เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 23 May, 2019 เวลา 16.57 pm
Prop score™: 4.2
คะแนนรีวิว: 4.4
3 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
Supalai Icon Sathorn
บริษัทผู้สร้าง
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
สถานที่
ถนนสาทรใต้
สถานีรถไฟ BTS
BTS ช่องนนทรี Distance 900 m./BTS ศาลาแดง Distance 900 m.
สถานีรถไฟใต้ดิน
MRT ลุมพินี Distance 800 m.
Airport Rail Link
-
สถานี BRT
-
พื้นที่
7-3-82 ไร่
ชั้น
56 ชั้น
ยูนิต
787 ยูนิต
ที่จอดรถ
63% ของจำนวนยูนิตพักอาศัย แบบวนจอด แต่เมื่อรวมกับที่จอดรถแบบขายสิทธิ์ในการจอดประจำแล้ว จะรวมเป็นมากกว่า 100% ของจำนวนยูนิต
ลิฟท์
Passenger Lift 8 ตัว, Parking Lift 2 ตัว, Service Lift 2 ตัว
สิ่งอำนวยความสดวก
EV Charger, สระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ, Fitness, Roof Garden, Boxing, Co-living Space, Table tennis Room, Kid’s Room, Aerobic & Yoga, Playground, Yoga Fly, Mini Climbing Simulation, HydrotherapySauna & Steam, Group Cycling, Sky Lounge
ประเภทยูนิต
ประเภท
คอนโด High Rise/คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่/CONDO/MIxed Use
studio
-
1 bedroom
42 – 61 ตร.ม.
2 bedroom
65- 98 ตร.ม.
3 bedroom
100.5-343 ตร.ม.
Duplex
Duplex 4 ห้องนอน ขนาด 206.5-350 ตร.ม.
Penthouse
Super Penthouse 970 ตร.ม.
ประเภทอื่นๆ
-
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
2.85 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
175,000 บาท/ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
8.2 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
n/a
Sinking Fund fee
n/a
สร้างเสร็จ
คาดว่าแล้วเสร็จปี 2567
เว็บไซต์
www.supalaiicon.com
1720
เหมือนยกออสเตรเลียมาทั้งทวีป! กับสุดยอดโครงการ Luxury Mixed Use แห่งใหม่ที่ดีที่สุดของศุภาลัย “Supalai Icon Sathorn”
นับตั้งแต่ที่ศุภาลัยเป็นผู้ชนะการประมูลที่ดินสุด Prime ในย่านสาทร ที่เคยเป็นของสถานฑูตออสเตรเลียในอดีต มาด้วยเม็ดเงินที่เป็นสถิติของบริษัทถึง 1.45 ล้านบาท ต่อตารางวา หลายคนจึงล้วนแต่จับตามองว่าศุภาลัยจะพัฒนาโครงการบนที่ดิน 7-3-82 ไร่นี้ออกมาอย่างไร เพื่อให้สมกับการที่ได้ครอบครองที่ดินระดับตำนาน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของงานสถาปัตยกรรมที่ได้ชื่อว่าสวยงามเป็นอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ และโครงการใหม่บนที่ดินผืนนี้จะสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของที่ดินแปลงนี้ได้ดีขนาดไหน
ด้วยทำเลที่ตั้งบนถนนใหญ่สาทรที่มี Exposure โดดเด่น และด้วยความที่สาทรเป็นศูนย์รวมความเจริญอันดับต้นๆ และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ หรือ Real CBD ของกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง ซึ่งอัดแน่นไปด้วยความเข้มข้นของการใช้งาน ที่ครอบคลุมทุก lifestyle การใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแหล่งงาน (Workplace) สถานศึกษา (School) โรงพยาบาล (Medical) การเดินทาง (Accessibility) สถานที่จับจ่ายซื้อของ (Shopping) และ สถานพักผ่อนหย่อนใจ (Recreation) ที่ครบครันในทุกการเดินทางของมหานคร ทั้งรถยนต์ส่วนตัว BTS MRT ที่สานเป็นโครงข่ายเชื่อมการเดินทางอย่างง่ายดาย ใครก็ตามที่มีโอกาสคว้าที่ดินแปลงนี้ไปพัฒนา ก็ล้วนแต่สร้างความอิจฉาให้กับผู้พัฒนาโครงการรายอื่นๆ ที่ต่างก็จดๆจ้องๆจะคว้าที่ดินแปลงนี้ทั้งนั้น แต่แล้วก็กลับกลายเป็นศุภาลัยที่พร้อมโอนทุ่มเงินสดกว่า 4,600 ลบ.ปิดดีลนี้ก่อนใคร
ซึ่งเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาทางศุภาลัยก็ได้เผยโฉมโครงการใหม่ให้เห็นแล้วในงานแถลงข่าว โดยบริษัทฯ เองก็ หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็น โครงการ Luxury Mixed Use ที่มีทั้งที่อยู่อาศัย สำนักงาน ร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ที่พร้อมจะเป็น New Landmark ในย่านสาทร ภายใต้ชื่อ Supalai Icon Sathorn (ศุภาลัย ไอคอน สาทร) เอกอัครสถานแห่งถนนสาทร อาณาจักรแห่งความสุข และความสำเร็จ ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ ที่มาพร้อมกับสเปค และระดับราคา รวมถึงมูลค่าโครงการที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทศุภาลัยมา
นับว่าเป็นคู่แข่งรายใหม่โดยอ้อม สำหรับอีกหลายโครงการ Mega Project ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนถนนพระรามสี่ ทั้งจากค่าย TCC, และโครงการ Dusit Central Park เนื่องจากอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก
แล้ว Supalai Icon Sathorn เอกอัครสถานแห่งถนนสาทร อาณาจักรแห่งความสุข และความสำเร็จ ที่เป็น New Landmark ของสาทรแห่งนี้ดีอย่างไร? คงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเช่นกัน ต้องย้อนกลับไปที่ตอนที่ที่ดินผืนนี้เปิดประมูล หลายคนสนใจในที่ดินผืนนี้ เพราะสาทร เรียกว่าเป็นที่ดินที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนที่ดินติดถนนใหญ่ ผืนใหญ่พอที่จะพัฒนาโครงการเริ่มเหลือน้อยเต็มที ซึ่งที่ผืนดังกล่าวเป็นที่ผืนใหญ่ของสถานทูตออสเตรเลียเดิม ที่มีทำเลติดถนนสาทรในระยะหน้ากว้าง ทำให้สามารถพัฒนาโครงการขนาดสูงได้ รวมทั้งเป็นทำเลฝั่งซอยสวนพลู ซึ่งแตกต่างจากฝั่งสุรศักดิ์ และริมถนนพระรามสี่ ซึ่งทั้งสองฝั่งก็มีข้อเสียในสายตาของใครหลายๆคนก็คือ ฝั่งสุรศักดิ์รถจะติดมากกว่า และฝั่งพระรามสี่ – สาทร ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโด Leasehold ที่มีราคาแพง และอยู่เลยไปทางช่วงสามย่าน หัวลำโพง หรือไม่ก็ทางพระโขนง ในขณะที่ตั้งของศุภาลัย อาจจะดูค่อนข้างห่างจาก MRT ลุมพินี แต่ก็มีความได้เปรียบตรงที่เป็นกึ่งกลางระหว่าง MRT และแยกสาทร–นราธิวาส ที่เป็นที่ตั้งของ BTS ช่องนนทรี และศูนย์รวมของการคมนาคมที่สามารถเชื่อมต่อไปยัง BRTได้ และหากใช้รถยนตร์ส่วนตัวก็ยังสามารถลัดเลาะไปทางซอยย่อยอย่างสาทรซอย 1 จากฝั่งพระรามสี่ หรือจะตัดออกพระราม3 นราธิวาสทางซอยสวนพลูก็ได้เช่นกัน อีกข้อได้เปรียบก็คือ ในช่วงนี้สาทรไม่ได้มี Supply คอนโดสูง เกิดใหม่ขึ้นมามากเท่าไหร่นัก ทำให้ไม่ได้มีตัวเลือกในการเปรียบเทียบมากนัด หากเทียบกับฝั่งสุรศักดิ์ หรือริมถนนพระรามสี่ที่น่าจะเป็นพื้นที่คอนโดสูงที่ใกล้ที่สุด
อีกประการในแง่ของตัว Product ต้องเรียกว่าค่อนข้างสร้างความเปลี่ยนแปลงและความแตกต่าง เพราะนี่คือโครงการแรกของ Supalai ที่ใช้พาร์ทเนอร์มาร่วมพัฒนาถึง 3 ราย ถึงแม้ว่าจะออกแบบตัวอาคารเอง แต่ก็ได้ทีม Landscape อย่าง Beaumont ทีม Interior จาก DWP และยังมีทีม Lighting จาก Lightbox อีกด้วย ทำให้ภาพรวมของตัวproduct ฉีกความเป็นศุภาลัยออกไปจากภาพจำเดิมๆ รวมทั้งยังก้าวข้ามผ่านมาตรฐานของสเปคห้องแบบศุภาลัยที่เคยทำมาในอดีต อาทิ การใช้วัสดุที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคาร และยังแข็งแรง ปลอดภัย ป้องกันเสียง กับการใช้ กระจกแบบ Double Glazing
พื้นส่วน Living Area ที่ปูด้วยกระเบื้อง Cotto Italia
การควบคุมอุณหภูมิห้องด้วยเครื่องปรับอากาศระบบความเย็นอัจฉริยะแบบ Cassette Type ระบบ VRV ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากกว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไป
ปลั๊กไปจากแบรนด์ Schneider สีคอปเปอร์ที่ใช้เป็นที่แรกในไทย หรือแม้แต่ที่เสียบปลั๊กแบบ pop up
การออกแบบ Smart Kitchen จากแบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลกอาทิ kuppersbusch ที่ดีไซน์ชุดครัวที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานด้วยเทคโนโลยี และวัสดุที่ทันสมัย หรูหราไปกับนวัตกรรมขั้นสูง
สุขภัณฑ์อัตโนมัติที่มาพร้อมสายฉีดชำระในตัว และระบบทำความสะอาดที่ทันสมัยเหนือระดับ
ปลอดภัยกับประตูเข้าห้องพักอาศัยด้วยระบบ Digital Door Lock และติดตั้งระบบ Home Automation ภายในห้องพักที่สามารถรองรับการใช้งานผ่านทาง Smartphone เป็นต้น
เรียกว่าจัดเต็มมากๆ หากเทียบกับศุภาลัยที่ผ่านๆมา จนเชื่อว่าหลายท่านคงอยากเห็นห้องตัวอย่างและโครงการกันแล้ว
ตัวโครงการเป็นโครงการ Mixed Use ที่มีอาคารพาณิชยกรรมอยู่ด้านหน้าติดทางเข้าขนาดประมาณ 19,000 ตารางเมตร จำนวน 14 ชั้น ส่วนอาคารที่พักอาศัยอยู่ด้านในถัดจากอาคารพาณิชยกรรมเข้าไป โดยอาคารพาณิชยกรรมด้านหน้าที่ชั้น 14 จะเท่ากับอาคารที่พักอาศัยชั้น 19
โดยตัวอาคารทั้งสองอยู่ติดกัน แต่แยกระบบการใช้งานรวมทั้งลิฟท์ สามารถเชื่อมถึงกันได้แค่ที่ชั้น 1 เท่านั้น โดยพื้นที่ทางเข้าหลักจะใช้ร่วมกัน และไปแยกที่บริเวณลานจอดรถด้านใน
ส่วนตัวอาคารที่พักอาศัย สูง 56 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้า) ตัวอาคารดีไซน์ให้สูงสุดที่ด้านหน้าของอาคารที่พักอาศัย หรือส่วนที่ติดส่วนพาณิชยกรรมด้านหน้า และไปลดทอนความสูงที่ด้านหลังโครงการ และออกแบบเป็นพื้นที่ private และ facility ต่างๆ ของส่วนที่พักอาศัยไว้ที่ด้านใน เป็นผังอาคารส่วน Tower รูปตัวที ในแนวทิศเหนือ-ใต้ เรียกว่าถึงแม้ตัวอาคารจะติดกับพื้นที่ขายและพื้นที่ใช้งานของคนนอก แต่ก็รับประกับความส่วนตัวของโซนที่พักอาศัยไว้ระดับนึง เป็นการวางผังอาคาร ที่ คำนึงถึง Space ระยะห่างพื้นที่ข้างเคียง รวมทั้งทิศแดด ทิศลม ฝน การรับวิว การระบายอากาศ และเพื่อเป็นอาคารประหยัดพลังงานของตัวอาคาร
และผสานการดีไซน์สไตล์ Modern Contemporary ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและอิสระของเส้นสายลวดลายแบบ Australia จนถึงการใช้สีอาคาร ที่เป็นโทนสี earth tone อย่าง สีขาว สีเทา ที่ให้ความรู้สึกโล่ง โปร่ง สบาย และใช้วัสดุทองแดง มาเป็นองค์ประกอบรูปด้านอาคารเพื่อให้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น และสร้างจุดเด่นกับยอดอาคารภายนอกที่เป็นเส้นโค้งที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Sydney Harbor Bridge และยังสอดคล้องกับสุริยันจันทรา และสายรุ้ง โดยบนยอดนี้มีการประดับไฟให้ดูเป็นประกายระยิบระยับเหมือนกับทางช้างเผือกที่ส่องแสงแวววาวในยามค่ำคืนที่มืดสนิทของเกาะแทสมาเนีย
ภายในอาคารส่วน Commercial มีโถง Vertical Sky-light Atrium สูง 60 เมตร เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่โล่ง โปร่ง รื่นรมย์ ที่ไม่พบในอาคารอื่นๆ
นอกจากการดึงลวดลายเส้นสายแบบ Australia มาแล้ว ยังดึงเอาศิลปะ ประติมากรรม ผสานการออกแบบ Landscapeที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และความโดนเด่นของประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้สัมผัสบรรยากาศท้องถิ่น ที่สร้างเอกลักษณ์แตกต่างและสื่อความหมายในทางที่ดี เช่น หมู่จิงโจ้กระโดดที่อยู่หน้าโครงการ บริเวณ ชั้น 1 ENTRY PLAZA DROP OFF สื่อถึงความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง และความสามัคคีกลมเกลียว
หมู่หมีโคอาลาเรืองแสงสีขาว บริเวณ OFFICE AND RESIDENTAIL DROP OFF สื่อถึงความสมบูรณ์พูนสุข
ที่ออกแบบให้ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวที่ผู้พักอาศัยสัมผัสกับความเป็นธรรมชาติ อย่าง URBAN PARK พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจที่สามารถหลีกหนีความวุ่นวายภายนอก เพราะเป็นพื้นที่สวนขนาดใหญ่แทรกไปกับลำธาร เสมือนให้คุณได้เดินอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งธรรมชาติ ตลอดจนการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ๆ ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะด้านหลังอาคารที่ออกแบบเป็น Rain Forest และเสริมแต่งด้วยศาลาโปร่ง ธารน้ำ น้ำพุ เป็นต้น
มาถึงตัวอาคาร แบ่งการใช้งานเป็น
พื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่งานระบบ ที่ชั้น 1 (LG)
โถงต้อนรับอยู่ที่ชั้น ชั้น 2 ส่วนที่จอดรถเฉพาะส่วนที่พักอาศัย 63% ที่ชั้น 1-10
ชั้น 11 เป็นส่วนชั้นสระว่ายน้ำ และศูนย์รวม Facilities หลักอื่นๆ
อย่าง สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือขนาดใหญ่ออกแบบสะท้อนความทันสมัยแบบคนเมืองที่ประกอบด้วย JACUZZI และ INFINITY-EDGE LAB POOL AND RECREATION POOL เพื่อเปิดรับทัศนียภาพเมืองโดยรอบ
มี POOL DECK พักผ่อนท่ามกลางพื้นที่สีเขียว
แยก KID ZONE, Kids’ Club สนามเด็กเล่น หน้าผาเด็กจำลอง พื้นที่เล่นขนาดใหญ่ หลากหลายของเครื่องเล่นที่ช่วยสร้างเสริมจิตนาการให้กับเด็กๆ
โดยที่ชั้น 11 จะมีพื้นที่ Double Volume ที่รองรับ Fitness, Boxing, Table Tennis, Aerobic & Yoga, Yoga Fly, Aqua Hydrotherapy, Sauna & Steam, Group Cycling
Wisdom Library Room กับมุมใช้งานเป็นสัดส่วน หลากหลายให้ได้เลือกใช้
Movie Club ห้องดูหนังสุด private กับวิวมหานครที่ใกล้แค่เอื้อม
ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 12-56 ทุกชั้นโถงทางเดิน เป็นช่องเปิด ระบายอากาศและเปิดรับแสงธรรมชาติ
(ชั้น 12-18 ห้องพัก 17 ยูนิต/ชั้น
ชั้น 19 ห้องพัก 24 ยูนิต/ชั้น โดยที่ชั้น 12-19 จะเป็น single loaded corridor เนื่องจากพื้นที่ส่วนหนึ่งจะติดกับชั้นของอาคารพาณิชยกรรมโซนออฟฟิตที่อยู่ด้านหน้า
ชั้น 20-30 ห้องพัก 24 ยูนิต/ชั้น
ชั้น 31-38 ห้องพัก 23 ยูนิต/ชั้น
ชั้น 39 ห้องพัก 21 ยูนิต/ชั้น เป็นชั้นที่มีสวนส่วนกลางที่สามารถออกไปใช้งานได้ และห้องที่อยู่ติดสวนจะมีสวนกั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวแยกจากกัน
ชั้น 40-42 ห้องพัก 21 ยูนิต/ชั้น
ชั้น 43 ห้องพัก 19 ยูนิต/ชั้น
ชั้น 44-46 ห้องพัก 19 ยูนิต/ชั้น
ชั้น 47-48 ห้องพัก 12 ยูนิต/ชั้น (ห้อง Duplex ที่ผสานการออกแบบ และประโยชน์ใช้สอยของสวนส่วนตัวอย่างลงตัว รวมถึงสระว่ายน้ำส่วนตัวที่เน้นเปิดโล่งเปิดรับทัศนียภาพเมือง)
ชั้น 49-52 ห้องพัก 12 ยูนิต/ชั้น (ห้อง Duplex)
ชั้น 53-54 มีห้องพัก 6 ยูนิต/ชั้น (ห้อง Duplex) ชั้นนี้มีความพิเศษที่มี Opal Sky Lounge และพื้นที่สวนที่ถูกยกขึ้นมาเพื่อเชื่อมกับวิวมุมสูงของสาทร ที่เน้นการออกแบบให้มีพื้นที่เป็นเปิดโล่งสำหรับทำกิจกรรมท่ามกลางพื้นที่สีเขียว
ที่ได้รับการออกแบบ ด้วยวัสดุธรรมชาติให้บรรยากาศที่อบอุ่น
ชั้น 54 ส่วนพักอาศัยห้อง Duplex และ Co-living Space
ชั้น 55 – ชั้น56 ส่วนพักอาศัยห้อง PENTHOUSE ขนาด 970 ตร.ม. 1 ยูนิต ที่เติมเต็มชีวิตที่เหนือระดับแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ด้วย Foyer สูง 2 ชั้น มาพร้อม Private Terrace, Private Lift, Private Swimming Pool และ Private Lounge)
โดยห้องพัก แบ่งเป็น 4 type หลักๆ คือ
Type 1 ห้องนอน ขนาด 42 – 61 ตร.ม. ห้องนี้มีทุกชั้นตั้งแต่ชั้น 12-46 ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปีกด้านข้างโครงการทิศตะวันออก และยังมีกระจายแทรกตัวสลับกันไปที่วิวสระ วิวคอร์ทสวนของโครงการด้วยเช่นกัน เรียกว่าเป็น type ที่มีจำนวนกว่าครึ่งของห้องในโครงการ
Type 2 ห้องนอน ขนาด 65- 98 ตร.ม. อยู่แทรกตัวอยู่ช่วงกลางๆของโถงทางเดินในแต่ละชั้น ส่วนใหญ่ take view คอร์ทสวนส่วนกลาง และวิวด้านหน้าโครงการ มีอยู่ทุกชั้น เฉลี่ยชั้นละ 3-4 ยูนิต
Type 3 ห้องนอน ขนาด 100.5-343 ตร.ม. เป็นห้องหัวมุมสุดทางเดินเกือบทุกชั้น ส่วนใหญ่ take view คอร์ทสวนส่วนกลาง และวิวด้านหน้าโครงการ และมี Type 3 ห้องนอน duplex ที่ชั้น 47 (และพื้นที่สวน),49,51,53
Type 4 ห้องนอน ขนาด 206.5-350 ตร.ม. เป็นห้อง duplex ที่ชั้น 47(และพื้นที่สวน),49,51,53
ในส่วนของห้องตัวอย่างที่ Sales Gallery มีตกแต่งให้ชมด้วยกัน 2 ห้อง คือ ห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 45 ตร.ม. และ 3 ห้องนอน 115 ตร.ม.
ทุกห้องมีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 2.85 เมตร ภายในห้องโครงการให้ ครัวและห้องน้ำแบบห้องตัวอย่าง ส่วนผนังเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว พื้นห้องส่วน Living เป็นกระเบื้อง Cotto Italia และส่วนห้องนอนเป็น Engineered Wood ส่วนแอร์เป็น Cassette Type สวยงาม ดูแลรักษาง่าย ซึ่งห้องแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไปจะเป็นแบบ VRV ช่วยประหยัดพลังงานเนื่องจากใช้ CDU เพียงตัวเดียวในการกระจายแอร์ไปทุกห้อง
เริ่มที่ห้องแรก 1 ห้องนอน ขนาด 45 ตร.ม.
ห้อง 1AE อยู่ปีกด้านข้างโครงการทิศตะวันออก
ภายในห้องเป็นห้องหน้าแคบแต่ลึก แบ่งพื้นที่เป็น 2 โซนหลักๆ คือ พื้นที่ครัวและ living area ติดด้านหน้าทางเข้าห้อง และโซนห้องนอนที่ด้านในสุด
เข้ามา พื้นที่แรกเป็นส่วนสำหรับ living area พักผ่อน ดูโทรทัศน์
ซึ่งพื้นที่กว้างพอให้วางชุดโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง
ถัดเข้าไปเป็นที่วางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง
ที่ผนังฝั่งตรงข้ามสามารถวางชั้นหรือ built-inเป็นที่วางโทรทัศน์ได้
ติดที่วางโทรทัศน์และประตู สามารถ built-in เป็นชั้นวางรองเท้าและที่เก็บของได้
ที่ผนังด้านหลังชั้นวางทีวีเป็นส่วนของน้ำ เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัว
ห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า
โครงการให้อ่างล้างหน้า KOHLER ฝังเคาท์เตอร์ พร้อมกระจกบานใหญ่ที่สามารถเปิดปิดเป็นที่เก็บของได้
ติดกันเป็น โถสุขภัณฑ์แบบ auto washlet
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ส่วนเปียก ที่โครงการกั้นด้วย glass shower บานผลัก พื้นราบเรียบเท่ากับส่วนแห้ง
ด้านในโครงการให้ hand shower ติดผนัง rain shower ติดเพดาน และชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเข้ามุม
พื้นที่ครัวเป็นครัวรูปตัวยู built-in หน้าบานลามิเนตกึ่งโลหะสีทองแดง และตู้ด้านบนหน้าบานเป็นกระจกเงาสีทอง
ติดผนังด้านในเป็นตู้เย็น built-in เชื่อมต่อกับเคาท์เตอร์ครัว
โครงการให้อ่างล้างจานฝังเคาท์เตอร์ของ FRANKE พร้อมที่ปิดเรียบ ด้านล่างให้ที่บดอาหารของteka
ถัดไปเป็นเตาไฟฟ้า kuppersbusch 2 หัว
ส่วนด้านบนเป็นที่ดูดควัน และชั้นวางอุปกรณ์ทำครัว
ที่มาพร้อมกับชั้นที่สามารถเลื่อนขึ้นลง เพื่อความสะดวกในการใช้งาน มีโช้คปรับระดับช่วยผ่อนแรงกึ่งอัตโนมัติ
ที่ด้านล่างโครงการให้เครื่องซักผ้าฝาหน้าของ teka
และเตาไมโครเวฟ พร้อมลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำครัว
ที่ปลายเคาท์เตอร์ครัว เป็นเคาท์เตอร์บาร์ พื้นที่เตรียมอาหาร และเครื่องดื่ม ที่มาพร้อมชั้นแขวนติดเพดาน
ที่เคาท์เตอร์บาร์โครงการติดตั้งปลั๊ก pop up ไว้ที่มุมเคาท์เตอร์ติดผนัง
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ห้องนอน ที่โครงการให้ประตูบานเลื่อนเปิดปิดกั้นพื้นที่ แยกการใช้งาน และสามารถเปิดโล่งเชื่อมระหว่างห้องนอนและห้องliving ได้
ในส่วนของห้องนอน ปลายสุดของห้องโครงการให้กระจกบานใหญ่ สูงจรดเพดานเต็มเฟรม มีหน้าต่างบานผลักสำหรับเปิดรับลม ระบายอากาศ
ภายในห้องสามารถวางเตียง queen size หรือจะเพิ่มเป็น king size สำหรับคนชอบนอนเตียงใหญ่ๆได้ พร้อมพื้นที่หัวเตียงวางโต๊ะหัวเตียง
และที่ปลายเตียงสามารถตั้งหรือต่อเติมชั้นวางทีวีที่ปลายเตียงได้
จริงๆห้องนี้ปลายเตียงโล่ง ต่อเนื่องไปยังพื้นที่มุมห้อง ที่เป็นมุมสำหรับตั้งตู้เสื้อผ้า และมุมแต่งตัว (โครงการไม่ได้ให้มาทั้งตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง)
พื้นที่ติดกระจกบานใหญ่สามารถตั้งโต๊ะพักผ่อนตัวเล็กได้พร้อมพื้นที่ใช้งานอีกเหลือเฟือ
ห้องนี้ไม่มีระเบียงใช้งานแยก แต่ที่กระจกบานใหญ่ สามารถเปิดและมีราวกันตกกระจกกั้น สำหรับเปิดรับลม เป็นกึ่ง semi indoor
ติดกันเป็นทางออกสำหรับ maintenance งานระบบแอร์ ที่แยกเป็นสัดส่วน และมี façade กั้นบังสายตาจากภายนอก
ห้องนี้เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คน มีพื้นที่ทุกส่วนครบการใช้งาน สามารถแยกใช้อย่างเป็นสัดส่วน หรือใช้แบบ share space พื้นที่ร่วมกัน ได้แบบหลากหลาย function
อีกห้องตัวอย่างคือ 3 ห้องนอน 115 ตร.ม.
ห้อง 3GB อยู่สุดทางเดินทิศใต้ห้องมุมวิวสวนและสระ
เป็นห้องมุมหน้ากว้างแบ่งพื้นที่ส่วนห้องนอนเป็น 2 ปีกซ้ายขวา มีพื้นที่ living areaเป็นพื้นที่ใจกลางห้อง
ห้องนี้เปิดรับด้วยโถงทางเดินจากหน้าประตู เป็น space สำหรับ built-in ตู้วางรองเท้า และเก็บของ หรือตกแต่งใช้งานสำหรับเป็น welcome space ได้ (โครงการไม่ได้ให้ตู้ Built-in ทางด้านขวามือ)
พื้นที่ส่วนแรกถัดจากโถงทางเดินเป็นครัวกระจก ครัวระบบปิด น่าจะเหมาะสำหรับคนชอบทำครัว
ภายในครัว เป็นครัว built-in หน้าบานลามิเนตกึ่งโลหะสีทองแดงทรง L shape ส่วนด้านบนหน้าบานเป็นกระจกเงาสีทอง
ติดผนังด้านในที่ด้านล่างโครงการให้เครื่องซักผ้าฝาหน้าของ teka ด้านบนสามารถ built-in ตู้แช่ไวน์(โครงการไม่ได้ให้มา) หรือเป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำครัวต่างๆได้ ส่วนตู้เย็นไม่ได้เป็นแบบ Built-in แต่เป็นแบบ Side by Side ที่มีขนาดใหญ่กว่า
ถัดไปเป็นเคาท์เตอร์ครัว ที่โครงการให้อ่างล้างจานฝังเคาท์เตอร์ของ FRANKE พร้อมที่ปิดเรียบ ด้านล่างให้ที่บดอาหารของ Teka
อีกด้านเป็นเคาท์เตอร์ฝังเตาไฟฟ้าแบรนด์ kuppersbusch 4 หัว
ส่วนด้านบนเป็นที่ดูดควัน และชั้นวางอุปกรณ์ทำครัวบานเลื่อนขึ้น
ด้านล่างเจาะช่องสำหรับเตาไมโครเวฟ พร้อมลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำครัว
ที่มาพร้อมกับชั้นที่สามารถเลื่อนออกมาเป็นชุดสำหรับวางของ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
ที่ปลายเคาท์เตอร์ครัว เป็นตู้เย็น side by side เจาะช่องพร้อมชั้นและลิ้นชักวางอุปกรณ์
และยังมาพร้อมกับชุดที่วางมีดแบบแถบแม่เหล็กอีกด้วย
ถัดเข้าไปด้านในจากห้องครัว เป็นพื้นที่พักผ่อนริมระเบียง flexi balcony หรือ double balcony ที่เป็นระเบียง semi outdoor ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ของโครงการ
พื้นที่พักผ่อน กว้างพอให้วางชุดโซฟา สำหรับ 3-4 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลาง
ฝั่งตรงข้ามเป็นที่วางชั้นวางทีวี
ส่วนที่ระเบียง semi outdoor สามารถเปิดเชื่อมกับพื้นที่ภายในห้อง หรือปิดแยกส่วนการใช้งานได้ โดยพื้นที่ระเบียง กว้างพอให้วางโต๊ะนั่งชมวิว จิบชา จิบกาแฟ สามารถเปิดกระจกบานใหญ่รับลม แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะมีราวกันตกกระจกกั้น เพื่อความปลอดภัย แต่ไม่บดบังมุมมอง
ติดกันเป็นทางออกสำหรับ maintenance งานระบบแอร์ ที่แยกเป็นสัดส่วน และมี facade กั้นบังสายตาจากภายนอก
พื้นที่อีกส่วนของห้อง living คือ พื้นที่โซนด้านหลังชุดโซฟา เป็นพื้นที่เยื้องทางเข้าครัว ที่สามารถตั้งโต๊ะทานอาหาร สำหรับ 4 ที่นั่งได้
เชื่อมต่อเป็นทางเดินสู่ห้องนอนอีก 2 ห้องที่ปีกขวา และห้องน้ำสำหรับห้องนอนเล็ก และห้อง living ที่ด้านขวา ถัดจากห้องครัว
ภายในห้องน้ำ แยกพื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า โครงการให้อ่างล้างหน้า KOHLER ฝังเคาท์เตอร์ พร้อมกระจกบานใหญ่ที่สามารถเปิดปิดเป็นที่เก็บของได้
ติดกันเป็น โถสุขภัณฑ์แบบ auto washlet
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ส่วนเปียก ที่โครงการกั้นด้วย glass shower บานผลัก
ด้านในโครงการให้ hand shower ติดผนัง rain shower ติดเพดาน และชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเข้ามุม
สุดปลายห้องปีกขวา เป็นห้องนอน 2 ห้อง ห้องแรกซ้ายมือ เป็นห้องนอนห้องน้ำในตัว
ด้านในสุดของห้องนอนเป็นกระจกบานสูงเต็มความกว้างผนังห้องนอน พร้อมหน้าต่างบานผลัก เปิดรับลม ระบายอากาศ และเปิดรับแสงได้เต็มพื้นที่ช่องเปิด
ด้านขวาของทางเข้าห้องนอน สามารถตั้งตู้เสื้อผ้า และจัดแต่งเป็นมุมแต่งตัวได้ที่ผนังยาวฝั่งนี้
ภายในห้องนอนสามารถวางเตียง king size พร้อมโต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ข้าง
ที่ปลายเตียงเป็นผนังสำหรับติดทีวีแบบแขวนผนัง
ถัดจากผนังปลายเตียง เป็นทางเข้าห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำ แยกพื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า โครงการให้อ่างล้างหน้า KOHLER ฝังเคาท์เตอร์ พร้อมกระจกบานใหญ่ที่สามารถเปิดปิดเป็นที่เก็บของได้
ติดกันเป็น โถสุขภัณฑ์แบบ auto washlet
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ส่วนเปียก ที่โครงการกั้นด้วย glass shower บานผลัก พื้นราบเรียบเท่ากับส่วนแห้ง
ด้านในโครงการให้ hand shower ติดผนัง rain shower ติดเพดาน และชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเข้ามุม
ส่วนห้องนอนเล็กที่ปีกขวา อยู่ด้านซ้ายมือ ถัดจากห้องน้ำ ภายในห้องมีขนาดกะทัดรัด
ด้านในสุดของห้องนอนเป็นกระจกบานสูงเต็มความกว้างผนังห้องนอน พร้อมหน้าต่างบานผลัก
ภายในห้องสามารถวางเตียง queen size พร้อมโต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ด้าน
ปลายเตียงสามารถติดทีวีแบบแขวนผนัง
ที่ผนังติดทางเข้าข้างหัวเตียง สามารถตั้งตู้เสื้อผ้าตู้เล็กได้สูงเต็มแนวผนัง จรดเพดาน
ปีกซ้ายของยูนิตเป็นห้องนอนใหญ่
ที่มาพร้อมกระจกบานใหญ่เต็มผนัง
ภายในห้องสามารถวางเตียง king size พร้อมพื้นที่หัวเตียงวางโต๊ะหัวเตียง
นอกจากโต๊ะหัวเตียง ที่หัวเตียง บริเวณติดกระจกบานใหญ่สามารถตั้งโต๊ะพักผ่อนตัวเล็กได้อีก
อีกมุมของหัวเตียง สามารถตั้งโต๊ะเครื่องแป้ง
แต่ที่ปลายเตียงมีพื้นที่พอสำหรับการเดิน จึงไม่สามารถตั้งหรือต่อเติมชั้นวางทีวีที่ปลายเตียงได้ เหมาะสำหรับแขวนทีวี หากใครต้องการมีทีวีภายในห้องนอนใหญ่
ปลายสุดผนังฝั่งที่วางทีวี มีพื้นที่มากพอให้วางโต๊ะทำงานที่มุมนี้ไว้นั่งอ่านหนังสือ เช็คอีเมล์ ตอนก่อนนอนหรือตอนตื่นนอนได้
ด้านซ้ายของห้องนอน เป็น walk-in closet ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ ที่ห้องจริงไม่มีประตูบานเลื่อนปิดกั้นพื้นที่
สามารถตั้งตู้เสื้อผ้าได้ทั้งสองฝั่งของประตูทางเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า
โครงการให้อ่างล้างหน้า KOHLER ฝังเคาท์เตอร์ตัวยาว พร้อมกระจกบานยาวที่สามารถเปิดปิดเป็นที่เก็บของได้
ที่ผนังตรงข้าม เป็นอ่างอาบน้ำเข้ามุมของ KOHLER
ด้านในสุดกั้นด้วย glass shower แบ่งเป็น 2 ห้อง
คือ ห้องซ้ายมือตั้งโถสุขภัณฑ์แบบ auto washlet
อีกห้องเป็นพื้นที่ส่วนเปียก โครงการให้ hand shower ติดผนัง rain shower ติดเพดาน และชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเข้ามุม
ห้องนี้เหมาะสำหรับครอบครัว หรือคนที่กำลังสร้างครอบครัว มีห้องนอนรองรับ หรืออาจปรับเป็นห้อง multi function สำหรับคนที่มีกิจกรรมพิเศษ ที่ต้องใช้ห้องสำหรับกิจกรรมต่างๆ
Supalai Icon Sathorn น่าซื้อหรือน่าเมิน?
ถ้าจะว่ากันตามจริงโครงการนี้คือโครงการที่ดีที่สุดของศุภาลัย และเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทศุภาลัยครับ นี่คือโครงการที่สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของศุภาลัยในการที่จะฉีกหนีออกจากขนบเดิมๆของการพัฒนาโครงการ รวมถึงการก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง ที่ไม่ว่าจะพัฒนาโครงการอะไรแบรนด์ไหน ก็ล้วนแต่ติดกับดักหลุมพรางที่ตัวเองสร้างเอาไว้ในเรื่องของการลดทอนสเปคเพื่อทำราคาให้ได้ถูกๆ จนทำให้สามารถพัฒนาห้องขนาดที่ใหญ่กว่าในราคาที่ต่ำกว่าตลาดในย่านนั้นๆได้….สิ่งที่ศุภาลัยทำมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องครับ เพราะนั่นคือการเข้าใจถึงฐานกำลังซื้อหลักของตัวเอง และเป็นการดึงเอาจุดแข็งในเรื่องของการคุมต้นทุนการก่อสร้างมาใช้พัฒนาโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในยุคปัจจุบันที่ซึ่งทั้งกรุงเทพฯมีแต่การพัฒนาโครงการในระดับ Luxury ขึ้นไปเต็มไปหมด เพื่อให้สอดรับกับราคาที่ดินที่สูงขึ้น และกลุ่มกำลังซื้อหน้าใหม่ที่ใช้รสนิยม อารมณ์ ความรู้สึกเป็นตัวแปรหลักในการตัดสินใจ การพัฒนาโครงการในรูปแบบเดิมๆเจาะกลุ่มลูกค้าฐานกว้างของตัวเองเป็นหลักเห็นทีว่าจะไม่เพียงพอซะแล้ว
ตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาศุภาลัยมีความพยายามที่จะออก Fighting Brand เพื่อแย่งชิงตลาดคอนโดในกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Elite หรือแบรนด์ Oriental Sukhumvit 39 แต่ก็ดูเหมือนว่าคอนโดเหล่านั้นยังไม่ได้ยอมรับในหมู่ Non Fan ของศุภาลัยว่าเป็นคอนโดที่มีความไฮเอนด์หรูหราเทียบเท่ากับคู่แข่งรายอื่นๆในตลาดที่มีประสบการณ์อันยาวนานกว่าในการพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง จนหลายๆคนมองว่าศุภาลัยเป็นบริษัทที่ดูจะให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เอาใจผู้ถือหุ้น และพัฒนาโครงการโดยใช้กลยุทธ์ด้านราคาเป็นหลัก ไม่ได้เน้นในเรื่องของ Emotional Appeal และดีเทล วัสดุ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการขายคอนโดหรูในสมัยปัจจุบันเท่าไหร่นัก จริงอยู่ที่กลุ่มแฟนคลับของศุภาลัยล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหากวัดกันยาวๆหลังโอน 3-5 ปี คอนโดของศุภาลัยมักจะเป็นคอนโดที่ทำ Gap ของราคาขายต่อได้สูงกว่าคอนโดรอบข้างเสมอ แถมยังปล่อยเช่าได้ราคาดี แต่ในมุมมองของกลุ่มกำลังซื้อหน้าใหม่หลายๆคนมักจะมองที่บุคคลิก รูปร่างหน้าตาของอาคารเป็นหลัก ว่าคอนโดที่ตัวเองอยู่นั้นมันสวยงามพอที่จะพาเพื่อนมาอวดได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ศุภาลัยรู้และพยายามที่จะสร้างให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้นกับโครงการ Supalai Icon Sathorn
หากสเตปแรกในการเอาชนะอุปสรรคของใครหลายๆคนคือการชนะใจตัวเอง ให้กล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง Supalai Icon Sathorn ก็ดูจะยึดเอาปรัชญานี้มาใช้ในการพัฒนาโครงการที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Super Luxury Condo โครงการแรกของตัวเอง…นี่คือครั้งแรกที่ศุภาลัยทุ่มงบประมาณใช้พาร์ทเนอร์ชั้นนำถึง 3 ราย มาช่วยกันพัฒนาโครงการทั้ง DWP Cityspace ที่มาทำ Interior, The Beaumont Partnership (Landscape) และ Lightbox (Lighting) ถึงแม้ว่างานดีไซน์ภายนอกอาจจะดูขัดใจกลุ่มกำลังซื้อหน้าใหม่ที่มองว่านิยามของคำว่าหรูหรานั้นต้องเคียงคู่กับดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย ตึกต้องดูสูงสลิม กระจกเป็น Glass Façade ไม่ซอยเฟรมถี่ยิบ และหากเป็นโครงการ Mixed Use ก็ต้องแยกอาคารกันระหว่างพื้นที่ Commercial และ Residential เพื่อให้แต่ละอาคารช่วยกันสร้าง Exposure ให้กับโครงการมากที่สุด แต่หากศุภาลัยเลือกที่จะทำเช่นนั้น แน่นอนว่าราคาขายก็คงจะสูงลิบเกินกว่าตรม.ละ 3 แสนบาท จนอาจเทียบเท่ากับ Super Luxury Condo อื่นๆที่มีขายกันโดยรอบย่าน CBD สาทร และชิดลม ซึ่งถามจริงๆหากศุภาลัยทำแบบนั้น แล้วคุณจะซื้อไหมครับ หรือไปซื้อตัวอื่นดีกว่า? นอกจากจะขายยากในหมู่กำลังซื้อหน้าใหม่แล้ว ก็ยังอาจจะกระทบกับฐานลูกค้าเดิมของศุภาลัยที่ล้วนแต่มองว่าการซื้อศุภาลัยคือการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวมากกว่าการซื้อที่อื่นด้วยเช่นกัน อย่าลืมนะครับว่ากลุ่มลูกค้าหลักของศุภาลัยก็มักจะมีอายุเฉลี่ยที่เกิน 45 ปีขึ้นไป ซึ่งคนเหล่านี้ยึดติดกับความน่าเชื่อถือของแบรนด์มากกว่าความฉาบฉวยทางด้านอารมณ์ และก็มีกำลังซื้อด้วยเงินสดได้สบายๆ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือการรุกในตลาด Super Luxury Condo ของศุภาลัยครั้งนี้ ยังคงยึดเอาปรัชญาของการเป็น Best Value in Class มาใช้ เหมือนกับที่เคยทำมาในอดีต เพียงแต่เนื้อในนั้นได้มีการอัพสเปคทุกอย่าง จนหลายๆคนที่มาดูห้องตัวอย่างก็แทบจะไม่เชื่อว่านี่คือโครงการศุภาลัยแบบเดิมที่เคยซื้อกัน
นอกจากจำนวนพื้นที่ส่วนกลางมากมายบนชั้น 1 ชั้น 11 ชั้น 53-54 Forest Garden บนชั้น G งาน Façade ที่ตกแต่งด้วยอลูมิเนียมคอมโพสิท และ Lighting Technique อันสวยงาม อีกทั้งพท. Mixed Use Commercial ที่คิดเป็นสัดส่วน 29% ของทั้งโครงการแล้ว ที่นี่ยังให้ของที่หรูหรา ทันสมัย มากกว่าโครงการอื่นใดของศุภาลัย ทั้งเพดานสูง 2.85 เมตร ระเบียงกระจกแบบ Semi Outdoor ระบบ Home Automation เต็มรูปแบบของ Schneider ที่มาครบเซตรวมผ้าม่าน, Smart Kitchen แบรนด์ Kuppersbusch & Teka ที่ครบทั้ง Function และความหรูหรา, Intelligent Toilet และกระจก Full Height ในแบบ Double Glazing คนทั่วไปที่เคยเห็นอาจจะมองว่าก็คือเบสิคของคอนโด Super Luxury แต่สำหรับศุภาลัย ที่สามารถพลิกโฉมตัวเองมาทำคอนโดสเปคเทียบเคียง Super Luxury ให้ออกมาในราคาเฉลี่ยตรม.ละ 2 แสนบาทได้ นี่คือสิ่งที่ควรจะชมเชยและปรบมือให้ดังๆครับ
สิ่งที่อาจจะดูขัดตาบ้างสำหรับผมแต่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นใหญ่ก็คือ ถึงแม้ว่านี่คือคอนโดที่ดีที่สุดของศุภาลัย แต่กลับมีจำนวนที่จอดรถไม่ถึง 100% (คิดเป็น 63% ของจำนวนยูนิตพักอาศัย เป็นแบบวนจอด แต่เมื่อรวมกับที่จอดรถแบบขายสิทธิ์ในการจอดประจำแล้ว จะรวมเป็นมากกว่า 100% ของจำนวนยูนิต) ต่างกับโครงการคอนโดหลายแห่งของศุภาลัย เนื่องจากต้องแบ่งที่จอดให้กับส่วนของ Commercial Area ที่มีบางส่วนของอาคารเชื่อมกับส่วน Resident ซึ่งอาจจะทำให้คนที่ชอบอยู่อย่างสงบๆอาจจะรู้สึกลำบากใจบ้าง แต่ถ้าคิดในแง่ดีมันก็ช่วยสร้างความคึกคัก Lively ให้กับโครงการ เนื่องจากใครๆก็รู้ดีว่าสาทรในช่วงตอนกลางคืน ยิ่งเป็นช่วง Weekend เนี่ย เงียบเหงาหาของกินยากมากครับ เพราะทุกร้านก็จะพร้อมใจปิดหมดเลย และในเรื่องของการดีไซน์อาคารที่ผมยังมองว่าหากแยกอาคาร Commercial ออกมาเลย และลดทอนสัญลักษณ์ของทวีปออสเตรเลียลงมาไม่ให้ล้นจนเกินไป น่าจะทำให้องค์ประกอบของดีไซน์โดยรวมดีกว่านี้ครับ
สำหรับคนที่มองว่าราคาคือปัจจัยหลักในการซื้อคอนโด ก็ต้องบอกว่านี่คือ Super Luxury Condo ที่ทำราคาออกมาได้ดีที่สุดในย่านสาทร – พระรามสี่ เนื่องจากว่าสาทรช่วงนี้ มีคู่แข่งในเซกเมนท์เดียวกันน้อยมาก ส่วนใหญ่ที่ถูกกว่าก็มักจะไปอยู่รวมกันในช่วงสุรศักดิ์ ซึ่งทางคุณเตเองก็บอกว่าไม่ได้มองคอนโดในย่านนั้นเป็นคู่แข่ง เพราะคนที่เดินทางด้วยรถผ่านสาทรบ่อยๆก็ไม่น่าจะชอบย่านนั้น เนื่องจากรถติดนานมาก ส่วน Supply ของคอนโดในช่วงสาทร – พระรามสี่ ก็ดูจะมีราคาที่แพงกว่า Supalai Icon Sathorn ทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโด Leasehold เปิดใหม่ในโครงการ One Bangkok ก็มีราคาที่พุ่งเกินตรม.สามแสนบาทไปแล้ว ถ้าวัดกันที่ราคายังไงที่นี่ก็ย่อมได้เปรียบกว่า แถมยังมีห้องขนาด 1 ห้องนอนที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากมาเป็นตัวเลือกในราคาที่ต่ำกว่า 9 ล้านบาทอยู่หลายห้องด้วยกัน
สำหรับผู้ที่กำลังชั่งใจอยู่ก็ขอให้ ลองเปิดใจให้กว้างและแวะมาดูที่ห้องตัวอย่างครับ เป็นห้อง 2 ขนาด 2 สไตล์ที่เหมาะสำหรับทั้งคนทำงาน ไปจนถึงครอบครัว ที่ชื่นชอบชีวิตกลางเมือง กับแบรนด์ศุภาลัย ที่ฉีกกรอบความเป็นศุภาลัย กับการมีพาร์ทเนอร์ชั้นนำในการออกแบบ ที่ช่วยเนรมิตเอกลักษณ์อันโดดเด่น ตั้งแต่ภายในห้อง ไปจนถึงตัวอาคารและพื้นที่ส่วนกลาง ที่พร้อมให้คุณยกระดับคุณภาพชีวิตกับสุดยอดโครงการ Luxury Mixed Use แห่งใหม่ที่ดีที่สุดของศุภาลัย “Supalai Icon Sathorn”
โครงการพร้อมเปิด Pre-Sales อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25-26 พฤษภาคม 2562 ราคาเริ่ม 9 – 280 ล้านบาท ณ Sales Gallery โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร (Supalai Icon Sathorn) สอบถามข้อมูลโทร. 1720 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.supalaiicon.com
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
นับตั้งแต่ที่ศุภาลัยเป็นผู้ชนะการประมูลที่ดินสุด Prime ในย่านสาทร ที่เคยเป็นของสถานฑูตออสเตรเลียในอดีต มาด้วยเม็ดเงินที่เป็นสถิติของบริษัทถึง 1.45 ล้านบาท ต่อตารางวา หลายคนจึงล้วนแต่จับตามองว่าศุภาลัยจะพัฒนาโครงการบนที่ดิน 7-3-82 ไร่นี้ออกมาอย่างไร เพื่อให้สมกับการที่ได้ครอบครองที่ดินระดับตำนาน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของงานสถาปัตยกรรมที่ได้ชื่อว่าสวยงามเป็นอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ และโครงการใหม่บนที่ดินผืนนี้จะสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของที่ดินแปลงนี้ได้ดีขนาดไหน
PROPSCORE™ 4.2
4.4
3 รีวิว รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
12 ปี กรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปแค่ไหน?
EURO ยกระดับ Design District ใจกลางทองหล่อ เปิดตัว Poltrona Frau Monobrand Store แห่งใหม่! ส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า
สโคป หลังสวน เผยโฉมครั้งแรกกับยูนิตพิเศษ “The Debonair Edition” 2-bedroom เลย์เอาต์ใหม่ ที่จะมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่า
นิว อีโว พัฒนาการ คอนโดฟีลบ้าน สเปซกว้าง เลี้ยงสัตว์ได้* ใกล้ทองหล่อ และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 2.95 ล้าน*
แสนสิริ ผู้พัฒนาอสังหาฯชั้นนำระดับประเทศ ตอกย้ำผู้นำด้านดีไซน์ และ Most Admired Real Estate Developer and Lifestyle Brand สร้างสรรค์และออกแบบพื้นที่ชีวิตที่เปี่ยมด้วยดีไซน์ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ชวนทุกคนสัมผัสประสบการณ์ ‘Mood ดีที่แสนสิริ’