Retail Store Disruption จะรุนแรงแค่ไหนหลังจบโควิด-19
เดินทางมาเกินครึ่งปีแล้ว สำหรับปี 2020 เป็นปีที่ Retail Store ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 กันถ้วนหน้า ถึงเวลาแล้วที่จะอัพเดตสถานการณ์ Retail Store ให้หอมปากหอมคอกันหน่อย เพราะการตีตลาดด้วย E-commerce ดูจะกลายเป็นอีกทางเลือกที่ละสายตาไปไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วง Work From Home ที่ทำให้หลายคนต้องพึ่งการซื้อของออนไลน์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า E-commerce จะมาแย่งส่วนแบ่งตลาดได้ 100% เพราะหลังจากการปลดล็อก Retail Store อย่างเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคมนี้ทำให้หลายคนคิดถึงการ Shopping ข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าที่ลดกระหน่ำไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อต้อนรับลูกค้ากลับมาสู่ออ้อมอกอีกครั้ง รวมไปถึง Siam Premium Outlet และ Luxury Retail Store อื่นๆทั้งหลายที่เปิดตัวได้อย่างสวยงามพร้อมลูกค้าที่ตั้งใจต่อคิวยาวจนล้นหน้าร้าน แต่ Retail Store จะปรับตัวและไปต่อได้สวยงามขนาดไหนนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง โดยเราจะโฟกัสที่ธุรกิจเสื้อผ้า Luxury Brands และ Fast Fashion ZARA retail store ภาพจาก Harper Bazaar.co.th
เมื่อ Retail Store หลายๆแห่งได้รับผลกระทบจากการ Work From Home เป็นเหตุให้ต้องหันมาเพิ่ง E-commerce อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนคิดว่า Digital Platform จะต้องครองตลาดแทนการเปิดขายหน้าร้านแน่ๆล่ะ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้และเป็นไปแล้วอย่างเห็นได้ชัดด้วยการแข่งขันที่สูงมากในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ที่เป็นผู้ครองตลาด E-commerce ในภูมิภาคเอเชียมาก่อนจะมีการระบาดของโควิด 19 เสียอีก ซึ่งถ้าเทียบกับ E-commerce ในประเทศไทยแล้ว เรายังคงตามหลังเขาอยู่ แถมยังมีโครงการ Shopping Mall ใหม่ๆที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคตอีก เราก็คงต้องปรับแผนการบริหาร Retail Store ใหม่นี้อย่างจริงจังตามสถานการณ์ที่แปรผันไป เพราะหากมองข้ามคลื่นลูกใหม่อย่าง E-commerce ไปก็อาจจะเสียชั้นเชิงในการทำธุรกิจ Retail Store ได้ แฟลกชิปสโตร์ Victoria’s Secret ที่นิวยอร์ก ภาพจาก HARPER BAZAAR
Event เล็กใหญ่ทั้งหมดที่ถูกเลื่อนออกไปอย่างไร้กำหนด จึงส่งผลให้เกิด New Normal ต่างๆนานา และพบว่า Retail Store บางแห่งได้จะหายไปอย่างถาวร ไม่เว้นแม้กระทั่ง Luxury Retail Store และ High Street Brand ต่างๆ ซึ่งการปิดหน้าร้านครั้งนี้ก็เพื่อลดต้นทุนลงในช่วงที่ยอดขายตกและพยุงธุรกิจให้คงอยู่ต่อไป ต้นทุนที่ว่านี้ก็ได้แก่ ค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงานขาย และค่าใช้จ่ายในการการบริการลูกค้าที่กลายเป็นต้นทุนที่ไม่จำเป็นลงไปในช่วงที่ทำยอดขายได้ไม่ค่อยดีในรอบนี้ โดยผลการทบครั้งนี้จะทำให้ยอดคนตกงานโดยเฉพาะใน USA ทะยานพุ่งสูงขึ้น ซึ่งสวนกับนโยบายที่ President Trump พยายามลดยอดผู้ว่างงานให้ต่ำลงมาตลอด ทั้งนี้ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเห็นจะเป็น USA เพราะ Retail Store ส่วนใหญ่ที่ปิดตัวลงคือ สาขาที่สหรัฐทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ZARA, Victoria Secret และ H&M ที่ประกาศปิดหน้าร้านเหมือนตัดเยื่อใยอย่างสิ้นเชิงและปิดชั่วคราวไปในช่วงการระบาดของ COVID-19 ในขณะที่ Luxury Brand ทั้งหลายก็ชวด Fashion Week 2020 เพราะ Event นี้ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ต่อให้ไม่ยกเลิก Fashion Week ก็ไม่ได้ช่วยให้การผลิตสินค้า Season ใหม่กระเตื้องขึ้นได้ และยังรวมไปถึงการส่งออกสินค้าที่ล่าช้ากว่าปกติ พูดง่ายๆว่าเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนขาช้อปปิ้งต้องผิดหวังไปตามๆกันไปทั่วโลก