ที่สุดแห่งความประณีต กับห้องตัวอย่างโครงการ แอชตัน สีลม (ASHTON SILOM)

ถนนสีลม ย่าน CBD ที่ไม่เคยหลับใหล และยังคงเฟื่องฟูมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน

นอกจากการเป็นย่านธุรกิจชั้นนำของกรุงเทพฯ สีลมยังคงเป็นอีกพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จากที่ดินพระราชทานให้ชาวต่างชาติ เพื่อการสร้างบ้านพักอาศัยและทำธุรกิจ เช่น เลี้ยงสัตว์ เกษตรกรรม โรงสีข้าว และบริษัทห้างร้านต่างๆ สู่บริบทใหม่แห่ง The Wall street of Thailand ทำให้ที่ดินบนถนนสายนี้ อุดมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ความสำคัญ ที่สั่งสมและพัฒนามายาวนาน จนไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในการพัฒนาอาคารที่อยู่อาศัยใหม่นับสิบปี และไม่มีใครคิดว่าจะมีการพัฒนาโครงการคอนโดไฮไรส์อื่นใดได้อีก บนถนนเส้นนี้

แต่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้คัดสรรพื้นที่บนทำเลทองชั้นยอดแห่งนี้ บริเวณถนนสีลมตัดกับถนนนราธิวาส เยื้องกับสีลม ซอย 9 ถัดจากโรงแรม Pullman Silom ใกล้ถนนเจริญกรุง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี เชื่อมต่อกับ inner CBD ทั้งสาทร และสีลม มาสรรสร้างผลงานชิ้นใหม่ ASHTON SILOM ประดับบนถนนสีลมแห่งนี้ โดยใช้ประวัติศาสตร์ของถนนสีลม ผสานงานออกแบบที่ทันสมัย และมีรสนิยม ด้วยความพิเศษเหนือระดับที่ ASHTON ไม่เคยสรรค์สร้างไว้ที่ไหน

เพื่อที่จะทำให้ Ashton Silom เป็นศิลปะะชิ้นเอกแห่งการกำเนิดใหม่และเจิดจรัส เคียงคู่ถนนสีลม บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จึงได้รวบรวมเอาสำนักออกแบบระดับต้นของประเทศไทย มาร่วมออกแบบสรรสร้างผลงานศิลปะชิ้นนี้ให้ดำรง มีทั้ง A49 บริษัทสถาปนิกชั้นนำ ออกแบบตกแต่งภายในร่วมกับบริษัท PIA และได้มือดีอย่าง Trop มาออกแบบ Landscape

นอกจากการได้มือดีมาร่วมออกแบบแล้ว ASHTON SILOM ยังมีลูกเล่น ที่เป็นจุดขาย ที่มีความไพโอเนียร์กว่าโครงการอื่นๆ

รวมฟังก์ชั่นสุดล้ำที่สะท้อนความเป็น “เดอะ ไพโอเนียร์” ของแอชตัน สีลม

การออกแบบห้อง 2 ห้องนอน ให้มีลูกเล่น Stack Floor สลับชั้นกันเป็น Vertical Interlocking Concept คือ การออกแบบภายในห้องให้มีการเล่นระดับสูงต่ำระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ด้วยการเพิ่มพื้นที่บันได และการมีเพดานห้อง Living room ที่สูงโปร่งถึงประมาณ 3.6 เมตร พร้อมออกแบบกระจกที่มีความเฉพาะบริเวณมุมห้อง ให้สามารถเลื่อนเปิดปิดได้แบบไร้มุม ซึ่งแบรนด์ ASHTON ยังไม่เคยใช้การออกแบบนี้กับที่อื่น นี่ถือว่าเป็นที่แรกของแบรนด์ ASHTON ที่ใช้การออกแบบผสานมุมมองใหม่ให้กับผู้อยู่อาศัย

พร้อมด้วยการใช้ชีวิตแบบมีระดับ กับส่วนกลางแบบ Quadruple Facilities ที่มีครบทั้ง สระว่ายน้ำวิวเมือง Infinity Edge pool , Business Lounge , Sky Deck , Social Club & Wine Bar, Outdoor Lounge with Garden และ Rooftop Deck ให้คุณได้ใช้ชีวิตแบบ High Quality and High Lifestyle บนทำเลของถนนสีลม

เพื่อที่จะถ่ายทอดความเป็นเดอะ ไพโอเนียร์ ให้คุณผู้อ่านได้เห็นชัดเจนมากขึ้น วันนี้ผมจึงได้รับเกียรติจากทาง อนันดาฯ ให้เข้าเยี่ยมชมสำนักงานขายของโครงการ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก ‘โรงสีข้าว’ หรือ ‘Wind Mill’ ซึ่งเป็นชื่อแรกของถนนสายประวัติศาสตร์แห่งนี้ คอนเซปท์ Windmill ถูกนำมาเป็นหัวใจหลักในการออกแบบ จึงทำให้รูปแบบอาคารภายนอกสะท้อนความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากห้วงอดีตที่มีคุณค่า สู่ปัจจุบันและอนาคตที่ไม่รู้จบ นอกจากนี้ภายในอาคาร ยังสะท้อนความงดงามแห่งสุนทรียะและความประณีตของ ‘Luxury Art Gallery’ ซึ่งเป็นการผสมผสานความแตกต่างได้อย่างลงตัว

ภายในห้องตัวอย่างนี้ เราจะได้เห็นการริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยงาน Craft องค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยที่มีการสอดผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบระหว่าง Art & Science

ดีไซน์ของผนังและฝ้าเพดาน แสดงให้เห็นความประณีตบรรจงในงานออกแบบ เน้นงาน Craft ที่ทอเส้นทองเหลืองและโลหะต่างๆด้วยมือ ผสมผสานการใช้เทคนิคพิเศษของการกัดกรดทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะของ Ashton Silom ซึ่งจะปรากฎเห็นที่ผนังของเซลล์ออฟฟิศ และผืนผ้าที่ห้อยลงมาจากฝ้าเพดาน รวมทั้งเทคนิคพิเศษเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดสู่งานตกแต่งของ Lobby ในตึกจริงด้วย

แม้กระทั่งส่วน Reception counter ก็ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากการ interlock ของงานสถาปัตยกรรม จึงดึงคอนเซ็ปต์นี้มาใช้ให้เห็นในส่วนของเคาท์เตอร์ โดยผสมผสานวัสดุหลายชนิด ทั้ง หิน กระจก ทองเหลือง มา interlock เพื่อใช้เกิดงาน art ที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะ
**Lobby ของ Sale officeนี้ เป็นการจำลอง Mood & Tone ของ Lobby ในตึกจริง

ส่วนของ Sale area เน้นการสร้าง space เป็น loop เชื่อมพื้นที่ทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อง่ายต่อการพาลูกค้าชมห้องตัวอย่างแต่ละพื้นที่
โดยมีสะพานเชื่อม

รูปถ่ายที่แสดงอยู่บริเวณนี้ แสดงให้เห็นกระบวนการผลิตงาน craft ที่เกิดขึ้นบนผนังและบนฝ้าเพดาน ให้เห็นว่าเป็นงานที่เป็น man madeจริงๆ
และต้องมีความพิถีพิถันในขั้นตอนต่างๆ เช่น การทอเส้นทองเหลืองด้วยมือบนกี่ทอผ้า การทาน้ำยาวิทยาศาสตร์บนผืนทองเหลือง
หรือแม้แต่การผสมน้ำยาวิทยาศาสตร์ด้วยความเข้มข้นต่างๆ เพื่อทำให้เกิดปฎิกิริยาเคมี กัดกรดบนผืนทองเหลือง

ภายในสำนักงานขายแห่งนี้ ยังมีห้อง Theatre ที่จำลองบรรยากาศมาให้เห็นความตั้งใจของโครงการ ที่ดึงแสงธรรมชาติเข้ามาใน common area ให้มากที่สุด เพื่อให้ความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง สบาย ผ่อนคลาย และได้เห็นวิว skyline ที่สวยงามของกรุงเทพ…โดย Mood & Tone ของห้อง Theatre ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการจะคล้ายห้องนี้มาก เน้น ทันสมัย เท่ห์

ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ ด้านทางเข้าออกหลักอยู่ทางทิศใต้ติดถนนสีลม เป็นทิศที่ไม่มีอะไรบดบังในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามถนน และเป็นทิศที่มองเห็นตึกมหานครที่อยู่บนถนน นราธิวาส-สาทร

ด้านทิศเหนือ เป็นหลังบ้านของโครงการ มุมเฉียงๆมีคอนโด M Silom สร้างเสร็จตั้งอยู่ ภาพรวมทั่วไปเป็นอาคารฝั่งเยาวราช อาคารขนาดเล็กทั่วพื้นที่

ด้านทิศตะวันออก เป็นวิวทิศด้านถนนสีลม วิวเมือง เห็นตึก ITF ตึกอาคารกรุงเทพ และแนวตึกสูงบนถนนสีลม

ส่วนด้านทิศตะวันตก เป็นวิวด้านถนนเจริญกรุง เห็นโค้งแม่น้ำบริเวณบางรัก ตึกที่ใกล้ที่สุดคือ Pullman…จะเห็นได้ว่าที่นี่วิวสวยทุกทิศเลยครับ

ตัวอาคาร ASHTON SILOM สูง 48 ชั้น 428 ยูนิต ประกอบด้วยห้องแบบ 1 นอน ขนาด 31-48 ตรม. และ 2 นอน ขนาด 71 – 86 ตรม.

ที่ชั้น Ground ประกอบด้วย Lobby Lounge, Garden, Sunken Seating และมีพื้นที่ shop ที่จะเป็น Lifestyle Cafe มาเปิดบริการ

ชั้น1 มีที่จอดรถ super car
ชั้น 2-9 เป็นที่จอดรถ ประมาณ 70%

ในส่วนของชั้นที่พักอาศัย แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ North tower ตึกด้านหลังของโครงการ เป็นที่พักอาศัยตั้งแต่ชั้น 10-33 และ 35-47

และส่วน south tower ตึกด้านหน้าของโครงการ เป็นที่พักอาศัยเฉพาะชั้น 10-33

สังเกตว่าในจำนวน 14 ยูนิตจาก Typical Floor Plan มีถึง 12 ยูนิต ที่เป็น corner unit ยกเว้น Type F และ FM ขนาด 31 ตารางเมตร

การวางผังห้องพักแบบ 2 Bedroom type ด้านหน้าและด้านหลังของอาคารให้มีลักษณะเป็นผังแบบ L-shape ทำให้ห้องใช้สอยภายใน unit type นี้เป็นห้องแบบ Double corner-rooms คือมีห้องใช้สอยเป็นห้องหัวมุมถึง 2 ห้องคือ ห้องนั่งเล่น และห้องนอนใหญ่ อีกทั้งห้องนั่งเล่นหัวมุมนี้ยังมีหน้าต่างบานเลื่อนแบบพิเศษเปิดโล่งที่มุมห้อง Open-corner sliding window ที่ทำให้ห้องนั่งเล่นสามารถเปิดโล่งกลายเป็นระเบียงนั่งเล่นขนาดใหญ่รับอากาศธรรมชาติและทิวทัศน์ที่เปิดโล่งได้สูงสุด

แต่ผมว่าห้อง 1 นอนเบอร์ 14,1,7,6 นี่สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้ตลอด 24 ชม. เลยครับ โดยเฉพาะเวลาอาบน้ำ ฮา

ชั้น 34 – 34M ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ สระเด็ก จากุซซี่ ฟิตเนส ฟิตเนสส่วนตัว ห้องสตีม ห้องซาวน่า ห้องนวด ห้องสมุด ห้องดูภาพยนตร์ Business Lounge และ Sky Deck

และชั้น 48 ประกอบด้วย Social Club & Wine Bar, Outdoor Lounge with Garden และ Rooftop Deck

ที่พักอาศัยทั้งสองส่วนมีลิฟท์เฉพาะแยกส่วน แต่ผู้อยู่อาศัย South tower สามารถใช้ชั้น 34 เป็นพื้นที่เปลี่ยนลิฟท์ ขึ้นไปใช้งาน facility ที่ชั้น 48 ได้

มาถึงรูปแบบห้องมีด้วยกันทั้งหมด 6 Type

Type A B C เป็น 2 Bedroom ที่เป็น signature ของโครงการ ตำแหน่งห้องจะอยู่บริเวณสุดทางเดิน หัวมุมของทั้ง 2 Zone Interlock กันเป็นตัว L ระหว่างชั้นบนและชั้นล่าง

โดยที่ชั้นเลขคี่ ระหว่าง 11 – 31 ห้อง 2 Bedroom จะเป็น Stack Floor มี Step บันไดเปลี่ยนพื้นที่การใช้งาน และเปลี่ยนความสูงของพื้นที่ใช้งานระหว่างห้อง Living room (ความสูง 3.6 เมตร) และห้องครัว ห้องนอน

แต่ที่ชั้นเลขคู่ ระหว่างชั้น 12-30 จะไม่มี Stack Floor ที่เป็น step ขั้นบันได เป็นชั้นที่มีระดับพื้นเท่ากัน แต่เปลี่ยนระดับความสูงต่ำที่เพดาน คือมี Zone Living room และห้องครัว เพดานสูง 3.6 เมตร ในส่วนของห้องนอนจะมีความสูงน้อยกว่า

ส่วนที่ชั้น 35-47 ห้อง 2 Bedroom จะเหลือแค่ Type B ขนาด 75.50 และชั้นที่เป็น Stack Floor จะเป็นชั้นเลขคู่ สลับกับชั้นด้านล่างที่ไม่มี Step ตามที่กล่าวไป
ห้อง 1 ห้องนอนเบอร์ 7 และ 14 ตั้งแต่ชั้น 35 ขึ้นไป ไม่ต้องกลัวว่าจะโดน ห้องตรงข้ามส่องเวลาอาบน้ำแล้วครับ

ห้อง 2 bedroom อีก design ที่มีเฉพาะที่ Ashton Silom ในเวลานี้ ก็คือการออกแบบมุมห้องนั่งเล่นให้มี หน้าต่างบานสูงเปิดปิดบริเวณมุมห้อง ทำให้สามารถเปิดรับลม ชมวิว แบบไร้มุม ไร้กรอบ เชื่อมพื้นที่ภายในสู่ภายนอกเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้มีความเอกลักษณ์มากขึ้น

Type D E F เป็นห้อง 1 Bedroom ตำแหน่งห้องอยู่ติดโถงลิฟท์ ไม่มีการเล่นระดับใดใด แต่ความพิเศษของห้อง 1 Bedroom คือ มีการออกแบบห้องน้ำเป็นกระจกรอบตัว พร้อม Jacuzzi อยู่ตรงกลางห้องให้ทุกส่วนในพื้นที่ห้องสามารถเห็นวิวได้ทุกทิศทาง

เรามาดูห้องตัวอย่างที่ทางโครงการสรรค์สร้าง มาให้ยลโฉมกันหน่อยดีกว่า
ห้องตัวอย่างทั้ง 3 ห้องจะเห็นการเติบโตของ 3 วัย

ไล่เรียงตั้งแต่ ห้อง 48 ตรม. Represent สไตล์ของหนุ่มโสด Biker มีความเป็นตัวเองสูง
ห้อง 71.5 ตรม. สาวโสด Jewelry Designer ที่สร้างสรรค์ความเป็น Prototype จนเติบโตไป ถึงห้อง 86 ตรม. ที่ขยับขยายมีครอบครัว

เริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 48.5 Sq.m. ห้องนี้สูงประมาณ 3 เมตร

มีการออกแบบ space ที่มีความ unique สูงสร้างความ premium ด้วยการลดการใช้ผนังทึบ เปิดเป็นกระจกให้มากที่สุด เพื่อเน้นให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้รอบด้านไม่ว่าอยู่ส่วนไหนของห้องก็สามารถสัมผัสได้ และยัง take view ได้กว้าง หลายมุม เพื่อให้เกิดความโปร่งโล่งมากที่สุดที่หาไม่ได้จากโครงการอื่นๆ แม้กระทั่งห้องน้ำที่อยู่กลางห้องก็ตาม

แปลนห้องประมาณนี้นะครับ แต่ต้องห้องตัวอย่างต้องกลับรูปซ้าย ขวา ครับ

จากประตูทางเข้า จะเป็นส่วนของห้องครัว กระเบื้องปูด้วย กระเบื้อง Italian porcelain

ด้านซ้ายเป็นชุดครัวที่ทางโครงการให้มา ประกอบด้วย counter ครัว top บนเป็นหินสังเคราะห์ มีเจาะช่องสำหรับเครื่องซักผ้า เตาไฟฟ้าฝังพื้น และอ่างล้างจาน มี Top ปิดเมื่อไม่มีการใช้งาน

ด้านบนเป็นชั้นวางของ มีเจาะช่องสำหรับไมโครเวฟ และเครื่องดูดควันของ Smeg ด้านขวาของประตู จริงๆที่ให้มาจะเป็นที่โล่ง ขนาดความลึก ลึกพอที่จะวางตู้เย็นได้

ถัดเข้ามาเป็นทางแยกเข้าสู่ส่วนนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ ห้องแต่งตัว

จากห้องครัว สามารถเชื่อมโยงมาสู่ส่วนนั่งเล่น เปลี่ยนพื้นที่การใช้งานด้วยวัสดุปูพื้น ด้านซ้ายเป็นที่วางทีวี กว้างพอที่จะวางชุดโซฟาได้ และมีมุมมองทะลุต่อไปที่ระเบียง

ส่วนพื้นที่ระเบียง ก็ยังคงคอนเซปการออกแบบที่เชื่อมต่อ และการมองที่ไม่สิ้นสุด ไร้สิ่งใดมาบดบัง ทำให้วัสดุราวกันตกที่ระเบียง เลือกใช้เป็นกระจก สำหรับความปลอดภัย

ด้านขวาของส่วนนั่งเล่นเป็นส่วนที่ต่อกับห้องนอน ทั้งพื้นห้องที่ปูด้วย engineered wood และมุมมอง การใช้พื้นที่เชื่อมต่อ กรณีที่อยากได้พื้นที่ใหญ่ๆ แต่ทางโครงการก็ให้ประตูบานพับแบบรางด้านบน สูงจากพื้นจรดเพดาน สำหรับเปิดปิดระหว่างห้องนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้

ห้องนอน เป็นพื้นที่ที่สามารถเห็นวิวภายนอกได้กว้าง เนื่องจากการออกแบบกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน บานใหญ่โดยไม่มีผนังหรือเสากั้น อีกทั้งยังเข้ามุมด้วยกระจก ทำให้ห้องนอนดูกว้าง และสามารถนอนชมวิวได้แบบไร้กรอบ มีรางผ้าม่านเดินให้รอบตามแนวกระจก

อีกมุมมองของห้องนอนเป็นส่วนของผนังห้องน้ำ ที่ทำเป็นกระจก สามารถมองทะลุถึงกัน ด้วยตำแหน่งของห้องน้ำที่วางกลางห้อง ทำให้สามารถเข้าถึงได้จากทุกทิศของห้อง

ภายในห้องน้ำ ออกแบบให้เป็นกระจกเข้ามุมเป็นตัว L สามารถมองเห็นวิวด้านห้องนอน และวิวด้านห้องแต่งตัว ที่เปิดเป็นหน้าต่างกระจกได้
สำหรับห้องน้ำในห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 48 ตรม. ขึ้นไป จะมีอ่างอาบน้ำให้
ฝักบัวถูกติดตั้งอยู่โซนผนังทึบ มีทั้งฝักบัวฝังผนังและฝังเพดาน เป็นชุดอาบน้ำของ Grohe
ด้านขวาของห้องน้ำ เป็นชุดสุขภัณฑ์ ของ Kohler ที่ออกแบบจัดวางพร้อมกับกระจกบานใหญ่ตลอดแนวผนัง

ถัดจากห้องน้ำ เป็นส่วนของห้องแต่งตัว ที่อยู่ด้านขวาของตัวห้อง สามารถเข้าได้จากห้องครัว ผ่านทางเข้าห้องน้ำ และเข้าได้จากทางห้องนอนอีกทางหนึ่ง

ส่วนนี้ผู้อยู่อาศัยต้องทำการตกแต่งเอง เพราะโครงการให้มาเป็นพื้นที่โล่ง แต่ก็สามารถออกแบบให้เป็นตู้เสื้อผ้าสูง ทั้งบาน ได้ตามสไตล์แต่ละคน

ส่วนระบบแอร์ เป็นระบบแอร์ฝังฝ้า มีมาให้ 2 ตัว ที่ห้องนอน และโถงห้องนั่งเล่น

ห้องตัวอย่างถัดไป เป็นห้อง 2 ห้องนอนขนาด 71.5 Sq.m.

เป็นตัวอย่างห้องที่ไม่มี Stack แต่ยังคงรักษาการออกแบบห้อง Living room เพดานสูง 3.6 เมตร และกระจกบานเปิดแบบเข้ามุม

เน้นการออกแบบ space ให้เชื่อมต่อส่วน living และ pantry ได้อย่างลงตัว ห้องดูโล่งโปร่งและพื้นที่ living ให้อารมณ์ welcome
แก่ผู้มาเยือนได้มากกว่า ห้อง 48 และ 86 ตรม เพราะอยู่ด้านหน้าทางเข้า อีกทั้งห้องนอนมีผนังกระจกขนาดใหญ่
แสงธรรมชาติเข้าได้มาก ทำให้ห้องโปร่ง สบาย

ห้องนี้เข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นวางตัวแนวยาว มีเพดานสูงถึง 3.6 เมตร อยู่ด้านขวามือ

มีกระจกบานสูง เปิดมุมได้ ทำให้สามารถเปิดชมวิวแบบไร้กรอบ แต่จากพื้นก็มีกระจกยกสูงเป็นราวกั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

จากห้องนั่งเล่นมีประตูบานเปิดเชื่อมสู่ระเบียงได้ ด้านซ้ายของห้องเป็นส่วนของครัวที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น
แบ่งเป็นส่วนเคาท์เตอร์ครัว ที่ทางโครงการให้มา ประกอบด้วย counter ครัว top บนเป็น หินสังเคราะห์ มีเจาะช่องสำหรับเครื่องซักผ้า เตาไฟฟ้าฝังพื้น ตู้อบ ตู้เย็น และอ่างล้างจาน มี Top ปิดเมื่อไม่มีการใช้งาน

ด้านบนเป็นชั้นวางของ มีเจาะช่องสำหรับไมโครเวฟ และเครื่องดูดควันของ Smeg

ตรงข้ามเคาท์เตอร์ครัว เป็นผนังห้องนอน สามารถเป็นฉากวางโต๊ะทานข้าวสำหรับครอบครัวได้

ถัดจากห้องครัวและห้องนั่งเล่น จะเป็นโซนห้องน้ำและห้องนอน ที่เพดานจะต่ำลง มีความสูงอยู่ที่ 2.6 เมตร

ถัดจากครัว ห้องแรกเป็นส่วนของห้องน้ำแบบ Shower ฝังผนัง ชุดอาบน้ำของ Grohe และชุดสุขภัณฑ์ ของ Kohler เสริมด้วยกระจกบานใหญ่จากผนังจรดผนัง

ถัดจากห้องน้ำ เป็นทางเข้าห้องนอนทั้ง 2 ห้อง…ห้องแรกเข้ามาด้านขวามือ เป็นห้องนอนเล็ก หรือสามารถปรับเป็นห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน สำหรับครอบครัวเล็กได้
มีประตูกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน เปิดเชื่อมต่อไปที่ระเบียง

มีพื้นที่ด้านขวาของห้องให้ได้ใช้วางชั้นวางของ หรือตู้เสื้อผ้า กรณีเป็นห้องนอนเล็กได้

ถัดมา ประตูติดกัน เป็นส่วนของห้องนอนใหญ่ มีห้องแต่งตัวและห้องน้ำในตัว
จากประตูเข้ามา ด้านซ้ายเป็นส่วนของห้องแต่งตัวและห้องน้ำ ที่โครงการให้มาแบบโล่งๆ ให้ผู้อยู่อาศัยไปออกแบบใส่ไอเดียกันเอง
ส่วนของห้องแต่งตัวจะเป็นพื้นที่รูปตัว L เชื่อมต่อกับห้องน้ำ ที่แบ่งเป็นสัดส่วน ส่วนแห้งมาพร้อมชุดสุขภัณฑ์ ของ Kohler และกระจกบานใหญ่ตลอดแนวผนัง ด้านในมีฝักบัวและมีอ่างอาบน้ำให้ เป็นชุดอาบน้ำของ Grohe ห้องน้ำมีกระจกบานสูง พร้อมพื้นที่วางของเล็กๆ สำหรับชมวิวภายนอก

มาถึงส่วนของห้องนอนใหญ่ มีกระจกล้อมเป็นรูปตัว L จากหัวเตียงและด้านข้างเตียง มีกระจกบานเปิดสามารถรับลม ระบายอากาศได้

สุดท้ายเป็นห้อง Stack floor ที่เป็นจุดขายของที่นี่
ห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 86 sq.m. เป็นห้องหัวมุมของทุกชั้น (ในรูปแปลนสลับด้านกันนะครับ)

ออกแบบ space ที่แตกต่าง ด้วย Vertical Interlocking เพื่อให้ได้ space ที่ luxury ด้วยโถงห้องนั่งเล่นสุงกว่า 3.60 ม
เหนือชั้นกว่าที่ใดๆ และยัง premium ด้วยกระจกเปิดมุมที่ corner รับวิวได้กว้างมากกว่าใคร ซึ่งในห้องนอนก็ยังมีกระจก รับแสงธรรมชาติได้รอบด้านอีกด้วย

เข้ามาจากประตู จะเจอห้องน้ำอยู่ซ้ายมือ ห้องนอนอยู่โซนขวามือ ทั้งสองโซนนี้ มีความสูงแตกต่างกันไปตามตำแหน่งห้อง

ถัดจากห้องน้ำเป็นห้องครัว แบ่งเป็นส่วนเคาท์เตอร์ครัว ที่ทางโครงการให้มา ประกอบด้วย counter ครัว top บนเป็นหินสังเคราะห์ มีเจาะช่องสำหรับเครื่องซักผ้า เตาไฟฟ้าฝังพื้น ตู้อบ ตู้เย็น ด้านบนเป็นชั้นวางของ มีเจาะช่องสำหรับไมโครเวฟ และเครื่องดูดควันของ Smeg แยกเคาท์เตอร์ล้างจานอยู่ตรงกลาง มี Top ปิดเมื่อไม่มีการใช้งาน ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ

ด้านขวาของห้องในระดับความสูงที่เท่ากันกับครัว เป็นส่วนของห้องนอน แยกเป็น 2 ห้อง ห้องแรกเป็นห้องนอนเล็กมีกระจกมองเห็นระเบียงและส่วนของห้อง Living room
ภายในห้องนอกจากมีผนังกระจกเชื่อมห้องนั่งเล่น พื้นที่ที่เหลือเป็นส่วนผนังทึบสามารถวางเตียงเล็กได้ 1 เตียง ปลายเตียงสามารถติดทีวีที่ผนัง และมีพื้นที่สำหรับตั้งตู้เสื้อผ้า

ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ ด้านขวาเป็นห้องแต่งตัวเชื่อมกับห้องน้ำ พื้นที่ห้องแต่งตัวมีด้านผนังเป็นรูปตัว L สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้สูงจรดเพดาน ด้านในมีฝักบัวและมีจากุชชี่ เป็นชุดอาบน้ำของ Grohe ห้องน้ำมีกระจกบานสูง สำหรับชมวิวภายนอก

ในส่วนของห้องนอนใหญ่มีกระจกปลายเตียงวางเป็นรูปตัว L สามารถนอนชมวิวได้เป็นแนวยาว

มาถึงไฮไลท์ของห้องนี้ คือพื้นที่ห้อง Living room ที่มีเพดานสูง 3.6 เมตร และลด Step ด้วยบันได 5 ขั้นเล็กๆ เพื่อแบ่งการใช้งานระหว่างพื้นที่พักผ่อนและส่วนของครัวและห้องนอน

ในส่วนของLiving room นี้ สูงถึง 3.6 เมตร มีกระจกล้อมรอบห้อง สามารถใช้พักผ่อนและชมวิวได้รอบ มาพร้อมการออกแบบกระจกเปิดปิดเข้ามุม ที่มีราวกันตกเป็นกระจกกั้นเพื่อความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง

บริเวณห้อง Living roomสามารถวางโซฟาเซ็ตใหญ่ได้สบายๆ เป็นที่รับแขก นั่งพัก ได้หลากหลาย หรือจะจัดมุมทำงานเล็กๆ ก็ยังสามารถทำได้เพราะพื้นที่ที่ให้มาเหลือเฟือ และด้วยพื้นที่ Stack floor ที่สูงโปร่ง และมีกระจก ยิ่งทำให้ห้องดูกว้างขึ้นไปอีก

นี่คือทั้ง 3 ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดมาให้ดูอย่างเต็มตา

มาถึงพื้นที่ส่วนกลาง ที่หยิบเอาประวัติศาสตร์ของพื้นที่มาใช้งาน

นอกจากการออกแบบโดยการหยิบทองเหลืองมาถักทอเป็นเสมือนผ้า ที่มีตกแต่งอยู่ที่ Sale office และจะเป็น Mood & Tone ในการตกแต่งพื้นที่ Lobby ส่วนกลางของคอนโดในอนาคต

พื้นที่ส่วนกลาง อย่างที่ตอนต้นบอกไปแล้ว มีทั้งที่ชั้น 1 ที่เป็นสวนตรงพื้นที่ทางเข้า ที่ออกแบบสุดล้ำ เป็นสะพานข้าม sunken plaza เข้าสู่พื้นที่อาคาร

มีพื้นที่สวนเล็กๆที่ชั้น 10 , 32 และ 46

และยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 34 – 34 M เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็ม ทั้ง สระว่ายน้ำ สระเด็ก จากุซซี่ ฟิตเนส ห้องสตีม ห้องซาวน่า ห้องนวด ห้องสมุด ห้องดูภาพยนตร์ Business Lounge และ Sky Deck

อีกทั้งยังมี Social Club & Wine Bar, Outdoor Lounge with Garden และ Rooftop Deck & Botanical Lounge ให้ปาร์ตี้และชมวิวได้อย่างอิ่มหนำที่ชั้น 48

แอชตัน สีลม น่าซื้อไหม?

ทำเลสีลมนั้น เป็นทำเลที่มีประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองมายาวนานมาก แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจพอสมควร ถ้าหากไปถามความเห็นของคนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีที่ส่วนใหญ่แล้ว ก็มักที่จะรู้สึกเฉยๆกับทำเลนี้ แตกต่างกับทำเล อย่างอโศก ราชเทวี หรือพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ที่ดูจะเป็นที่นิยมในหมู่กลุ่มคน Gen Y – Gen Z มากกว่า…เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก หากเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นล้วนถือกำเนิด และเติบโตขึ้นมาท่ามกลางยุครุ่งเรืองของแหล่งช้อปปิ้งในย่านสยาม – ทองหล่อ จบจนพร้อมพงษ์ The EM District ปัจจุบัน

ในทางกลับกัน หากไปถามถึงกลุ่มคนในยุคผมขึ้นไป หรือไปถามกลุ่มคนในยุค Gen X – Baby Boomer ก็กลับพบว่าทำเลสีลมนั้นเป็นทำเล ที่ดีมากถึงมากที่สุดทำเลหนึ่งในเมืองไทย…การที่ราคาประเมินที่ดินบนถนนสีลมนั้นมีอันดับสูงสุดติดต่อกันหลายสมัย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นหลักประกันถึงความฮอตของทำเลได้ดี

หลายๆคนเวลาที่คิดจะซื้อคอนโดเพื่อลงทุน ก็มักที่จะไปถามถึงฟากของดีมานท์ว่าเป็นใคร มาจากไหน โดยที่ส่วนใหญ่ก็ลืมไปเลยว่า ปัจจัยที่จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงราคาที่เพิ่มขึ้นในอนาคตของอสังหาฯ ก็คือฟากของซัพพลายมากกว่าดีมานท์ ทำเลสีลมนั้นแม้แต่การพัฒนาช้อปปิ้งมอลล์ และอาคารสำนักงาน ยังต้องเป็นการ renovate เนื่องจากไม่สามารถหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ได้อีกแล้ว ยิ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแบบ High Rise ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาที่ดินว่างเพื่อพัฒนาโครงการ

แอชตัน สีลม จึงเป็นโครงการที่มีความเป็น เดอะ ไพโอเนียร์ อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งทำเล รูปแบบ และฟังก์ชั่นการใช้งาน เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับเหล่ามหาเศรษฐีที่นิยมซื้อคอนโดไฮเอนท์เพื่อเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่น เพราะที่คือ Rare Item ที่หลายสิบปีจะมีมาปรากฎครั้งนึง
สำหรับเรื่องราคา ด้วยต้นทุนการซื้อที่ดิน และการก่อสร้างที่ยากกว่าปกติ

แอชตัน สีลม จึงเรียกได้ว่า จัดเต็มจัดครบสมราคา โดยขายอยู่ที่ประมาณตารางเมตรละ 250,000 บาท ไม่ถูก แต่ก็ไม่แพงเกินไป สำหรับกลุ่มคนที่สนใจซื้อคอนโดไฮเอนท์ในช่วงปีนี้ (ราคาคอนโด M Silom ใกล้ๆกัน อยู่ที่ สองแสนต้นๆต่อตรม. จากราคาเมื่อตอนเปิดโครงการอยู่ที่ราวๆตรมละแสนสามกว่าๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ The Real Silom ) และดูจะเหนือกว่าแบรนด์ Ashton อื่นๆที่อนันดาเคยทำมา ทั้งการให้ห้อง Living room ที่ใหญ่สุด สูงสุด เท่าที่เคยสร้างมา

มีจุดเล็กๆที่น่าจะทำให้โครงการนี้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ก็คือถ้าโครงการ ให้เพิ่มอีกนิด กับ ดีเทลเล็กๆน้อย หรือวัสดุห้องที่ให้มา การติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างอย่างเตาไฟฟ้า ตู้เย็น ที่ราคาระดับนี้น่าจะให้แบบฝังผนัง ไม่เปิดเพียงช่องให้ลูกบ้านหาอุปกรณ์ขนาดพอดีมาวาง…แต่ก็อย่างว่า คนซื้อคอนโดระดับนี้ ล้วนแล้วแต่สามารถซื้อหาเปลี่ยนเองได้จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกอยู่แล้ว

แต่ด้วยทำเลที่ตั้งสะดวกสบายและ facility ครบครันแบบนี้ ก็อาจทดแทนกันได้กับมูลค่าที่ต้องเสียไป แลกกับความศิวิไลกลางเมืองที่หาไม่ได้อีกแล้วบนถนนสีลม

สัมผัสประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ เร็วๆ นี้ ที่สำนักงานขายโครงการ แอชตัน สีลม
ลงทะเบียน www.ananda.co.th โทร 02 316 2222