อโศก คือย่านสุขุมวิทตอนต้น เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นจุดศูนย์กลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งรวมทุก Lifestyle ทั้งคนไทย ท่องท่องเที่ยวต่างชาติ และบรรดา Expat เข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว เพราะไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็มีในสิ่งที่ต้องการรวมอยู่ในย่านนี้อย่างรอบด้าน ทั้งการคมนาคมที่สะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายหลักใจกลางเมือง (สถานีอโศก) รถไฟฟ้าใต้ดิน (สถานีสุขุมวิท) ตลอดจนรถขนส่งสาธารณะที่วิ่งผ่านแทบทุกสาย ทำให้อโศกมีความคึกคักอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งรายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Terminal 21 ที่อยู่ตรงกลางแยกอโศก จะจับจ่ายซื้อของแต่ละทีก็รวมไว้ในห้างนี้ทั้งหมดแล้ว ไหนจะร้านอาหารและโรงแรมชื่อดังที่อยู่โดยรอบ จึงทำให้มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนมาอยู่ในย่านนี้อย่างไม่ขาดสาย

นอกจากนี้ ย่านอโศกยังเป็นที่หมายปองจากดีเวลลอปเปอร์หลายเจ้าที่มองหาที่ดินแถวบริเวณนี้เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมของตัวเองขึ้นในพื้นที่ที่ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งใน The Heart of Residential Area ท่ามกลางวิถีชีวิต CBD ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางไป New CBD อย่าง พระรามเก้า และพระรามสี่ได้ง่าย ทั้งจากทางรถยนต์ และรถไฟฟ้า และย่าน CBD แห่งนี้ ยังถูกพัฒนาต่อยอดให้เป็น Residential Area ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของ Expat ต่างชาติที่ทำงานในย่านนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยหากดีเวลลอปเปอร์รายไหนที่อยากจะสร้างชื่อเสียงกับตัวเอง และความคึกคักให้กับตลาด ก็ล้วนแล้วแต่เลือกที่จะปักหมุดสร้างโครงการระดับ Landmark ในย่านอโศกทั้งนั้น

อยู่คอนโด Low Rise ก็เป็นที่อิจฉาสำหรับคนอื่นได้ ถ้าเป็นสุขุมวิท 23

ในยุคที่คอนโดผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดเพื่อสอดรับกับทิศทางในการพัฒนาเมืองและดีมานท์คอนโดกลางเมืองที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ทุกๆ ย่านของกรุงเทพก็ล้วนแต่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดใกล้กับรถไฟฟ้า หรือถนนเส้นหลักของย่านต่างๆ ก็เป็นที่จับตามองของนักลงทุนหรือผู้ที่ต้องการหาห้องดีๆ สักห้องเพื่ออยู่อาศัย หรือแม้แต่ชาว Expat ในกลุ่มผู้บริหารระดับกลาง-สูง ที่ในตอนนี้เริ่มที่จะมองหาคอนโดไว้เพื่ออยู่อาศัยทดแทนการอยู่อพาร์ทเมนท์กันบ้างแล้ว

สำหรับทำเลอโศก จริงอยู่ที่ในช่วง 3-4 ปีให้หลังมานี้ มีการพัฒนาโครงการคอนโดสูงระดับ Luxury – Super Luxury กันอย่างมากมาย ในบริเวณถนนหลัก ไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิท 21 หรือแยกอโศก-เพชรบุรี จนถึงเส้นรัชดาภิเษก จนหลายๆคนมองว่าซื้อคอนโดที่ไหนก็เหมือนๆกันไปหมด เพราะมีตัวเลือกเยอะมาก แถมราคาก็สูงพอๆกันหมด…กระแสการเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมากของคอนโด High Rise เปิดใหม่ในย่านนี้  ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงๆ ในงบประมาณที่ไม่สูงเว่อร์จนเกินไป และชอบที่จะใช้ชีวิตในแบบ Private ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดถนนใหญ่ ประชิดสถานีรถไฟฟ้ามากมาย แต่ก็ยังอยู่ท่ามกลาง Neighborhood Facilities ดีๆ มีความสมบูรณ์พร้อม รู้สึกว่าไม่ค่อยจะมีตัวเลือกเข้ามาในตลาดมากนัก โดยเฉพาะกลุ่ม Expat ที่มักจะมองว่าอยู่สุขุมวิท ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ติดถนนใหญ่ ขอแค่เดินไปมาสะดวกก็เพียงพอแล้ว โครงการคอนโด Low Rise เลยเป็นคำตอบที่สำคัญสำหรับกลุ่มคนที่มองหาการใช้ชีวิตในรูปแบบดังกล่าว

โดยปกติแล้วคอนโดแบบ High Rise พื้นที่ของโครงการอยู่ติดกับถนนเส้นหลัก อยู่ใกล้กับระบบขนส่งมวลชนมากกว่า ทำให้สะดวกต่อการเดินทางของผู้พักอาศัยที่ใช้รถไฟฟ้าเป็นเส้นทางหลักในการเดินทาง และมีจำนวนชั้นสูงเฉลี่ย 20 – 40 ชั้นขึ้นไป มีจำนวนของยูนิตมากกว่าคอนโดแบบ Low Rise และมีส่วนของพื้นที่ส่วนกลางเป็นจัดเต็มเพราะมีพื้นที่ใช้สอยให้พัฒนามากกว่า ทำให้สามารถออกแบบพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างหลากหลาย แต่นั้นก็แลกมาด้วยราคาที่แพงมากๆโดยเฉพาะในย่านอโศก ที่หากซื้อเพื่อหวังผลตอบแทนในรูปแบบ Rental Yield คงจะได้เพียงแค่ราวๆ 4% เท่านั้นสำหรับคอนโดใหม่

แต่ก็ใช่ว่าคอนโด Low Rise จะด้อยไปว่าคอนโด High Rise ไปซะทั้งหมด เพราะการอยู่คอนโด Low Rise จะได้ในเรื่องของความ Privacy แต่มีข้อด้อยก็คือ exposure จะไม่เท่าคอนโด High Rise แต่ในทำเลอย่าง อโศก ทองหล่อ พร้อมพงษ์ เป็นทำเลที่คุ้นเคยของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ซึ่งชอบเดินเท้ามากกว่า และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากกว่าคอนโดที่วานวายติดถนนใหญ่ แถมเป็นซอยที่ลัดเลาะไปออกได้หลายที่ เพราะการที่ได้อยู่คอนโด Low Rise ที่อยู่ภายในซอยต่างๆ ก็สามารถเข้า–ออกได้หลายทาง และระหว่างทางก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกเรียงรายตลอดแนวสองฝั่งทาง

เหมือนกับ WALDEN ASOKE ซึ่งตัวโครงการอยู่ที่ซอยสุขุทวิท 23 สามารถเดินทางทะลุออกไปยังอโศก–พร้อมพงษ์–ทองหล่อ–เพชรบุรีตัดใหม่ ได้อย่างสบายๆ และได้รับความเป็นส่วนตัวจริงๆ เนื่องจากมีจำนวนยูนิตที่ไม่มาก และอยู่ในซอยถัดจากถนนเส้นหลักออกมา ลดทั้งมลภาวะทางเสียง และฝุ่นควัน อีกทั้งมีจำนวนห้องพักอาศัยค่อนข้างน้อยเพียง 83 ยูนิต จึงทำให้ได้รับความเป็นส่วนตัวสูงนั่นเอง

โครงการ WALDEN ASOKE ถูกพัฒนาขึ้นโดยดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาเป็นเวลานาน อย่าง “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ซึ่งเป็นบริษัทฯ ในกรุงเทพฯ ที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบในแบบ Luxury Project ที่ได้รับผลตอบรับอย่างดี และทำการตลาดเข้าใจ Luxury customer insight อย่างแท้จริง และกล้านำเสนอ Product ที่จริงใจต่อลูกค้า (ให้ facilities ครบ) อย่างเช่น WYNDHAM ATLAS WONGAMAT PATTAYA, BLUPHERE PATTAYA MANAGED BY BW PREMIER,  BEST WESTERN PREMIER BAYPHERE PATTAYA และ X2 PATTAYA OCEANPHERE โดยส่วนใหญ่โครงการของทางบริษัทฯ จะเป็นโครงการเพื่อการลงทุนแทบทั้งหมด

ไม่เพียงเท่านั้นทาง ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังได้รับรางวัลการันตีความเชี่ยวชาญและความสามารถอย่างมากมายที่สามารถการันตีคุณภาพของบริษัทฯ ได้ ไม่ว่าจะเป็น รางวัลการออกแบบและโรงแรมแห่งใหม่ประจำปี 2017 โดย Asia Pacific Property Awards

รางวัล Best of The Best Property ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2016 โดย Dot Property

รางวัลสุดยอดการออกแบบตกแต่งภายในที่ได้รับการยกย่องในปี 2016 จาก Thailand Property Awards

เพื่อเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับพรีเมี่ยม ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา และวันนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร กับโครงการที่มีชื่อว่า ”WALDEN ASOKE” คอนโด Low–Rise ระดับ Luxury เป็นส่วนตัวสูงสุดเพียง 83 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ใกล้ BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ประมาณ 600 เมตรเท่านั้น

โครงการ WALDEN ASOKE ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 23 ขนาดพื้นที่ประมาณ 0-2-20 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมดเพียง 83 ยูนิต เริ่มต้นพื้นที่ใช้สอยที่ 31.10 – 35.31 ตารางเมตร ขนาด 1 ห้องนอน, 37.72 – 42.58 ตารางเมตร ขนาด 1 ห้องนอน (Plus), 31.24 – 37.11 ตารางเมตร ขนาด 1 ห้องนอน (Simplex), 42.12 – 46.80 ตารางเมตร ขนาด 1 ห้องนอน (Plus Garden), 58.52 ตารางเมตร ขนาด 1 ห้องนอน (Loft), 54.14 – 64.11 ตารางเมตร ขนาด 1 ห้องนอน (Plus Loft) ไปจนถึง 64.61 – 65.43 ตารางเมตร ขนาด 2 ห้องนอน (Loft) และด้วยการมีจำนวนยูนิตที่ไม่มากเกินไปทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวเมื่อได้พักอาศัยจริงๆ

รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโครงการฯ มอบให้อย่างครบครัน เพื่อให้ผู้อาศัยได้รับความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้านและมีความเป็นส่วนตัวที่แท้จริงด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งฟิตเนส สวนลอยฟ้า พื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่สำหรับบาร์บีคิวมื้อค่ำของครอบครัวและเพื่อนๆ และ Vichy Corner (Hydrotherapy) และระบบ Home Automation ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้าน

พื้นที่สำหรับจอดทั่วไปและออโตเมติกปาร์คกิ้ง คิดเป็น 48%

• Automated Car Parking มี 2 จุด
• Car Parking

ห้องโถงที่มีเพดานยกสูงเพื่อความโปร่งสบาย

Lobby ที่ถูกยกระดับขึ้นไปให้สามารถจัดเป็นมุมอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นได้

ห้องแบบ Loft ที่มีเพดานสูง และห้องนอนถูกยกระดับขึ้นไปเหมือนกับเป็นชั้นสองของห้อง เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานของชั้นล่างมากขึ้น

Rooftop Pavillion ชั้นบนที่สามารถชมวิวได้โดยรอบ ถูกดีไซน์แบบโมเดิร์น

Hot & Cold Spa ผ่อนคลายเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยที่ชื่นชอบออนเซ็น

สระน้ำที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับเลานจ์ชั้นบน สามารถชมซิตี้วิวได้รอบด้าน

มีส่วนของ Vichy Corner Hydrotherapy ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ด้านบนโครงการที่เป็นเหมือนห้องอาบน้ำกลางแจ้ง รายล้อมด้วยต้นไผ่กับการตกแต่งแบบจิตวิญญาณญี่ปุ่น ให้ความผ่อนคลายทันทีเมื่อมาใช้บริการตรงส่วนนี้

สำหรับโครงการ WALDEN ASOKE ทาง Habitat Group ก็ยังคงวาง Positioning ของโครงการให้เป็นโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการนำเอาเชนโรงแรมดังมาบริหารโครงการเหมือนดั่งเช่นโครงการอื่นๆที่พัทยา แต่ก็มีการวางคอนเซปท์โครงการให้โดนใจกลุ่มผู้เช่าหลัก พร้อมยังขายแบบ Fully Furnished อีก โดยส่วนใหญ่แล้วกลุ่มเป้าหมายหลักของการปล่อยเช่าคอนโด Low Rise ในย่านอโศก-พร้อมพงษ์ คือ กลุ่มชาว Expat โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอาศัยในเมืองไทย ซึ่งคนกลุ่มนี้เลือกให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัย ที่เน้นความเป็นส่วนตัว มียูนิตพิเศษ มีการคมนาคมที่สะดวก อยู่ใจกลางของย่านธุรกิจ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน โดยพื้นที่ภายในโครงการก็มีการออกแบบในส่วนต่างๆ ให้มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นเพิ่มด้วย อย่างเช่น สวนรอบโครงการที่ถูกออกแบบให้เป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ถือได้ว่าเป็นการดึงดูดนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยที่เป็นชาวญี่ปุ่นได้อย่างแท้จริง

เรามาดูภาพสถานที่จริงที่ทางทีมงานไปเซอร์เวย์กันดีกว่าว่าทางโครงการฯ มีทำเลที่น่าอยู่และน่าลงทุนขนาดไหน

มาเริ่มกันที่สถานีรถไฟฟ้าอโศกกันเลยดีว่า แค่ทีมงานเกริ่นขึ้นมาแค่นี้ก็รู้ทันทีว่าโครงการ WALDEN ASOKE มีความสะดวกในการเดินทางเป็นอย่างมาก และใกล้สถานีรถไฟฟ้าเพียงแค่ 700 เมตรเท่านั้น สามารถเดินมาลงบันไดตรงฝั่งตึก Interchange ได้เลย

หากใครที่ลงมาจากฝั่งห้างเทอมินอล 21 ก็ข้ามแยกอโศกมาได้เช่นกันจ้า

หรือใครสะดวกนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะมี MRT สถานีสุขุมวิทอยู่ติดๆ กับ BTS เลย

และบริเวณโดยรอบก็มีทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ถนนเส้นหลักที่สามารถตัดไปยังย่านอื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

เดินย้อนตามฟุตปาธขึ้นมาทางพร้อมพงษ์จาก BTS อโศก ไม่ไกลก็จะเห็นปั๊มน้ำมันเชลล์อยู่ฝั่งซ้ายมือ ซอยข้างปั๊มน้ำมันก็คือซอยสุขุมวิท 23 นั่นเอง

จำง่ายๆ คือมีตึก Jasmine อยู่หน้าปากซอย และมีร้าน Little Italy ด้วย

ในซอยนี้ส่วนใหญ่จะมีร้านอาหารและร้านนั่งดื่มอยู่จำนวนมากเต็มสองข้างถนน และมีชาวต่างชาติอยู่ในซอยนี้เยอะด้วยนะ

เดินเข้ามาในซอยไม่ไกลก็จะมีที่ทำการไปรษณีย์ เพิ่มความสะดวกต่อการส่งพัสดุของคนในระแวกนั้นด้วย

สามารถเดินทะลุจากประตูหลังของโรงแรม PULLMAN ไปด้านหน้าก็จะเจอถนนอโศกพอดี

ผ่านโรงแรม Pullman มาอีกนิดนึงก็จะเจอร้าน BKK 23 ที่เป็นร้านขายอาหารและร้านนั่งดื่ม เราก็เดินเลี้ยวขวาที่ซอยข้างๆ ร้านนี้ไปได้เลย ไม่นานก็จะถึงโครงการ WALDEN ASOKE แล้ว

เลี้ยวขวาเข้ามาในซอยเพียงแค่ 250 เมตร ก็จะเห็นการไฟฟ้านครหลวงประสานมิตรและ NARZ Club อยู่ตรงทางเลี้ยวพอดี

แล้วเราก็มาถึง Site ที่ตั้งโครงการ WALDEN ASOKE กันแล้ว ทางโครงการฯ ยังไม่ได้เริ่มทำการก่อสร้าง แต่มีการติดป้าย Billboard ตรงกำแพงด้านหน้าของพื้นที่แล้วเรียบร้อย ไม่ต้องห่วงว่าเข้าไปแล้วจะหาไม่เจอ

พื้นที่โดยรอบของโครงการฯ ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวได้อย่างดี ถึงจะอยู่ในซอยที่มีคนพลุกพล่าน แต่ผู้อาศัยก็สามารถมีพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวได้เช่นกัน

ข้างในยังไม่มีการรื้นถอนอาคารใดๆ ออกนะจ๊ะ

สังเกตง่ายๆ คือ บริเวณฝั่งตรงข้ามของโครงการฯ จะมี Car Wash แบบนี้อยู่

และโครงการฯ ยังอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตรอีกด้วยนะ ระยะทางเพียงแค่ 650 เมตร ก็ถึงแล้ว ขับรถไปก็ได้หรือจะเดินเท้าชิลๆ ก็ไม่เหนื่อยเกินไป

นอกจากนี้หากเดินผ่านมหาวิทยาลัย แล้วไปออกตรงประตูด้านหน้าก็จะเป็นถนนอโศกมนตรีพอดี และยังใกล้กับ MRT เพชรบุรีกับ Airport Link สถานีมักกะสัน อีกด้วย

ถึงแม้ว่าโครงการ WALDEN ASOKE จะมีรูปแบบการขายที่ไม่ได้มาพร้อมแพคเกจ การันตีค่าเช่า และใช้เชนโรงแรมในการบริหารงานเหมือนกับคอนโดที่พัทยา แต่ด้วยการที่เป็นคอนโดที่ตั้งอยู่บนทำเลอโศก ทำเลที่รายล้อมไปด้วยโรงแรม อพาร์ทเมนท์ คอนโดต่างๆ รวมถึงมีราคาต่อตารางเมตรที่ค่อนข้างถูกกว่าคอนโดเปิดใหม่เกือบทุกแห่ง ในบรรดาทั้ง 3 สถานีใกล้เคียงคือ นานา อโศก และพร้อมพงษ์

สำหรับคนที่กำลังคิดที่จะซื้อไม่ว่าจะเพื่ออยู่เอง หรือเพื่อปล่อยเช่า ที่นี่ก็น่าจะได้เปรียบเพราะมีราคาถูกกว่า ไม่ว่าจะเป็นราคาต่อยูนิต หรือว่าราคาต่อตรม. ซึ่งหากเป็นการซื้อเพื่อปล่อยเช่า ก็น่าจะมีโอกาสในการได้ Rental Yield ที่สูงกว่า และยังไม่ต้องลงทุนในการแต่งห้อง เนื่องจากโครงการขายให้พร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบ ซึ่งก็นับว่าเป็นการคุมมาตรฐานในเรื่องของราคาค่าเช่าของโครงการที่สัมพันธ์กับการแต่งห้องได้เป็นอย่างดี เพราะบางโครงการเจ้าของห้องแต่งห้องโดยเลือกใช้เฟอร์ฯที่มีราคาถูก เพื่อที่จะสามารถนำมาปล่อยเช่าได้ถูกๆ ก็นับว่าเป็นการกดราคาผู้ที่ต้องการปล่อยเช่าในราคาที่ควรจะเป็นได้เช่นกัน

โดยสำหรับคอนโดในย่านอโศกหากเป็นคอนโด High Rise ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวขายไปก็น่าจะทำรายได้จากการปล่อยเช่าคนต่างชาติในราวๆ ตรม. ละ 1,200 บาท และสำหรับคอนโดพร้อมอยู่ ที่มีอายุไม่เกิน 6 ปีก็จะสามารถทำอัตราค่าเช่าได้ระหว่างตรม.ละ 750 – 1,100 บาท ซึ่งหากนำคอนโดพร้อมอยู่ที่เป็น Low Rise ใกล้เคียงที่ไม่ได้มีส่วนกลางแบบ Rooftop มาเทียบ ก็สามารถทำค่าเช่าได้ราวๆตรม.ละ 800 บาท เลยทีเดียว ซึ่งก็เท่ากับว่าห้องขนาด 1 ห้องนอนที่ WALDEN ASOKE น่าจะทำราคาค่าเช่าได้ราวๆ 25,000 –  28,000 บาท คิดเป็น Rental Yield ก็ประมาณ 5 – 5.7% ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตลาด

นอกจากนี้หากใครที่กลัวว่าจะยุ่งยากวุ่นวายในการหาผู้เช่า ทาง Habitat Group ก็ยังมีบริการจัดหาผู้เช่าให้โดย Habitat Hospitality ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ฮาบิแทท กรุ๊ป นั่นเอง…สำหรับผู้ที่สนใจในโครงการ WALDEN ASOKE ทางโครงการจะเริ่มเปิดขายพรีเซล ในวันที่ 24-25 มี.ค. 61 โดยผู้ที่สนใจสามรถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.waldenbangkok.com โทร. 08-3190-7777