ห้องชุดระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัยที่สวยงามและสะดวกสบายเท่านั้น หากยังเป็นอัครสถานที่สามารถแสดงออกถึงรสนิยมที่แตกต่างและคงไว้ซึ่งความหรูหราอย่างเหนือระดับ ดังนั้น ความโดดเด่นของของโครงการจึงไม่ได้อยู่ที่ทำเลอันเปี่ยมเสน่ห์และสถาปัตยกรรมภายนอกที่งามสง่าสะดุดตาเท่านั้น หากทุกรายละเอียดของงานตกแต่งภายในยังต้องสร้างบรรยากาศแปลกใหม่ที่สื่อแสดงถึงความหรูหราที่ไม่เหมือนใครและสัมผัสได้ถึงมูลค่าอันมหาศาลที่จะคงอยู่เหนือกาลเวลา

คุณอิสรา นาคแก้ว สถาปนิกโครงการอาวุโส ผู้อยู่เบื้องหลังงานออกแบบของเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ โครงการห้องชุดพักอาศัยภายใต้การบริหารงานของ MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้  ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ได้มาร่วมแบ่งปัน 5 หลักการตกแต่งห้องเพนท์เฮาส์ของโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่แห่งนี้ โดยในปัจจุบันสามารถทำราคาขายได้สูงถึง 6.2 แสนบาทต่อตารางเมตร ซึ่งถือว่ามีราคาสูงสุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ของเมืองไทยเลยทีเดียว

1. Luxurious Craft งานออกแบบภายในต้องมีความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดและสอดแทรกความละเมียดละไมลงในเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น สิ่งนี้ถือว่ามีความสำคัญในการเพิ่มมนต์เสน่ห์และมูลค่าให้กับห้องเพนท์เฮาส์อย่างมหาศาล โดยเฉพาะงานแฮนด์เมดโดยช่างฝีมือซึ่งประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง งานคราฟต์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับโครงการ ซึ่งแตกต่างจากการซื้อเฟอร์นิเจอร์ในท้องตลาดมาจัดวางอย่างมาก อาทิเช่น ผนังกรุผ้าไหมบริเวณหัวเตียงซึ่งใช้วิธีการเพ้นท์ลวดลายดอกเหมยและปักด้วยเส้นไหมหลากสีทีละดอก เพื่อเสริมให้ผนังดูมิติมากขึ้น ซึ่งผู้อาศัยสามารถเลือกโทนสีของลายปักตามฤดูกาลในแบบ Customized ได้ด้วย

2. Custom-made Furniture เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกชิ้นต้องได้รับการออกแบบใหม่เพื่อโครงการโดยเฉพาะ โดยไม่สามารถซื้อหาได้จากที่อื่น ปัจจัยนี้ช่วยยกระดับความหรูหราและสร้างเอกลักษณ์ของห้องเพนท์เฮาส์ได้อย่างน่าประทับใจ ตลอดจนวัสดุปูพื้นซึ่งใช้แบรนด์ผู้ผลิตระดับโลกในการออกแบบลวดลายใหม่ทั้งหมดให้เกิดความกลมกลืนตลอดทั้งยูนิต โดยเฉพาะเพนท์เฮาส์แบบดูเพล็กซ์ที่ใหญ่สุดของโครงการที่มีพื้นที่ถึง 710 ตร.ม. และครอบคลุมพื้นที่ถึง 2 ชั้น การออกแบบให้เกิดความต่อเนื่องเป็นเรื่องราวเดียวกันนับว่ามีความสำคัญมาก

พื้นบริเวณห้องรับประทานอาหารของเพนท์เฮาส์ปูด้วย Engineering Wood ซึ่งออกแบบลวดลายใหม่ โดยในส่วนอื่นๆ เป็นลวดลายคนละแบบ แต่ยังคงใช้วัสดุเดียวกันหรือหินอ่อนในโทนเดียวกันเพื่อสร้างความลื่นไหลของบรรยากาศ

3. Wide-range Material การตกแต่งโครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์ในห้องเพนท์เฮาส์ที่ผสมผสานวัสดุหลากหลายประเภทอย่างลงตัวจะสามารถเพิ่มมูลค่าและมอบความประทับใจแก่ผู้คนที่ได้สัมผัส โดยวัสดุที่ดีไซเนอร์เลือกใช้ต้องเป็นเกรดพรีเมี่ยมจากแหล่งผลิตชั้นนำของโลกเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไม้ หินอ่อน โมเสก กระจก โลหะทองเหลือง ไปจนถึงการผลิตและการปักลวดลายผ้าและสิ่งทอทั้งหมด โดยต้องมีการจัดวางให้ดูสง่างามในทุกมุมมองและสอดคล้องกับธีมการตกแต่งหลัก

โต๊ะกาแฟในส่วน Living Area ของเพนท์เฮาส์ ทำจากหินอ่อนไวท์ทราโวทีน รองรับด้วยโครงทองเหลืองเสมือนเครื่องเรือนในคฤหาสน์ของบุคคลชั้นสูง

4. Designer’s Signature ปัจจัยหลักที่ทำให้งานออกแบบมีเอกลักษณ์และเป็นที่จับตามองก็คือ ดีไซเนอร์ ซึ่ง เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ได้ร่วมมือกับ จอยซ์ แวง นักออกแบบดาวรุ่งของวงการตกแต่งภายในที่เคยแสดงฝีมือในโครงการระดับซูเปอร์ไฮเอนด์มาแล้วมากมาย เช่น ห้องอาหาร Haymarket ในฮ่องกง หรือโรงแรม Hollywood Roosevelt ในลอสแอนเจลิส จุดเด่นที่ทำให้งานของแวงสวยสะดุดตาผู้คนทั่วโลกก็คือ การเล่นกับความทึบและความโปร่งของวัสดุ ผ่านการนำวัสดุที่ดูหนาและหนักมาออกแบบใหม่ให้ดูโปร่งเบาและอ่อนช้อยผ่านเส้นสายที่พลิ้วไหวอ่อนโยน โดยใช้แรงงานของช่างฝีมือระดับสูงในการผลิตชิ้นงานทีละชิ้นอย่างวิจิตรบรรจง

ผนังไม้ในห้องนอนแต่งผิวเป็นลอนคลื่นสื่อถึงไลฟ์สไตล์ริมน้ำระดับลักชัวรี่ และของตกแต่งบนผนังห้องทำจากเหล็กเส้นเล็ก  นำมาผูกรวมกัน เพื่อสื่อถึงภูมิปัญญาของโลกตะวันออกด้วยการใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมอย่างชาญฉลาด

5. Unique Character เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ถือเป็นโครงการห้องชุดพักอาศัยภายใต้แบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การตกแต่งเพนท์เฮาส์จึงต้องมอบบรรยากาศที่หรูหราสไตล์เอเชีย โดยยังคงความคลาสสิกที่อบอุ่นและสง่างามไว้อย่างครบถ้วน จอยซ์ แวง จึงเลือกใช้โทนสีเอิร์ธโทนเป็นหลักในการออกแบบภายใน โดยเพิ่มลูกเล่นด้วยเส้นสายสีทองประกายในสัดส่วนที่พอเหมาะ ซึ่งไม่เพียงสร้างความแตกต่างจากดีไซน์ในบรรยากาศเยือกเย็นแบบยุโรป แต่ยังสามารถสื่อถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์แมนดารินได้อย่างชัดเจน พร้อมออพชั่นโทนสีแบบ Customized ที่ได้แรงบันดาลใจจากฤดูกาลของโลกตะวันออก ทั้งน้ำเงิน แดง และชมพู ซึ่งผู้อาศัยสามารถเลือกสรรมาเติมเสน่ห์ในเพนท์เฮาส์ได้ในรูปแบบเฉพาะตัว เพื่อผสมผสานคาแรกเตอร์ของตนเองให้กลมกลืนกับลายเซ็นของดีไซเนอร์โดยไม่ขัดแย้งกัน และคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นนี้เองทำให้งานตกแต่งภายในของโครงการคว้ารางวัลชนะเลิศในสาขาการออกแบบภายในสำหรับที่อยู่อาศัย (Best Residential Interior Design) จากเวที Thailand Property Awards และ South East Asia Property Awards มาเมื่อปลายปีที่แล้ว

ห้องน้ำของเพนท์เฮาส์สร้างบรรยากาศคลาสสิค ด้วยหินอ่อนสีขาวและดำ แต่เพิ่มลูกเล่นหรูหราด้วยเส้นสายสีทอง ซึ่งสอดแทรกอยู่ทุกส่วนของห้อง

สำหรับแพ็คเกจการตกแต่งเพนท์เฮาส์ของเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มีราคาตั้งแต่ 8-15 ล้านบาท และด้วยมาตรฐานการออกแบบระดับโลกในทุกตารางนิ้ว ทำให้โครงการแห่งนี้มอบความหรูหราที่เหนือระดับกว่าโครงการลักชัวรี่อื่นๆ เพราะนอกจากจะเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ยังนำเสนอมูลค่าที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของผู้อยู่อาศัยที่จะคงอยู่คู่กาลเวลา และเป็นสิ่งที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างแสวงหาเพื่อทำให้โครงการยิ่งทวีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต