ในปีนี้บริษัท อนันดาฯ มีแผนเปิดโครงการคอนโดค่อนข้างเยอะครับ โดยเมื่อเดือนที่แล้วก็มีการเปิดบริษัทร่วมทุนกับทางกลุ่มบริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด (Mitsui Fudosan Co., Ltd.) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกันเบื้องต้น 5 โครงการในปีนี้ ผ่าน 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย บางนา จำกัด, บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย ชิดลม จำกัด, บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย ช่องนนทรี จำกัด, บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย เตาปูน จำกัด และบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย ท่าพระ จำกัด โดยแต่ละบริษัทร่วมทุนอนันดาฯ จะถือหุ้น 51% และกลุ่มมิตซุย จะถือหุ้น 49%

จาก 5 โครงการดังกล่าวเรายังไม่เห็นโฉมหน้าของโครงการไหนเลยใช่ไหมครับ… แต่คุณผู้อ่านรู้ไหมครับว่าประมาณกลางเดือนหน้านี้ เค้าจะเปิดขายกัน 2 โครงการจาก 5 โครงการข้างบนแล้วครับ!!! ซึ่งมันก็ค่อนข้างชัวร์ว่ากลุ่มลูกค้าเก่าอนันดาฯ (AMC) นั้นย่อมได้รับสิทธิ์ซื้อกันก่อน ตั้งแต่ปลายเดือนนี้หรือไม่ก็ต้นเดือนสค.เป็นอย่างช้าครับ…รวดเร็วจนเตรียมเงินกันแทบไม่ทันใช่ไหมครับ เพราะว่า AMC หลายๆคนก็เพิ่งจะจอง ไอดีโอ S115 มาไม่กี่สัปดาห์เอง (แว่วๆมาว่ายอดขายของ S115 ขายไปได้ประมาณ 60% จากชั้นที่เปิดขายทั้งหมดในรอบพรีเซลครับ และเตรียมจะขายอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ อาทิตย์นี้ครับ…)

โดยสองโครงการใหม่ที่จะเปิดในช่วงเดือนหน้าคือ……Ideo O2 และ Q Chidlom ครับ 

แล้วมันมีอะไรน่าตื่นเต้นใน Ideo O2 บ้างล่ะ?

ตอนนี้ผมว่าบรรดาพวกคนในวงการอสังหาฯก็น่าจะทราบมาบ้างแล้วนะครับว่า ทางอนันดาฯเตรียมจะเปิดโครงการแถวๆช่วงสี่แยกบางนา แต่ไม่ได้ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท (คนซื้อ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate คงจะโล่งใจได้ในระดับหนึ่งนะครับ)…ด้วยการที่โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนสรรพาวุธนี่หละ ก็เลยเป็นที่มาของ Code Name สุดเหี้ยมโหดอันมีนามว่า “Weapon” ครับ

ในตอนแรกเริ่ม หลายต่อหลายคนก็พลันคิดไปว่าโครงการนี้คงจะใช้ชื่อแบรนด์ว่า Elio แน่นอน เพราะหลังจากมีข่าวแพลมๆว่าที่ดินมีขนาดใหญ่ประมาณ 14 ไร่ มันต้องเป็น Low rise ราคาถูกแต่ให้พื้นที่ส่วนกลางยังกะสวนน้ำ Vana Nava Huahin  สไตล์ Elio Del Ray แน่นอน!!…แต่ในที่สุดทางอนันดาฯก็ได้ฟันธงมาแล้วครับว่าโครงการนี้ใช้ชื่อว่า “Ideo O2” ครับ

Ideo O2 เป็นแบรนด์ที่ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าตั้งชื่อแบรนด์ได้น่าคิดว่ามันจะมีโครงการ 2,3,4 ตามมาอีกครับ เนื่องจากหากเราพิจารณาจาก Brand Architecture ของบริษัท อนันดาฯ แล้วก็จะพบว่าเค้ามีการวางกลยุทธ์ของแบรนด์ในแบบผสมผสานกันระหว่าง Sub brand with graduation และ Sub brand with domination ครับ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ Real Estate Brand Portfolio)

sub brand with graduation (ตั้งรหัสตัวอักษรตามชื่อแบรนด์หลัก) แต่ละแบรนด์มี Product Portfolio ที่มี Concept & Character ชัดเจน ประกอบด้วย Ideo Q, Ideo Verve, Ideo Mix, Ideo Blucove, Ideo Morph, Ideo Mobi, Elio และ Ideo O2

ส่วน sub brand with domination ก็จะเป็นโครงการที่เน้นไปที่ชื่อทำเลอย่าง Ideo S115, Ideo Sathorn Thaphra, Ideo Wutthakat, Ashton Chula Silom, Ashton Asoke

การที่ใช้คำว่า O2 ซึ่งสื่อถึง “ออกซิเจน” นี่ล่ะครับคือคอนเซปท์และแรงบันดาลใจของการรังสรรค์โครงการนี้ ซึ่งในอนาคตผมก็เชื่อว่าทางอนันดาฯ ก็สามารถนำชื่อ O2 นี้มาสานต่อได้อีกในหลายทำเลครับ…

Ideo O2 ประกอบไปด้วยตึกทั้งหมด 3 ตึก ความสูงขนาด 33- 34 ชั้น (ข้อมูลอย่างเป็นทางการยังไม่ออกนะครับ) ที่ไม่ได้สร้างเชื่อมกันเป็นกำแพงเมืองจีนเหมือนกับโครงการใหญ่ๆบางโครงการครับ จากภาพ perspective ที่ผมเห็น ดูเหมือนว่าโครงการนี้จะเล่นกับคอนเซปท์ “ออกซิเจน” อย่างเต็มที่ เพราะว่าคุณจะพบกับส่วนกลางขนาดมหึมาชนิดที่ Elio Del Ray ยังต้องเรียกพี่ (จริงๆผมว่าตึกก็ดูเหมือน Elio Del Ray ขยายร่างนะครับ ฮา) ไม่ว่าจะเป็น สระ free form ยาวหลายร้อยเมตร ที่เชื่อมต่อตั้งแต่ตึก A ยาวไปจนถึงสุดตึก C

หรือสวนขนาดยักษ์ ที่มีทั้งลู่วิ่งและเลนจักรยาน ที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานจาก Peppermint Bike Park สนามปั่นจักรยานชื่อดังย่านเกษตรนวมินทร์ ที่มีสารพัด Track ให้ทดสอบความสามารถและอุปสรรคในการขับขี่จักรยาน เช่น เนินสูง, แอ่งน้ำ, สะพานไม้, Wall Ride วู้วววว….

ขอบคุณรูปภาพ และอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้จาก perpermint-bike-park

มีทางเดิน Shortcut เลียบคลองไปโผล่แถวๆ BTS บางนาได้…ถ้าลองพิจารณาดู master plan ด้านล่างนี้จะเห็นได้ว่าช่วงซ้ายสุดของโครงการจะเป็นพื้นที่ติดคลองบางนาครับ ซึ่งถ้าลองกะพื้นที่ดูจะพบว่า หากใช้ทางออกนี้ ก็เดินอีกเพียงแค่ราวๆ 100 กว่าเมตรก็ถึง BTS บางนาแล้วครับ (คนซื้อตึกซ้ายสุดก็จะเดินใกล้ที่สุดแถมพื้นที่สวนส่วนใหญ่รวมถึงเลนจักรยาน ก็จะอยู่บริเวณนี้ด้วยเช่นกันครับ)

ส่วนตึกด้านที่ติดกับถนนสรรพาวุธ ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักนั้น น่าจะเหมาะกับคนที่ใช้รถเป็นพิเศษเพราะว่าแค่ออกจากโครงการก็เจอทางด่วนแล้วครับ แต่ถ้าจะเดินไป BTS ก็มีให้เลือกสองทางเดินก็คือเดินตัดสวนน้ำ และสวนสวยในโครงการ หรือจะเดินอ้อมออกไปทางถนนสุขุมวิทก็ได้เช่นกันครับ (ระยะทางผมว่าน่าจะประมาณ 600 – 700 เมตรครับ)

ในส่วนของห้องโหมดหลัก เท่าที่เห็นก็จะเป็นสไตล์ห้องหน้ากว้าง ตั้งแต่ 1 นอน 26 ตรม. จนถึง 2 นอน 52 ตรม.ครับ (ผมว่าห้องสองนอนเลย์เอ้าท์นี้เป็นแบบที่ผมชอบมากที่สุดเลยครับ)…แอบกระซิบว่าชั้น 6 มีพื้นที่สวนใหญ่ ส่วนตัวที่นอกระเบียง ในแบบที่ใครก็เข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้ ยกเว้นพนักงานนิติบุคคลด้วยครับ

ที่สำคัญคือโครงการนี้ให้ Fully Furnished นะครับ

สำหรับราคาเริ่มต้น ผมทราบมาว่าอยู่ที่ประมาณ 2.2 ล้านบาท สำหรับห้องขนาด 26 ตรม. ครับ คิดเป็นต่อตรม.ก็ราวๆ 85K จัดว่าเป็น Competitive Price มากๆเมื่อเทียบกับคอนโดที่ขนาบข้างอยู่อย่าง The Coast และถัดไปอย่าง The Sky หรือแม้แต่ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate

ณ ปัจจุบันนี้ทำเลสี่แยกบางนา ยังคงต้องรอความหวังอยู่ 3 อย่างครับ นั่นคือการพัฒนาโครงการ Bitec ที่ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างโครงการภิรัช ทาวเวอร์ ไปแล้ว/ การมาของ Bangkok Mall และความหวังของโครงการที่พัฒนาโดยกทม. เองอย่าง รถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (Light Rail Transit) สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงตรงไหน อย่างไร หรือจบแล้วไม่ทำแล้ว?) โดยสายนี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (อ่อนนุช-แบริ่ง) สถานีบางนาเลยครับ..แต่ถึงยังไงก็เหอะก็คงจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าโครงการ Ideo O2 จะเป็นโครงการ big brand รายเดียวที่มีราคาขายที่ undermarket กว่าทุกโครงการแบรนด์ดังแถวนั้นครับ

อ้าวแล้วนี่ผมลืมพูดถึง Q Chidlom ไปหรือเปล่านะ…เอาเป็นว่าไว้คราวหน้าผมจะมาบอกความคืบหน้า พร้อม detail เจาะลึกโดยละเอียดให้อีกครั้งแล้วกันครับ ตอนนี้เอารูปตึกที่เค้าว่ากันว่าเป็นสไตล์ Futuristic Art Deco ไปดูก่อนแล้วกันนะครับ…อ้อ version นี้ไม่มี private lift ให้ซักกะห้องนะครับ และราคาก็น่าจะถูกลงจากที่ตั้งราคาไว้คราวแรกครับ ส่วนคุณคอนโดแมนก็คงต้องเปลี่ยนห้องที่จองไว้น่ะครับ เพราะห้องนั้นมันแปลงร่างเป็น duplex ไปแว้วววววว (แต่แปลน 35 ตรม.เหมือนจะเปลี่ยนแค่นิ้ดดดเดียวเองครับ)

สำหรับรายละเอียดอื่นๆ โปรดอดใจรอข้อมูลอีกไม่นานครับ…