ทำไมเกาหลีทุ่มเงินเที่ยวไทย? เปิดกลยุทธ์ดึงนักท่องเที่ยวแดนกิมจิให้เปย์!
ต่อทอง ทองหล่อ
06 October, 2025 at 15.10 pm
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้กลายเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยรวมถึงอสังหาฯ ประเภทโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากโควิด-19 ที่กระแสการเดินทางของคนเกาหลีออกนอกประเทศเกาหลีกลับมาแรงอีกครั้ง
จากรายงานข่าวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประเทศไทย พบสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีที่เดินทางเข้าไทยสูงสุดช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 มีประมาณ 1,036,361 คน หรือเฉลี่ยเดือนละเกือบ 130,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยทีเดียว
นอกจากนี้รายงานอุตสาหกรรมที่พักในเกาหลีใต้ล่าสุดสะท้อนให้เห็นปัญหาสำคัญของตลาดภายในของเกาหลี (domestic) ไม่ว่าจะเป็นราคาที่พักที่สูงเกินไป ความหลากหลายของกิจกรรมที่จำกัด หรือความรู้สึกจำเจที่นักท่องเที่ยวเกาหลีเริ่มรู้สึกกับการท่องเที่ยวภายในประเทศเกาหลี ปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงข้อมูลเชิงสถิติ แต่คือสัญญาณบอกทิศทางโอกาสที่นักธุรกิจท่องเที่ยวไทยควรใช้เป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าสำคัญนี้
ภาพแสดงผลสำรวจความคิดเห็นของชาวเกาหลีเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกเที่ยวต่างประเทศ
(ภาพจาก www.yanolja-research.com )
สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจคือนักท่องเที่ยวเกาหลีไม่ได้มองหาการพักผ่อนแบบเรียบง่ายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการ “การเปลี่ยนบรรยากาศ” และ “การได้สัมผัสวัฒนธรรมใหม่” ประเทศไทยมีความได้เปรียบในจุดนี้อย่างมาก เพราะมีทั้งประวัติศาสตร์ที่ทรงเสน่ห์ ศิลปะ วัดวาอาราม อาหารริมทางที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไปจนถึงเทศกาลสีสันอย่างสงกรานต์หรือประเพณีลอยกระทง การนำเสนอไทยในฐานะประเทศที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่และจริงแท้ (authentic) จึงเป็นจุดขายสำคัญ นักธุรกิจท่องเที่ยวควรคิดเชิง “ประสบการณ์ครบวงจร” มากกว่าขายแค่ห้องพักหรือทัวร์
จากประสบการณ์ส่วนตัว ผู้เขียนเคยสอบถามเพื่อนชาวเกาหลีว่าทำไมถึงชอบมาเที่ยวเมืองไทย คำตอบที่ได้รับกลับสะท้อนภาพได้ชัดเจน เพื่อนบอกว่า “ชอบสระว่ายน้ำในเมืองไทย” เพราะในเกาหลีอากาศหนาว การเล่นน้ำกลางแจ้งแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ในเมืองไทยสามารถทำได้เกือบตลอดทั้งปี นอกจากนี้พวกเขายังชอบที่พักที่มีลูกเล่น แปลกตา ไม่เรียบง่ายจนเกินไป การเปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนในรีสอร์ตที่มีการออกแบบแตกต่างจากอาคารเรียบเส้นตรงในเมืองเกาหลี จึงกลายเป็นเสน่ห์เฉพาะของเมืองไทยที่สร้างความประทับใจได้อย่างต่อเนื่อง
อีกปัจจัยที่ดึงดูดชาวเกาหลีคือ “คุณค่าคุ้มราคา” เมื่อเทียบกับต้นทุนการท่องเที่ยวภายในประเทศเกาหลี นักท่องเที่ยวเกาหลีพบว่าการมาเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ความคุ้มค่ามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พักที่หลากหลายตั้งแต่ budget ไปจนถึง luxury ราคายังคงถูกกว่าในประเทศเกาหลี บวกกับคุณภาพการบริการที่เหนือความคาดหวัง จุดนี้เปิดโอกาสให้นักธุรกิจไทยปรับกลยุทธ์ราคาให้ดึงดูด ทั้งในรูปแบบแพ็กเกจที่พักพร้อมกิจกรรม หรือโปรแกรมเที่ยวที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน ที่ต้องการเดินทางสั้น ๆ แต่ได้ความรู้สึกเต็มอิ่ม
อีกหนึ่งมิติที่ต้องไม่มองข้ามคือ “พฤติกรรมสังคมและการสร้างภาพลักษณ์” นักท่องเที่ยวเกาหลีจำนวนไม่น้อยเดินทางเพื่อคอนเทนต์ที่แชร์ได้บนโซเชียลมีเดีย การมีแลนด์มาร์กใหม่ ๆ คาเฟ่หรือร้านอาหารที่ถ่ายรูปสวย รวมถึงกิจกรรมที่สามารถกลายเป็นกระแสไวรัล จะช่วยผลักดันให้ไทยกลายเป็นจุดหมายที่ “ต้องมาเช็กอิน” ผู้ประกอบการควรร่วมมือกับครีเอเตอร์หรือแพลตฟอร์มโซเชียลของเกาหลี เพื่อนำเสนอไทยในมุมที่สดใหม่และตอบโจทย์ “การเดินทางเพื่อโชว์”
หากมองเชิงกลยุทธ์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยควรมุ่งไปในสามทิศทางหลัก
หนึ่งคือการยกระดับการสื่อสารเรื่อง “ประสบการณ์ท้องถิ่น” เช่น สตรีทฟูด การเรียนทำอาหารไทย การท่องเที่ยววิถีชุมชน หรือกิจกรรมเชิงสุขภาพและสมาธิที่กำลังเป็นที่นิยม
มีกรณีศึกษาน่าสนใจว่าทำไมร้านเจ๊ไฝ (Jay Fai) ถึงดังในหมู่คนเกาหลี เพราะรวมหลายปัจจัยเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะเมนูซีฟู้ดเด่นอย่าง ไข่เจียวปู ที่ตอบโจทย์ความชอบของคนเกาหลีที่รักปูรักซีฟู้ด ชอบรสชาติอาหารไทยแท้จัดจ้านและเข้มข้น (คนเกาหลีชอบกินเผ็ด) พร้อมประสบการณ์การทานอาหารซีฟู้ดที่ไม่เหมือนใคร การรีวิวบนโซเชียลมีเดียและ YouTube ช่วยสร้างกระแสไวรัล และความโดดเด่นของร้านยังถูกเสริมด้วยสารคดี Netflix เรื่อง Street Food Asia เริ่มฉายตั้งแต่ปี 2019 ที่นำเจ๊ไฝมาเป็นตอนแรกของซีรีส์ ทำให้คนเกาหลีรู้จักร้านอย่างกว้างขวาง อีกทั้งการสร้าง personal brand ชัดเจนของเจ๊ไฝ จึงทำให้ร้านเจ๊ไฝกลายเป็นสัญลักษณ์ของอาหารไทยรสจัดและซีฟู้ดคุณภาพในสายตานักท่องเที่ยวเกาหลี จนกระทั่งถึงกับมีบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่มา Collab กับเจ๊ไฝเลยทีเดียว เจ๊ไฝคือประสบการณ์ท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวเกาหลีตามหา
(ภาพจาก naver)
” เสริมแกร่งธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เปิดตัวโครงการ “Shama Sukhumvit 101” ชูจุดแข็งด้านการบริหารและบริการ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง "Pin It")
