีวีไว้ที่ผนังเลย แต่ผมว่าระยะแบบนี้ทำเป็นตู้ build in เพิ่มได้สบายครับ…ราวกันตกนอกระเบียงเป็นกระจกครับ

เดินตรงไปเป็นส่วนของห้องนอน และห้องน้ำของทั้ง 2 ห้องครับ

ห้องน้ำเล็ก

ห้องนอนเล็ก…ห้องนอนทั้งสองห้องจะได้พื้น Engineered wood หน้าไม้สักครับ

ห้องนอนเล็กก็ได้แอร์ฝังฝ้าครับ

ช่องว่างทางด้านซ้ายมือน่าจะทำเป็นชั้นวางของเพิ่มได้นะครับ

ส่วนของห้องนอนได้เป็นกระจก Floor to ceiling ครับ

ห้องนอนใหญ่…สีพื้นลายไม้สักโทนนี้ผสมกับห้องสีขาว ดูแล้วมันรู้สึก Homey มากๆครับ

ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัวครับ และมีอ่างอาบน้ำให้

ราคาขายเริ่มต้นของแต่ละยูนิต ณ วันที่ 14 กันยายน 2558

ห้อง 1 นอน และ 2 นอนจะมีราคาต่อตรม. ที่ถูกกว่าครับ สองห้องนอน 53 ตรม. ทิศใต้ราคาเริ่มต้นแค่ 165,321 บาทต่อตรม. เท่านั้นครับ จัดว่าถูกมากๆสำหรับคอนโดเกรดพรีเมี่ยมในย่านสุขุมวิทตอนต้น…ในขณะที่ห้องสตูดิโอก็จะมีราคาโดดกว่า Type อื่นครับ เท่าที่สอบถามดูโครงการได้ปรับราคาขึ้นจากวันเปิดโครงการเมื่อตอนต้นปีประมาณ 5-7% ครับ

Studio: Size start with 28 sq.m. /start price 6,276,000 baht/ 224,143 baht per sq.m.

1 BR: Size start with 33 sq.m. /start price 5,737,883 baht/ 173,875 baht per sq.m.

2 BR: Size start with 53 sq.m. /start price 8,762,000 baht / 165,321 baht per sq.m.

3 BR: Size start with 85 sq.m. /start price 18,893,000 baht / 222,271 baht per sq.m.

Duplex: Size start with 60 sq.m. /start price 13,232,000 baht / 220,533 baht per sq.m.

Penthouse: Size start with 132 sq.m. / start price 33,373,000 baht / 252,826 baht per sq.m.

ตอนนี้โครงการขายได้ราวๆ 40% แล้วครับ โดยโควต้าต่างชาติยอดวิ่งไปกว่า 30% แล้วเช่นกัน และนี่คือ Matrix ปัจจุบันที่ผมถ่ายภาพมาครับ มีบางชั้นที่ทางโครงการเก็บเอาไว้ยังไม่ขาย

ตามคาดครับทิศเหนือที่ติดบล๊อคโครงการ The Prime 11 ยอดไม่ค่อยวิ่งเท่าไหร่ ยกเว้นห้องสตูดิโอที่จองกันเต็มหมด..ทิศใต้ห้องขนาด 1 นอนก็เต็มหมดเหลือชั้น 2 ห้องเดียว…ทิศตะวันตกฝั่งเพลินจิตดูจะขายดีสุดเหลือแต่ชั้นเตี้ย และทิศตะวันออกวิวอโศกเหลือห้องสองนอนเบอร์ 01 เยอะครับ

สรุปเลยแล้วกันครับ: ไฮด์ สุขุมวิท 11 (Hyde Sukhumvit 11) เป็นโครงการที่อยู่ในทำเลสุขุมวิทตอนต้น ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ราคาก็ไม่เคยตก มี demand เข้ามาตลาดทั้งขาย และเช่าครับ ถึงแม้ว่าตัวโครงการจะตั้งอยู่ในซอย ห่างจาก BTS นานาประมาณ 500 เมตร แต่ก็เป็นระยะ 500 เมตรที่เดินแล้วรู้สึกว่าใกล้ เนื่องจากซอย 11 มีร้านค้า ผับ บาร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม มีฟุตบาทขนาดใหญ่สองข้างทาง และมีคนเดินถนนเป็นเพื่อนอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงครับ…หากใช้รถในการเดินทางก็สามารถเข้ามาทางถนนเพชรบุรีทะลุเข้าทางสุขุมวิทซอย 3 (โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้) หรือจะเข้าทางถนนสุขุมวิทก็มีหลายซอยที่เชื่อมต่อกับซอย 11 ไม่ว่าจะเป็นซอย 13, 19 หรือ 21

ด้วยราคาเฉลี่ยต่อตรม.ทั้งตึกประมาณแสนปลายๆ ถึงสองแสนต้น ทำให้ไฮด์ สุขุมวิท 11 เป็นคอนโดเกรดพรีเมี่ยมที่มีราคาที่เร้าใจมากๆครับ หากว่าเราดู supply ที่มีอยู่ตอนนี้ เอาเฉพาะโครงการเปิดใหม่ที่กำลังก่อสร้างก็ใกล้สุดก็จะมี Q Sukhumvit ที่มีราคาปาเข้าไปตรม.ละสามแสน Ashton Asoke ตรม.ละสองแสนกลางๆ และ Noble Ploenchit ที่ตอนนี้ราคาขายก็อยู่ราวๆสองแสนกลางๆต่อตรม.แล้ว… ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของแบรนด์ และทำเลที่ตั้งของทั้ง 3 โครงการจะดีกว่า ไฮด์ สุขุมวิท 11 แต่ทั้ง Ashton Asoke และ Noble Ploenchit ก็มีจำนวนยูนิตในโครงการที่มากกว่า ไฮด์ สุขุมวิท 11 อย่างเห็นได้ชัด โครงการที่น่าจะนำมาเปรียบเทียบได้ใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็น Circle Sukhumvit 11 ครับ ด้วยทำเลที่อยู่ในซอยเหมือนกัน (อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีนานาประมาณ 700 เมตร) เป็นตึกสูงเหมือนกัน และมีความโดดเด่นในด้าน sustainable architecture แต่โครงการก็ใกล้จะสร้างเสร็จเต็มทีแล้วครับ น่าจะเหมาะกับผู้ที่มีเงินพร้อมรับโอนได้ในเร็ววันนี้มากกว่า

รูปแบบยูนิตของไฮด์ สุขุมวิท 11 ก็ค่อนข้างจะมีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ กล่าวคือเป็นโครงการที่มีห้องขนาดเล็กเริ่มต้นที่ขนาดสตูดิโอ 27 ตรม. และมีโหมดหลักคือ 1 ห้องนอน 34 ตรม. ทำให้ราคาต่อยูนิตสำหรับห้องเล็กยังอยู่ใน Gap ที่คนส่วนใหญ่จับต้องได้ และคนที่มีเงินก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการโอน หรือจะซื้อมาเพื่อปล่อยเช่าก็ยังพอที่จะกินรวบตลาดโรงแรม และคอนโดได้อยู่เพราะโครงการรุ่นพี่อย่าง Hyde Sukhumvit ก็สามารถทำค่าเช่าได้ค่อนข้างดีเกิน 850 บาทต่อตรม….ในขณะที่ห้องโครงการอื่นๆใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นตึกสูง หรือตึกเตี้ย อย่าง Eternity Sukhumvit 8, Dazzle, Circle Rein, Circle Sukhumvit 11 ต่างก็มีขนาดห้องเริ่มต้นที่เกิน 30 ตรม. ทั้งนั้น โดยที่มีราคาต่อตรม.ต่ำกว่านิดหน่อยราวๆตรม.ละ 20,000 บาท แต่ก็มีความแตกต่างกันในเชิงของ facility และ building exposure

Grande Asset เองนั้นก็ค่อนข้างมีประสบการณ์มากเพียงพอในการบริหารงานโรงแรมดังอยู่แล้ว จึงน่าจะเป็นการรับประกันในการบริการหลังการขายได้ในระดับหนึ่ง ผมเองก็ไม่รู้ว่าทางโครงการมีการบริหารจัดการในแบบ hotel service หรือเปล่า ถ้ามีก็น่าจะสร้างมูลค่าในระยะยาวให้แก่โครงการได้ดี โดยเฉพาะในด้านการปล่อยเช่าครับ…คนไทยหลายๆคนมักจะมองว่าทำเลนานา เป็นย่านกลางคืนไม่เหมาะในการอยู่อาศัยที่เงียบสงบ… ผมเห็นด้วยครับ แต่ด้วยการที่โครงการนี้มีห้องขนาดเล็กขายแบบ Fully Furnished ก็น่าจะเหมาะสำหรับคนที่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง หรือว่าซื้อเพื่อปล่อยเช่านะครับ อย่าลืมว่ากลุ่มลูกค้าเช่านั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนต่างชาติทั้ง expat และ tourist ในละแวกใกล้เคียง แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มคนทีทำงานในย่านอโศก CBD ด้วยครับ…ส่วนตัวแล้วผมชอบห้อง 1 นอนชั้นเตี้ยในด้านทิศตะวันออก เพราะว่าราคาถูกเหลือเกิน แต่วิวก็ไม่ได้แย่เลยเพราะได้ทั้งวิวสวน และน้ำตกของตึกหน้า (หมดแล้ว 555) รวมถึงทิศใต้ชั้นเตี้ยห้องสองนอนขนาด 53 ตรม.ก็ยังมีเหลืออยู่ให้ซื้อในราคาไม่ถึงตรม.ละแสนเจ็ด!!!

ซื้อลงทุนระยะสั้นไม่แนะนำครับ ยกเว้นแต่จะได้ซื้อโควต้าต่างชาติที่ใกล้หมดเต็มทีแล้ว