
ในส่วนของผลประกอบการ ก็สูงกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดโรคระบาดโดยบริษัทมีผลประกอบการสุทธิที่เป็นบวก และสามารถลดระดับหนี้สินทางการเงินได้ อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ “แนวโน้มของธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และผมมั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์นี้ จะช่วยให้คลับเมด สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต”
ธุรกิจของคลับเมด สามารถเติบโตได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรีสอร์ตในกลุ่มทวีปยุโรป และอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ขณะที่รีสอร์ตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงได้รับผลกระทบตลอดปี 2565 อันเนื่องมาจากกฎระเบียบต่างๆที่ทำให้มีข้อจำกัดด้านการเดินทาง รวมถึงการแพร่ระบาด โควิด-19 ระลอกที่ 2 ในจีน
สำหรับอัตราราคารายวันเฉลี่ย (Average Daily Rate – ADR) อยู่ที่ 208 ยูโรต่อวัน เพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2564 และเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2562 และปริมาณห้องพักสามารถเปิดได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับปี 2564 และฟื้นตัวเป็นร้อยละ 92 ของระดับปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด“อัตราราคารายวันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุหลักมาจากการปรับจุดยืนของแบรนด์ให้สูงขึ้น รวมถึงการลงทุนจำนวนมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ช่วยยกระดับพอร์ตโฟลิโอของ คลับเมด โดย 95 เปอร์เซ็นต์ของรีสอร์ตที่ให้บริการในปัจจุบันนั้น จัดเป็นรีสอร์ตในระดับไฮเอนพรีเมียม และในกลุ่มเอ็กซ์คลูซีฟ คอลเล็กชัน (Exclusive Collection) ซึ่งถือกลุ่มรีสอร์ตในระดับหรูของคลับเมด” มร. อ็องรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง กล่าว ดังนั้นแม้ว่าจะยังคงมีข้อจำกัดด้านการเดินทางในประเทศแถบเอเชีย และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 แต่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในยุโรปและอเมริกา ช่วยให้คลับเมด มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 98 ล้านยูโร ซึ่งกลับสู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด

สำหรับผลประกอบการในภูมิภาคเอเชีย แม้ว่ามูลค่ารวมธุรกิจในปี 2565 จะยังตามหลังมูลค่าของปี 2562 อยู่ 48 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี โดยเมื่อเปรียบเทียบมูลค่าธุรกิจของครึ่งปีแรก กับครึ่งปีหลังของปี 2565 จะพบว่ามูลค่าธุรกิจของครึ่งปีแรก ตามหลังปี 2562 อยู่ถึง 73 เปอร์เซนต์ แต่เมื่อรวมมูลค่าธุรกิจของครึ่งปีหลัง มูลค่าธุรกิจทิ้งห่างลดลง เหลือเพียง 22 เปอร์เซ็นต์
ในปี 2565 คลับเมด ตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ ในการเป็นรีสอร์ตแบบอัปสเกล ด้วยการเปิดตัวรีสอร์ตระดับพรีเมียมและรีสอร์ตในกลุ่มเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลกชั่นใหม่ 7 แห่ง ได้แก่:
– ฉางไป๋ซาน (Changbaishan) รีสอร์ตบนเทือกเขาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน
– แมกนา มาร์เบลลา (Magna Marbella) จุดหมายปลายทางชั้นนำของประเทศสเปน
– ทะเลสาบพันเกาะ (คลับเมด จอยวิว / Club Med Joyview) ทางตะวันออกของประเทศจีน เปิดดำเนินงานในเดือนมิถุนายนแม้ว่าจะมีการล็อกดาวน์ก็ตาม
– หยางชิง ลี่จิง (Yanqing Lijing / คลับเมด จอยวิว เฟส 2) ในปักกิ่ง
– ติญส์ (Tignes) รีสอร์ตเรือธงของ คลับเมด แห่งใหม่ในเทือกเขาแอลป์ของประเทศฝรั่งเศส
– วาล ดิสแซร์ (Val d’Isère) รีสอร์ตแห่งแรกในกลุ่ม เอ็กซ์คลูซีฟ คอลเลกชั่น ในฝรั่งเศส
– คิโรโร พีค (Kiroro Peak) รีสอร์ตบนเขาแห่งที่ 3 ในฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

สำหรับภาพรวมในปี 2566-2568 คลับเมด จะเปิดรีสอร์ตใหม่อีก 17 แห่ง ขยายและปรับปรุงรีสอร์ตที่มีอยู่แล้ว 10 แห่ง และศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดรีสอร์ตแห่งอื่นต่อไป ในขณะเดียวกัน บริษัทเผยว่ามี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมาก อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากความต้องการของลูกค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในทวีปอเมริกาและยุโรป รวมถึงปรากฏการณ์ “เที่ยวล้างแค้น” ในเอเชีย ที่เป็นการปลดปล่อยความอัดอั้นจากการไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันมาเกือบ 3 ปี ก็สะท้อนให้เห็นถึง การเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ได้ สำหรับเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2566 มูลค่ารวมธุรกิจได้ทำสถิติแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการจองห้องพักอยู่ที่ 77 เปอร์เซ็นต์
การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของ คลับเมด แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ ตามเสาหลัก 5 ประการ ดังนี้:
– Premium with Club Med spirit: การฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ทำให้ให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์เป็นกลุ่มแรกที่ฟื้นตัว และมีความยืดหยุ่นมากกว่ากลุ่มอื่น เมื่อเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
– Become the hospitality employer of choice: ในขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการสรรหาและดึงดูดผู้มีความสามารถ ความปรารถนาอันแรงกล้าของ คลับเมด คือการนำเสนอ “ประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต” ให้กับพนักงานทุกคนผ่านการจัดการส่วนบุคคล การฝึกอบรม และเส้นทางอาชีพที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
– Glocal: การผสมผสานมาตรฐานระดับโลกเข้ากับวิถีท้องถิ่นทั้งตลาดนักท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ และจุดหมายปลายทางในฝัน เพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืน และเพื่อกระจายความเสี่ยงในการดำเนินงานในระดับภูมิภาค เพราะวิกฤตโรคระบาด และการจำกัดการเดินทางในช่วงที่ผ่านมาทำให้อัตราการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น
– “Happy Digital”: ดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า รวมถึงพนักงานในรีสอร์ตทั้งส่วนต้อนรับและส่วนการจัดการในออฟฟิศ ไม่หยุดลงทุนในด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีในระดับเดียวกับก่อนเกิดโรคระบาดเพื่อรองรับการฟื้นตัว
– “Happy to Care”: มุ่งมั่นที่จะดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน ด้วยการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ อาทิ การก่อสร้างรีสอร์ตที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน BREEAM (Building Research Establishment Environmental Assessment Method) และการได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Globe สำหรับการจัดการทั่วไปประจำวันของคลับเมดรีสอร์ต

เสาหลักเชิงกลยุทธ์ทั้ง 5 ประการนี้จะช่วยเร่งการฟื้นตัวของ คลับเมด ในฐานะผู้นำด้านการพักผ่อนในวันหยุดระดับพรีเมียมแบบจ่ายครั้งเดียวจบ รวมสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำสำหรับครอบครัว และคู่รักที่ชื่นชอบในกิจกรรม