โครงการภายใต้แบรนด์ แมนดาริน โอเรียนเต็ล ทุกแห่งนำบริการระดับเวิลด์คลาส ภายใต้ระบบ ‘ Legendary Quality Experiences’ เพื่อตอบสนองความต้องการของแขกแต่ละรายแบบไม่ขาดตกบกพร่อง และสร้างประสบการณ์ที่สุดแสนจะประทับใจในทุกครั้งที่มาเยือน โดยข้อมูลความพึงพอใจของลูกค้าทั้งคำติ และคำชมจะถูกเก็บและติดตามอย่างเป็นระบบ ด้วยเทคนิคการวิจัยที่ซับซ้อน และนั่นทำให้โรงแรมระดับตำนานเหล่านี้สามารถรู้ทันเทรนด์และเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบจำนวนโรงแรม และจำนวนห้องพักกับเชนโรงแรมอื่นๆ แล้ว แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป ย่อมไม่ใช่เชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เป้าหมายของเชนโรงแรมแห่งนี้อยู่แล้ว เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการเป็น Luxury Hospitality ที่ดีที่สุดในโลก
เครดิตภาพ : https://www.mandarinoriental.com
ทั้งนี้หนึ่งในปัจจัยที่นำพาให้ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล ‘ ประสบความสำเร็จและครองใจนักเดินทางผู้มีอันจะกินทั่วโลกก็คือ การยึดมั่นใน Brand Promise หรือพันธะสัญญาของแบรนด์ที่ว่า ความมุ่งมั่นตั้งใจที่เหนือกว่า ในการบริหารที่พักอาศัยและการให้บริการลูกค้าด้วยมาตรฐานที่เป็นเลิศที่สุด เป็นมาตรฐานที่ทำให้แมนดาริน โอเรียนเต็ล เป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราทั่วโลก
พันธกิจที่ประกาศไว้ชัดเจนก็คือ “ Delight our guests…to make a difference every day, continually getting better to keep us the best…” หรือการทำให้แขกมีความสุข ปลาบปลื้ม และยินดี ด้วยการทำสิ่งที่แตกต่างเพื่อสร้างสิ่งที่ดีกว่า และเพื่อรักษาความเป็นเลิศ
ด้านแคมเปญที่ใช้ในการสื่อสารการตลาดของ แมนดาริน โอเรียนเต็ล ก็นับได้ว่านำเสนออย่างมีชั้นเชิง ผ่านเซเลบริตี้เลื่องชื่อซึ่งเป็นที่รู้จักระดับโลกจากหลากหลายวงการ ทั้งดารา นักร้อง และนักธุรกิจ อาทิ Geoffrey Rush, Helen Mirren Lucy Liu, Morgan Freeman, Kevin Spacey, Chirstian Louboutin, Vivienne Tam, Michelle Yeoh และ Vanessa Mae เป็นต้น พร้อมก๊อปปี้สั้นๆ แต่เฉียบคมว่า “ She’s a fan” และ “ He’s a fan ” ซึ่งคำว่า fan นอกจากจะหมายถึงลูกค้าตัวยงของแมนดาริน โอเรียนเต็ลแล้ว ยังหมายถึง พัดจีนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแมนดาริน โอเรียนเต็ลด้วย
ซึ่งนำเสนอในมุมมองของ Lord Lichfield และ Mary McCartney สองช่างภาพมือฉมัง ทั้งผ่านภาพยนตร์โฆษณาสุดละเมียด บอกเล่าถึงมุมมอง ความประทับใจ และประสบการณ์ที่แต่ละคนมีต่อแบรนด์แมนดาริน โอเรียนเต็ลว่าเหตุใดพวกเขาจึงคิดว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับมันช่างพิเศษสุด นอกจากนี้ยังมีปริ้นท์แอดที่เรียบง่าย ทว่าหรูหรา ทรงพลังและสื่อความหมายได้ครบถ้วนกระบวนความ ส่วนสนนราคาค่าตัวของแต่ละคน แมนดาริน โอเรียนเต็ลก็ได้นำไปบริจาคให้กับมูลนิธิที่เซเลบริตี้แต่ละคนต้องการ
Why The Residences at Mandarin Oriental is one of a kind?
ไม่ใช่แค่ธุรกิจโรงแรมเท่านั้นที่แมนดาริน โอเรียนเต็ล ได้รับการยอมรับในความเป็นเลิศ เพราะตัวตนและความเป็นแบรนด์ที่ทรงคุณค่าด้าน Hospitality ยังถูกผ่องถ่ายมายังธุรกิจที่พักอาศัยสุดหรูอย่าง เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล ซึ่งเป็น Luxury Living อย่างแท้จริง โดยคอนเซ็ปต์หลักๆ คือ จะเปิดให้บริการใน Key Location เดียวกับโรงแรม ลูกค้าของเดอะ เรสซิเดนซ์เชียล นอกจากจะได้รับความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ของการอยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัวแล้ว ยังจะได้รับการบริการเฉกเช่นเดียวกับแขกของโรงแรม และสามารถใช้ facilities ต่างๆของโรงแรมได้เช่นเดียวกัน รวมถึงบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมงด้วย แห่งแรกเปิดให้บริการเมื่อปี 2003 ที่นิวยอร์ก ตั้งอยู่ที่เหนือโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล นิวยอร์ก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการเรสซิเดนซ์เชี่ยลที่ดีที่สุดในโลก ด้วยบริการและแฟซิลิตี้ที่เป็นหนึ่ง พร้อมด้วยระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
Are you ready for The Residences at Mandarin Oriental Bangkok?
สำหรับในเมืองไทยได้มีโอกาสต้อนรับ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ซึ่งปักหมุด ณ ไอคอนสยาม ที่น่ายินดีและบ่งบอกถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์หรูของบ้านเราก็คือ นี่คือโครงการที่พักอาศัย แบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ โครงการแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นโครงการ Residential โครงการที่สอง ต่อจากโครงการ Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากการ Co-creation กันระหว่างทาง บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ในเครือแมกโนเลียฯและซีพี) กับแบรนด์โรงแรมระดับโลกที่มีตำนานและเรื่องราวเล่าขานอันยาวนานอย่างแมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป เจ้าของและผู้บริหารโรงแรม รีสอร์ท และเรสซิเดนซ์ที่หรูหราที่สุดในโลก
สำหรับใครที่ต้องการครอบครองที่พักอาศัยสุดหรู หรือคอนโดมิเนียมระดับ Ultra -Luxury แล้วละก็ที่นี่คือคำตอบ ด้วยบริการระดับเวิลด์คลาส ที่มุ่งเน้นให้บริการแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้พักอาศัยแต่ละราย (Personalized Service) ซึ่งเป็นความเหนือระดับที่เกิดจากความใส่ใจ และตอบสนองความเป็นปัจเจกให้กับลูกค้าทุกคนอย่างดีที่สุด ซึ่งแตกต่างจากโครงการคอนโดมิเนียมทั่วไป ที่ต่อให้หรูหราแค่ไหน แต่ขาดองค์ประกอบหรือความร่วมมืออย่างแนบแน่นจากผู้เชี่ยวชาญอย่างแมนดาริน โอเรียนเต็ล ซึ่งเป็นแบรนด์ Hospitality ระดับโลกที่มีชื่อเสียงและสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานแล้วละก็ ย่อมจะเป็นเรื่องยากที่จะสามารถนำเสนอบริการสุดพิเศษดังกล่าวได้ และนี่เองคือคุณค่าของแบรนด์ที่ส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยที่หรูหราแห่งนี้
ล่าสุดเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ แอท ไอคอนสยาม เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาโครงการชุดใหม่ ฉลองก้าวสู่หลักชัยแห่งความสำเร็จหลังยอดขายห้องชุดทะลุเป้าเกิน 70%
โดยถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นที่สุดแห่งไลฟ์สไตล์ริมน้ำระดับหรูของ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ แอท ไอคอนสยาม ในบรรยากาศสไตล์เอเชียอันงดงามบนมาตรฐานแห่งการพักอาศัยระดับโลก เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และบริการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ในแบบฉบับของแมนดาริน โอเรียลเต็ล
VIDEO
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าแมนดาริน โอเรียนเต็ลจะทำการตลาดที่ไหน การสื่อสารทางการตลาดก็ยังคงรักษามาตรฐานความเรียบง่าย แต่มีระดับของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี อย่างภาพยนตร์โฆษณาล่าสุดตัวนี้ ได้บอกเล่าเรื่องราวความประทับใจ และประสบการณ์สุดพิเศษที่คุณจะได้รับ เมื่อเลือกเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล ตั้งแต่ก้าวแรกไปจนถึงบริการที่ครบครัน อบอุ่นเพียบพร้อมในทุกด้าน
ภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงบริการที่สุดแสนจะดีงามระดับเวิลด์คลาสของแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตำนานและเกียรติประวัติที่สืบทอดมายาวนาน ได้ถ่ายทอดสู่เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทฯ ที่อยู่อีกฟากฝั่งเจ้าพระยาในทุกมิติ ทั้งความหรูหราเหนือระดับ รวมถึงบริการที่ละเมียดละไมและใส่ใจกับแขกแบบรายบุคคล โดยเลือกถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของครอบครัวที่มีลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังน่ารัก สื่อความหมายถึงการกลับมาเยือนโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ อีกครั้งของหนุ่มสาวคู่นี้ แตกต่างกันที่ว่าครั้งนี้มีสมาชิกมาเพิ่ม ภาพของการต้อนรับตั้งแต่แรกก้าวเข้าสู่ชายคาโรงแรม ตลอดจนโมงยามต่างๆ ที่เด็กสาวได้สัมผัสจากการดูแลของพนักงานทุกคน นำพาไปสู่การเปิดโลกใหม่ที่อุ่นใจเหมือนเดิมอย่างเดอะ เรสซิเดนท์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งยังคงพรั่งพร้อมไปด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความหรูหราและสะดวกสบายเช่นเคย ซึ่งแน่นอนว่านี่คือ Legacy ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นอย่างภาคภูมิใจ
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมหรูหราต่างๆ ในส่วนของฮาร์ดแวร์เป็นเรื่องที่แข่งขันกันได้ แต่สิ่งที่จะวัดว่าใครจะชนะใจผู้บริโภคที่รุ่มรวยทั้งไลฟ์สไตล์และทรัพย์สินได้ก็คือ ซอฟท์แวร์ หรือหัวใจและมาตรฐานการบริการที่เป็นหนึ่งนั่นเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยส่งเสริมสถานะและความภาคภูมใจให้กับผู้อยู่อาศัยได้
นอกจากนี้เมื่อความสมบูรณ์แบบของโลเคชั่น ผสานกับความหรูหราทั้งทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่จัดเต็มแบบขั้นสุด ทำให้เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นที่ปรารถนาของผู้อยู่อาศัยที่มีรสนิยมสูงทั่วโลกที่ชื่นชอบความพิเศษและแตกต่าง เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราจึงเจาะลึกถึงรายละเอียดของโครงการนี้ยิ่งพบว่ามีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะอยู่มากมายหลายประการ ได้แก่
ทำเลที่ตั้งสุดพิเศษ โดดเด่น สวยงาม และเปี่ยมเสน่ห์ – เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนที่ดินผืนงาม เยื้องกับโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ด้วยสุดยอดทำเลบนถนนเจริญนคร ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในโครงการไอคอนสยามเนื้อที่ 50 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการที่พักอาศัยระดับหรูขนาดความสูง 70 ชั้นอีกหนึ่งโครงการ คือ โครงการแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ และเป็นที่ตั้งของอาณาจักรศูนย์การค้าล้ำสมัย หรูหรา อลังการ ล้ำเลิศที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง รวมทั้งสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ทั้ง 7 ที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย รวมทั้งทางเดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจ
สถาปัตยกรรมที่งดงาม ทันสมัย และหรูหรา – สะดุดตาและน่าหลงใหลตั้งแต่แรกเห็น ด้วยดีไซน์ของตึกสูงยุคใหม่ ที่ฉายความอลังการด้วย 3 สี เด่น คือ เงิน ทอง และทองชมพู (pink gold) สื่อความหมายถึงความล้ำค่าและรุ่งเรืองของศิลปะไทย façade ผสานความทันสมัยของเส้นสายแห่งอนาคตเข้ากับความคลาสิกของสถาปัตยกรรมไทยได้อย่างลงตัว
การผสมผสานที่ยอดเยี่ยมและลงตัว ยากจะหาโครงการใดเทียบเคียงได้ – ชื่อเสียงระดับตำนานของแบรนด์แมนดาริน โอเรียนเต็ล ผสมผสานกับความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ และมนต์เสน่ห์ของกลิ่นไอความเป็นไทย รวมเข้ากับการออกแบบและก่อสร้างที่ได้มาตรฐานระดับโลก ตลอดจนความพิถีพิถัน และความใส่ใจในทุกรายละเอียด
เงินลงทุนต่อพื้นที่ขายหนึ่งตรม . ที่มากกว่าโครงการอื่น – เพิ่มเงินลงทุนรวมของโครงการเป็น 9,000 ล้านบาท – เงินลงทุนต่อพื้นที่ขายหนึ่งตารางเมตร เป็นจำนวนเงินมากกว่า 30% ของจำนวนเงินที่โครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดโครงการอื่นๆ โดยทั่วไปในกรุงเทพฯ ใช้กัน นอกจากนี้แต่ละยูนิต ยังมีทางเข้าลิฟต์โดยสารที่เป็นส่วนตัว โอ่โถ่ง โปร่งสบาย เพราะมีเพดานห้องที่สูงถึง 3.20 เมตร และมีพื้นที่ส่วนกลางต่อยูนิตที่ใหญ่กว่าคอนโดมิเนียมเกรดเอส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ กว่า 3 เท่า โดยตั้งราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ 350,000 บาทต่อตารางเมตร และห้องเพนท์เฮาส์ เริ่มต้นที่ประมาณ 550,000 บาทต่อตารางเมตร มีขนาดห้องตั้งแต่ประมาณ 130 – 230 ตารางเมตรต่อยูนิต ส่วนห้องเพนท์เฮาส์ และดูเพล็กซ์เพนท์เฮาส์ 2 ห้องนอน มีขนาดตั้งแต่ 380 – 710 ตารางเมตร
ข้อมูลโครงการ
52 ชั้น 146 ยูนิต ภายใต้พื้นที่ 4.9 ไร่ แบ่งห้องออกเป็น 4 แบบ
2 ห้องนอน 87 ตรม. – 165.40 ตรม.
3 ห้องนอน 21 ตรม. – 228.88 ตรม.
Penthouse 93 ตรม. – 383.98 ตรม.
Penthouse Duplex 12 ตรม. – 707.28 ตรม.
ทุกยูนิตเปิดรับวิวพาโรนามิกของแม่น้ำเจ้าพระยา เน้นเพดานสูง โล่ง โปร่งสบาย โดยยูนิตที่มีเพดานสูงที่ต่ำที่สุดยังสูงถึง 3.2 เมตร รื่นรมย์ไปกับ River Clubhouse ชั้น 4-5 ที่พรั่งพร้อมไปด้วย facilities ต่างๆ มากมาย ส่วนชั้น 36 จะเป็น Sky Pavilion ที่อวดทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเทพได้อย่างเต็มที่
Purchasing Options
ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อแบบ Fully Fitted หรือว่าจะเป็นแบบ Fully Furnished ซึ่งออกแบบและตกแต่งโดยนักออกแบบตกแต่งภายในชื่อดังของโลก จอยซ์ แวง ซึ่งมีผลงานออกแบบตกแต่งภายในโครงการดังๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล แลนด์มาร์ก ในฮ่องกง แมนดาริน โอเรียนเต็ล ลอนดอน ซินเทียนตี้ เพนท์เฮาส์ และสำนักงานใหญ่เคเอชเอช เป็นต้น
ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ www.moresidencesbangkok.com