
เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 26 July, 2015 เวลา 02.30 am
Prop score™: 3.6
คะแนนรีวิว: 0.0
0 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
Nye by Sansiri / นายน์ บาย แสนสิริ
บริษัทผู้สร้าง
แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
สถานที่
ถ.กรุงธนบุรี แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร
สถานีรถไฟ BTS
BTS วงเวียนใหญ่ Distance 300 m.
สถานีรถไฟใต้ดิน
-
Airport Rail Link
-
สถานี BRT
-
พื้นที่
3-2-62 ไร่
ชั้น
คอนโด High Rise ตึกคู่ 30 ชั้น จำนวน 2 อาคาร
ยูนิต
636 ยูนิต
ที่จอดรถ
ไม่รวมจอดซ้อนคัน ประมาณ 52%
ลิฟท์
ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว +Service Lift 1 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร
สิ่งอำนวยความสดวก
ห้องสมุด,สระว่ายน้ำ ,ห้องออกกำลังกาย,สวนหย่อมและพื้นที่นั่งเล่น
ประเภทยูนิต
ประเภท
CONDO
studio
-
1 bedroom
30-43.5 ตร.ม.
2 bedroom
59.5-68 ตร.ม.
3 bedroom
-
Duplex
63-64 ตร.ม.
Penthouse
-
ประเภทอื่นๆ
-
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
2.7 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
100,000
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
2.99 ล้าน
ค่าส่วนกลาง
50 บาท/ตร.ม./เดือน
Sinking Fund fee
500 บาท/ตร.ม.
สร้างเสร็จ
ปี 2558
เว็บไซต์
http://www.sansiri.com/condominium/nye_sathorn_taksin/th/
1685
ถนนสาทร-ตากสินเป็นอีกหนึ่งทำเลฮอตสำหรับโปรเจคคอนโดมิเนียมเพราะนอกจากจะอยู่ในแนวรถไฟฟ้า (ที่เปิดให้บริการแล้ว) ยังอยู่ไม่ไกลย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD-Central Business District อย่างสาทร สีลม อีกด้วย เรียกได้ว่าจะเดินทางโดยรถไฟฟ้าก็รวดเร็ว เดินทางโดยรถยนต์ก็สะดวกไม่แพ้กัน
วันนี้เราจะโฟกัสกันที่สถานี BTS วงเวียนใหญ่ที่มีดีเวลลอปเปอร์แบรนด์ดังอย่าง “แสนสิริ” เข้ามาปักหมุดทำโครงการอยู่รอบสถานีในระยะเดินไม่เกิน 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า (แม้จะมีโครงการ Fuse สาทร-ตากสินจากค่ายพฤกษาฯ และThe Room บีทีเอส วงเวียนใหญ่จากพี่ใหญ่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยทำเลดีงามไม่แพ้กัน) โดยทำเลนี้แสนสิริ พัฒนาโครงการมาก่อนแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ Hive ตากสิน Hive สาทร และ Teal by Sansiri ยังรวมโครงการNyx by Sansiri ที่ยกเลิกการขายโครงการไปเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนโครงการล่าสุดที่เพิ่งสร้างเสร็จไปหมาดๆ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาคือ โครงการ Nye by Sansiri (ตอนนี้อยู่ระหว่างเก็บงานภายในให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมโอนห้อง)… ใครที่มีโอกาสเดินทางผ่านโซนนี้บ่อยๆ ต้องสังเกตเห็นตึกสีบรอนซ์ทองด้านๆ ชัดเจนแน่ๆ เพราะโลเคชั่นของโครงการอยู่ห่างจากบีทีเอสสถานีวงเวียนใหญ่แค่ 150 เมตร แม้ตัวโครงการจะไม่ติดถนนใหญ่แต่เรียกว่าเดินเลี้ยวเข้าซอยไปไม่ถึง 50 ก้าวก็ถึงตัวโครงการแล้ว
ก่อนจะเข้าไปลงดีเทลของโครงการแบบละเอียด ขอบรีฟภาพใหญ่ของโครงการคร่าวๆ ก่อน
Nye by Sansiri เป็นคอนโดมิเนียมในคอลเล็คชั่น “Live With Attitude” ซึ่งเป็นโปรเจคที่ได้คอนเซ็ปต์การออกแบบมาจากโทนสีต่างๆโดยคอนเซ็ปต์ของ Nye by Sansiri คือ The High Rise of Gold นำสีทองมา Blend เข้ากับดีไซน์ต่างๆ ในโครงการตั้งแต่พื้นที่เอาท์ดอร์ ล็อบบี้จนไปถึงลิฟต์ขึ้นอาคาร เรียกได้ว่าเอาสีทองมาเพิ่มลูกเล่นในงานอินทีเรียร์ทุกส่วนได้แบบเท่ๆ เรียบหรูและลงตัว
โครงการมีพื้นที่ทั้งหมด 3-2-62 ไร่ ถือว่าขนาดกำลังดีไม่อึดอัดสำหรับตึกสูง 30 ชั้น 2 ตึก ทั้งสองตึกเรียกกันแบบง่ายๆ ว่าตึก A กับตึก B ทั้งสองตึกมีห้องชุดรวมกัน 636 ห้องหรือตึกละ 318 ห้อง รูปแบบกาจัดวางฟลอร์แปลนและเลย์เอาท์ห้องของทั้งสองตึกเรียกได้ว่าเหมือนกันเป๊ะ จะต่างกันที่ Facility หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่บริเวณล็อบบี้ก็เท่านั้น
บอกได้เลยว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าโครงการบรรยากาศสงบ ร่มรื่นแถมด้วยเสียงน้ำตกไหลซู่ซ่า ดึงความรู้สึกผ่อนคลายสบายๆ เหมาะกับการพักผ่อนอยู่อาศัยสุดๆ
ตึก A
ตึก B
ด้านหน้าของโครงการหันไปทางทิศใต้ มีตึกกรุงธนแมนชั่นบล็อควิวด้านหน้า (บล็อคจริงถึงชั้น 6 ซึ่งไม่ใช่ชั้นพักอาศัยแต่ชั้นเจ็ดก็ยังเห็นดาดฟ้าตึกนี้อยู่) ถ้าชั้นที่สูงขึ้นไปอีกจะติดเห็นตึก Fuse ของพฤกษาฯ อันนี้ก็ไม่ถึงกับบังวิวซะทีเดียวเพราะถือว่าอยู่เยื้องๆ กัน ส่วนทิศเหนือเป็นวิวย่านชุมชนฝั่งธน ไม่มีตึกสูงขึ้นมาบล็อคแต่วิวชั้นต่ำๆ ก็ยังเป็นหลังคาบ้านซะเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ทิศตะวันออกจะเป็นซิตี้วิวฝั่งสาทร สีลม ชั้นที่สูงขึ้นไปมีโอกาสเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เอเชียทีคยาวไปถึงพระราม 3แต่จะเสียอารมณ์นิดนึงเพราะจะมีตึกสินสาธรที่อยู่ด้านข้างบล็อควิวบางส่วน ขณะที่ทิศตะวันตกเป็นวิวแนวรถไฟฟ้าฝั่งธนวิวด้านนี้จะเห็นแนวถนนสาทร-ตากสินและรางบีทีเอสแล้วก็จะเห็นตึกไฮฟ์ ตากสินที่อยู่เยื้องกัน
First impression ของ Nye อยู่ที่พื้นที่เอาท์ดอร์ต่อไปจนถึงล็อบบี้ที่ดูเว่อร์วังอลังการ เริ่มกันที่จุดเด่นที่สุดของโครงการ ส่วนตัวคิดว่าเป็นบ่อน้ำพร้อมพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่กลางโครงการหรือ Sunken Court เพราะเมื่อเดินเข้าโครงการก็จะเห็นมันอยู่ตรงหน้าแบบพอดิบพอดี ตัว Sunken Court นี้ถูกออกแบบให้โปร่งโล่ง สามารถมองทะลุไปถึงแนวกำแพงที่อยู่ด้านหลัง(แน่นอนว่ากำแพงด้านหลังก็ตกแต่งด้วยลูกเล่นโลหะสีทองแวววาว ดูเลอค่าตามคอนเซ็ปต์)
ขณะที่สองข้างซ้ายขวาเป็นสวนที่ตกแต่งในสไตล์ธรรมชาติ ไม่มากเกินไปจนรกและไม่น้อยจนร้อนเกินไป มาพร้อมกับพื้นที่นั่งเล่นเก๋ๆ ในบรรยากาศสบายๆ แถมด้วยของประดับสวนแบบเก๋ไก๋อย่างรูปปั้นกวางที่มีเขาสีทองสวยงามและกระถางต้นไม้ยักษ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าเอามาแต่งสวนแล้วจะสวยลงตัว (นอกจากจะให้ความรู้สึกโมเดิร์นแล้วยังเป็นม่านบังตาให้พื้นที่นั่งเล่นหน้าล็อบบี้ B เป็นส่วนตัวมากขึ้น)
กวางเขาทองหน้าตึก A ^^
กระถางยักษ์ที่หน้า Lobby B
หน้าตึก B นอกจากจะมีกระถางต้นไม้ยักษ์แล้วก็ยังมีจักรยานฟรีจากแสนสิริให้ยืมไปปั่นเล่นครับ ตามโครงการ The Good Bike
สำรวจพื้นที่นอกโครงการจนเหนื่อยแล้ว ก็เดินตามทางเข้ามายังตึก A กันบ้าง สิ่งแรกที่เด้งมากระแทกตาคือ ห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ด้านนอกของอาคารออกแบบได้ชิค หรูแบบมินิมอลด้วยกระจกเงา กระจกใส ภายในไม่ได้วางอะไรมากมายก็มีแค่โต๊ะกับเก้าอี้สำหรับไว้บริการลูกบ้านที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น
ราวจับสีทองทั้งหมด ออกแบบไว้ให้คนใช้รถเข็นได้ใช้งานได้ง่ายครับ
ห้องอเนกประสงค์
Prop ทุกอย่างก็สีทองหมด
ขณะที่ล็อบบี้ของตึก A ออกแบบได้เรียบเท่ ด้วยสีโทนดำ ทอง พร้อมของประดับแบบโคมไฟแวววาวของ Tom Dixon ดีไซน์เนอร์ชาวอังกฤษ เพดานล็อบบี้สูงโปร่งตัวล็อบบี้เปิดโล่งเป็นแนวยาว มีโต๊ะสูงตัวยาวตั้งไว้แทนเคานต์เตอร์ แถมด้วยชุดรับแขก พร้อมอาร์มแชร์ (ที่มีขาตั้งเป็นหัวแรด!!!!) สำหรับรับแขกหรือเป็นมุมนั่งเล่นชิลๆ สำหรับลูกบ้านด้วย (ห้องนิติบุคคลก็อยู่บริเวณล็อบบี้ตึก A เหมือนกัน)
เฟอร์สีดำและทองตัดกับแสงสีแดงจากโคมไฟได้ดีมากครับ
ไฮไลท์ของล็อบบี้ตึก A อยู่ที่ Business Lounge (จริงๆ ก็เป็นห้องอเนกประสงค์อีห้องหนึ่งของโครงการนี้นั่นแหละแต่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องแรก) ภายในตกแต่งอย่างเรียบเท่ เน้นโทนสีเทา-ดำ มีโซฟาบิลด์อินเป็นแนวยาว หันหน้าออกนอกโครงการเพื่อรับกับวิวของ Sunken Court
สุดทางเดินของล็อบบี้มีโคมไฟสีทอง (ดูคล้ายกับลูกนิมิตเรืองแสง….) ประดับอยู่เป็นแนวยาว ด้านขวามือจะเป็นห้องจดหมาย (Mailbox ของลูกบ้านสีทองอร่าม) ขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นห้อง Laundry มีเครื่องซักผ้ายี่ห้อง LG 3 เครื่องและเครื่องอบผ้าอีก 1 เครื่องเอาไว้เซอร์วิสลูกบ้านตึก A
ดูใกล้ๆมี texture สวยมากครับ
แวะไปเลี้ยวเข้าห้องน้ำส่วนกลางกันครับ… ห๊ะอะไรนะนี่ห้องน้ำส่วนกลาง!!!
ขณะที่โถงลิฟต์ประกอบด้วยลิฟต์ 3 ตัว (ลิฟต์ขนของจะซ่อนอยู่อีกด้านหนึ่ง) สำหรับรองรับลูกบ้าน 318 ห้อง ลิฟต์ที่นี่ใช้ระบบคีย์การ์ดแบบล็อกชั้นซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไปของโครงการคอนโดมิเนียม ภายในลิฟต์นอกจากจะเอื้อแก่คนใช้วีลแชร์เพราะมีปุ่มกดสำหรับวีลแชร์และทางลาดเพื่อสะดวกต่อการเข้าออกลิฟต์แล้วยังมีลูกเล่นคือการประดับโคมไฟแอลอีดีไว้ภายในลิฟต์ด้วย
ขนาดพื้นหินแกรนิตดำยังเลือกลายให้สะท้อนกับแสงเป็นสีทองเลยครับ
โถงลิฟท์ก็มี Prop สีทองแบบจัดเต็มด้วย
ขณะที่ล็อบบี้ตึก B เป็นโถงกว้างตกแต่งในสไตล์ที่เรียบหรู ใช้ชุดโซฟาขนาดใหญ่ตั้งไว้สำหรับรับแขกหรือนั่งเล่น มีโคมไฟสไตล์อินดรัสเทียลไลซ์จากดีไซน์ชาวอังกฤษ Lee Broom ส่วนตามแนวทางเดินไปยังห้องจดหมายกับห้องซักผ้าก็ตกแต่งด้วยโลหะเคลือบสีทองแวววาวตลอดแนวผนังและมีโคมไฟตั้งพื้นที่ขาตั้งเป็นรูปปืนสีทองพร้อมกับเก้าอี้อาร์มแชร์ตั้งไว้เป็นระยะๆ ขณะที่ลิฟต์ของตึก B ก็มีการตกแต่งแบบเรียบเท่ ด้วยการใช้โลหะสีทองแวววาวเข้ามาตัดกับผนังลิฟต์สีดำ
โคมไฟปืน M16 สีทอง!!!
ไหนลองดูห้องน้ำตึก B ซิ….กรี้ดดด
บริเวณล็อบบี้ตึก B ยังมีฟิตเนสกรุกระจกใสให้เห็นเทควิวของ Sunken Court อุปกรณ์สำหรับออกกำลังการมีทั้งลู่วิ่ง จักรยาน และเวทหลากหลายรูปแบบ จะติดก็ตรงที่ฟิตเนสมีขนาดเล็กไปนิดสำหรับคนทั้งโครงการ นอกจากนี้ยังมีห้องดูโฮมเทียเตอร์ สำหรับดูหนัง ตกแต่งในสไตล์เดียวกันกับล็อบบี้ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุด (ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขาย) อยู่ด้านนอกตัวอาคารด้วย
นี่ห้องสมุดหรอเนี่ย แสบตาไปหมดเบย!!
ห้อง Home Theatre ไม่ได้เป็นจอภาพยนตร์และเก้าอี้ แบบโรงหนังหรือที่ The Address Asoke นะครับ แต่เป็นโซฟาสามตัว และทีวี LED
ฟิตเนส มีที่ล้อบบี้ B ที่เดียวนะครับ.. ดูค่อนข้างเล็กไปนิดนะครับผมว่า
โถงลิฟท์ล้อบบี้ B ออกแนวหรูเรียบครับ
หลายคนอาจมองว่า Facility ที่ถูกดีไซน์ให้อยู่แบบแยกส่วนกันอาจไม่ใช่ข้อดีสักเท่าไหร่ เพราะต้องเดินไปเดินมาระหว่างอาคาร แต่โครงการก็ออกแบบให้แต่ละอาคารมีสระว่ายน้ำและสวนดาดฟ้าเป็นของตัวเองโดยออกแบบให้เหมือนกันเป๊ะแบบไม่ต้องกลัวน้อยหน้ากัน (จะต่างกันก็ตรงที่ห้องอาบน้ำของตึก A จะตกแต่งในโทนสีขาว ขณะที่ตึก B จะตกแต่งในโทนสีดำ)
ตึก A โทนสีขาวทอง
ตึก B โทนสีดำทอง
สระว่ายน้ำของที่นี่อยู่บนชั้น 7 ของทั้งสองอาคาร ออกแบบให้เป็น Infinity edge pool พร้อมสระ Jacuzzi 7 ภาพรวมถือว่าร่มรื่น นอกจากจะมีต้นไม้ใหญ่แล้วตัวสระหันไปทางทิศใต้ ตึก A จะตึกตึกกรุงธนแมนชั่นด้านหน้า มีเงาจากตัวอาคารบังแดดบ่าย จะติดก็ตรงที่สระว่ายน้ำเล็กไปนิด สำหรับคนที่เน้นออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำเก็บสโตรคก็อาจจะไม่ฟินสักเท่าไหร่
สระตึก A
ห้องนี้อยู่หน้าบ่อจากุซซี่เลยแฮะ
กรุงธนแมนชั่นชั้น 6 ได้วิวสระไปเลยฮะ
สระตึก B
นอกจากนี้ก็ยังมีสวนดาดฟ้าแยกกันเป็นของตัวเองซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 1 ชั้นจากชั้น 30 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร พูดถึงสวนดาดฟ้าแล้วถือว่าขนาดเล็กมากและมีการก่อกำแพงทึบค่อนข้างสูงบล็อกวิวที่ควรจะได้เห็นไปเยอะทีเดียว (น่าจะลดความสูงหรือใช้เป็นกระจกใสแทน) โดยภาพรวมต้องบอกว่าวิวจากตึก B จะสวยกว่าตึก A เพราะสามารถเทควิวได้กว้างกว่าเพราะเห็นทั้งวิวย่านบางรัก โค้งแม่น้ำบริเวณเอเชียทีคและวิวแม่น้ำโซนพระราม 3
บิลด์ความอลังการของพื้นที่ส่วนกลางมาซะเยอะ ขอวกกลับมาดูรายละเอียดห้องกันบ้าง ตอนนี้โครงการมีห้องเหลือขายประมาณ 30 ห้อง เป็นห้องไซส์ 35 ตารางเมตรทั้งหมด (ความจริงมีแบบ 2 ห้องนอนและห้องดูเพล็กซ์ให้เลือกด้วยแต่ Sold out ไปแล้ว) ตัวห้องมีให้เลือกหลายทิศหลายวิว สำหรับตึก A ห้องเหลือขายมีตั้งแต่ชั้น 7-17 และตึก B เหลือแค่ชั้น 7-13 เท่านั้น เรียกได้ว่าอยู่ใน Low Zone แทบจะทั้งหมด
ฟลอร์แปลนชั้นที่ยังมียูนิตเหลือขาย
ฟลอร์แปลนเป็นแอลเชป ไม่แน่นมาก เป็นส่วนตัว ชั้นนึงมีห้องพักประมาณ 17-18 ห้อง
เลย์เอาท์ห้องไซส์ 35 ตารางเมตร
ดูจากเลย์เอาท์ห้องห้องนอนค่อนข้างเล็ก เหมาะกับการวางเตียง 5 ฟุตมากกว่า จะได้มีสเปซเหลือไว้วางโต๊ะหรือเก้าอี้นั่งเล่นสบายๆสักตัวเพราะในห้องนอนจะมีกระจกใสขนาดใหญ่ไว้ให้เทควิวนอกโครงการด้วย โครงการมีระเบียงให้ด้วย ระเบียงค่อนข้างยาวแต่ไม่กว้าง เหมาะกับการออกไปยืนรับลมมากกว่าจัดสรรพื้นที่นั่งเล่น
ตอนนี้โครงการมีโปรโมชั่นห้องเปล่าราคา 4.5 ล้านบาท หรือ 1.28 แสนบาท/ตร.ม. (ขยับขึ้นจากตอนเปิดตัวหรือช่วงพรีเซล ที่เริ่มที่ 9 หมื่นปลายๆ ถึงแสนต้นๆ ต่อตร.ม.) ราคานี้เป็นราคาพิเศษลูกค้าที่ซื้อจะไม่ได้ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ฟรีเงินกองทุน (Sinking fund ตารางเมตรละ 500) และค่าส่วนกลาง 1 ปี (ตารางเมตรละ 50 บาทต่อเดือน) แต่หากซื้อในราคาปกติจะเริ่มต้นที่ 4.8 ล้านบาท หรือ 1.37 แสนบาท/ตร.ม. โดยใครที่ซื้อราคานี้จะได้โปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมการโอน เงินกองทุนและค่าส่วนกลาง 1 ปี
ความจริงคำว่าห้องเปล่าของที่นี่ก็ไม่ได้เปล่าซะทีเดียว ถือว่าตกแต่งแบบ Fully fitted คือ ลูกบ้านจะได้ห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินแบรนด์โมเดอร์นฟอร์ม (มีเคาน์เตอร์ครัวท็อปหินแกรนิตสีดำมาพร้อมฮู้ดดูดควัน เตาไฟฟ้าและอ่างล้างจานจาก MEX, บานเลื่อนระหว่างโซนวางเครื่องซักผ้าและชั้นโชว์-ตู้วางรองเท้า, และตู้เสื้อผ้าพร้อมช่องเก็บของแบบจัดเต็ม งานบิลด์อินตู้เสื้อผ้าถือว่าโอเคมาก)
ขณะที่ห้องน้ำแยกโซนเปียก-แห้งชัดเจนด้วยบานกระจกนิรภัยแบบเปิดปิดของวีอาร์เอช โซนอาบน้ำผนังใช้หินอ่อนไซส์ใหญ่ สุขภัณฑ์จากแบรนด์อเมริกันสแตนดาร์ด (ขอตินิดนึงว่าโถสุขภัณฑ์ไซส์เล็กไปนิด) ส่วนก็อกน้ำเป็นก็อกแบบผสมของแบรนด์Englefiled ในเครือ Kohler พร้อมกับที่วางสบู่ขนาดกระทัดรัด
ประตูทางเข้าใช้มือจับเป็นแบบก้านพร้อมระบบ Digital Door Lock แบรนด์ Yale สามารถเลือกใช้ได้ทั้งคีย์การ์ด พาสเวิร์ดและกุญแจ พร้อมกริ่งหน้าประตูแบรนด์ Panasonic มีธรณีประตูเล็กๆ (แม้ลิฟต์จะเอื้อให้วีลแชร์แต่พอมาถึงทางเข้าห้องก็จบเพราะก่อธรณีประตูขึ้นมาแทนที่จะออกแบบให้เป็นทางลาด) เพดานภายในห้องสูง 2.7 เมตร (ระยะดรอปสูง 2.5 เมตร) มาพร้อมกับแอร์ยี่ห้อ Daikin 2 ตัว มีทั้งแบบฝังในห้องนั่งเล่นและแบบแขวนในห้องนอน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบตรวจจับควันพร้อมกับสปริงเกอร์ฉีดน้ำด้วย พื้นส่วนครัวปูด้วยกระเบื้องขณะที่ส่วนนั่งเล่นและห้องนอนปูด้วยลามิเนต
พาชมห้อง Limited Edition by Quattro Design
ขึ้นชื่อว่าแสนสิริแล้วก็ต้องมีกิมมิกชิคๆ ให้ลูกค้า สำหรับโปรเจ็กต์นี้แสนสิริจับมือกับ Quattro Design ตกแต่งห้องชุดแบบLimited Edition 5 ห้อง โดยทำให้เป็นห้องชุดแบบ Fully Furnished พร้อมลากกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย เฟอร์ฯเป็นแบบลอยตัวเกือบทั้งหมดพร้อมติดวอลเปเปอร์ให้บางส่วน แถมของประดับทุกอย่างในห้องราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.2 ล้านบาทต่อห้องหรือเฉลี่ยแล้ว 1.48 แสนบาท/ตร.ม. (ราคาโดดจากห้องปกติอยู่พอสมควร)
ห้องแรกอยู่ที่ชั้น 7 ของตึก A วิวทิศเหนือ วิวเป็นวิวชุมชนย่านฝั่งธน (มีหลังคาบ้านเต็มไปหมด) แต่ถ้าอยู่ชั้นสูงหน่อยก็จะเห็นวิวไกลขึ้นและโอเคขึ้น ห้องตกแต่งในสไตล์หวานๆ ออกแนววินเทจนิดๆ เน้นเฟอร์นิเจอร์โทนสีขาว เงิน เทาอ่อนและใช้ของประดับสีมันวาวมาเพิ่มลูกเล่น
สวิตซ์ไฟยังมีสีทองเลยคุณ
ห้องที่ 2 ยังอยู่ที่ชั้น 7 ของตึก A วิวทิศเหนือ เป็นห้องที่อยู่ถัดจากห้องแรก ห้องนี้ตกแต่งในโทนสีม่วงทองนะ
ห้องที่ 3 ขยับขึ้นไปชั้น 13 ของตึก A วิวยังคงเป็นทิศเหนือ เหมือนเดิมแต่โปร่งขึ้นกว่าตอนอยู่ชั้น 7 ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์แบบเรียบเท่ ดูเป็นธรรมชาติ เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีโทนน้ำตาลอ่อน ตัดกับ Prop สีเขียว ดูแล้ว minimal กว่าห้องอื่น แต่ก็ยังซ่อนให้ความรู้สึกหรูหราด้วยของตกแต่งแบบเงาๆ
ห้องที่ 4 ก็ยังอยู่บนชั้น 13 ของตึก A ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์ Modern Contemporary เน้นการใช้สีเอิร์ธโทนอย่างน้ำตาล เข้มตัดกับ wallpaper สีน้ำตาลอ่อน ดูเรียบง่ายและอบอุ่น build in โต๊ะทำงานติดหน้าต่างห้องนอน…ผมชอบสไตล์นี้สุดครับ
ห้องที่ 5 อยู่บนชั้น 11 ของตึก A วิวทิศตะวันตก วิวโซนนี้จะเห็นถนนสาทร-ตากสิน เห็นแนวรางบีทีเอสบ้าง จะติดก็ตรงที่ชนกับด้านข้างของโครงการไฮฟ์ ตากสิน ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน บวกกับอิทธิฤทธิ์แดดบ่ายอีกนิด ห้องนี้ตกแต่งโดยเน้นสีครีม-ทอง ใช้ Prop สีน้ำเงินเข้ม ตัดกับโลหะสีเงิน
สรุปแล้ว ห้อง Quattro Design ก็คือห้องตัวอย่างดีๆ นี่แหละ ห้องดีไซน์นี้จึงมีเฉพาะตึก A เท่านั้น เพราะเป็นตึกที่ก่อสร้างและเก็บงานก้าวหน้ากว่าตึก B
ตอนนี้ลูกบ้านก็เริ่มทยอยตรวจรับมอบห้องและโอนกรรมสิทธิ์กันบ้างแล้ว มีคนย้ายเข้ามาอยู่แล้วด้วย แอบกระซิบถามเซลล์ว่าคนซื้อเป็นใครบ้าง? เซลล์บอกว่า ส่วนใหญ่ถ้าไม่ทำงานในละแวกนี้ก็มีที่ทำงานอยู่ในแนวรถไฟฟ้าหรืออยู่ในย่านซีบีดี สีสม สาทร อีกกลุ่มหนึ่งก็จะเป็นผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนดังอย่างอัสสัมชัญ บางรัก คือซื้อไว้อยู่ช่วงวีคเดย์จะได้อำนวยความสะดวกในการไปกลับโรงเรียนของลูกหลาน และกลุ่มสุดท้ายก็เป็นกลุ่ม expat ต่างชาติ มีทั้งจีน ฮ่องกง ตะวันตกก็มีเหมือนกันแต่กลุ่มนี้ไม่มากเท่าไหร่
โดยภาพรวมโครงการนี้สวยงาม สมราคา บรรยากาศก็สงบเหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นที่สุด ดังนั้นใครอยากได้ อยากอยู่กำลังซื้อถึง ขอเชิญให้แวะเวียนมาเยี่ยมชมว่าถูกใจรึเปล่าเพราะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลย ที่เชียร์โครงการนี้เพราะ Facility ส่วนกลางและบรรยากาศโอเค ด้านทำเลก็ถือว่าโอเคเลยเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าแต่คนมีรถก็ซื้ออยู่ได้เพราะให้ที่จอดรถ 60%
ส่วนข้อเสียของโครงการก็มีให้ติอยู่บ้าง เริ่มจากสะว่ายน้ำกับฟิตเนสเล็กไปนิด คนที่ชอบออกกำลังกายอาจไม่แฮปปี้เท่าไหร่ขณะที่สวนดาดฟ้าที่น่าจะเปิดให้ลูกบ้านเทควิวสวยๆ ได้แบบสบายๆ ก็กลับก่อกำแพงสูงทึบ ทำเอาเสียบรรยากาศไปเหมือนกัน แถมขนาดยังเล็กมาก (แต่ชดเชยได้ด้วยสวนบริเวณชั้นล่าง) อีกอย่างที่น่าเสียดายคือ การก่อธรณีประตูห้องเพราะตัวลิฟต์อุส่าห์ออกแบบให้รองรับคนใช้วีลแชร์ได้โดยเฉพาะแต่กลับมาตกม้าตายเอาตอนมีธรณีประตูนี่แหละ
ส่วนใครที่คิดลงทุน ถ้าซื้อไว้ตั้งแต่มือแรก (ช่วงที่โครงการยังสร้างไม่เสร็จ) ตอนนี้ถ้าขายทำกำไรก็คงแฮปปี้ไปตามๆ กันแต่ใครที่คิดจะซื้อลงทุนทำกำไรไม่ว่าจะขายต่อหรือปล่อยเช่า โมเมนต์นี้ไม่เชียร์เลยเพราะราคาขยับขึ้นมาเยอะแล้ว ขณะที่ค่าเช่าโซนสาทร-ตากสินอยู่ที่ 500-600 บาท/ตร.ม. ขณะที่ราคาคอนโดฯอยู่ที่ 4 ล้านกว่าบาท ถ้ากู้แบงก์ก็ต้องผ่อนเดือนละ 25,000-28,000 บาทต่อเดือน ดูแล้วไม่ค่อยคุ้มกันนะ… และอีกอย่างแถวนี้มี supply ห้องเล็กราคาถูกให้คนงบน้อยได้เลือกเช่าอยู่ได้อย่างที่ Ideo Mobi Sathorn หรือ Ideo Sathorn Thaphra
ส่วนโครงการบ้านใกล้เรือนเคียงที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้วก็มี The Room บีทีเอส วงเวียนใหญ่ จากแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตอนนี้ปิดการขายไปเรียบร้อยแล้ว ใครอยากได้ก็ต้องไปหาซื้อในราคารีเซลเอา ส่วนโครงการเปิดตัวใหม่อย่าง The Rich สาทร-ตากสิน จากค่ายริชี่เพลซ ที่ตั้งอยู่ห่างจากบีทีเอสวงเวียนใหญ่ 100 เมตร และเพิ่งจะเริ่มเปิดขายด้วยราคา 2.7 ล้านบาทหรือ 1.12 แสนบาท/ตร.ม. สำหรับห้องสตูดิโอ 24 ตร.ม. และ 3.2-3.5 ล้านบาท หรือประมาณ 1.10-1.16 แสนบาท/ตร.ม. สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. ขณะที่ Bright วงเวียนใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างบีทีเอสวงเวียนใหญ่กับโพธิ์นิมิตร ตอนนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง ห้องแบบ One bed 35 ตร.ม. ราคาก็เริ่มที่ 4.3 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1.22 แสนบาท/ตร.ม. ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจแต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จ มองแล้วถ้าเป็นโครงการพร้อมอยู่สร้างเสร็จใหม่ด้วยกันก็ต้องเลยไปอีกสถานีนึงที่โครงการ Ideo Sathorn Thaphra ครับ ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับกลุ่มคนที่มีงบประมาณจำกัด อยู่คนเดียว โดยที่ไม่เน้นความหรูหราของการตกแต่งส่วนกลางครับ
ปิดท้ายด้วยวิวครับ อันนี้ทิศใต้ชั้นสูง
ทิศเหนือ
ทิศตะวันตก
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
วันนี้เราจะโฟกัสกันที่สถานี BTS วงเวียนใหญ่ที่มีดีเวลลอปเปอร์แบรนด์ดังอย่าง “แสนสิริ” เข้ามาปักหมุดทำโครงการอยู่รอบสถานีในระยะเดินไม่เกิน 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า
PROPSCORE™
3.6
0
0 รีวิว
รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
Ultra - Luxury Real Estate ที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ในแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร คือหนึ่งใน Top Collectible Asset List ที่กลุ่มลูกค้า HNWI ทั่วโลกนิยมซื้อสะสม ไม่แพ้ Asset ประเภทอื่นครับ อ่านต่อ
14 May, 2025
RASA ONE พลิกโฉมครั้งสำคัญ สู่อาคารสำนักงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานยุคใหม่ ด้วยแนวคิด Workplace redefined
เผยชื่อพร้อมราคาแล้ว! WIDEN by Sansiri คอนโดใหม่ เลี้ยงสัตว์ได้ แห่งแรกบนถนนนางลิ้นจี่ จากแสนสิริ และ บริษัท โตคิว ดีเวลลอปเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด
IRA Residences Ngamwongwan เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในทุกมิติ แห่งแรกในย่านงามวงศ์วานจาก NYE ESTATE
ค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ ผ่านประสบการณ์แห่งมิติสีสันล้ำอนาคต ไปกับ “Nippon Paint Thematic Pavilion : The Future City” ที่งานสถาปนิก’68
เดการ์ บาย เอสซีจี (DECAAR by SCG) แบรนด์วัสดุตกแต่งโดยเฉพาะงานฟาซาดและพื้นภายนอกจากธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง พลิกโฉมวงการวัสดุตกแต่งอาคาร ตามคำมั่นสัญญา ‘Greenovation for Better Living’