สำหรับคนที่อยากมีอิสระภาพทางการเงิน ความฝันอันหนึ่งก็คือการมีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าแล้วก็คอยเก็บค่าเช่าทุกๆเดือนทำให้มีรายได้พอที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงานประจำใช่ไหมครับ

ในบทความนี้เรามีอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งก็คือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT (Real Estate Investment Trust) หรือจะขอเรียกสั้นๆว่ากองทุน REIT นะครับ ซึ่งเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์หลักคือการไปลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจจะหมายรวมถึง ศูนย์การค้า โรงแรม คลังสินค้า หรือ อาคารสำนักงาน

เราลองมาดูกันว่าข้อดีของกองทุน REIT มีอะไรบ้าง

1. สามารถร่วมเป็นเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำได้

นักลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในโครงการชั้นนำต่างๆ เช่น ศูนย์การประชุม IMPACT หรือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในบางสาขาก็มีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่ห้างเทอมินอล 21 ที่มีจำนวนลูกค้าต่อวันสูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ก็มีการขายสิทธิการเช่าเข้ากองทุน REIT เช่นกัน

2. ไม่ต้องเหนื่อยในการบริหารจัดการ และแก้ปัญหา

ใครเคยมีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า หรือเป็นเจ้าของโครงการเองก็จะทราบดีว่าการบริหารจัดการนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไหนจะต้องออกแบบ วางแผนการก่อสร้าง หาผู้รับเหมา ตกแต่งให้พร้อมกับการใช้งาน เมื่อเสร็จแล้วก็ต้องหาคนมาเช่า คอยเก็บค่าเช่า ซ่อมแซมเมื่อเกิดการเสียหายหรือสึกหรอ หลังจากผู้เช่าออกไปก็ต้องทำความสะอาด และเตรียมหาผู้เช่าคนต่อไป และถ้าเกิดปัญหาขึ้นเช่นท่อตัน ส้วมเต็ม หรือน้ำไม่ไหล เจ้าของทรัพย์ก็จะต้องช่วยแก้ปัญหา ทั้งหมดนี้จะต้องใช้เวลาและความพยายาม (และความรู้ความชำนาญ)มากพอสมควร จะดีกว่าไหมถ้ามีคนมาช่วยบริหารงานแทน

3. มีคนจัดการหาคนมาเช่าให้เรา

กอง REIT จะมีการว่าจ้างผู้บริหารมืออาชีพ เพื่อบริหารอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ และทรัพย์ที่ขายเข้ากองทุน REIT มักจะเป็นโครงการที่มีผู้เช่าและสร้างรายได้อยู่แล้ว นักลงทุนจึงไม่ต้องเหนื่อยในการหาผู้เช่าเอง และกังวลว่าจะมีผู้เช่าน้อยเกินไปจนไม่คุ้มค่าใช้จ่าย แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุน REIT ก็ยังมีความเสี่ยงที่คนเช่าไม่เต็ม หรือคนที่เช่าย้ายออกได้เช่นเดียวกัน

4. รับรายได้สม่ำเสมอ

กองทุน REIT จะมีการจ่ายเงินปันผลจากกำไรจากการดำเนินงานออกมาตามวาระที่ได้แจ้งไว้กับผู้ลงทุน เนื่องจากรายได้ของกองจะมาจากค่าเช่าเป็นหลัก ทำให้มีรายรับค่อนข้างสม่ำเสมอ อัตราการจ่ายปันผลมักจะสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก (และรับความเสี่ยงได้มากกว่า) การลงทุนในกองทุน REIT ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

5. ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่านั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีความแน่นอนของรายได้ในระดับหนึ่ง  (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสังหาริมทรัพย์โครงการที่ค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว คือมีคนเช่าค่อนข้างเต็มแล้ว) ซึ่งจะทำให้กองทุน REIT ที่ลงทุนในโครงการเหล่านี้มีความเสี่ยงต่ำไปด้วย และความเสี่ยงและความผันผวนน่าจะน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนในกองทุน REIT จะไม่มีความเสี่ยงเลย โดยความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นรายได้ค่าเช่าไม่เป็นไปตามที่คาดการไว้เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำ หรือทรัพย์สินเสียหายจากภัยพิบัติทำให้ไม่สามารถหารายได้ได้ (แต่ส่วนใหญ่คงมีการทำประกันภัยไว้บางส่วน) เป็นต้น

6. มีสภาพคล่องมากกว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้วยตัวเอง

หน่วยลงทุนใน REIT สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการของตลาด ถ้านักลงทุนเปลี่ยนใจหรืออยากนำเงินไปลงทุนที่อื่นก็สามารถสั่งขายได้ ส่วนถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์นั้น การขายมักจะใช้เวลานานและมักจะทำได้ยากกว่าดังนั้นจึงมีสภาพคล่องน้อยกว่านั่นเอง