PropTrip: 10 ปีแห่งความร่วมมือทางธุรกิจ AP Thailand & Mitsubishi Estate…จากก้าวแรกของคำว่ามิตร สู่หลักไมล์ของความใกล้ชิดที่แนบแน่นยิ่งกว่ามิตรภาพ
ย้อนกลับไปเมื่อราวระหว่างปี 2015 – 2019 (พ.ศ. 2558 – 2562) ต้องบอกว่าเป็นช่วงที่ตัวผมเองค่อนข้างแวะมาญี่ปุ่นบ่อยครั้งมากครับ และส่วนใหญ่ก็เป็นการแวะมาทำงานด้วย เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวจัดว่าเป็นช่วงพีคสุดๆของการจับมือกับพัฒนาโครงการอสังหาฯในไทยในรูปแบบ JV ของดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น กับดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ชาวไทยแทบจะทุกรายครับ ซึ่งนอกจากทางฝั่งไทยจะได้อานิสงค์ในส่วนของเม็ดเงินลงทุน การทำ Co – Branding เพื่อให้เกิด Worldwide Reputation และ Know How บางอย่างแล้ว ทางฝั่งญี่ปุ่นเองนอกเหนือจากผลตอบแทนที่มากกว่าการพัฒนาโครงการในประเทศตัวเองแล้ว เค้าก็ย่อมอยากจะสื่อสาร และอวดศักยภาพให้คนไทยที่สนใจในโครงการอสังหาฯได้เห็น ได้เข้าใจด้วยตัวเองว่า ความน่าสนใจ และความยิ่งใหญ่ในการพัฒนาโครงการในบ้านเค้าเองนั้นเป็นอย่างไร เมื่อรวมกับการที่มีดีมานท์จำนวนหนึ่งที่อยากจะไปซื้อคอนโดในญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้ผมได้รับหมายเชิญเพื่อให้ไปเยี่ยมชมธุรกิจ รีวิวโครงการ ไปแถลงข่าวการเปิดตัวโครงการที่ญี่ปุ่น รวมไปถึงการจัดทริปเพื่อศึกษาดูงาน มาอย่างสม่ำเสมอเลยล่ะครับ (ย้อนคิดถึงช่วงเวลาเมื่อก่อนแล้วก็รู้สึกว่ามันมีความสนุกตื่นเต้นมากกว่าตอนนี้เยอะเลย) และในปี 2023 นี้หลังจากที่การดำเนินชีวิตของชาวโลกเริ่มกลับเข้าสู่โหมด Next Normal อีกครั้ง ประจวบกับเป็นช่วงเวลามหามงคลฤกษ์ ก้าวย่าง 10 ปีแห่งความร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่าง ‘เอพี’ – ‘มิตซูบิชิ เอสเตท’ ที่จับมือกันแน่นในการเดินหน้าโกยความสำเร็จในการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องมากที่สุด ซึ่งปัจจุบัน AP-MEC ร่วมกันพัฒนาคอนโดมิเนียมในไทยมาแล้วมากถึง 23 + 1 โครงการ (ยังมีอีก 1 โครงการที่ยังไม่เปิดเผยข้อมูลข้อมูล) คิดเป็นมูลค่าโครงการสูงกว่า 111,304 ล้านบาท และหากรวม 24 โครงการจะเป็น 116,300 ล้านบาท)…ทางเอพี ก็เลยถือโอกาสนี้พาทีมงานนักข่าวมาถึงสำนักงานใหญ่ของ Mitsubishi Estate Residence ที่กรุงโตเกียว เพื่อเป็นสักขีพยานในการ ร่วมเฉลิมฉลอง และรับฟังวิสัยทัศน์ แผนงานในอนาคตสู่ความสำเร็จและการเติบโตร่วมกันอย่างไม่สิ้นสุด จากผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่ายครับ รายละเอียดจะเป็นอย่างไร รวมไปถึงทาง Mitsubishi Estate เค้าจะมีโครงการอะไรมาอวดให้เราดูบ้าง ขอเชิญมาอ่านกันในแบบยาวๆเพลินๆตามสไตล์ผมได้เลยครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าการเป็นพันธมิตรกันระหว่าง 2 บริษัทนี้เค้าค่อนข้างชัดเจน และเป็น Win – Win Solution ครับ แน่นอนว่าทาง มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ในฐานะที่เป็นผู้นำในประเทศเค้าก็ย่อมอยากที่จะมาลงทุนพัฒนาในทุกกลุ่มธุรกิจที่เป็นอสังหาฯอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น โครงการที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน รวมไปถึงพื้นที่ค้าปลีกครับ แต่ในเมืองไทยต้องยอมรับว่าทางเอพี เค้ามี Core Competency ในส่วนของโครงการที่พักอาศัยมากกว่าโครงการในรูปแบบอื่นๆ ดังนั้นเราจึงเห็นการจับมือกันร่วมพัฒนากับเอพีเพียงแค่โครงการที่พักอาศัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งทางเอพีเค้าก็ไม่ได้ปิดกั้น หรือผูกกันเป็นข้าวต้มมัดกับทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ว่าจะต้องมาฝืนพัฒนาโครงการอื่นๆที่ไม่ถนัดร่วมกันนะครับ อันนี้ถือว่า Fair และเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ชาญฉลาดมากสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย โดยในกลุ่มอสังหาฯประเภทอาคารสำนักงานเราจึงเห็นทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ไปจับมือกับทางไรมอน แลนด์ เพื่อพัฒนาโครงการ OCC ที่เพิ่งเปิดการใช้งานไป และในส่วนของพื้นที่ค้าปลีกทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ปเค้าก็ไปร่วมพัฒนาโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ เอาต์เล็ตมอลล์ กับทาง CPN ที่แม้ว่าทาง CPN จะมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการค้าปลีกมาแล้วรอบโลก แต่ในเรื่องของห้างเอาต์เล็ตก้ต้องบอกว่า ทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป เค้ามีประสบการณ์มากกว่ากับ 9 โครงการในญี่ปุ่นครับ…ดังนั้นภาพของการเป็น JV กับทางเอพีก็คือชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะร่วมมือกันเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งผมว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้งเอพี และมิตซูบิชิ เอสเตท ยังคงผูกปิ่นโตกันพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่าใครเพื่อนเลยครับ
ทั้งนี้ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ MEC หนึ่งในผู้นำการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในประเทศญี่ปุ่น มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว MEC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว พ.ศ.2496 ดำเนินงานครอบคลุมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัย (Residential Properties) ธุรกิจโครงการสำนักงาน (Office Buildings) ธุรกิจศูนย์การค้า (Retail Properties) และธุรกิจโรงแรม (Hotel Business) ซึ่งทุกโครงการมีความโดดเด่นในด้านคุณภาพ การออกแบบสถาปัตยกรรม และการบริหารพื้นที่ใช้สอยอย่างยั่งยืน โดยทีมออกแบบ ทีมควบคุมคุณภาพ และทีมสถาปนิกในเครือบริษัท Mitsubishi Jisho Sekkei (MJS) ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ และบริหารอสังหาริมทรัพย์
ผลงานที่เห็นได้อย่างชัดเจนในกรุงโตเกียว คือ การพัฒนาโครงการสำนักงานกว่า 30 โครงการ และเป็นผู้พัฒนาเขตธุรกิจสำคัญใจกลางโตเกียว เช่น เขต Marunouchi มานานกว่า 120 ปี โดย Marunouchi เป็นเขตธุรกิจสำคัญที่มีครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,200,000 ตารางเมตร (120 hectares) ประกอบด้วย อาคารสำนักงานกว่า 100 อาคาร จำนวนกว่า 4,000 บริษัท และมีพนักงานกว่า 230,000 คน นอกจากนี้ MEC ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 50 ปี อีกทั้งยังเข้าลงทุนพัฒนาโครงการในหลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และประเทศในกลุ่มเอเชีย โดยการดำเนินงานผ่านบริษัท MEA ประเทศสิงคโปร์
พลิกปูมดีลประวัติศาสตร์ AP x Mitsubishi Estate Group
ที่มาภาพ: mgronline.com
เมื่อวันที่ 16 ธค. 2556 เกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาดอสังหาฯเมืองไทย จากการประกาศของบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ว่าได้เข้าร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (Mitsubishi Estate Group) องค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่าสินทรัพย์เป็นอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น (ณ ขณะนั้น) โดยการร่วมทุนครั้งนี้ดำเนินการภายใต้การลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท MEC Thailand Investment Pte.Ltd (MTI) ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่โดย บริษัท Mitsubishi Estate Asia Pte. Ltd. (MEA) และ Mitsubishi Jisho Residence Co., Ltd. (MJR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Mitsubishi Estate Co., Ltd. (MEC) เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียม ผ่าน 3 บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ (สุขุมวิท) จำกัด (APSK) บริษัท เอพี (พระราม 9) จำกัด (AP9) และบริษัท เอพี (นนทบุรี) จำกัด (APN) มูลค่ากว่า 7,500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละบริษัทในอัตรา AP 51% : MTI 49%
ซึ่งการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ Ripple Effect ย่อยๆต่อธุรกิจอสังหา ที่ส่งผลต่อเนื่องให้ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ส่วนหนึ่ง เปิดประเทศต้อนรับการหลั่งไหลเข้ามาทุนญี่ปุ่นนับสิบราย ที่ทยอยต่อคิวเข้ามาสร้างฐานการลงทุนในไทย เพื่อเป็นการทำ Investment Diversification ทดแทนการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯภายในประเทศญี่ปุ่น ที่ตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่ค่อยคุ้มค่ากับการลงทุนเท่าไหร่มานับสิบปี โดยเหตุผลที่เอพีให้เอาไว้เกี่ยวกับข้อดีของการร่วมกันพัฒนาโครงการ JV ในส่วนของโครงการ Residential ว่า ไม่ได้คาดหวังในเรื่องของเงินทุน เพราะไม่มีปัญหาเรื่องแหล่งเงินที่พัฒนาโครงการ แต่ต้องการพันธมิตรที่มาต่อยอดในการบริหารโครงการการก่อสร้างหรือในเรื่องของเทคโนโลยีมากกว่า ซึ่ง Mitsubishi Estate Group ถือว่าเป็นผู้ที่ชำนาญและทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรทุกด้าน ทั้งการก่อสร้าง การบริหารโครงการ การจัดและดีโซน์โครงการที่มีห้องขนาดเล็ก ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เอพีมีความต้องการ…โดยโครงการล๊อตแรกที่เป็นผลผลิตมาจากการร่วมทุนก็ค่อนข้างมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นเยอะนะในสายตาผม โดยเฉพาะกับโครงการ RHYTHM Asoke II (ในปี 2557 มีโครงการร่วมทุนล๊อตแรกทั้งหมด 3 + 1 โครงการคือ RHYTHM Sukhumvit 36 – 38, RHYTHM Asoke II, Aspire รัชดา – วงศ์สว่าง และ Aspire สาทร – ท่าพระ)
สำหรับโครงการ RHYTHM Asoke II นับว่าเป็นแบรนด์ RHYTHM ที่มีการออกแบบและขนาดเลย์เอาท์ห้องที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนกับเอพี โดยห้องที่มีขนาดใหญ่สุดจะเป็น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดประมาณ 42 ตรม.เท่านั้น แถมยังไม่มีพื้นที่ระเบียงอีกต่างหาก แต่มีพื้นที่สำหรับวาง CDU Air พร้อม Grill ปิดบังสายตาไว้ให้เท่านั้นเอง ซึ่งได้นำปรัชญาการออกแบบของทางญี่ปุ่น “less is more” ก่อเกิดเป็นรูปทรงที่เรียบง่าย ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ขณะเดียวกัน ยังพรั่งพร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย มาประยุกต์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนไทย ผ่านนวัตกรรมฟังก์ชันดีไซน์ใหม่ๆ เพื่อให้ทุกตารางนิ้วสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด โดยสิ่งที่แปลกตาคนไทย แต่ดูทั่วไปในสายตาคนญี่ปุ่นก็คือการจัดวางห้องนอน 2 ไว้ส่วนหน้าของห้องพัก การออกแบบห้องน้ำส่วน Powder ให้สามารถใช้งานร่วมกันได้สะดวก รวมไปถึงการลดทอนพื้นที่ระเบียงที่คอนโดในญี่ปุ่นนับเป็นพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อขยายพื้นที่การใช้งานภายในห้องให้มากขึ้น
นอกจากนี้ในส่วนของการออกแบบ Façade อาคาร ก็ยังดูเป็นญี่ปุ่นมากกับ Feature Wall ลายอิฐ สลับกับหินธรรมชาติ และไม้ระแนง ที่เรามักจะเห็นทั่วไปตามอาคารพักอาศัยที่ญี่ปุ่น ตามแนวคิด KOHJI & SHOJI – GRID & LINE ด้วยการใช้ Grid & Line มาประยุกต์ในงานออกแบบสถาปัตยกรรม ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นคำว่า Kohji หมายถึง จังหวะ เช่น เส้นไม้ระแนงที่ซ้ำกันต่อเนื่องแบบเป็นจังหวะ และ Shoji หมายถึง ผนังบานเลื่อน, หน้าต่าง หรือบานประตู ที่จัดเรียงให้เกิดความลงตัว สร้างความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น และภายในโครงการยังได้ออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวเพื่อให้ลูกค้าใกล้ชิดธรรมชาติได้มากขึ้น ด้วยการผสมผสานแนวคิดการออกแบบ Lobby และพื้นที่ส่วนกลางโครงการตามหลัก “ENGAWA” – INSIDE OUT, OUTSIDE IN ซึ่งเป็นหนึ่งในการออกแบบที่ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงพื้นที่ภายนอก และภายในให้มีความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องกัน ผู้อาศัยสามารถสัมผัสความรู้สึกโปร่งสบายใกล้ชิดธรรมชาติ
ขอบคุณที่มาภาพและแปลนจาก https://www.homenayoo.com/rhythm-asoke-2/
พร้อมสานต่อโรดแมป FROM STRENGTH TO STRENGTH ผสาน 2 จุดเด่นกลายเป็น จุดแข็งสร้างการเติบโตที่ไม่สิ้นสุด แกร่งกว่าทุกการร่วมทุนในอุตสาหกรรมด้วยเม็ดเงินลงทุน ผ่านทุนจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนที่มากถึง 12,619,408,010 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันหกร้อยสิบเก้าล้าน สี่แสนแปดพันสิบบาท) แบ็กอัปสำคัญดันแผนพัฒนาโครงการในอนาคตโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายแรกและรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์ จำกัด” สัดส่วนถือหุ้น 51:49 เพื่อทำหน้าที่เป็นบริษัทหลักในการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นระยะยาว ด้วยทุนจดทะเบียนมูลค่า ณ ปัจจุบันที่ 12,619,408,010 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันหกร้อยสิบเก้าล้าน สี่แสนแปดพันสิบบาท)
“…บริษัทขอขอบคุณบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท ที่เชื่อมั่นในความแข็งแกร่ง และคสามสามารถในการแข่งขันของเอพี ไทยแลนด์ ตลอดจนศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของประเทศไทย ที่เทียบเคียงนานาประเทศ รวมถึงเชื่อมั่นใน Process การทำงานสำคัญที่ถือว่าเป็นกลไกในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายแรกและรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์ จำกัด” สัดส่วนถือหุ้น 51:49 เพื่อทำหน้าที่เป็นบริษัทหลักในการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นระยะยาว ด้วยทุนจดทะเบียนมูลค่า ณ ปัจจุบันที่ 12,619,408,010 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันหกร้อยสิบเก้าล้าน สี่แสนแปดพันสิบบาท) อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการให้แรงบันดาลใจกับพนักงานเอพี ไทยแลนด์ สู่การสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อยกระดับให้สินค้าและบริการตอบโจทย์ชีวิตดีๆ ที่ลูกค้าเลือกเองได้” คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี ไทยแลนด์