แสนสิริประกาศแผนปี 64 “The Year of Hope”
แสนสิริประกาศแผนปี 64 “The Year of Hope” เดินหน้าสานต่อความหวังในการมีบ้านของคนไทย เช่นเดียวกับความหวังในการเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ และความหวังในการคืนรอยยิ้มสู่สังคม…เน้นเปิดให้หลากหลายกว่าเดิม เพิ่มโอกาสในการเข้าถึง เปิดหมดทั้งกรุงเทพฯปริมณฑล คอนโดมีทั้งย่านรัชดา รามคำแหง เกษตร บางนาฯ แนวราบเน้นราคาจับต้องได้มากขึ้น และมีทาวน์โฮมระดับบนออกมาสักทีกับ Siri Residence สวยมากก..นับดูเหมือนมี 4.5 ชั้นเลย
“…ถือว่าเป็นอภิมหาวิกฤตที่กระทบกับคนทั่วโลก COVID-19 อย่าว่าแต่เรื่องใหญ่เลย วิถีชีวิตทั้งหมด ทั้งเรื่องใหญ่ และในเรื่องเล็กๆธรรมดาของเราก็เปลี่ยนไปทั้งหมด ใครจะคิดว่าจะมีคนที่ได้รับผลกระทบมากขนาดนี้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ตกต่ำ การท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวเมืองไทยดินแดนสวรรค์ของโลกเกือบเป็นศูนย์ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะติดลบถึง 6.6% แม้ไม่เท่ากับวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่ผลกระทบในเชิงลบจะเยอะกว่า ยาวกว่า แก้ไขยากกว่า…ใครปรับตัวได้เร็วกว่า รัดกุมกว่าก็รอด และสามารถโตสวนกระแสได้ เพราะบ้านยังไงก็เป็นปัจจัยสี่อยู่ดี มีดีมานท์จริง ลูกค้าแค่รอจังหวะ โปรโมชั่นที่เหมาะสม ทำให้เค้าได้เข้าถึงได้…ซึ่งปีที่ผ่านมาเรามองเห็นโอกาส และแข็งแกร่งพอ แม้จะเป็นปีที่ยากกับเรา แต่เราก็โตได้ท่ามกลางวิกฤตด้วย 3 Strategy 1. Speed To Market 2. Customer Centric และ 3. Cashflow Strategy…” คุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
ปี 2563 ที่ผ่านมา แสนสิริมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ ด้วยยอดขายที่ทำได้ตามเป้าหมาย 35,000 ล้านบาท สร้างผลงานปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปถึง 35 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 64,600 ล้านบาท สะท้อนการบริหารจัดการสต็อคที่อยู่อาศัยที่ดี ขายสินค้าสร้างเสร็จได้มาก นอกจากนี้ บริษัทยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นทั้งในแนวราบและแนวสูง โดยมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จและส่งมอบให้กับลูกค้าไปถึง 45,000 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนถึง 45% เกินเป้าหมายและสร้างประวัติศาสต์การโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแสนสิริที่เคยทำได้ ในรอบ 36 ปี
กลยุทธ์ “Speed to Market” คือการทำธุรกิจด้วยความรวดเร็วและปรับตัวเร็วทันต่อสถานการณ์ ส่งผลให้แสนสิริมียอดขายใน 2 ไตรมาสของปี โตสวนกระแสและสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มาจากการขยับและเดินเกมส์เร็วนำหน้าคู่แข่ง ทั้งกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งด้วยแคมเปญที่พัฒนาจาก Customer Insight “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ที่เข้าใจและช่วยให้ลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ยังรวมถึงการประกาศความพร้อมในด้านความอุ่นใจและมั่นใจในการเลือกซื้อโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริภายใต้มาตรการป้องกันและดูแลสูงสุด “Sansiri Care” เพราะความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสุงสุด รวมถึงการรุกการขายในทุกช่องทาง ผ่าน Multi-Channel เพื่อตอบโจทย์คนอยากมีบ้านในยุคโควิด ในด้านการพัฒนาโครงการ บริษัทยังได้รุกแบรนด์ที่อยู่อาศัยแนวราบที่ตอกย้ำความเป็น “แบรนด์ที่เข้าถึงง่าย” ภายใต้แนวคิด Made for Life… Made for Everyone ด้วยแบรนด์ “อณาสิริ” บ้านและทาวน์โฮมราคา 2 – 6 ล้านบาท ตอบรับแนวคิดการอยู่อาศัยแบบ Feel Just Right “ความพอดีที่ลงตัว” ที่สร้างปรากฎการณ์การตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าภายหลังการเปิดตัว
ยอดขายและยอดโอนที่ประสบความสำเร็จยังมาจากความแข็งแกร่งของแสนสิริ ในการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ในทุกระดับราคา สะท้อนความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านด้วยมาตรฐานการออกแบบและคุณภาพโครงการ ตลอดจนบริการหลังการขายหรือ Sansiri Service ที่สามารถครองใจผู้บริโภค จากการเป็นผู้นำด้านการบริการในที่อยู่อาศัย พร้อมความมั่นใจสูงสุดด้านความปลอดภัยจาก LIV-24 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือกแสนสิริ ยืนหนึ่งความเป็นผู้นำตัวจริงด้านการอยู่อาศัย การันตีด้วย 2 รางวัลคุณภาพ จาก Marketeer : No.1 Brand Thailand ปี 2019-2020 ขึ้นแท่นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมและ รางวัลจาก Terra BKK : The Most Powerful Real Estate Brand 2020 รักษาแชมป์ 3 ปีซ้อน โดยนับเป็นแบรนด์อสังหาฯในฝันที่คนส่วนใหญ่อยากเป็นเจ้าของ
ความสำเร็จยังมาจากความแข็งแกร่งในด้านการเงิน หรือ Cash flow Strategy จากการบริหารจัดการสต็อคที่อยู่อาศัยที่ดี ทำให้มีเงินสดกลับมาในมือ (Cash is King) ลดอัตราหนี้สินและมีสภาพคล่องในมือกว่า 15,000 ล้านบาท ส่งผลให้ Gearing Ratio ลดลงจาก 1.7 อยู่ที่ 1.3 สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงินที่เปรียบเหมือนภูมิคุ้มกันอย่างดีที่ช่วยให้แสนสิริหล่อเลี้ยงธุรกิจโดยไม่สะดุด ไม่ว่าสถานการณ์ใน ปี 2564 จะเป็นอย่างไร