[1st Impression] ARTALE Asoke – Rama 9 บ้านที่ออกแบบให้ชีวิตเมืองรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ บนทำเลหายากที่ย่านพระราม 9
“นี่คือโครงการบ้านเดี่ยวในดงคอนโดเลย” ผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะคิดแบบเดียวกับผมในทันทีที่เห็นภาพ Skyline เหนือโครงการเป็นหมู่ตึกคอนโดสูงในย่านพระราม 9 ที่รายล้อมเป็น Background ของโครงการในแบบที่เห็นได้เด่นชัดจากพื้นที่ส่วนกลาง…แม้อนันดาจะมีจุดแข็งในเรื่องของคอนโดบนทำเลใกล้รถไฟฟ้า แต่ “บ้านอนันดา” โดยเฉพาะ ARTALE Asoke – Rama 9 ก็ยังคงถูกถ่ายทอด DNA ของการเป็น Strategic Location ออกมาได้ดีมากเช่นกัน
ถ้าเรามีงบประมาณราวๆ 35 ลบ.และต้องการใช้ชีวิตบนย่าน CBD อโศก – พระราม 9 หรือย่านที่สามารถขับรถเชื่อมต่อไปยังย่าน Lifestyle อื่นๆใจกลางเมืองได้ในแบบรวดเร็วทันใจ แน่นอนว่าตัวเลือกอันดับแรกก็คงจะเป็นคอนโด Luxury ที่ตั้งมากมายบนทำเลใกล้รถไฟฟ้า แต่ข้อจำกัดก็คือพื้นที่การใช้งานที่ภายใต้งบประมาณดังกล่าว ก็อาจจะได้เพียงห้องขนาด 2 – 3 ห้องนอน บนพื้นที่ราวๆ 140 ตรม. ของคอนโดระดับ Luxury ที่มีราคาขายสูงถึงตารางเมตรละ 250,000 บาทเท่านั้น ยังไม่รวมกับข้อจำกัดอื่นๆที่คอนโดทั่วไปให้ไม่ได้ อาทิ ความเป็นส่วนตัว พื้นที่เปิดโล่ง ความใกล้ชิดธรรมชาติ จำนวนพื้นที่จอดรถ รวมไปถึงพื้นที่เอนกประสงค์ที่กว้างมากพอให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุกเจนเนแเรชั่นได้ในแบบไม่ต้องมาแย่งพื้นที่กัน
แน่นอนว่า สำหรับกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงยุคปัจจุบันหากมี Choice ให้เลือกระหว่างบ้านพร้อมที่ดินกลางเมืองย่าน CBD กับคอนโด 3 ห้องนอนในทำเลเดียวกัน หลายๆคนก็ยังมีความต้องการที่จะอยู่อาศัยในบ้านที่มี space รองรับการใช้งานของทุกคนในครอบครัว อยู่ร่วมกันได้หลาย Generation มากกว่าคอนโด ที่มีขนาดพื้นที่ห้องอย่างมากเพียงแค่ 3-4 ห้องนอน จอดรถได้น้อย เลี้ยงสัตว์ไม่ได้ ขาดความเป็นส่วนตัว และไม่ได้กรรมสิทธิ์ในตัวที่ดิน ซึ่งที่ผ่านๆมาแม้ว่าตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯจะมีตัวเลือกในส่วนของโครงการบ้านในระดับ Luxury เพิ่มมากขึ้น แต่โครงการใหม่เกือบทั้งหมดที่มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางสไตล์ Clubhouse ขนาดใหญ่ และแบบบ้านที่มีความหลากหลาย สะท้อนตัวตนที่แตกต่างกันไปของผู้ครอบครองแต่ละคน ก็มักจะตั้งอยู่บนทำเลส่วนต่อขยายของเมือง ไม่ว่าจะเป็นย่าน กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ราชพฤกษ์ หรือเลียบด่วนเอกมัย – รามอินทรา ที่แม้จะเดินทางเข้าไปยังย่าน CBD ได้ง่าย แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร อีกทั้งยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่จะมีโครงการ Neighborhood Facilities ทั้งห้าง โรงพยาบาล หรือสถานศึกษา พัฒนาตามขึ้นมา ซึ่งสำหรับกลุ่มผู้ซื้ออยู่เองที่มีความเป็น Thoughtful Investor ด้วยแล้ว การเลือกซื้อโครงการที่ตั้งอยู่ในย่าน CBD อยู่แล้ว โดยที่พื้นที่ใกล้เคียงก็แทบจะไม่ได้มีโครงการใหม่พัฒนาขึ้นมาได้อีกเลย หรือมีอยู่น้อยมาก ก็ดูจะเป็นตัวเลือกในการซื้อที่เหมาะสมที่สุด
สำหรับโครงการที่เรามาดูในวันนี้ ก็นับว่าเป็น Supply ใหม่เพียงแค่โครงการเดียวในย่านพระราม 9 ตอนกลาง ที่เชื่อมต่อกับย่านรัชดาฯ – ศูนย์วัฒนธรรม และยังใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานี รฟม. กับโครงการ ARTALE Asoke – Rama 9 (อาร์เทล อโศก – พระราม 9) โดยเป็นโครงการลำดับที่ 3 ภายใต้แบรนด์ ARTALE ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับท็อปสุด (Top Hierarchy) ของกลุ่มสินค้าบ้านแนวราบ “บ้านอนันดา” ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท โดยทางบริษัท อนันดา ได้พัฒนาแบรนด์นี้ให้ตอบโจทย์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยที่ผ่านมาแบรนด์ Artale มีการพัฒนาอยู่จำนวน 2 โครงการ บน 2 ทำเลย่าน Extension CBD กับ โครงการ Artale พัฒนาการ-ทองหล่อ ในซอยพัฒนาการ 20 และอีกโครงการตั้งอยู่ในย่านถนนเลียบด่วนรามอินทรา คือ Artale เอกมัย – รามอินทรา โดยการกลับมาในครั้งนี้ของ ARTALE Asoke – Rama 9 จะมีไฮไลท์และความพิเศษตรงที่มีการออกแบบบ้านเพื่อให้สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของบ้าน ที่ทางอนันดาได้ทำการศึกษาข้อมูลทางพฤติกรรมศาสตร์ของกลุ่มผู้ซื้อมาแล้วว่าต้องการแบบบ้านบนคอนเซปท์ของ New Urban Luxury Pool Villa
3 องค์ประกอบหลักบนคอนเซปท์ The Infinite Flow of Life ที่น่าสนใจของ Artale Asoke – Rama 9
โดยคอนเซปท์ของตัวโครงการ เริ่มต้นจากชื่อแบรนด์ Artale ซึ่งเป็นการรวมคำระหว่าง Art และ Tale โดยคำว่า Art มีความหมายสื่อถึง บ้านที่เติมเต็มจินตนาการให้แข็งแกร่งด้วยการออกแบบพื้นที่ระหว่างศิลปะและฟังก์ชันอย่างลงตัว ในส่วนของคำว่า Tale คือ สถานที่ที่เชื่อมโยงเรื่องราววิเศษในทุกช่วงของชีวิตอย่างไม่รู้จบ โดยตัวโครงการออกแบบโดยให้ความสำคัญและความใส่ใจสิ่งแวดล้อม ความปลอดโปร่งในการอยู่อาศัย เพื่อให้เกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ตามแนวคิด Biophilic Design โดยคอนเซปท์ของโครงการ อาร์เทล อโศก พระราม 9 มี 3 องค์ประกอบหลักที่น่าสนใจดังนี้
1. Boundless Connection คือ การเลือกทำเลใจกลางเมืองที่ดีที่สุดมาใช้ในการพัฒนาโครงการ เพราะ เชื่อว่าเวลา เป็นต้นทุนที่แพงที่สุด ซึ่งทำเลของโครงการเป็นตำแหน่งที่สามารถเดินทางได้สะดวกทั้งการเดินทางเข้าเมืองและออกนอกเมือง ใกล้กับทางขึ้นด่วนพิเศษฉลองรัช ใกล้เพียง 7-10 นาทีเท่านั้น
2. Flow of soul บ้านใจกลางเมือง ที่ชีวิตรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ และสะท้อนความเป็นตัวตน ผ่านรูปแบบการดีไซน์ และวัสดุระดับดีที่สุด ตัวโครงการมีการใส่ใจในการเลือกรายละเอียดตัววัสดุ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้อาศัยต้องสัมผัสใช้งานในทุกๆวัน
3. The Canvas of life คือ การออกแบบฟังก์ชัน ที่จะทำให้ทุก Generation ใช้เวลาร่วมกันอย่างลงตัวภายใต้แนวคิด Penthouse on ground โดยตัวบ้านของโครงการมีขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นตั้งแต่ 335 ตารางเมตร จนไปถึง 546 ตารางเมตร ซึ่งมีพื้นที่เพียงพอรองรับกับทุกฟังก์ชันการใช้งานของทุก Generation