ปีนี้ทีเด็ดเยอะ! “Noble NEXT is NOW 2023” โนเบิล ยังเดินเกมรุกต่อเนื่อง เปิดใหม่ 10 โครงการมูลค่ารวม 23,300 ล้านบาท มีไฮไลท์เป็น The Rare Selections by Noble
หลังจากที่ปีที่ผ่านมาโนเบิลคือดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่เพียงรายเดียวที่เปิดเกมรุกเต็มอัตราทั้งคอนโดติดห้าง ติดแม่น้ำ และ Urban Home ดีไซน์เก๋บนทำเลใหม่ๆ ในช่วงที่ตลาดยังคงมีแต่ความไม่แน่นอน จนผู้เล่นรายอื่นๆมัวแต่รีรอ ผลลัพธ์ก็คือในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการใหม่ตลอดทั้งปีจำนวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,550 ล้านบาท ซึ่งสามารถกวาดยอดขาย (Pre-sale) ได้ที่ระดับ 17,400 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท ถือเป็นยอดขายและยอดขายรอโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา (All-time high)
“ปีนี้ Noble เดินมาถึงปีที่ 32 แล้ว เราได้ผ่านวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่า โดยครั้งล่าสุดคือ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เราไม่มีวันลืมในแบบที่แม้จะอายุ 60 – 70 ก็ยังคงจำได้ว่าเราเจอวิกฤตอะไรบ้าง ทั้งหมดนี้เกิดจากความเชื่อในความแตกต่างผ่านทาง Space และ Experiences ของโครงการใหม่ๆของเรา โดยในช่วง 2022 ซึ่งอยู่ในช่วงของการเริ่มฟื้นตัวก็ถือว่าเป็นปีที่ดีมากๆของเราจากการทำยอดพรีเซล New High ได้ถึง 17,400 ลบ. ซึ่งเป็นสัญญาณที่บวกมากๆ โดยเรา Sold Out ไปถึง 5 โครงการ โดยเฉพาะ Nue Cross คูคต ที่ Sold Out ตั้งแต่ยังไม่ได้สร้าง และในปีนี้เราจะสานต่อความสำคัญจากแบรนด์ Nue ที่เปิดมาแล้ว 15 โครงการ มูลค่า 34,200 ลบ. ภายใต้ Key Strategic 3 ด้านคือ ห้องหน้ากว้าง Facilities จัดเต็ม และ อยู่บนจุดศูนย์กลางไลฟ์สไตล์และการเดินทาง ที่ล้วนตอบโจทย์การอยู่คอนโดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพอดี…” คุณธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ในปีนี้นอกจากบริษัทฯจะกุมความได้เปรียบจากกระแส Share of Voice ของแบรนด์ที่กำลังมาแรง ก็ยังได้สปริงบอร์ดสำคัญจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่จะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนการทำการตลาดในส่วน International Sale ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของโนเบิลยุคใหม่นับตั้งแต่การมีแม่ทัพด้าน Inter Sale เป็นคุณแฟรงก์ เหลียง ที่ช่วยสร้างแบรนด์ Noble ให้มี Recognation ในกลุ่มชาวต่างชาติ Outbound อย่างแท้จริง แม้กระทั่งช่วงปี 2020 – 2022 ก็ยังขายรวมเพิ่มมากขึ้นถึง 129% จนเกือบเท่ากับระดับปี 2019 แม้จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็กิน Market Share ในส่วนตลาดตปท.มากถึง 60% จากกลยุทธ์ในการขายที่เข้าใจคนซื้อต่างชาติอย่าง One Price Policy คนไทย ต่างชาติ ราคาเดียวกัน การขยายตลาดจากชาวจีนไปสู่ชาวสิงค์โปร์ และเมียนมาร์ เช่นเดียวกับการเจาะทำเลที่มีดีมานด์ของคนต่างชาติที่มาจากฐานลูกค้าที่ตัวเองทำตลาดอยู่ ซึ่งในปี 2022 ขายไป 607 ยูนิตใกล้เคียงกับปี 2019 ที่ขายไปได้ 620 ยูนิต โดยโครงการที่ได้รับการตอบรับดีมากคือ Nue District R9 ที่ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้วกว่า 75% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทั้งลูกค้าชาวไทยและลูกค้าต่างชาติ แต่ทั้งนั้นในปีนี้ก็ยังไม่ควรหวังว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะกลับมาเป็นเหมือนปี 2019 ได้ภายในปีนี้ เพราะตอนนี้ Flight บินจากจีนยังกลับมาไม่ถึง 20% จากช่วงปกติ แต่ถ้ากลับมามี Flight ถึง 100% แล้วเชื่อว่าตลาดจะกลับมาดียิ่งกว่าเดิม เพราะ Buying Motivation เปลี่ยนไป คนจีนที่มีความสามารถในการจ่ายจะมองหาที่อยู่อาศัยนอกประเทศมากขึ้น เพราะช่วง Lock Down มันโหดร้ายต่อชีวิตเหลือเกิน โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ควรที่จะ Focus ไปที่กลุ่มผู้ซื้อเพื่อนบ้านจาก SEAS มากกว่า และควรปรับกลยุทธ์ในการขายไปที่กลุ่มครอบครัวที่ซื้ออยู่เองในระดับราคา 15 ลบ.ขึ้นไปที่จะมาแทนที่ 3-5 ลบ. เช่นเดียวกับกลุ่ม Commercial Property และ Investmemt Product ซึ่งคาดในส่วนตลาดต่างชาติปีนี้จะทำยอดได้ 6,500 ลบ.